สำหรับผมแล้วรถคันนี้เรียกได้ว่าเป็นรถที่แรงอันดับ 2 ที่ได้ขับมาตั้งแต่ต้นปี 2009 และถ้านับเฉพาะรถป้ายแดงในกระบวนที่ได้ร่วมทดสอบกับ J!MMYแล้วล่ะก็ นี่คือรถที่ให้คาแร็คเตอร์ของพลังที่ประทับใจและปลอดภัยไปพร้อมๆกัน
สำหรับของเล่นมากมายบนคอนโซล และทั่วคันรถ สิ่งเหล่านั้นกลับไม่ใช่สิ่งที่ผมสนใจนัก และอันที่จริงผมไม่ได้นั่งบนเบาะหลังของมันในขณะที่แล่นเลยด้วยซ้ำ ในฐานะคนที่ชอบการขับรถ ผมมักให้ความสนใจกับสิ่งที่รถตอบสนองต่อผู้ขับขี่มากกว่า
เบาะนั่งของ LS460 เป็น 1 ในเบาะรถไม่กี่รุ่นที่ผมนั่งลงไปแล้ว ไม่รู้จะหาที่ติตรงไหน มันเป็นสิ่งที่อธิบายได้ยาก แต่ก็ทำให้เราพอนึกออกได้ว่าวิศวกรคนที่ออกแบบเบาะ ไม่ได้สักแต่ว่าทำแท่นหุ้มหนังควายมาให้เราประทับทวารระหว่างขับ แต่ดีไซน์มาโดยเอาคนหลายไซส์มาลองนั่ง และถามคำถามกับคนเหล่านั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกว่าจะได้รูปแบบของเบาะที่สบายที่สุด และสบายกับคนทุกไซส์ ไม่ใช่สบายแบบเสื้อฟรีไซส์..ฟรีไซส์บ้านแกดิ คับชิบเผง
ค่าตัวระดับสิบล้านมันมีเหตุผลของมันนอกเหนือจากภาษี แม้ผมจะนั่งอย่างสบายอารมณ์ใน Teana 250XV และบอกคุณได้ว่านี่ล่ะเบาะที่นั่งสบาย แต่ Lexus จะยิ่งพาคุณลึกเข้าไปในความสบายนั้นจนคุณเริ่มทำใจยอมรับได้ว่าค่าตัวที่แพงมันแพงแบบมีที่มา และแน่นอนมันสบายกว่าเบาะที่สบายอยู่แล้วอย่างของ Teana แน่ๆ
J!MMY อาจจะบอกให้คุณทราบถึงขนาดตัวยังกะเรือเดินสมุทรของ LS460 แต่ระหว่างขับ ผมกลับไม่รู้สึกว่านี่เป็นรถใหญ่เลยถ้าไม่มองไปข้างหลัง ถ้าถนนเปิดโล่งและหนทางข้างหน้ามีเรื่องสนุกรออยู่ LS460 ให้ความคล่องชนิดที่ผมสงสัยเหลือเกินว่าทำไมสมัยก่อน LS400 รุ่นแรกที่เบากว่านี้ ตัวเล็กกว่านี้ แคบกว่านี้ กลับไม่มีชีวิตชีวามากเท่านี้...นี่เป็นสิ่งที่ Lexus หลายรุ่นมักจะขาด คือรถหรู แรง แต่เวลาขับ มันขาดชีวิตชีวา นุ่ม และทื่อ
แต่กระนั้นผมเห็นด้วยกับ J!MMY ว่าช่วงล่างของมันยังติดนุ่มอยู่นิดๆ มันก็แค่อาจจะสร้างความรำคาญให้คุณเวลาไล่จี้ท้าย GT-R ในสนาม Nurburgring แต่นี่คือถนนประเทศไทย ความนุ่มนวลเหล่านี้น่าสนกว่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามันเป็นความนุ่มชนิดที่เอาอยู่เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน
ความเงียบในห้องโดยสาร ผมไม่แปลกใจในรถตระกูล LS ของ Lexus เพราะนับตั้งแต่20ปีก่อน LS400 รุ่นแรกเข้าตีตลาดรถหรู มีนิตยสารดังๆเอาเครื่องวัดเสียงในห้องโดยสารตอนวิ่ง LS400 ชนะรถหรูทุกรุ่นไม่ว่าจะเป็น 560SEL, 750iL, ฺBentley Turbo R
LS460 ของทุกวันนี้เก็บเสียงลมจนเบาชนิดที่ว่าถ้ามีใครในรถพูดอยู่แม้แต่คนเดียวคุณก็ไม่ได้ยินเสียงนั้นแล้ว
