« ตอบกลับ #33 เมื่อ: มกราคม 19, 2023, 10:57:57 »
ถ้าใครเคยทำธุรกิจปั๊มน้ำมันมาก่อน จะเข้าใจดีเลย
ทุกวันนี้ค่าการตลาดถูกกำหนดจากโครงสร้างราคาน้ำมัน ดีเซลไม่ต้องพูดถึง เพราะมันหวานอมขมกลืนอยู่ ( ดีเซลขายมากกว่าเบนซิน 2เท่าเศษๆด้วยสิ แต่ค่าการตลาดจิ๊บจ๊อยมาก ) ส่วนเบนซิน ค่าการตลาดไม่เกิน 4 บาท แต่จะพยายามไม่ให้ต่ำกว่า 3.0-2.80 บาท เฉลี่ยๆก็จะป้วนเปี้ยนแถว 3.2-3.5 บาท แล้วแต่ประเภทน้ำมัน ( ไม่นับ เบนซิน 95 นะครับ ที่ราคาต้นทุนถูกสุด แต่ขายแพงที่สุด )
ค่าการตลาด คือ ส่วนต่างระหว่างราคาสุทธิที่ออกจากโรงกลั่น ( ที่รวมส่วนเพิ่มทั้งหมดทั้งมวลแล้ว ) กับราคาหน้าปั้ม ( ที่ยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องถิ่นอีก 0.05 บาท ) แต่ไม่ใช่กำไรสุทธิของปั้มนะครับ
กำไรสุทธิของปั้มจริงๆนั้นจะอยู่เป็นหลักสต. ไม่ใช่หลักบาท ดังนั้นทางดิ้นรนให้ธุรกิจปั้มน้ำมันรอดได้ คือ ต้องหากำไรจาก non-oil product เช่น ให้เช่าพื้นที่ หรือ ตั้งร้านสะดวกซื้อ ร้านกาแฟ บริการอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับน้ำมัน
ไม่แปลกอะไรที่ปั้มน้ำมันหลายๆปั๊มจะทะยอยปิดกิจการ
ESSO ก็จะแบ่งออกเป็นส่วนหลักๆ คือ โรงกลั่นที่ศรีราชา ( Esso ถือหุ้น 60% ที่เหลือเป็นของ ปตท. ) อีกส่วนคือ การขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูป แน่นอนครับ กำไรในส่วนนี้ไม่น่าจะมากมายนัก เพราะต้องเผื่อให้ปั๊มด้วยเช่นกัน
ราคาน้ำมันสำเร็จรูปซึ่งดูแล้วก็คล้ายจะเป็นราคาเสรี แต่ถูกแข่งขันกันเองจากกลุ่มผู้ค้า โดยเฉพาะผู้ค้าที่เป็นของรัฐ ราคา retail ก็ยังถูกกำหนดโดยรัฐอีก ที่สำคัญปั้มน้ำมันตราเสือเอง น้อยปั๊มที่จะทำมาหากินกับ non-oil business อย่างเก่งก็มีร้านสะดวกซื้อเล็กๆอยู่เท่านั้น เทียบความพร้อมในการแข่งขันกับเจ้าตลาด อย่าง ปตท. นี่ก็คงเทียบกันยากมากหละ ทั้งขนาด การใช้สอย ร้านรวงต่างๆ
คนส่วนใหญ่ไม่คำนึงถึงคุณภาพน้ำมัน คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ขับรถแรงๆเร็วๆ จนเข้าใจถึงความแตกต่างของน้ำมันแต่ละค่าย ดังนั้นคนที่ขับรถแบบเฉลี่ยๆ จะไม่มีทางใส่ใจเลยว่า น้ำมันค่ายไหนต่างกับค่ายไหนอย่างไร เติมเพราะสะดวก กับเติมเพราะ loyalty ต่อค่ายนั้นซะมากกว่า
คาลเทกซ์เอง ซึ่งเดิมทีเชฟล่อนเองเป็นคนดูแลเรื่องการขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูป ก็ยังจะวางมือ ส่งไปให้ SPRC ( ซึ่งถือหุ้นหลักโดยเชฟล่อน และ ถือหุ้นที่เหลือด้วยปตท. ) มาดูแลเรื่องการขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูปแทน
คิดไปคิดมา คิดมาคิดไป การที่เราไม่ต้องใช้ราคาที่แพงๆ ( จริงๆมันก็แพงนะ เมื่อดูกันที่โครงสร้างราคาน้ำมัน ) ก็เป็นเพราะรัฐกระโดดเข้าไปแข่งขันเสียเอง