ผู้เขียน หัวข้อ: เครื่องยนต์Rangerระหว่าง2.2กับ2.0โบเดี่ยว ตัวไหนน่าจะทนทานกว่าจุกจิกน้อยกว่ากันครับ  (อ่าน 9475 ครั้ง)

ออฟไลน์ Peter Wen

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 384
長樂.文

ออฟไลน์ jbrc

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 317
ซื้อรถทั้งที  เลือกเทคโนโลยีใหม่ไปเลยครับ  ทั้งเครื่องและเกียร์ 10 speed เทคโนโลยี ไม่ทำให้ผิดหวังแน่ครับ  เรื่องความทนทานและความจุกจิกในช่วงรับประกันสบายใจได้

เลยวารันตีไปแล้วปัญหามีมาทุกยีห้อ  จะมากจะน้อยอยู่ที่เทคโนโลยีที่ใส่เข้ามากับตัวรถ
ถ้ากลัวมีปัญหา  ไม่อยากให้มีเลยก็ซื้อรุ่นเก่า
ถ้าไม่กลัว เอาของใหม่ขับมันส์ ก็ซื้อรุ่นใหม่ครับ

ออฟไลน์ Fly to dream

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,632
2.2 กำลังจะโดนทิ้งเร็วๆนี้เป็นเครื่องเก่า ปัญหาก็รู้กันแล้วว่ามีอะไรบ้างแต่ยังไงมันก็เก่าแล้ว

ส่วน 2.0 จากนี้คือเครื่องสหกรณ์ที่ฟอร์ดจะใช้ทั้งเก๋ง ทั้งกระบะ ทั้งรถตู้ ทั้ง SUV ไม่ว่าขับหน้า ขับหลัง ขับ4

แต่จะใช้พื้นฐานเครื่องนี้หมดไม่แยกเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วที่แยกเครื่องดีเซลเพื่อรถการพานิชณ์ เพื่อรถนั่ง
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย

ออฟไลน์ Volta

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,715
    • อีเมล์
เครื่อง 2.2 มันก็ทนในระดับหนึ่ง ไม่ค่อยจุกจิกนัก พวกของเหลวต่างๆ เน้นเปลี่ยนถ่ายก่อนระยะ
อย่างน้ำมันเครื่อง 15,000 โล ผมมองว่ามันนานเกินไปถึงแม้จะใช้สังเคราะห์แท้ของศูนย์ เปลี่ยนถ่ายทุก 10,000 โล ดีที่สุด

พวกสายพานหน้าเครื่อง หมั่นสังเกตุ เสปคชิ้นส่วนพวกนี้พอมาเจออาการร้อนของบ้านเรา มักจะเสื่อมสภาพเร็วก่อนเวลา

เทอร์โบฟอร์ด 2.2 ไม่ค่อยทน ขับเดิมๆ ไม่แต่ง ไม่ไปจูนเพิ่มก็ไม่มีปัญหาอะไร ขับทางไกลนานๆ ถึงเวลาจอดพักก็อย่าเพิ่งดับเครื่อง ช่วยป้องกันเทอร์โบพังเร็ว  เท่าที่เห็นเทอร์โบพัง เพราะเอาไปจูนเพิ่ม ถ้าพัง ลูกใหม่ก็ 4 หมื่นกว่าบาท แต่เห็นอู่มักเอาเทอร์โบของ D-max มาแปลงใส่ มันทนกว่า

เกียร์อัตโนมัติ น่าห่วงตรงระบบบำรุงรักษาของฟอร์ด ถ้าเชื่อคู่มือ น้ำมันเกียร์ไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายตลอดอายุเกียร์. หลัง 1 แสนโล เกียร์พังแน่นอน  เปลี่ยนน่ำมันเกียร์ทุก 4 หมื่นโล ชัวร์สุด
เคยเห็นน้ำมันเกียร์ของเรนเจอร์เกียร์ออโต้ 6 สปีด ถ่ายออกมาตอน 5 หมื่นโล สีดำคล้ำมากๆ
เปลี่ยนถ่ายใช้ 13 ลิตร เยอะหน่อย แต่ดีกว่าค่าเกียร์ลูกใหม่ 1.4 แสนบาท

