ผู้เขียน หัวข้อ: รถยุโรปปรับราคาลงเอาๆแบบนี้ อีกหน่อยรถญี่ปุ่นจะลดราคาสู้มั้ยครับ  (อ่าน 7620 ครั้ง)

ออฟไลน์ bbbasty

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 152
ซื้อรถ ไม่ใช่มองแค่วันที่ซื้อครับ ต้องมองไปถึงอนาคตด้วย

ค่า Maintenance ระหว่างรถญี่ปุ่นและรถยุโรป ถือว่ายังต่างกันมากโข

ฝั่งยุโรปลดค่าตัวลงมา แต่ค่า Maintenance ไม่ลด เผลอๆอาจจะไป + ส่วนนั้นเอาด้วยซ้ำ

ส่วนตัวที่บ้านมีทั้งรถญี่ปุ่นและยุโรป

E250 W212 หลัง 50000 กิโล มีเรื่องรบกวนจิตใจตลอดเวลาแทบจะทุกๆหมื่นกิโล จนที่บ้านไม่กล้าเอาขับไปต่างจังหวัดไกลๆ เพราะกลัวเสียกลางทาง จนก่อนหน้านี้ขายไปได้ราคา 1.8 ล้าน (ซื้อมา 5 กว่าๆ)

Camry Hybrid ACV40 ขับไป 100000 กว่ากิโล ระบบเตือนให้เปลี่ยนแบตไฮบริด (อยู่ในประกัน ไม่มีค่าใช้จ่าย) ขับไปจนตอนนี้ 300000 กิโล เข้าเชคระยะตามกำหนด ไม่เคยมีเรื่องอะไรจุกจิกให้ปวดหัวครับ

C200 W204 ขับไปได้ประมาณ 60000-70000 กิโล ระบบคอม On demand รวนไปหมด เตือนนู่นนี่มั่ว ทั้งๆที่ไม่ได้เกิดปัญหาอะไรกับตัวรถ แถมด้วยคอมแอร์พังอีก

Prius Top Grade ขับไปได้ 150000 กิโล เช็คระยะตามกำหนด ไม่เคยมีปัญหาอะไรรบกวนจิตใจ ขับไปไหนมาไหนก็มั่นใจว่ารถเราไม่เสียกลางทางแน่นอน

จนตอนนี้ที่บ้านผมปฏิญานตัวเองเลยว่า เจ้า C200 คงเป็นรถยุโรปคันสุดท้ายที่จะใช้ครับ เพราะเราไม่ได้มีเงินถุงเงินถังขนาดนั้น

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 27, 2016, 19:18:01 โดย bbbasty »
04' MB W203 C180 Kom
05' Land Rover Freelander 2.0 TD4
08' MB Vito 2.2 L4
09' MB W204 C200 Kom
10' Toyota Camry HV ACV40 2.4
12' MB W212 E250 CGI
13' Toyota Prius 1.8 Top Grade
16' Proton Preve Premium 1.6 CFE
17' Mazda 2 1.5 XD Sports High Plus L
17' MB C350e AMG Dynamic

ออฟไลน์ Phongsan

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 16
ซื้อรถ ไม่ใช่มองแค่วันที่ซื้อครับ ต้องมองไปถึงอนาคตด้วย

ค่า Maintenance ระหว่างรถญี่ปุ่นและรถยุโรป ถือว่ายังต่างกันมากโข

ฝั่งยุโรปลดค่าตัวลงมา แต่ค่า Maintenance ไม่ลด เผลอๆอาจจะไป + ส่วนนั้นเอาด้วยซ้ำ

ส่วนตัวที่บ้านมีทั้งรถญี่ปุ่นและยุโรป

E250 W212 หลัง 50000 กิโล มีเรื่องรบกวนจิตใจตลอดเวลาแทบจะทุกๆหมื่นกิโล จนที่บ้านไม่กล้าเอาขับไปต่างจังหวัดไกลๆ เพราะกลัวเสียกลางทาง จนก่อนหน้านี้ขายไปได้ราคา 1.8 ล้าน (ซื้อมา 5 กว่าๆ)

Camry Hybrid ACV40 ขับไป 100000 กว่ากิโล ระบบเตือนให้เปลี่ยนแบตไฮบริด (อยู่ในประกัน ไม่มีค่าใช้จ่าย) ขับไปจนตอนนี้ 300000 กิโล เข้าเชคระยะตามกำหนด ไม่เคยมีเรื่องอะไรจุกจิกให้ปวดหัวครับ

C200 W204 ขับไปได้ประมาณ 60000-70000 กิโล ระบบคอม On demand รวนไปหมด เตือนนู่นนี่มั่ว ทั้งๆที่ไม่ได้เกิดปัญหาอะไรกับตัวรถ แถมด้วยคอมแอร์พังอีก

Prius Top Grade ขับไปได้ 150000 กิโล เช็คระยะตามกำหนด ไม่เคยมีปัญหาอะไรรบกวนจิตใจ ขับไปไหนมาไหนก็มั่นใจว่ารถเราไม่เสียกลางทางแน่นอน

จนตอนนี้ที่บ้านผมปฏิญานตัวเองเลยว่า เจ้า C200 คงเป็นรถยุโรปคันสุดท้ายที่จะใช้ครับ เพราะเราไม่ได้มีเงินถุงเงินถังขนาดนั้น

ขอบคุณที่แชร์ประสบการณ์ครับ ผมก็เคยลังเลระหว่างว่าจะเลือกรถยุโรปกับญี่ปุ่นดี ฝั่งที่เชียร์ยุโรปก็บอกว่าใช้ดี ค่า maintenance แพงกว่าแต่คุ้ม แถมได้ความภูมิใจขับไปไหนมาไหนก็ [เหมือนจะ] มีคน "ให้เกียรติ" ส่วนฝั่งที่เชียร์ญี่ปุ่นก็บอกว่ารถญี่ปุ่นยุคนี้ก็ไม่ได้แย่กว่ายุโรป แถมจุกจิกน้อยกว่า ใช้ยาวๆก็ไม่ต้องลุ้นว่ากระเป๋าจะแห้งเวลามีไฟอะไรขึ้นเตือน ผมต้องการมีรถใช้เพราะต้องการใช้รถ (อย่างสบายใจ) ไม่ใช่ให้รถมาใช้เรา และเรื่องใครให้เกียรติอะไรนั่น มันก็กลวงมากๆ (คนที่ "ให้เกียรติ" เราโดยดูแค่ว่าเราใช้รถอะไร มันกลับน่ารังเกียจด้วยซ้ำ) สงสัยฝั่งญี่ปุ่นจะได้ใจผมมากกว่าแฮะ