Audi A4 2.0 TFSI กับ Volvo V60 D4 หรือ BMW 320d คันไหนน่าสนใจกว่ากันครับ

November_beer

จริงๆตั้งใจจะซื้อ BMW 320d iconic ช่วง Motor expo ปลายปีนี้ (อยากได้ BSI 6 ปี) แต่ได้ข่าวว่า BMW จะปรับลด BSI ลงเหลือแค่ 3 ปี

เลยเริ่มลังเลว่า ถ้า BSI มันไม่ได้น่าสนใจเท่าไหร่ (เพราะปกติผมใช้รถค่อนข้างน้อย ปีละ ประมาณ 10,000 km. การที่ BSI หมดเร็วขึ้นยิ่งไม่มีประโยชน์กับผมแล้ว) เลยมีตัวเลือกอื่นเพื่มขึ้นมา 2 รุ่น คือ Audi  A4 2.0 TFSI  กับ Volvo v60 D4 คือไปดูตัวจริงมาแล้วทั้ง 2 คัน ก็ชอบพอๆกัน

ซึ่งออดี้นี่เจอเซลล์อธิบายไม่ค่อยเก่ง เลยแอบงงอยู่เล็กน้อย ไม่แน่ใจว่าเวลาเข้าตรวจเช็คสภาพนี่ต้องไปที่ศูนย์ตรงถนนเพชรบุรีที่เดียวรึเปล่าไม่แน่ใจ เลยไม่ค่อยได้ถามรายละเอียดมากนัก เหมือนว่าโปรส่วนลดเงินสดก็ลดได้ไม่เยอะเท่าไหร่ 1 % เองมั้ง สำหรับ Audi นี่รู้สึกชอบว่ามันแปลกใหม่ดี แต่ยังไม่มั่นใจเรื่องศูนย์บริการ และค่าอะไหล่ ด้วยความที่รถไม่น่าจะ Mass เท่าไหร่

ส่วน Volvo v60 นี่ ก็เป็นแบรนด์รถที่ชอบอยู่แล้ว เหมือนจะมีส่วนลดเงินสดประมาณ 200,000 และ ศูนย์บริการมีอยู่ใกล้บ้าน แถวเซ็นทรัลบางนา แต่เสียงลือเสียงเล่าอ้างก็มีอยู่ไม่น้อยเช่นเดียวกัน และ ไม่แน่ใจว่าอู่นอกจะหาได้ง่ายรึเปล่าเมื่อใช้ไปนานๆ

คือเคยมีประสบการณ์ไม่ค่อยดีกับรถยุโรปเท่าไหร่ เคยใช้ alfa 156 ขับดีมาก รักเลย แต่ใช้ๆไปแล้วรวนบ่อย เอาใจยาก (เหมือนมีเมียสวย แต่โคตรเหวี่ยงอ่ะครับ) อู่นอกซ่อมเท่าไหร่ก็ไม่จบ เลยตัดใจขาย และมาเล่นรถญี่ปุ่นไปตามเรื่อง ซื้อง่าย ขายคล่อง อะไหล่ถูก  แต่ feelในการขับมันก็ไม่ใช่ (ขับแอคคอร์ด g9 ยังไม่รู้สึกดีเท่าตอนไปขับ เบนซ์ตาถั่วของพี่ชายเลย)

ตอนนี้เลยอยากกลับไปเล่นรถยุโรป อีกครั้งนึง กะว่าใช้ยาว 10 ปี ขับคนเดียว ใช้รถไม่เยอะปีละ ประมาณ 10,000 km เพื่อนๆคิดว่า ระหว่างรถ 3 คันนี้ คันไหนน่าจะคุ้มในระยะยาวมากกว่ากันครับ ผมไม่สนเรื่องความสดใหม่ ทันสมัย สนใจความเรื่องคุ้มค่าทางการเงิน และดูแลรักษาง่ายครับ กะว่าจะซื้อเงินสด และใช้ไปซักพักคงหาอู่นอกดูแลครับ

1. BMW 320d iconic
2. Audi A4 2.0 TFSI
3. Volvo v60 D4

ขอบคุณครับ




OXYGEN2

เพิ่งรู้ว่า Volvo V60 มีเครื่องดีเซลด้วย

ถ้า V60 ตัวนี้ ลดเหลือสัก 1.99 ล้าน คงพอไหว

แต่ถ้าลดน้อยไปเอา 320d โปรดอก 0% 48-60 เดือนดีกว่า

ไม่ก็ถ้าอยากขับรถที่เพิ่งออกมาสดใหม่ก็ A4 แต่ต้องจ่ายแพงกว่าหลายแสน ยกเว้นซื้อของยนตกิจที่มี 0% 72 เดือน ราคาถูก แต่รับความเสี่ยงเรื่องประกันคุณภาพกันไป