ชิ้นส่วนอื่นๆ อาจมีบางตัวพังเร็ว เช่นกลอนประตู รุ่นก่อนไมเนอร์ พังกันเยอะ แต่ก็หาซ่อมตามร้านกลอนประตูได้

รถกระบะไม่น่าห่วงเท่าไรครับ ก็ทน ขับดีตามสไตล์ แต่กำบำรุงรักษา บางอย่าง เปลี่ยนถ่ายก่อนระยะมันก็ดี
สวัสดีทุกๆคนครับ

ออฟไลน์ CNX

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,300
    • อีเมล์
ตารางเช็คระยะ RANGER ระบุการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์
ที่195,000กม.
เกรงว่า เกียร์Torq Convertor 10จังหวะจะพังก่อนเทอร์โบครับ

เปลี่ยนที่3-40,000กม./ครั้ง สบายใจนะ
วิถีพอเพียง วิถียั่งยืน

ออฟไลน์ Altima

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,149
ตารางเช็คระยะ RANGER ระบุการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์
ที่195,000กม.
เกรงว่า เกียร์Torq Convertor 10จังหวะจะพังก่อนเทอร์โบครับ

เปลี่ยนที่3-40,000กม./ครั้ง สบายใจนะ
ฟอร์ดไม่รู้ทำไมให้เปลี่ยนอะไรทีนานมาก นํ้ามันเครื่อง 15,000 โล นํ่ามันเกียร์ 195,000โล สุดยอด
ผมรู้ว่าไม่มีใครรู้ดีกว่าวิศวะของผู้ผลิดรถ แต่ตอนผมดูนํ่ามันเครื่องในfiestaผมทุกๆ8,000โลมันควรเปลี่ยนแล้ว

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,846
  • *** HLM.COM ***
ตัวไหนน่าจะทนกว่า ตอนนี้คงเดาว่า2.2แหละ พิสูจน์ตัวเองมาหลายปีละ
ส่วนตัวใหม่เครื่องไม่น่าห่วงเท่าเกียร์ แต่ถ้าถามผมไม่รู้จะซื้อ2.2เดิมทำไมเลยจริงๆ อืดกว่า ภาษีแพงกว่า กินกว่า

JONNY

  • บุคคลทั่วไป
2.0 อ่างน้ำมันเครื่องคงไม่เกิน5ลิตร
ค่าบำรุงรักษาน่าจะต่ำกว่านะ
เครื่องยนต์ เกียร์ เขาวิ่งทดสอบหลายแสนโล เขาก็คงคำนวนแล้วหละการสึกหลอ
ยกเว้นเราแต่งเพิ่ม การสึกหรอจึงไม่เป็นไปตามวิจัยมา  ฟอร์ดมีศักยภาพนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาแข่งขันตลาดตลอดเป็นการดีออก ฝั่งญีปุ่นที่ทนถึกใช้แต่เทคโนโลยีเก่าๆโบราญอยู่นั้นแหละ ญี่ปุ่นค่อนข้างจะ อนุรักษ์นิยมอยู่ด้วยแล้ว  ไม่กล้าเปลี่ยนแปลง กลัวเทคโนโลยีใหม่จะไม่เป็นที่ยอมรับกลัวปัญหาที่รับไม่ได้ ถ้าเกิดผิดพลาดหละเสียลูกค้า แบนด์อื่นจะแย่งส่วนแบ่งตลาดไป
พอมายุคนี้เรนเจอรมันประสบความสำเร็จเกินคาดจึงเกิดการลอกเลียนแบบ เกิดการตื่นตัว เท่าที่ทำได้ อย่างเช่นไมเนอร์เชนจ์ฟอร์ดมี ศักยภาพนำเทคโนยีใหม่ๆมาให้ใช้ตลอด เกิดปรากฎการณ์ใหม่ๆ ที่คนไทยเจอแต่หน้าทาปากเปลี่ยนสีใหม่เท่านั้นเมื่อไมเนอร์เชนจ์ทุกครััง ยุคนี้ยุคเทคโนโลยีใครใครไม่ขยับก็มีโอกาสดับ อย่างแบรนด์จีนจะเป็นผู้นำรถไฟฟ้าอยู่แล้ว รถเด็กของเด็กเล่นชองจีนทั้งนั้น

ออฟไลน์ mongolias

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,364
2.2 เท่าที่เห็น ผมว่าเครื่องบล็อคนี้ทนใช้ได้นะครับ
2.0 คงต้องรอสักระยะแหละครับ

ออฟไลน์ sukhontha

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,505
กลัว เกียร์ทุกคัน  ตั้งแต่เฟียสต้า จุดประกาย...

