« ตอบกลับ #8 เมื่อ: กรกฎาคม 22, 2024, 15:01:50 »
ส่วนตัวยังมองว่าตัว HEV และ PHEV ตอบโจทย์
ทั้งแง่ CO2 emission, ความสะดวกสบายในการเติมเชื้อเพลิง, ค่าประกันรายปี แม้อาจต้องมีระบบ maintenance 2 ส่วน
ขอแค่ให้อนาคต PHEV มีความจุของ battery มากขึ้น
ระยะสัก 200 km ผมว่าน่าจะตอบโจทย์ของคนส่วนใหญ่ได้ครับ
ความจุแบตมากขึ้น ผมมองว่า ถ้า Vv อัพแบตผมให้ในอนาคตไกลขึ้น
1. ก็ดี เพราะอนาคตกริดน่าจะสะอาดขึ้น
2. ก็ไม่ดี เพราะผลิตแบตปล่อย CO2
ครับ
สำหรับรถผมปัจจุบัน 11.6kWh วิ่งได้ 40 km ผมพอแล้ว
ยกเว้นวิ่งข้ามหลายจังหวัด (ซึ่งปีนึง ผมวิ่งแค่ครั้งเดียวโดยประมาณ)
ถ้าวิ่งข้ามจังหวัดเดียว ช่วงความเร็ว 90-120 รถตัดใช้น้ำมันอยู่แล้ว
ขับ 120 ด้วยไฟฟ้า ไม่ได้ประหยัดไฟนะครับ ค่าไฟมากกว่าขับในเมืองชิว ๆ เท่าตัว
และไม่ได้ปล่อย CO2 มากกว่าวิ่งด้วยไฟฟ้าแต่อย่างใดเลยสำหรับกริดไทย
ถ้าคิดเทียบค่าน้ำมัน อย่างบนบูรพาวิถี ผมจ่ายแค่ 2 bht/km แทบไม่ต่างกับการวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนด้วยความเร็วเดียวกัน (ยิ่งหน้าร้อน โอ้โห วิ่งเร็ว กินไฟมาก)
แต่ค่าแบต ผมถูกกว่าอย่างมีนัยยะสำคัญ
ถ้าพูดถึงแถวบ้าน ตอนชะลอมันเยอะกว่าเมื่อขับทางไกล
ระยะไฟฟ้าจริงผมได้ 50 km เพราะ Regenerative braking
สำหรับค่า Maintenance ได้มีการสำรวจรถแสนคันในสหรัฐแล้ว
Maintenance PHEV = BEV ถ้าไม่เปลี่ยนแบต < ICE เท่าตัวนึง
(สองระบบช่วยกันขับ ไม่ได้จ่ายค่าบำรุงมากขึ้น จ่ายน้อยลง)
และ < BEV ถ้าจ่ายค่าเปลี่ยนแบตเอง
ครับ
หรืออย่าง PHEV ผม ขับไปล้านโล
มันจะใช้ส่วน ICE แค่ 300,000 โล
ดังนั้น ผม (อาจ) ไม่ต้องยกเครื่องตลอดอายุการใช้งาน
ครับ