มาเล่าให้ฟังกันต่อครับ
PART 2 การเปลี่ยนแปลงจาก Sedan มา PPV
การบังคับควบคุม : แบบสรุปๆ
เทียบกับ FE แล้วอุ้ยอ้ายกว่าเยอะมากครับ ด้วยรุ่นนี้พวงมาลัยยังเป็นไฮดรอลิคบ้านๆ น้ำหนักค่อนข้างมากหากเทียบกับ FE ที่เป็นแรคไฟฟ้า
ปัญหานี้จะไม่หนักหนา หากคุณขับในความเร็วเดินทาง เพราะพวงมาลัยจะให้ความรู้สึกมั่นคง มั่นใจ มาพร้อมระยะฟรีเล็กน้อยพอรับได้สำหรับผมที่มาจาก FE (ในตอนที่แรคยังไม่พัง)
แต่จะมีปัญหาทันที หากคุณถอยจอด , กลับรถในห้าง กรณีที่รถหยุดนิ่ง จะค่อนข้างตึงมือพอสมควร
เพื่อนสมาชิกที่สนใจรุ่นนี้ควรขอทดลองขับในรุ่นที่ไม่ใช่แรคไฟฟ้าก่อนตัดสินใจซื้อหากเทียบความหนักจากรถที่ผมเคยขับ , เคยทดลองมาทั้งหมด เท่าที่จำความได้
เบา > หนัก
MU-X RS > CIVIC FE = ACCORD GEN10 > HRV 1.8 , FIESTA 1.6> VIOS GEN3 > MU-X ELEGANT = W211 หน้าธนู > TRITON (ตัวหลังปลัดขิก) > FORTUNER 2WD > DMAX VCROSS > ROCCO 4WD = DMAX GEN1 > CIVIC EF

การบังคับควบคุม : ตามความเร็ว
สำหรับ MU-X ELEGANT ที่มาพร้อมพวงมาลัยไฮดราลิคธรรมดาบ้านๆ
ในความเร็วต่ำ : น้ำหนักถือว่ากลางๆ แต่ด้วยวงเลี้ยว วงหมุน ของพวงมาลัยที่มาก ทำให้การลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอย ค่อนข้างท้าทายพอสมควร สำหรับผมน้ำหนักมันไม่มาก แต่ด้วยวงหมุนของพวงมาลัยมันมากกว่า FE ซึ่งเราชินกับ FE พอมาขับคันนี้เดือนแรกอึดอัดทันที
ในความเร็วเดินทาง : น้ำหนักถือตรงค่อนข้างดี ระยะฟรีกำลังสวย การเลี้ยว,บังคับเปลี่ยนเลนส์ในกรณีฉุกเฉิน สร้างความมั่นใจได้ในระดับนึง
ในความเร็วสูง (140+) : ความมั่นใจยังพอได้ ระยะฟรีก็ได้ ความมั่นคงยังพอมี แต่ปัญหาของความเร็วระดับนี้มาจาก "ช่วงล่าง" เดียวจะว่ากันในหัวข้อถัดไป
ช่วงล่าง :
จาก FE มา MU-X ต้องปรับตัวพอสมควร ด้วยรถที่สูง และ โช็คที่ set มานุ่มนิ่มในจังหวะยุบ แต่ แอบดีดเด้งในจังหวะยืด (งงกับมัน) ทำให้การขับขี่เข้าโค้งในความเร็วสูงนิดหน่อย บนทางด่วน , ถนนข้ามจังหวัด ให้ความมั่นใจที่ไม่มากนัก
ด้วยอาการโยน , โคลงของรถ ค่อนข้างชัดเจน ในบางครั้งมีความเสียวๆ เหมือนจะหลุดโค้งอยู่เหมือนกัน ซึ่งอาการดังกล่าวคาดว่ามาจากโช็คที่ระยะยุบเยอะซึ่งคิดว่าเป็นเรื่องปกติของรถประเภทนี้ โดยส่วนใหญ่
กลับกันในกรณีขับชลอๆในเมือง เจอหลุมบ่อ ระยะยุบทำได้ประทับใจนิ่มดี แต่ โช็คอัปหลัง ในจังหวะยืดค่อนข้างยืดเร็ว ทำให้ผู้สารแถวหลังหัวสั่นหัวคลอน บ่อยๆ
คิดว่าอนาคตอันใกล้จะไปอัปเกรดโช็คใหม่แน่นอนสรุปหากคุณเป็นคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ที่นั่งอยู่กลางรถ โช็คเดิมติดรถ ถือว่าทำหน้าที่ของมันได้ดี หากคุณเป็นคนขับรถทั่วๆไป ใช้ความเร็วไม่มาก และ ไม่เล่นโค้ง
การขับขี่ อัตราเร่ง , เกียร์ :
อัตราเร่งรถเดิมจากโรงงาน แค่พอใช้ 0 - 100 ผมจับเวลา 3 ครั้งได้เฉลี่ย 11.45 sec
