ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไมน้องๆเด็กๆสมัยนี้ชอบเรียน นิเทศศาสตร์กันมากๆ  (อ่าน 46278 ครั้ง)

ออฟไลน์ Destiny

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 20
อันนี้เอา ความเห็นส่วนตัวนะครับ

ผมเองเป็นคนหนึ่งที่จบ นิเทศ ม.กรุงเทพ

ผมว่า นิเทศ มันดู บันเทิง มันดูได้ปฏิบัติ มันสนุก มันได้ใช้เครื่องมือเยอะ เด็กก็เลย สนใจกันเยอะ

แล้วเด็กอาจจะมองถึงคนที่ประสบความสำเร็จมากๆ อย่าง คุณสรยุทธ หรือ คุณปัญญา แต่อาจลืมมอง ว่า นี่คือจุดที่อยู่บน ยอดๆของ ปิระมิด แล้วไม่เห็นว่า คนที่ตะกายไม่ถึงยอดแล้ว เป็นฐาน มันเยอะเหลือเกิน

ปัจจุบัน ผม เป็น Head Hunter ใน Agency Recruit ได้เจอ Resume ของคน จากหลายอุตสาหกรรม และได้เห็นข้อดี ข้อเสีย ของทุกๆงานก็มีกันหมด

ขึ้นอยู่กับเราว่า จะเลือกทางไหน แล้วอยู่กับมันได้แค่ไหน


แต่ว่าตั้งแต่ผมจบไม่คิดจะทำงานในสายนิเทศเลย เพราะ มันโตช้าเกินไป

อุตสาหกรรมนี้ มีคนต้องการเข้ามาเยอะ คนที่ประสบความสำเร็จ มีอยู่น้อย จำเป็นต้องมี ความสามารถ + Connection ไม่งั้นก็ ราตรีสวัสดิ ปัจจุบันเพื่อนผมทำงาน มาสามปี เงินเดือนยังเตะๆ 12-15k อยู่เลย ทั้งๆที่อยู่ บริษัทใหญ่มากๆ

ปริมาณคนที่เรียนก็เยอะมาก มันค่อนข้าง Over Supply สุดท้าย ก็เลยเสียอำนาจการต่อรองไปเยอะ ต่างกับ สายที่มีอยู่จำกัดหรือ เฉพาะทาง จริงๆ




แต่ก็แล้วแต่คับ ถ้าเรามีศรัธทา ต่องาน กํับสิ่งที่ทำ เงินอาจไม่ใช่ทุกสิ่ง

เพราะ การทำงาน ถ้าไม่มีความสุข คงจะเป็นความทุกข์ ที่ต้องทนไปแสนยาวนาน

ออฟไลน์ RhinoMango

  • Very Rhino User
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,290
  • Let's get back to '94.
เอางี้ครับ จากใจคนที่จบนิเทศศาสตร์มา (แต่ผม ม.สวนดุสิตนะ)

เท่าที่ได้อยู๋ในสังคมคนเรียนนิเทศ คนที่เข้าส่วนมาก เพราะอยากเป็นดาราครับ เชื่อไหม?
ผมเชื่อว่าคนที่ตั้งใจจริงก็มีค่อนข้างน้อย ที่มาก็เพราะอยากเป็นดารา

แต่นิเทศศาสตร์เรียนมาเพื่อการ "จัดการสื่อ สร้างสรรค์สื่อครับ ทำสื่อเพื่อสื่อสารกับคนหมู่มาก"

ตัวผมเองที่เข้ามาเรียนที่นี่ก็เพราะชอบทำงานเบื้องหลัง ตัดต่อ กำกับ จัดแสง จัดฉากอะไรก็ตามแต่
ไม่เคยหวังแม้กระทั่งออกหน้ากล้อง ไม่ชอบ ไม่อยาก

นิเทศศาสตร์ตอนเรียนงานจะหนักมากครับ แต่ก็จะดูสนุกสนานและบันเทิงไปเสียหมด
เพราะเรียนแล้วสนุกครับ เรียนกันเหมือนเป็นกรรมกร ทั้งแบกหาม วาดรูป ทำฉาก แบกไฟ แบกกล้อง
เวลาถ่ายต้องส่องกันถึงขั้นว่า จะมีแมลงวันบินเข้าฉากไม่ได้ กว่าจะทำได้แต่ละเทคมันต้องอดทนมากๆ
ถ่ายเสร็จก็ต้องมานั่งตัด นั่งตัดต่อหน้าคอมกันเป็นวันๆจนตูดบาน (นั่งนานๆตูดบานจริงๆเพราะนั่งกันเป็นวัน)

ถ้าคุณคิดจะเรียนนิเทศศาสตร์ ต้องทำให้แน่ใจว่าชอบจริงๆ ไม่งั้นเข้ามาก็เกาะชาวบ้านเขาปล่าวๆ
ผมเห็นเวลาพรีเซ้นท์งานโฆษณา ก็ไปก๊อปชาวบ้านเขามาทั้งนั้น เพราะถ้าคิดเอง ก็คิดกันหัวแตกครับ

กว่าผมจะจบออกมาได้นี่ก็ทรหดน่าดูนะครับ นี่ขนาดผมอยู่ ม.ที่หลายๆคนคิดว่าง่ายที่สุดแล้วนะ
ถ้าเรียนที่ ม.กรุงเทพแล้ว จะได้เรียนอะไรยากๆกว่านี้อีก (ผมเคยลองเอาชีทวิชาต่างๆมาเทียบกันกับของ ม.กรุงเทพ)
แถมจบมาก็หางานได้ยากยิ่งจริงๆ เพราะผมไม่ได้จบ ม.ดังด้านนี้ แต่ผมเชื่อว่าตัวผมมีของดีครับ ทุกวันนี้เลยมีงานทำ