ออฟไลน์ O_o"

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,463
2.2 ผ่านการใช้งานจากผู้ใช้มานานหลายปี ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น หลายๆคนรู้วิธีแก้ไข และรับมือไป หมดแล้ว

ส่วน 2.0 เครื่องยนต์รุ่นใหม่ พึ่งออกทำตลาด ปัญหาต่างๆยังไม่เกิด 

คงต้องรอสัก 6 เดือน ถึง 1 ปี เดียวเรื่องปัญหาจากกลุ่มต่างๆ จะออกมาเรื่อยๆครับ

ออฟไลน์ recycleman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,568
2.2 เฉพาะเครื่องโดยรวมก็ทนทานใช้ได้ แต่เกียร์ผมว่ายังทำได้ไม่ดีเท่าไรเมื่อเทียบกับค่ายอื่น ทั้งในแง่การใช้งานและความทนทาน

ส่วน 2.0 ยังบอกไม่ได้หรอกครับว่าทนไม่ทน ของเพิ่งมาต้องดูกันสักพัก แต่ในใจผมรู้สึกไม่มั่นใจกับเกียร์ล้ำๆของฟอร์ดสักเท่าไร

ตัวอย่างมันมีให้เห็นมาแล้ว 10at นี่บอกตามตรง ขอดูยาวๆ เพราะขนาด 6at ตัวก่อนก็ได้ยินเสียงบ่นมาพอสมควรจากคนรอบข้างที่ใช้กัน

ส่วนตัวเล็งตัว limited 2.0 6mt ไว้อยู่เหมือนกันครับ เพราะ wt ไม่มี mt ให้เลือกแล้ว

ออฟไลน์ seeker

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,533
2.0 เครื่องใหม่ คงยังไม่มีใครบอกได้ว่าทนไหม

จะมามองว่าพัฒนามานาน ทดสอบอย่างดี
ง่ายๆดูเกียร์dual cutch เค้าสิครับ ก่อนที่ผลิตขายก็ทดสอบเหมือนกัน

ออฟไลน์ bravo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,479
    • อีเมล์
2.0 อ่างน้ำมันเครื่องคงไม่เกิน5ลิตร
ค่าบำรุงรักษาน่าจะต่ำกว่านะ
เครื่องยนต์ เกียร์ เขาวิ่งทดสอบหลายแสนโล เขาก็คงคำนวนแล้วหละการสึกหลอ
ยกเว้นเราแต่งเพิ่ม การสึกหรอจึงไม่เป็นไปตามวิจัยมา  ฟอร์ดมีศักยภาพนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาแข่งขันตลาดตลอดเป็นการดีออก ฝั่งญีปุ่นที่ทนถึกใช้แต่เทคโนโลยีเก่าๆโบราญอยู่นั้นแหละ ญี่ปุ่นค่อนข้างจะ อนุรักษ์นิยมอยู่ด้วยแล้ว  ไม่กล้าเปลี่ยนแปลง กลัวเทคโนโลยีใหม่จะไม่เป็นที่ยอมรับกลัวปัญหาที่รับไม่ได้ ถ้าเกิดผิดพลาดหละเสียลูกค้า แบนด์อื่นจะแย่งส่วนแบ่งตลาดไป
พอมายุคนี้เรนเจอรมันประสบความสำเร็จเกินคาดจึงเกิดการลอกเลียนแบบ เกิดการตื่นตัว เท่าที่ทำได้ อย่างเช่นไมเนอร์เชนจ์ฟอร์ดมี ศักยภาพนำเทคโนยีใหม่ๆมาให้ใช้ตลอด เกิดปรากฎการณ์ใหม่ๆ ที่คนไทยเจอแต่หน้าทาปากเปลี่ยนสีใหม่เท่านั้นเมื่อไมเนอร์เชนจ์ทุกครััง ยุคนี้ยุคเทคโนโลยีใครใครไม่ขยับก็มีโอกาสดับ อย่างแบรนด์จีนจะเป็นผู้นำรถไฟฟ้าอยู่แล้ว รถเด็กของเด็กเล่นชองจีนทั้งนั้น