ยิ่งมาเทียบกับรถสามัญชนที่ผมขับไปทำงานทุกวัน โอ้โห Lexus วิ่ง 160 เพิ่งจะมีเสียงลมเข้ามาเท่ารถของผมเองที่วิ่ง 100นึง
ส่วนสมรรถณะและอัตราเร่งนั้น ตัวเลขที่ J!MMY แสดงให้คุณเห็นคงประจักษ์อยู่แล้ว และในคลิปที่คุณเห็นนั้นคือรถที่บรรทุกน้ำหนักเต็มอัตรา การออกตัวเกียร์ 1 คุณได้แรงจีประมาณ Ford Focus TDCi แต่หลังจากนั้นมันคือความแตกต่างกันชนิดดาวอังคารกับพระอาิทิตย์ 380 แรงม้าของมันลากรอบหวานๆให้เร้าใจเล่นได้ แม้จะไม่ได้ออกอาการทมิฬอย่างที่คุณจะพบได้กับซาลูนอย่าง E55 Kompressor
การเร่งแซงรถช้า จาก 60 ไป 100 คุณไม่จำเป็นต้องกดมิดเลย เกียร์จะทำหน้าที่เลือกอัตราทดตามน้ำหนักคันเร่งที่คุณกดลงไป บางจังหวะเหมือนเกียร์จะเดาพลาดไปบ้างก็มีเหมือนกัน โชคดีว่าแรงบิดเยอะ ไม่งั้นอาจจะไม่สบอารมณ์นิดหน่อย ในภาพรวมแล้วแรงของมันนั้นมากจนผมคิดว่า Lexus น่าจะไปได้รุ่งในตลาดรถหรูประเทศไทยมากกว่านี้หากมีรุ่น LS350L ขาย
ทำไมน่ะเหรอ? ดูอย่างรถที่ทำยอดขายให้ S-Class สิครับ เวอร์ชั่น 6สูบนี่ล่ะคือตัวฟันยอดขายที่ดี คนไทยชอบรถหรู แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ชอบรถแรง ผมดูอัตราเร่งของ LS460 แล้วยังถามตัวเองอยู่เลยว่ามันเกินขีดของความพอเพียงมามากน้อยเพียงไร จริงอยู่ว่าผมชอบรถแรง และถ้าให้ซื้อ LS ผมคงต้องขอเครื่อง V8 อยู่แล้วล่ะ แต่กับผู้ใหญ่หลายคนที่จะใช้ชีิวิตอยู่บนเบาะหลังของรถคันนี้เพื่อผ่อนคลายหลังการทำงาน เขาคงไม่จำเป็นต้องใช้ V8 และความจริง เครื่อง V6 3.5 ลิตร 277 แรงม้าก็เพียงพอแล้วที่จะลากบอดี้ LS ไปไหนมาไหนได้โดยไม่อืดเป็นเรือเกลือ
และมันจะเป็นประตูที่เปิดนำ Lexus เข้าไปสู่บ้านคนรวยได้ง่ายขึ้น การจ่ายเงิน 10 ล้านเพื่อ Lexus กับ 6ล้านเพื่อรถที่เหมือนกันเด๊ะ แค่เครื่องแรงน้อยกว่า คุณคิดว่าอย่างไรกันล่ะครับ?
Lexus อาจจะมองการกระทำแบบนี้ว่าเป็นการ Degrade แบรนด์ชั้นสูงของตัวเอง ผมคงต้องถามก่อนว่าแล้ว 735i กับ S300 ทำให้ 7-Series และ S-Class กลายเป็นแบรนด์ราคาประหยัดหรือเปล่า หรือมีใครเคยล้อเจ้าของ S300 ว่าทำไมเขาจึงขับรถรุ่นเดียวกับที่เป็นแท็กซี่โรงแรมบ้างหรือเปล่า? ในประเทศไทยน่ะคงมีน้อยครับ
ผมคงฝากไว้แค่นี้ และที่พูดในเรื่องนี้ ก็เพราะว่าโดยแท้จริงแล้ว ผมพยายามจะหาข้อติมากัด LS460 ตรงๆสักสามสี่ข้อ แต่ในที่สุดเมื่อผมคืนกุญแจให้ J!MMY ผมก็ยังคิดไม่ไ้ด้อยู่ดีว่าจะหาเรื่องอะไรมากัดนอกจากเรื่องรูปทรง ซึ่งเป็นเรื่องนานาจิตตัง
J!MMY ขึ้นอันดับให้มันเป็นรถที่น่าขับที่สุดคันนึงตั้งแต่ขึ้นปี 2009 เป็นต้นมา แต่ผมขอยกย่องให้มันเป็นความพยายามอันดีเยี่ยมของ Lexus ในการประหมัดกับรถหรูพันธุ์ยุโรปที่สู้ได้อย่างสมศักดิ์ศรี..ขอเพียงแค่มันมาพร้อมกับทรงภายนอกที่ดุดัน มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนกว่านี้