ทุกวันนี้ผมตัดต่อรายการทั้งโทรทัศน์และอินเตอร์เนต ทั้งหมด 9 รายการ รายการ 30นาที 2 รายการ นอกนั้นเป็นรายการเล็กๆ
ไม่เกิน 15 นาที ไม่รวมจ๊อปนอก ทำงานมา 3 ปีแล้วเงินเดือนก็ยังต๊อกต๋อยอยู่ครับ แต่ยังอยู่ที่นี่เพราะ Passion ล้วนๆ ชอบผู้บริหาร
ทำงานกันเหมือนเป็นกรรมกร ถามคนรู้จักผมได้ ผมเข้างาน 10 โมง เลิก 3-4 ทุ่มทุกวัน นั่งอยู๋หน้าคอม ใช้สมอง ใช้ตา ใช้มือ ใช้จิตนาการ
รับงานนอกน้อยเพราะแค่นี้ก็แทบจะไม่มีเวลามาทำอะไรแล้วครับ และถ้าจะรับจริงๆ ก็ต้องมีเงินทุนลงทุนในด้านอุปกรณ์ด้วย
แล้วเจ้าอุปกรณ์เนี่ยแหละครับ ตัวแพง ..

เพราะฉะนั้น ถ้าน้องคุณ GreenG จะเรียนนิเทศ ผมอยากให้ถามเขาให้แน่ใจก่อนว่า อยากเรียนจริงๆไหม?
ถ้าอยากเรียน จะเรียนในด้านใด? จบมาอยากทำอะไร? และถ้าจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในเรื่องของอุปกรณ์ไหวไหม?
ถ้าเขาชอบจริงๆ คำถามแค่นี้ จะไม่เป็นปัญหาสำหรับเขาเลยครับ ถ้าเขายังลังเลที่จะตอบ ก็ให้เขาไปหาข้อมูลก่อน
เรียนด้านนี้ต้องลงทุนเยอะ เราต้องให้เขาแน่ใจ ว่าคุ้มหรือไม่ .. และชอบจริงหรือไม่

เพราะในปัจจุบันนี้คนที่ทำงานสายงานสาขานิเทศศาสตร์น่ะ มันกำลังล้นตลาด
ถ้าคุณไม่ดีจริง ไม่เจ๋งจริง ไม่มีใครอยากรับ ยกเว้นบริษัทเปิดใหม่ เดี๋ยวนี้ผมต้องมาเทรนด์ตัดต่อใหม่ๆแล้วก็หงุดหงิดเหมือนกัน
เพราะงานมันต้องแข่งกับเวลามากๆ ใครก็อยากได้คนที่เข้ามาแล้วทำงานได้เลย มานั่งสอนงานกันก็ไม่ทันกินครับ

ข้อดีของการได้ทำงานในบริษัทที่ใหญ่หน่อยคือเราได้ COnnection เยอะครับ พี่ๆพิธีกร ช่วยเราได้มาก ถ้าคนไหนเขาชอบงานเรา
เขาก็อาจจะชวนเรารับงานนอกก็ได้ เพราะพี่ๆพิธีกรเนี่ยแหละ ตัวรับงานนอกอย่างเยอะเลย ทุกวันนี้ผมก็มีพวกบริษัท Media / WOrkpoint
ติดต่อมาให้ไปทำงาน เพราะปาก-ต่อ-ปาก จากพี่ๆตากล้องและพิธ๊กรเนี่ยแหละครับ (แต่ผมคงไม่ไปนะ ดูจากงานที่ออกๆมาแล้ว ไม่ศรัทธา)

สายงานด้านนี้เก่งอย่างเดียวไม่ได้ครับ
เราต้องการคนที่อึด+ถึกพอ มีจินตนาการสูงแต่ต้องทำได้จริง ทำงานได้ดีและเร็ว Requirement น้อยๆ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเก่ง

จะลงทุนเปิด Studio เองก็ลงเยอะเหมือนกัน เครื่องตัดต่อก็ 50,000+/- แล้ว
ยิ่งเครื่องที่ออฟฟิสซื้อให้ผมใช้นี่ก็ประมาณ 160,000+/- แล้วครับ
กล้องวิดีโอ โอเคหน่อย เดี๋ยวนี้ SLR ที่ถ่ายเป็น HD ได้ไม่รวมเลนส์แค่ 3-5 หมื่น สมัยก่อนต้องลงเป็นแสน
มีเลนส์ที่ต้องใช้อีก 4-5 หมื่นบาท ไหนจะต้องมีไมค์บูม ไหนจะแสง ไฟ 800 ไฟ Daylight อีก ขาตั้งกล้อง
โอ๊ย บาน .. แต่สนุกครับ ถ้างานออกมาตามที่คิดน่ะนะ นี่แค่เฉพาะสายงาน Motion Media นะครับ

ถ้าอยากจะเป็นตากล้องน่ะ มีแค่อุปกรณ์แล้วก็ Passion ในการเรียนรู้ก็พอเป็นได้อยู๋แล้วครับ
เพื่อนผมจบวิศวะคอมฯมามันยังรับจ้างถ่ายรูปงานรับปริญญาเลย

แต่เขาอยาก ก็ให้เขาลองดูครับ .. อย่าไปปิดกั้น ให้ลองด้วยตัวเองดีกว่า

:-* :-*


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 10, 2011, 22:58:44 โดย RhinoMango »

:. Volkswagen Vento VR6 '94 // :. Nissan NX "กูปรี" '94

You can Follow me on Twitter : @rhinomango