ท่านๆ สมาชิกที่ใช้รถไฮบริดหรือไฟฟ้าล้วน ถ้าเปลี่ยนรถอีกรอบจะกลับไป ICE ล้วนไหม?

boogie2020

ก็ตามโจทย์เลยอะคับ  ผมนั่งคุยกะเพื่อน ๆ ในออฟฟิศ 5 คนที่ย้ายไปไฟฟ้าล้วน ทุกคนตอบตรงกันว่า ไม่อะ Happy ดี  ( แม้คนนึงจะใช้ Neta เขาก็บอกว่า อาจเป็นค่ายอื่่น)


ผมนี่ก็รอ เมื่อไหร่จะมีรถแนว ๆ SUV, PPV เบาะสามแถว ที่ใช้ไฟฟ้าหรือไฮบริดมาซักกะที  ขนาด Fortuner เอื้ออาทร ยังปาไป 1.2 ล้านนุ้นเลย บอกตรง ๆ ว่าหวั่นไหวกับเจ้า Sealion 7 มาก แต่ยังไง ผมก็ยังอยากได้เบาะแถวสาม ที่ไม่ใช่รถ van หรือ PV
-----------------------------------------------------------
There is no spoon
-----------------------------------------------------------



punn

คงไม่หละครับ ฟีลลิ่งการขับกับการใช้งานของผมมันถูกจริตกับรถไฟฟ้ามากกว่าด้วย
เพราะชอบขับเองกับวางแผนนิดๆหน่อยๆ แลกมากับ performance กับ ความประหยัด ถือว่าคุ้มค่าสุดๆ

ยิ่งรถต่อจากนี้ถึงจะใช้เครื่องสันดาปแต่อุปกรณ์พ่วงอื่นๆแทบไม่ต่างจากรถไฟฟ้าแล้ว
คือสันดาปล้วนยากที่จะเกิดเมื่อเทียบประสิทธิภาพ ยังไงก็ต้องเป็น hybrid หละครับ
การซ่อมแซมก็แทบไม่ต่างกันนอกจากแบตเตอรี่ ซึ่งมีแนวโน้มแบตจะถูกลงกว่านี้อีกพอสมควร

ส่วนตัวก็ประทับใจจุดซุปเปอร์ชาร์จที่สะดวก แรง เยอะ ถ้าปัจจัยไม่แย่จนเกินไปก็คงยังอยู่กับค่ายเทสล่าไปอีกครับ  ::)
แม้มันจะแค่พรีเมี่ยม แต่ไม่ลักซูรี่ก็ตาม :-[

แต่ด้านซอฟท์แวร์ฮาร์ดแวร์ที่ค่อนข้างปัญหาน้อยกว่าชาวบ้านเยอะทำให้ก็ยังเป็นตัวเลือกหลักอยู่ดี
ถ้ามีรุ่นล่างกว่านี้ออกมาก็คงจัดให้คนในบ้านเพิ่มละครับ
เป็นคนโลกปกติธรรมดา :)
ไม่โลกสวย และไม่โลกมืด อยู่กับความเป็นจริงและพลังงานบวก ..

ปราชญ์สอนสิ่งไหน คนก็จะจำสิ่งนั้น
ประสบการณ์เจอแบบไหน คนก็จะคิดทางนั้น
ต่างคนต่างประสบการณ์เรียนรู้สิ่งเดียวกัน ก็จะออกมาแตกต่างกันไปครับ



Spada_Valess

ีรถไฟฟ้าเป็นหลักครับไม่กลับไปแน่ๆ แรง ประหยัด เงียบไม่สั่น ตัวต่อๆไป ICE ทำยังไงก็สู้ไม่ได้ รถ ICE เป็นของเล่นของสะสมไว้ฟังเสียงเฉยๆ



apinui

ผมไม่เคยใช้นะ ใช้แต่สันดาป แต่ก็พูดคุยกับน้องๆที่ใช้ทั้งไฮบริจและไฟฟ้า ในที่ทำงานอยู่เป็นประจำ

โดยรวมที่พูดๆกันมา ทุกคนพอใจและถ้ายังพอใจอยู่ก็คงไม่กลับไปสันดาปแล้ว (ในตอนนี้)