Audi จะมีศูนย์บริการใหม่ ตรงข้าม SC Park ครับ (Index เก่า) ตอนนี้กำลังรื้อและสร้างอยู่
2021 - BMW 530e
2023 - Tesla Model Y Performance
2023 - Tesla Model Y RWD

My website~ :) ;) :D 8)



Elestra2

AUdi นิเน้นเรื่องการซ่อมบริการมาก ไม่น่าห่วงมั้งครับ
ถ้าเขาประกันราคาขายต่อ50% ให้แบบตอน BMW Thailand มาบุกตลาดเองใหม่ๆ ยิ่งน่าซื้อ



aekoy

เครื่องดีเซล ของ volvo ไม่มีปัญหาครับทนมาก แต่อาจไม่แรงเท่า BMW ที่ผมใช้ V60 เครื่อง 1.6 turbo ก็ไม่มีปัญหาอะไร หากขายมือสองเครื่องดีเซลมีคนหากันมากขายง่าย แต่ส่วนตัวผมชอบเครื่องเบนซิลมากกว่าลากรอบได้สูง ครอบครัวผมเน้นเรื่องความปลอดภัยเลยใช้ volvo
Volvo 850 T-5R
SAAB 9000 Aero
BMW E30 M10 coupe M/T 1987
Volvo V60
Toyota AE111



demo2

v60 สวยมาก ผมเคยหาข้อมูลสิงอยู่ในคลับนานเลย(ตอนนี้ก็ยังอยู่) เครื่องเบนซิลเห็นมีปัญหาขึ้นรถยกบ่อยๆ หัวฉีด น้ำหล่อเย็น นำ้มันเครื่องลด เกียร์ เห็นบ่อยๆก็วิตกจริตกันไป ส่วนเครื่องดีเซลของไม่ค่อยเห็นมีปัญหาเท่าไหร่(ตอนผมดู v60 ยังไม่ออกเครื่องดีเซล)  สรุปเป็นรถที่สวยมาก ชอบครับ แต่สุดท้ายไปได้ 320d ซึ่งก็ชอบเหมือนกัน  ส่าน A4 ไม่มีข้อมูลเลยครับ



Seco

v60 สวยมาก ผมเคยหาข้อมูลสิงอยู่ในคลับนานเลย(ตอนนี้ก็ยังอยู่) เครื่องเบนซิลเห็นมีปัญหาขึ้นรถยกบ่อยๆ หัวฉีด น้ำหล่อเย็น นำ้มันเครื่องลด เกียร์ เห็นบ่อยๆก็วิตกจริตกันไป ส่วนเครื่องดีเซลของไม่ค่อยเห็นมีปัญหาเท่าไหร่(ตอนผมดู v60 ยังไม่ออกเครื่องดีเซล)  สรุปเป็นรถที่สวยมาก ชอบครับ แต่สุดท้ายไปได้ 320d ซึ่งก็ชอบเหมือนกัน  ส่าน A4 ไม่มีข้อมูลเลยครับ
ที่มีปัญหาคือเครื่องกะเดียร์ Ford คับ



NavaneS

ใช้ยาว เข้าอู่นอก ผมเชียร์ BMW ครับ ยังงัยก้อมีอู่นอกให้เลือกเยอะกว่าอีกสองยี่ห้อแน่ๆ :D
Peugeot505
BMW 318i
Honda Accord G6
Toyota Wish
Honda City
Honda Accord G9
BMW 528i M Sport
KIA Grand Carnival



oatekung

320d กล้องมองหลังยังไม่มีเลยครับ
จริงๆ3 ตัวนี้มันก็ปลอดภัยแน่นๆอยู่แล้ว เอาจิ้มที่ชอบดีกว่าครับ 5ปีใช้ไปราคาขายต่อต่างกัน แสนสองแสนเองมั้ง :D



O-ver-Late-Driver

ส่วนตัวใช้ 320d ประหยัด และถือว่าอัตราเร่ง แรงดีครับ สวนทางกับคำว่าประหยัด ผมทำได้ สูงสุด 23 กม/ล ขับเรื่อยๆ ตามสภาพจราจรน้ะครับ เพิ่งเอาเข้า ศูนย์ พุธที่ผ่านมาที่ 11,xxx ค่าใช้จ่าย 4,600 กว่า ๆ แต่อยู่ในBSI เลยไม่ได้จ่าย แนะนำรุ่นนี้ครับ ผมก็กะว่าจะใช้ยาว เหมือน จขกท. ออฟชั่นไม่มากมาย แต่ก็พอใช้ได้ ส่วน2 ค่ายไม่ทราบ นอกจาก 320d แนะนำBenz น่าจะมั่นใจกว่า 2ค่ายนั่น