ในมุมของผู้บริโภค ก็มี 2 แนวเหมือนกันครับ

แนวนึง ก็ไม่ค่อยจะไว้ใจ ไม่กล้าใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ย้อนไปเมื่อครั้ง
-เปลี่ยนจากคาบูเรเตอร์ มาใช้หัวฉีด แรกๆ บางคนก็ไม่กล้าใช้ ยิ่งถ้าได้ไปขอความเห็นจากช่างหัวโบราณ บางคนไม่กล้าใช้หัวฉีด
-เปลี่ยนจากกันชนเหล็ก มาเป็นไฟเบอร์ บางคนที่เกลียดญี่ปุ่นสมัยสงครามโลก ถึงกับพูดว่า ญี่ปุ่นไม่หวังดีกับคนไทย
-แม้แต่ ทีวี จากยุคปุ่มกด มาใช้รีโมท บางคนก็บอกว่า อย่าซื้อแบบรีโมท ไม่ทน ซ่อมแพง

ผู้บริโภคอีกแนว ก็จะชอบเทคโนโลยีใหม่ๆ
- กล้าเสี่ยงกับปัญหาที่จะเกิดขึ้น ซึ่งบางครั้งก็เจอกับปัญหาที่แก้ยาก แก้ไม่จบก็มีครับ

ออฟไลน์ Noncyclopedia

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,197
เครื่องยนต รุ่นที่ข่าวแย่ๆ สักโมเดลได้มั้ยครับ.   ผมไม่ค่อยเคยได้ยิน. ขอเด็ดๆสัก1 ตัว

ออฟไลน์ Arado_kung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,062
    • อีเมล์
2.0 อ่างน้ำมันเครื่องคงไม่เกิน5ลิตร
ค่าบำรุงรักษาน่าจะต่ำกว่านะ
เครื่องยนต์ เกียร์ เขาวิ่งทดสอบหลายแสนโล เขาก็คงคำนวนแล้วหละการสึกหลอ
ยกเว้นเราแต่งเพิ่ม การสึกหรอจึงไม่เป็นไปตามวิจัยมา  ฟอร์ดมีศักยภาพนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาแข่งขันตลาดตลอดเป็นการดีออก ฝั่งญีปุ่นที่ทนถึกใช้แต่เทคโนโลยีเก่าๆโบราญอยู่นั้นแหละ ญี่ปุ่นค่อนข้างจะ อนุรักษ์นิยมอยู่ด้วยแล้ว  ไม่กล้าเปลี่ยนแปลง กลัวเทคโนโลยีใหม่จะไม่เป็นที่ยอมรับกลัวปัญหาที่รับไม่ได้ ถ้าเกิดผิดพลาดหละเสียลูกค้า แบนด์อื่นจะแย่งส่วนแบ่งตลาดไป
พอมายุคนี้เรนเจอรมันประสบความสำเร็จเกินคาดจึงเกิดการลอกเลียนแบบ เกิดการตื่นตัว เท่าที่ทำได้ อย่างเช่นไมเนอร์เชนจ์ฟอร์ดมี ศักยภาพนำเทคโนยีใหม่ๆมาให้ใช้ตลอด เกิดปรากฎการณ์ใหม่ๆ ที่คนไทยเจอแต่หน้าทาปากเปลี่ยนสีใหม่เท่านั้นเมื่อไมเนอร์เชนจ์ทุกครััง ยุคนี้ยุคเทคโนโลยีใครใครไม่ขยับก็มีโอกาสดับ อย่างแบรนด์จีนจะเป็นผู้นำรถไฟฟ้าอยู่แล้ว รถเด็กของเด็กเล่นชองจีนทั้งนั้น
ก็ไม่นะครับว่าจะน้อย ตัว 2.2 ยังใช้ถึง8ลิตรเลย เครื่อง 2.8,3.0 เจ้าตลาดยังใช้ไม่ถึง8ลิตรแต่ถ่ายที่หมื่นโล ถ้าจะยืดระยะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องใช้น้ำมันน้อยๆไม่ได้หรอกครับ เหมือนรถบรรทุกญี่ปุ่นใช้ 18-19 ลิตร ถ่ายที่ 20,000 โล แต่รถยุโรปถ่ายที่ 40,000-50,000 โล ใช้น้ำมันเครื่อง 35-40 ลิตรครับ