สาเหตุที่ผมฟังๆมาพอสรุปได้คือ เค้าเริ่มปรับตัวได้แล้ว กับการใช้ EV รู้จังหวะการชาร์จ การใช้งาน ชินกับการต้องวางแผนแล้ว จะไปตรงไหน จังหวัดไหน ในหัวจะนึกออกทันทีเลยว่า เค้าต้องจอดชาร์จตรงไหน ไม่ต้องมานั่งงม หาในแอ๊บแบบตอนขับใหม่ๆแล้ว

ส่วนคำถามที่ผมถามเค้าไปว่า แล้วถ้าในอนาคตน้ำมัน ถูกลงกว่านี้เช่นเหลือสัก 20 บาทล่ะ ... เค้าก็ตอบว่า ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันจะถูกลง ตัวรถก็ยังสู้อัตราเร่งการขับขี่ของ EV ไม่ได้ ดังนั้นเค้าอาจจะจ่ายแพงกว่า แต่มันคุ้ม กับรถ 200 ม้า++

แต่จุดสังเกตุอย่างนึงของกลุ่มตัวอย่างคือ ทุกคนพึ่งได้ใช้ EV เป็นคันแรกทุกคน และอายุการใช้งานยังไม่ข้าม 3 ปีสักคน ดังนั้น ความคิดเหล่านี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าเค้าใช้งาน 5-7ปี ต้องรอดู 



InBkk

ในความคิดผม ณ ตอนนี้ ถ้าเป็นในหมวดรถใช้งาน หรือ Daily Driver ขอใช้เป็น BEV แบบยาวๆ เลยครับ ตอบโจทย์ชีวิตผมสุดๆ (ไม่ใช่แค่เรื่องความประหยัด)

แต่ถ้าเป็นหมวด Weekend Car หรือ รถในฝัน ส่วนใหญ่จะเป็นรถ น้ำมันล้วน

ใดๆ คือ ผมยังอยากมีรถน้ำมันติดบ้านเอาไว้ อย่างน้อย 1 คัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 03, 2025, 12:12:01 โดย InBkk »



Odrecranon

ข้อดีของ BEVs คือมันได้อัตราเร่งทัาทีที่กด ความเงียบในการเดินทาง จอดรถไม่สร้างมลภาวะเพิ่ม
มันเหมาะกับคนใช้ในเมืองหรือชานเมือง แบบผมครับ

ถ้า ICE ผมคงเอาไว้ขับสนุก ๆ ยังอยากได้ 440i ไว้สักครับเลยครับ



e:smart Hybrid

ไม่ครับ ขั้นต่ำก็ต้องเป็น mild hybrid แล้วครับยุคนี้



เนื้อน่องไม่หนัง

ถ้าคันเดียววิ่งในเมืองเป็นหลัก ไฟฟ้า โอเคครับ ถ้าใช้ขับเที่ยวตจว บ่อยๆ Hybrid คล่องตัวกว่า

BEV ขับเที่ยว บางจุด ขับยาว 100-150 ไม่มีสถานชาร์จที่มั่นใจว่าว่างหรือจองได้
ถ้ารถวิ่งได้ 400 km วิ่งจริงๆได้ 300km เราต้องเผื่อไฟไว้สัก 150-200km(ประมาณ50-70%) เผื่อผ่านจุดนั้นอย่างสบายใจ หรือรอหัวชาร์จว่าง มันทำให้ประเมินเวลาเดินทางได้ลำบาก
ถึงรถไฟฟ้าตัวใหม๋ชาร์จไฟได้เร็วขึ้นมาก ระกับ 180kwh ++ แต่เวลาหน้างานอาจเจอรถที่ชาร์ต 40kwh ชาร์จอยู๋ครับ

ผมใช้ทั้ง ICE / BEV ถ้าวิ่งยาว ระยะที่ต้องแวะชาร์จนอกบ้าน จะเอา ice ไปครับ


Hybrid ค่าเชื้อเพลิงไม่ประหยัดเท่า BEV แต่ก็ไปเอาคืนจากค่าประกัน ราคาขายต่อได้ครับ