ariazero

ถ้าโจทย์ Diesel นะครับ ผมยังคงแนะนำ 320D แต่ผมแนะนำว่า ควรจะรอ Generation ใหม่ครับผม จริงๆนะ มันน่าใช้ รับรองถ้าหน้าตาเหมือน Series X3 มันสวยในสายตาผมมมากครับผม
'8X Familia, '91 TFR ,
'94 Sunny B13, '98 520i (E28), '99 Sunny B14,
'08 Vios, '08 C200, '08 Vitara
'15 Vios, '17Accord G9 MC, '17 X1 18i



mc_odama

ไม่ติดปัญหาเรื่องเงิน ผมคงเอา A4 40tfsi ก็ยูนีคหละครับ ถ้าได้ 45tfsi นี่จบเลย sleeper ดีๆนี่เอง

แค่อย่างว่า ค่าตัวมันแพงสุดที่เอามาเปรียบเทียบกัน 55 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 22, 2017, 13:39:08 โดย mc_odama »



Peet Sayumpoo

BMW BSI เหลือ 3ปี แต่ วารันตี มันยังอยู่ 5ปีเหมือนเดิมนะครับ
วารันตีสำคัญกว่า BSI เยอะครับ วารันตี คือใช้ไปอะไรเสียก็ซ่อมฟรีใน 5ปี ไม่จำกัดระยะทางครับ

ปล. เผื่อท่าน จขกท ไม่ทราบครับ



CJ.

ทั้งหมดนี้ BMW น่าวางใจสุดครับ

คหสต.ผมชอบ A4 มากที่สุดจาก 3 ตัวนี้ แต่เรื่องค่าตัวที่แพงกว่าต้องแล้วแต่จขกท.ครับ
2005 Jaguar XJ Super V8
2011 Aston Martin DBS
2013 Jaguar XJL 5.0 V8 Portfolio
2017 Lexus RX200t Premium
2019 Bentley Continental GT W12
2021 Porsche 911 Carrera S
2024 Honda CR-V e:HEV RS
2025 Honda HR-V e:HEV RS
2025 Toyota Camry 2.5 HEV Premium Luxury



mothsan

BMW ครับ น่าไว้ใจ รับประกัน 5 ปี
ส่วน Audi ต้องรอดูๆ สักพัก



Anvers30

ผมชอบ A4 สุดในสามตัวนี้ ถ้าฟีลลิ่ง A5 Quattro ที่ผมได้รับแล้ว A4 ไม่ต่างไปจากนี้นัก (ตัวที่คุณ November_beer เล็งไว้คงเป็นตัวขับหน้า) จัดไปเลยครับ เอาดี้ขับดีที่สุดในคลาสแล้ว ทุกด้าน แต่บีเอ็มก็อุ่นใจได้แต้มในระยะประกันครับ ต้องแลกกัน

ปล. รถบ้านญี่ปุ่นไม่มีทางขับเทียบเท่าเยอรมันได้ ตราบใดที่ Lexus/Infiniti/Acura ไม่ยุบแบรนด์ครับ ต่อให้อีก 100 ปีข้างหน้า น้ำมันหมดโลกไปแล้ว ก็ไม่มีวันนั้นครับ อาจจะมีมาสด้า (ตระกูล Mz Speed ไม่นับ) ซุบารุ (ไม่นับ STI หรือ WRX) ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ก็มาในทางที่ต่างจากพวกเยอรมันแบบเครือ VW อยู่ดี อารมณ์คนละแบบ (เทียบเฉพาะรุ่นแตนๆ เช่น Polo/Golf/Passat/Jetta/Tiguan อะไรก็ตามที่ไม่ใช่รุ่นพ่วงท้าย GTI หรือ R)



tvm

ถ้าสดใหม่ A4 ครับ

แต่ถ้าไม่ซีเรียส 320d iconic คุ้มมากมาย ได้ BSI 5 หรือ 6 ได้จะยิ่งคุ้มมาก
(ผมงง ตรงคุณบอกใช้รถน้อย BSI สั้นลงไม่เกี่ยวเท่าไร จริงๆยิ่งวิ่งน้อย ได้ใช้ BSI เต็มๆ ระยะเวลา น่าจะคุ้มนะ)
ส่วนตัวชอบวอลโว่ ภายในและออป ชั่นดีงาม เครื่องดีเซลไม่ได้ยินปัญหา อู่วอลโว่มีมากพอควรไม่ต้องห่วงครับ

(วอลโว่ก็มีเช็คระยะฟรี ทุก 2 หมื่น กม. หรือ 1 ปี รวมระยะทางไม่เกิน 100,000 กม. หรือระยะเวลา 5 ปี นะครับ)
เป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย ถ้าชอบดีไซน์ วัสดุ การออกแบบ และความปลอดภัยแบบเต็มๆ ครับ