ออฟไลน์ แมวดราม่า

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,571
  • แมวบ้า(ขับ)รถ
ผมบ่นกระทู้โน้นไปเรื่องเกียร์ลูกใหม่ ที่น้ำมันเกียร์ใสกว่าเดิมนั่นแหละ

แปะให้อีกรอบให้เสียวไส้เล่นละกันครับ

ส่วนเครื่อง ผมประเมินว่าโบเดี่ยวน่าจะปัญหาไม่มากกว่าตัวเดิมแน่ๆ
Dare to Drama! | Original Nissan X-Trail Club Thailand: http://www.facebook.com/groups/180634121979355/

ออฟไลน์ Untouchable

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 608
2.2ผมใช้มาแล้ว6ปี ประมาณ250,000กว่าโล โดยส่วนตัวก็ถือว่าโอเคนะครับไม่เคยซ่อมเลย ส่วน2.0ใหม่คงตัองรอซะพักครับ

JONNY

  • บุคคลทั่วไป
เครื่องยนต์สมัยเก่าทำไมถึงทน
เพราะอิเล็กทรอนิกส์ไม่มีไง
หลักการมีแค่ เครื่องยนต์ทำงานได้ขับเคลื่อนได้  ไม่ต้องมีอีเล็กอะไรตรวจสอบตัวมันเอง รถสมัยใหม่ อะไรแปลกปลอมหน่อย
เตือนไฟสีส้มสีเหลือง จริงๆแล้วไฟสีนี้พอขับเคลื่อนได้อยู่ แต่สีแดงคืออันตราย ต้องตรวจเช็คซ่อมด่วน

ออฟไลน์ Darkart

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,192
    • อีเมล์
ตัว 2.0 Turbo เทคโนโลยีใหม่ ต้องดูระยะยาวๆ กับเกียร์AT 10 Speed 
ถ้าเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามสเปคมาตรฐานของFord เกียร์พังก่อนครับ
ผู้ไม่มีแผลเป็น คือ ผู้ไม่มีประสบการณ์

ออฟไลน์ coolcarrera

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 517
ลองหา MR16DDT Timing chain problem ดูครับ ส่วนใหญ่อยู่ใน juke เมืองนอก
ไม่รู้ว่าปัจจุบันปรับไปยัง

เครื่องยนต รุ่นที่ข่าวแย่ๆ สักโมเดลได้มั้ยครับ.   ผมไม่ค่อยเคยได้ยิน. ขอเด็ดๆสัก1 ตัว
E3, D15 Carb, 2E
F22B VTEC, J30A VTEC
1TR, 1NZ
D4CB
1GD, R18

ออฟไลน์ BN`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,067
จริงๆแล้วก็ยังตอบไม่ได้แหล่ะครับ เพราะ 2.0 Turbo ก็พึ่งจะเปิดตัว ต้องรอดูกันอีกสักพักแหล่ะครับ

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,523
ตัวไหนน่าจะทนกว่า ตอนนี้คงเดาว่า2.2แหละ พิสูจน์ตัวเองมาหลายปีละ
ส่วนตัวใหม่เครื่องไม่น่าห่วงเท่าเกียร์ แต่ถ้าถามผมไม่รู้จะซื้อ2.2เดิมทำไมเลยจริงๆ อืดกว่า ภาษีแพงกว่า กินกว่า

+1