ICE ถ้าเอารถที่ลากใช้ยาวๆ 10-20 ปี ใช้รถไม่มาก ผมคิดว่ายังน่าสนใจอยู๋ครับ
เป็นค่ายที่ Hybrid เสถียร ปัญหาน้อยแบบ toyota ผมว่าไป Hybrid ดีกว่า ถ้าใช้งานเยอะครับ

ถ้าเปลี่ยน bev ตอนนี้เลย ในงบไม่เกินล้านห้า อาจไป Hybrid แทนครับ



marvel

ผมใช้ทั้ง bev และ ice (เห็นเพื่อนสมาชิกหลายท่านก็เป็นแนวๆนี้ คือ มีรถที่ใช้พลังงานหลายรูปแบบ)

รถ bev ถ้าเปลี่ยน ก็ “คงจะ” เป็น bev หรือ hybrid
รถ ice ถ้าเปลี่ยน ก็ “ต้อง” เป็น ice เหมือนเดิม
สาเหตุก็เพราะ รถแต่ละประเภทเหมาะกับการใช้ในวัตถุประสงค์นั้นๆของผมแล้ว

แต่ก็เห็นด้วยกับคุณ apinui คือ แทบทุกคนที่ใช้ bev อยู่ ยังใช้ไม่ครบ loop , loop ในที่นี้คือตั้งแต่ซื้อจนขายคันนั้นไป

bev ผมใช้มาสองปีกว่า ยังไม่เคยชน ไม่เคยรอซ่อม และแน่นอนยังไม่เคยขาย
หากต่อไป มีชน แล้วต้องจอดรออะไหล่ตัวถังแบบไม่มีกำหนด ใช้รถไม่ได้ เกิน 3 เดือน
(ซึ่งหากเป็น ice อะไหล่ตัวถังนั้น อาจมีเวลารออะไหล่+เวลาซ่อมที่แน่นอน แค่ 2 สัปดาห์)
แบบนี้ มีผลต่อการตัดสินใจเลือกคันต่อไปแน่นอน

หรือ เมื่อถึงเวลาที่ต้องขาย พอขายได้ ก็จะทราบราคาขาย ซึ่งจะเอามาคำนวณได้ว่า
อยากจะซื้อคันต่อไปเป็น bev อีกหรือไม่ หรือ จะกลับไป ice ดี

ปล. รถบางรุ่นที่ผมชอบ เค้าไม่มี ice ให้เลือกแล้ว ตอนนี้มีแต่ hybrid อันนี้ก็เป็นอีกข้อจำกัดหนึ่ง



Booboo

ผมใช้seal  premiumในเมือง  คู่กับranger wt biturboไปตจว.

ใช้ไปสักพักแทบไม่ได้ใช้wtแลยแม้ออกตจว.ก็ตาม ตอนนี้จอดเป็นส่วนใหญ่

ตอนแรกกลัวเรื่องจุดชาร์จ กะระยะไม่ถูก ใช้ไปสักพักเมื่อรู้จังหวะแล้วไปตจว.สบายมากครับ

พาเมียไปพัทยาชาร์จแบต100%ก่อนไปค้าง1คืนขับเที่ยวด้วย ระยะแบตเต์ม650กิโลกลับถึงบ้านพุทธมณฑลแบตฯยังเหลือสบายๆไม่ต้องชาร์จเพิ่ม

เมียผมใช้civic นางลองนั่งลองขับsealแล้วชอบเลยไปจัดsealion7มาอีก1คัน ตอนนี้นางไม่กลับไปแตะcivic อีกแล้ว

ตอนนี้ผมเลยมีหน้าที่ต้องคอยขับwt กับcivicไปซื้อของปากซอยหมู่บ้าน ถ้าไม่ใช้เลยเดี๋ยวมีปัญหา

