ผมว่าที่มันประหยัด เป็นเพราะ Atkinson Cycle แต่นั่นก็ทำให้กำลังลดลงไป
ส่วนหน้าที่หลักของ Battery + Motor/Generator คือไว้เติมกำลังส่วนที่ขาดหายไป
หน้าที่รองคือ ช่วยทำงานในความเร็วต่ำด้วย ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดอีกนิด
ดังนั้น การวิ่งทางไกล แม้จะไม่ได้ใช้กำลังจาก Motor แต่มันก็ควรประหยัดกว่า Otto
เพราะมันทำงานด้วย Atkinson Cycle
ผมว่า สิ่งที่จะได้กลับมา จากการจ่ายเงินค่าตัวที่เพิ่มขึ้นเป็นแสน
ไม่ได้มีแค่ค่าน้ำมันที่ประหยัดไปได้เท่านั้นนะ
ถูกต้องครับ
Atkinson ประหยัดกว่า เครื่อง Otto ถ้างั้นมอเตอร์ไฟฟ้าก็ไม่จำเป็นมากสิครับ แค่พัฒนา Atkinson Engine ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมกับมองพลังงานทางเลือกทางอื่น เช่นไฮโดรเจน
ความรู้สึกที่ผมนึกออกตอนนี้นะครับ ว่าเครื่องยนต์พันธุ์ทางนี้ ให้อะไรกับเรา มากกว่าประหยัดน้ำมัน ขณะที่จ่ายค่าตัวแพงขึ้นค่อนข้างระยับ
ความรู้สึกว่าตัวเองช่วยลดโลกร้อน...เพราะคายไอเสียน้อยลง
ระยะทางรถวิ่งต่อหนึ่งถังได้ไกลขึ้น...
อัตราเร่งที่ดีขึ้น...
ไฟท้ายใสๆ กระจังหน้าเท่ๆ แผงแดชบอร์ดไม่เหมือนใคร และที่สำคัญ แปะป้าย Hybrid ครับ
แต่แอบติดใจนิดหนึ่งว่าอายุการใช้งานแบตเตอรี่นั้น มีจำกัด ทำให้รถน่าจะมีการเปลี่ยนกันบ่อยขึ้น (อายุการใช้งานรถยนต์สั้นลง ในบางมุมมอง)
สมมติผู้บริโภคมีอันจะกิน แทนที่จะเปลี่ยนแบต.. ก็ซื้อรถใหม่ไปเลย ได้รถใหม่ด้วย เทริ์นรถเก่าพร้อมเพิ่มเงินอาจจะหลายแสน แต่ก็อาจจะดูคุ้มกว่าที่เปลี่ยนแบตราคาเหยียบแสน แล้วต้องขับรถคันเดิม ครับ
และการกำจัดแบตเตอรี่ที่เสื่อมแล้วนั้น เป็นการทำลายธรรมชาติเช่นกัน
**ดูผมจะแอนตี้รถไฮบริด เนอะ... ปล่าวน้าาา
ครับ ผมว่ามันขึ้นกับแนวทางการพัฒนาของแต่ละค่ายครับ
ด้วยเทคโนโลยียุคนี้ Atkinson มันยังไม่ตอบสนองความแรง
ก็ใส่ Motor/Generator เข้าไปช่วยก็ดีแล้วครับ
ก็เหมือนแนวคิด Downsizing with Turbocharging
ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการใช้งานสูง ประหยัดก็ได้ แรงก็ได้
หรือไม่งั้นก็รวมๆหลายเทคโนโลยีเพื่อความประหยัดเข้าไป เช่น
Reduced Engine Friction Losses
Direct Gasoline Injection
Downsizing with Turbocharging
Variable Valve Actuation
Cylinder Deactivation
Variable Compression Ratio
และอันที่ Efficiency สูงดีเด่นกว่าเพื่อนเลยน่าจะเป็น
Homogeneous Charge Compression Ignition (HCCI)
นั่นรวมไปถึงพลังงานทางเลือกอื่นๆเช่น Hydrogen อย่างที่คุณว่ามา
แต่ถ้าเทคโนโลยียังไปไม่ถึง หรือยังไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนจาก Prototype เป็น Production
จะใช้ Hybrid ไปก่อน ก็เป็นทางเลือกที่ไม่แย่ครับ
ส่วนเรื่อง ราคาที่ต้องจ่ายเพิ่มนั้น
ผมนึกเปรียบเทียบไปถึง Civic 2.0 ก็แพงกว่า 1.8 อยู่เป็นแสน แต่ก็ขายได้
แล้วมันคุ้มมั้ยที่จะจ่ายเพิ่มไปเอาตัว 2.0 ทั้งๆที่มันไม่ได้ประหยัดกว่า
เพราะเท่าที่อ่านดู ผมว่าหลายท่าน เวลาพูดถึงรถ Hybrid
ก็มักจะโฟกัสไปที่ความคุ้มค่าของค่าน้ำมันที่ประหยัดไปได้เท่านั้น
ทั้งๆที่บางคนยอมจ่ายเพิ่ม เพื่อความแรง แต่ไม่ประหยัด
แต่บางคนต้องการทั้งแรงขึ้นประหยัดขึ้น เลยเลือก Hybrid
แล้วแต่มุมมองและความต้องการครับ