นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวถึงนโยบายส่งเสริมการลงทุนรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลว่า ภาคเอกชนยอมรับขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่ประเทศไทยจะก้าวกระโดดไปสู่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้า อยากให้ภาครัฐสนับสนุนการผลิตรถยนต์ไฮบริดก่อนเพราะมีชิ้นส่วนบางรายการที่สามารถใช้ร่วมกับรถยนต์ไฟฟ้าได้ เช่น มอเตอร์ แบตเตอรี่ ซึ่งจะจูงใจให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศพัฒนากระบวนการผลิตได้ในระยะเริ่มต้น
ปัจจุบันรถยนต์ไฮบริดยังไม่ได้รับความนิยมมากนักเพราะราคาสูงกว่ารถยนต์นั่งทั่วไป จึงอยากให้รัฐบาลมีมาตรการลดหย่อนภาษีผู้ผลิตเพื่อให้ต้นทุนไม่สูงมากนัก และอยากให้พิจารณาแนวทางการยกเว้นภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าสำเร็จรูปจากต่างประเทศนำร่องมาขายในประเทศก่อน 5,000 คัน รวมถึงการเสนอแผนการผลิตที่ใช้ชิ้นส่วนในประเทศเป็นหลัก นอกจากนี้กลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์อยู่ระหว่างสำรวจผลกระทบว่าผู้ประกอบการรายใดจะได้รับผลกระทบจากการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าผู้ผลิตชิ้นส่วนถังน้ำมัน ท่อไอเสีย และหม้อน้ำ น่าจะได้รับผลกระทบเป็นกลุ่มแรกๆ
รายงานข่าวจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า เร็วๆ นี้กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ของส.อ.ท.จะยื่นหนังสือถึงนายศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) เพื่อขอให้ทบทวนนโยบายการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย เนื่องจากเห็นว่าไทยยังไม่มีความพร้อมในหลายด้าน ทั้งด้านพลังงานไฟฟ้าที่จะรองรับ ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเพียงพอหรือไม่ นอกจากนี้ ยังเสนอแนวคิดว่าภาครัฐควรศึกษาถึงความเหมาะสม โดยเฉพาะผลกระทบของนโยบายที่ภาครัฐเคยสนับสนุนการลงทุนโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงาน (อีโคคาร์) และโครงการรถยนต์พลังงานทางเลือก และเยียวยาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง
หากเร่งรัดส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้ามากเกินไป จะส่งผลกระทบกับผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศอาจต้องประสบกับภาวะขาดทุน การจ้างงานในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์บางส่วนที่ต้องเลิกกิจการ โดยเฉพาะชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบขับเคลื่อน และยังกระทบต่อการส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าถึง 570,000 ล้านบาท.
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1469615883