เท่าที่ฟังมาเรื่องรถไฟฟ้านี่คนใช้ไม่ได้ว่า ที่ว่าคือคนไม่ได้ใช้





oryor

ตอนนี้พึ่งเริ่มต้นครับ
ถ้าอีกซัก 5-7 ปี มาถามใหม่อาจจะได้คำตอบอีกแบบ

ยังมีอยู่บางเรื่องที่น่ากังวล เช่น อะไหล่สั่งนอกต้องรอ ราคาประกัน ราคาแบต ราคาขายต่อมือสองไฟแนนซ์ไม่รับจัดทำให้ขายต่อยาก
รวมไปถึงบางยี่ห้อที่มาจากแผ่นดินใหญ่ จะม้วนเสื่อกลับบ้านไปก่อนหรือไม่ อันนี้ต้องรอดูยาวๆครับ



sk-non

ใช้ แมว กับ atto3 จะครบ 2 ปีแล้ว
รวม 90,000 กม
ผ่อนหมดปีหน้าทั้งคู่

คันต่อไปก็ ev ครับ
ตอนนี้ดูไว้ HT, G6, im6
รอราคาเลหลังปลายปี



Symphonic

ตอนนี้รถที่ใช้ๆ กันอยู่ มันยังเป็นรถที่อยู่ในรุ่น
ยังอยู่บนสายการผลิต รถยังผลิตออกจาก
โรงงานทุกวัน ซัพพลายเออร์ยังผลิตชิ้นส่วนส่ง
โรงงานทุกวัน ซึ่งถือว่าเป็นช่วงฮันนีมูนครับ
ต้องดูอีกทีตอนรถตกรุ่นกันไปแล้ว โรงงาน
ไม่ได้ผลิตรถรุ่นนั้นๆ แล้ว ซัพพลายเออร์ก็
ไม่ได้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รุ่นนั้นส่งทุกวันแล้ว

ถึงตอนนั้น ยังคาดเดาอะไรไม่ได้ครับ



DiKiBoyZ

ถ้าคุณ ไม่มองถึง ยี่ห้อ ไม่มีการบูลลี่ หรือ มี bias อะไรนะ

คุณจะลืมรถ น้ำมัน ไปเลย เพราะความประหยัดนั้นละ

ใช้ไฟฟ้าล้วน ชาร์จทีเดียววิ่งได้เป็นอาทิตย์ (ระยะวิ่งไปกลับ 30-40 km ต่อวัน) ใช้ในกรุงเทพฯ ไปทำงาน-กลับ

อีกคัน ใช้ไปส่งลูกที่โรงเรียน จอดรอ เปิดแอร์ ไม่ต้องให้ไปจอดอีกโซน ที่ต้องดับเครื่องยนต์(เปิดแอร์ไม่ได้) ค่าชาร์จไป ต่างจากน้ำมันเยอะ

ผมกล้าตอบ(แทนหลายๆ คน) เลยว่า เขา happy จริงๆ นั้นละครับ

แต่สำหรับบางคนยังมี bias อยู่ หรือ อาจจะจับคัน หรือ ยี่ห้อ ที่ไม่พอใจ ไม่มั่นใจ หรือ เจอการเครม การซ่อม มา อาจะเปลี่ยนใจ

อันนี้ ผมไม่แปลกใจ เรื่องปกติ ขนาดตอนใช้ ICE เจอแบบนี้ ก็เปลี่ยนยี่ห้อหนี เหมือนกัน



WASADM

จากใจที่ใช้รถ ICE ตั้งแต่เรียนมหายลัย ไม่ได้เป็นรถคันแรก ช่วงต้นปีผมหารถมาแทน Harrier Hybrid ในงบ 1.6 ล้าน แต่รถญี่ปุ่นไม่มีคันไหนน่าใช้เลย เลยต้องไปจบที่ Model Y Legacy