ถ้าเทียบขนาดรถกับอัตราเร่งแบบนี้ ถือว่าพอรับได้
สิ่งที่น่าประทับใจอาจไม่ใช่เรื่องของอัตราเร่ง แต่เป็นการต่อเกียร์ 8at ใหม่ของรุ่นนี้ ต่อได้เนียนและเร็ว ถึงจะไม่เนียนเท่า everest แต่นี่คือ isuzu ที่ใช้ 6at มาเป็นชาติปรับมาเป็น 8at แค่นี้น้ำตาผมก็จะไหลละครับ
สำหรับเครื่องเกียร์รุ่นนี้ ในจังหวะออกตัวหากคุณกดคันเร่งซักครึ่งนึง หรือ ซัก 1 - 3 ของระยะแป้น อัตราเร่งการดีดตัวออกทำได้ดี เกียร์เปลี่ยนต่อเนื่องสมูธดี ขี่ข้ามจังหวัดสบายๆ
แต่...... กลับกันหากคุณขับอยู่ในกรุงเทพ หรือ อ.เมืองต่างจังหวัด ที่รถติดๆ เร่งๆเบรคๆ เกียร์ชุดนี้จะกลายเป็นปัญหาไปในทันที (ชั่วคราว)
อันเนื่องจาก
ในรถที่ผลิต lot แรกๆ อย่างรถผม เดือน พย.2567 ซอฟแวร์เกียร์ไม่สมบูรณ์อาการคือ เกียร์กระตุกในหลายๆจังหวะ (บางจังหวะนึกว่าขับ Ford Fiesta 1.6 PowerShiftหาย ที่เกียร์ใกล้ลาโลก)
1. กระตุกจังหวะจะหยุดรถ รถจะทำการเปลี่ยนจากเกียร์ 2 > 1 จังหวะจาก 2 > 1 จะมีอาการเหมือนรถโดนชนท้าย คล้ายๆคนสะอึก
2. จังหวะเร่งเปลี่ยนจาก เกียร์ 2 > 3 จังหวะนี้ อาการของรถคือเกียร์ไม่เปลี่ยน แต่ลาก 2 ไว้ พอจังหวะซอฟแวร์ให้เปลี่ยนเป็น 3 รถมีอาการสะอึก เหมือนข้อ ๅ
3. บางครั้งจังหวะลงเนินจากรถจะเปลี่ยนเกียร์ให้เองจาก 3 > 2 จะมีเสียงเกียร์ลั่น "ปั๊กก"
จากอาการด้านบน ทำผมจิตตกไปหลายสัปดาห์ วูบนึงต้องทบทวนว่านี่ เราคิดผิดนี่เราควรซื้อคุกกี้หรือเปล่า?
แต่ก็นั่นแหละครับ ซื้อมาแล้วมีปัญหาก็ต้องแก้กันไป ขนาด FE ยังเคลมแรคตั้ง 4 ครั้งกว่าจะจบ เคสนี้เกียร์พังก็เคลมศูนย์เอาละกัน
โดยอาการที่กล่าวมาด้านบนจะค่อยๆเบาลงเรื่อยๆตามเลขไมล์ อย่างปัจจุบันรถผม 20,000 กิโลแล้ว ทุกอาการยังมี แต่อาการเบาลง อย่างข้อ 1 ป้ายแดงเหมือนรถชนท้าย ตอนนี้ เหมือนมอไซค์ชนท้ายเป็นต้น
จากที่สอบถามติดตามสำนักงานใหญ่อย่างใกล้ชิดถึงปัญหาดังกล่าว ทราบว่า ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงพัฒนาซอฟแวร์ยังไม่แล้วเสร็จ โดยหากซอฟแวร์พร้อมแล้วทางศูนย์จะแจ้งเจ้าของรถเพื่อเข้าอัพเดทต่อไป โดยการโทรการเก็บเสียงถนน และ ภายในรถ : แบบสรุปๆ
การเก็บเสียงถนน ความเร็วเดินทางเงียบพอสมควร 80 - 120 ยางติดรถเป็น Dueler H/T 684II ที่ผมว่ามันเก็บเสียงดีพอสมควร , เสียงที่ได้ยินชัดมากกว่าเสียงยางคือ เสียงลูกยางกันกระแทก อาจเนื่องด้วยระยะยุบของโช็คเยอะ แทบทุกครั้งที่เลี้ยวลงจากลานจอดรถ จะได้ยินเสียงลูกยางกันกระแทกเสมอ
การเก็บเสียงภายในรถ 2 สิ่งที่น่ารำคาญคือ เสียงจากเครื่องในช่วงออกตัวเหมือนย้อนกลับไป 10 กว่าปีที่แล้ว 4JJ1 แต่เมื่อพ้นช่วงออกตัวเกียร์ 1 ไป ก็จะเงียบลงอยู่ในระดับที่รับได้ และ เสียงคอนโซลลั่นบริเวณกรอบแอร์เมื่อตัวถังบิดตัว (ตอนรู้ว่ารถเรามี deflect นี้ บอกตรงๆแทบร้องไห้ หนีมาจาก HRV , FE แล้วกรูต้องมาเจอกับ ISUZU อีกหรือออ?)
เดี๋ยวมาต่อครับ