GRIMDONUT

bmw 320d ครับ เป็นเครื่องบล๊อคที่สมบูรณ์และทรงพลังของเค้าจริงๆ
^^MY LOVE MB^^
[/img]



mrpich

แอบเข้ามาเชียร์volvo ครับ ตตอนนี้เข้ามาใช้เครื่อง เกียร์ของตัวเองแล้ว น่าเล่นทั้งเบยซินและดีเซล รถ van วิ่งน้อย หายากด้วย ขนของได้เยอะ นุ่มเหมือนเก๋ง คันต่อไปผมคงเลือก van เหมือนกัน
ถูกใจฮโยยอน-ปลื้มซูยอง-ชื่นชมเจสสิก้า-คิดถึงยูริ-แอบปิ๊งยูนอา-ชอบซอฮยอน-ใฝ่ฝันซันนี่-หลงไหลแทยอน-สุดรักทิฟฟานี่



paeybu

320d



V221

โจทย์ต้องการดูแลง่ายและหมดประกันไปหาอู่นอก ก็ต้อง320Dครับ เสียดายที่A4 45TFSIราคาแรงไป ถ้าราคาไม่ถึง3ล้านจะเชียร์ให้ซื้อครับเพราะบอดี้สดกว่าและแรงแบบไม่หนีเครื่อง8สูบหรือรถสปอร์ตแน่นอน แถมยังขับสี่ด้วย วิ่งกันตัวปลิวชัวร์
BMW 750E M SPORT



Slipknot`

320d



SM.

ถ้าจะรอปลายปี Volvo โปรแรงแน่นอนครับตัวนี้ เพราะปลายอายุแล้ว ถ้าชอบ ก็น่าสนใจครับ บำรุงรักษาฟรี 5 ปี ด้วย

A4 จริงๆ ผมว่าเป็นรถที่น่าสนใจที่สุด แต่ราคาแรงกว่าใครเลย



bingoman

ต้อง 320d ดีครับเพราะหลังๆ มานี่ BMW นี่ถือว่า reliable มากๆ  โดยเฉพาะดีเซล

แล้ว BMW มี 0 ทั่วประเทศ  เอาแค่ในกทม. ก็เกิน 5 แห่งแล้ว 

และที่ผมเชียร์ 320d F30 ก็เพราะมัน minor change มาแล้ว  ทำให้จากอายุตลาดของรุ่นนี้  ถ้าซื้อตอนนี้ เรื่องปัญหาไม่น่าจะเจอใดๆ ทั้งสิ้น หรือถ้าเจอ ช่างก็แก้กันเป็นหมดแล้วครับ  อะไหล่ก็หาง่ายจะเอาของ 0 ก็มีสต็อคพร้อมแต่แพง  จะของอู่นอก ก็มีเช่นกัน ไม่เหมือน A4 หรือ V60

เรื่องการขับขี่  ผมไม่เคยขับ A4 แต่เคยขับ A5 sportback ที่เป็นดีเซลขับหน้า 190 แรงม้า
ผมให้ฟิลลิ่งเป็นรอง BMW ซีรี่5  520d นะครับ  เพราะ A5 แม้จะนิ่งแน่นพอๆ กับ 520d  แต่ handling ผมว่า 520d เหนือกว่าประมาณ 10%  คือขับ 520d แล้วสนุกกว่า A5

A4 ไม่เคยขับ  แต่ก็คาดว่าขับดี แต่เรื่องขับสนุก ผมเชื่อว่า BMW ยังเหนือกว่า เพราะขับหลัง มันตอบสองธรรมชาติกว่า เวลาเติมคันเร่ง เวลาเข้าโค้งแรงๆ  มันออกอาการมากกว่า Audi นิดนึง  ตรงนี้แหละคืออรรธรสที่ Audi ไม่มี

แต่ Audi คือรถที่ขับแล้วนุ่ม แน่น หนึบ เบา สบาย
BMW จะเป็น ไม่นุ่มเท่า แต่โคตรแน่น หนึบ หนักแน่นกว่าAudi นิดๆ  และ handling ธรรมชาติกว่า



popdemonic

อะไหล่ของAudi ตอนนี้อิงราคาแทบจะโดยตรงจากทางยุโรป ไม่ได้มีการmark up บ้าบอๆคอแตกเหมือนตัวแทนเก่านะครับ

สบายใจได้อีก2-3ปีได้ครับ ทางผู้บริหารน่าจะรู้ว่าปัญหาหลักๆของออดี้เอง จากตัวแทนเก่าจนทำให้ผู้บริโภคขยาดมันพราะอะไร?