- CRV = ES ดูสมเหตุสมผลกับราคาและของที่ได้มากที่สุด แต่อยากได้ RS เลยขอส่วนลด 1 แสน แต่เซลล์ไม่ให้ สรุปก็ไม่เอา
- Accord = RS ราคาแบบไร้เหตุผล มากกว่า EL แค่หลังคามูนรูฟ ที่เหลือคือเหมือนกันหมด แต่ราคาไปไกล 1.8 ล้าน ขอส่วนลด 2 แสน ไม่ได้ ก็ไม่ซื้ออีก
- Camry = ตัวท็อป Premium Lux ได้เบาะหลังไฟฟ้า แต่ใช้คนเดียว ขับคนเดียว เลยมาดูตัวรอง เกือบจองไปละดีที่ไปดู Motor Show ก่อน แต่พบว่าเบาะเมมกับพวงมาลัยปรับไฟฟ้าหาย เลยไม่เอา ผมใช้ Camry ตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย และมันมีให้มาตลอด ถ้าตัดออกก็จบกัน
- ไม่เอารถจีน และ PPV
- สรุปมาจบ Model Y RWD ออฟชันได้ ราคาสมเหตุผล อัตราเร่งพอได้ ช่วงล่างแข็งๆ ผมชอบแบบนี้ เลยจบรถไฟฟ้าคันแรกแบบงงๆ
- เอาจริงๆ อยากใช้รถญี่ปุ่นนะ แต่ทำรถดูถูกผู้บริโภคไปหน่อย หลังๆไม่ค่อยอินละ



Ponthakorn

 ไม่กลับครับกำลังจะทยอยเปลี่ยนรถที่บ้านเป็นรถไฟฟ้าทั้งหมดครับ ตอนนี้ใช้ seal premium ชอบเรื่องอัตราเร่ง ถ้าขับความเร็วไม่เกิน 100km/hr ประหยัดมากถ้าเทียบกับขนาดกับน้ำรถ อีกอย่างชอบตรงที่มีซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นให้อัพเดทโดยไม่ต้องขับรถไปศูนย์บริการ ของผมซื้อรถตอนปลายปี 2023 ตอนนั้นสามารถติดหม้อที่ 2 เป็น TOU ได้ สดวกไปอีก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 04, 2025, 19:01:36 โดย Ponthakorn »



klakla

อันนี้ผมเห็นด้วยว่าอีก5-7 ปีคำตอบอาจจะเปลี่ยน จริงๆถ้าให้พูดจะเป็นเรื่องเงินล้วนๆ ถ้าเงินไม่ใช่ปัญหารถไฟฟ้าคือดีมาก

ทีนี้คำถามคือคนซื้อมีเงินมั้ย ถ้าขายขาดทุนป่นปี้รับได้มั้ย ได้เงินที่ขายไปดาวน์ต่อมั้ย ถ้าทุกคำตอบคือมีเงิน ใช้รถไฟฟ้าต่อยาวๆเลย

แต่มันจะมีบางกลุ่มที่พอถึงรอบใหญ่ต้องวางเงินมันจะไม่มี รถขายไม่ได้ราคา หรือบังเอิญต้องเปลี่ยนแบตก้อนใหญ่ อันนี้จะเป็นปัญหา ซึ่งเรายังไม่เห็นความทนทานเลย เพราะความทนทานทั้งหมดที่อ้างกัน มันมาจากห้องแลป

เงินจะเป็นปัจจัยในการแบ่งคนออกไปเป็นสองกลุ่มแบบชัดๆเลยในอนาคตข้างหน้า เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนคันใหม่

ต้องอย่าลืมว่าประหยัดจริง แต่ธรรมชาติของคนพอเงินเหลือมันก็ใช้ครับ จะมีซักกี่คนที่เก็บเผื่อต้องจ่ายซ่อมรถก้อนใหญ่



spn

ใช้ไฮบริดอยู่ ยังไม่เคยใช้ BEV
มีโอกาสกลับไปใช้ ICE แน่นอน เพราะขึ้นอยู่กับการใช้งานล้วนๆเลยครับ

รถเก๋งใช้ยาว ก็อาจออก เบนซิน มือสองติดแก๊ส / hybrid
รถกระบะ อาจต้องมี ดีเซลตอนเดียว 4x4 หรือ แนวๆ hilux champ เพิ่ม
รถในฝัน / weekend car ยังมองเป็น ice เช่น CLE / M340i / A5 coupe / E Coupe

ถามว่ามีโอกาสไป BEV ไหม มีครับ แต่หากนึกถึงการมีรถที่ถูกกับงาน ที่จอดรถที่มี ยังขยับตัวไม่ได้มากครับ

จะว่าผมวัยเลข 2x ที่หัวโบราณก็ได้ 🤣
Revo 2.8 J B-cab 4x4
Kia Jumbo K2700 1JZ GE + LPG
Camry 2.5 HV Premium
E220d w213



youngbear




boogie2020

ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมเม้นนะคับ

แต่ก็เป็นไปได้ว่า อีกซัก 3-4 ปี ครบ cycle ของคนเปลี่ยนรถกัน  คำตอบก็อาจเปลี่ยนไปอีก    แต่ด้วยกฎด้านมลพิษต่าง ๆ ของเมืองนอกที่เข้มขึ้นเรื่อยๆ  พวก ICE ล้วนน่าจะอยู่ยากขึ้นด้วยละมั้งคับ
-----------------------------------------------------------
There is no spoon
-----------------------------------------------------------



Maj.Worakrit

บ้านผมมี BYD Seal, Focus TDCi, Focus 1.8
้ตอนนี้มีโครงการจะปล่อย Focus 1.8
ซึ่งคงจะซื้อทดแทนเป็น EV แน่นอนครับ
เพราะผมชอบไปจอดแช่เปิดแอร์หลายสถานการณ์มากๆ เช่นไปแวะปั๊ม แวะซื้อของเซเว่น แวะตลาด ซึ่งการจอดรอแล้วปิดแอร์ ในรถ ice คือเหม็นน้ำมันครับ รบกวนชาวบ้านแถวนั้นด้วย
กับอีกเรื่องคือความสมูธครับ ชินกับการใช้ไฟฟ้าไปแล้วอ่ะ พอมาขับ TDCi คือไม่ชอบฟีลลิ่งของการเร่งรอบเครื่องแล้ว แม้ว่าอัตราเร่งมันจะทันใจก็เหอะ แต่มันต้องรอจังหวะนึงเสมอ
อีกข้อนึงเลยคือความเงียบครับ รถ EV คือเงียบ แบบเงียบมากๆ ใครชอบได้อรรถรสกับการฟังเพลงในรถนี่จะฟินมากๆเลย



mongolias

ผมใช้รถน้ำมันทั้ง 2 คัน
ถ้าจะซื้อคันต่อไปนี่ แพลนเป็นรถไฟฟ้าแน่ๆครับ
สาเหตุเดียว คือ เปิดแอร์ในรถนอนได้ กับเวลาไปรอรับลูกที่โรงเรียนเปิดแอร์นั่งรอได้ครับ

ตอนนี้ยังไม่พิจารณา เพราะใช้รถน้อยลงเยอะ ปีนึงวิ่งราวๆ 15,000 ก.ม. เลยดูยังไม่คุ้มถ้าจะจัดรถไฟฟ้าออกมาขับ



I'm Ti

ขึ้นอยู่กับ lifestyle การใช้รถครับ ถ้าตอนนี้คงยังไม่ไปรถไฟฟ้า


ถ้าลูกโต ต้องจอดรถรอรับส่งเปิดแอร์คงมอง EV


แต่ถึงเวลานั้นคุณภาพรถคงดีขึ้นแล้วมั้ง


ณ ตอนนี้ ใช้ LPG หรือ Hybrid ยังเหมาะสมกับตัวเองมากกว่าครับ



belkw202

รถ daily คงไม่กลับไปน้ำมันแล้วครับ ev มันประหยัดกว่า ขับสบายกว่าในระดับราคาใกล้เคียงกันครับ
คนรอบตัวเท่าที่เจอที่เปลี่ยนมา ev กัน มีตั้งแต่คันละ 5 แสน ยัน 7-8 ล้าน
ผมพึ่งเจอคนเดียวที่ไม่แฮปปี้แล้วเปลี่ยนจาก EV กลับไป ICE
Tesla Model 3 Highland LR
G08 iX3 M Sport
Cx5 2.5s
Mazda 2 1.3 S
w202 c36 AMG
w212 e63 AMG
w204 c250 AMG Sport Plus
w207 e350 4matic
e90 325i



SM.

มีแต่ที่คิดว่า คงกลับไป Hybrid ครับ ถ้าสันดาปล้วนๆ ไม่มีครับ

หลายๆคนที่ใช้ EV ล้วนอยู่ ก็ไม่แน่ใจถึงอนาคต แต่ถ้ากลับไปสันดาปล้วนๆเลย คงไม่เอาแน่ๆ