ผู้เขียน หัวข้อ: แชร์ประสบการณ์การติดตั้งแก๊สครับ (หวังว่าจะมีประโยชน์บ้าง)  (อ่าน 50423 ครั้ง)

ออฟไลน์ mongolias

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,369
สวัสดีครับ
วันนี้พอมีเวลาว่างตอนเช้าๆ เลยคิดว่าน่าจะขีดๆเขียนๆ อะไรให้เพื่อนๆ HLM อ่านกันซะหน่อยดีกว่า
ซึ่งวันนี้ผมจะขอแชร์ประสบการณ์การติดแก๊สครับ

แรกเริ่มเดิมที ผมไม่เคยมีความคิดที่จะติดแก๊สให้กับรถของตัวเองเลย โดยมีเหตุผลหลักๆดังนี้
1. คุณแม่ผมกลัวรถแก๊ส (จำฝังใจจากเหตุการณ์แก๊ส(LPG)ระเบิดที่ถนนเพชรบุรีเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว)
2. รถที่ผมใช้ Honda Jazz GD ถ้าติดแก๊สถังแคปซูลแล้ว เท่ากับว่าแทบจะไม่เหลือที่ด้านหลังขนของอะไรเลย
3. ความกังวลเกี่ยวกับการเสื่อมสภาพของเครื่องยนต์เมื่อใช้แก๊ส (รถถูกออกแบบมาให้ใช้น้ำมัน ดังนั้นถ้าใช้แก๊สเครื่องย่อมโทรมเร็วเป็นธรรมดา)

ซึ่งผมก็กัดฟันเติมน้ำมันมาโดยตลอด (ผมใช้รถค่อนข้างเยอะครับ วันละ 100 ก.ม. ++) ใช้น้ำมันมา 4 ปีเต็ม ๆ (กับรถคันนี้)
ซึ่งถ้ามาดีดลูกคิดแล้ว พบว่าผมเติมน้ำมันไปแล้วประมาณ 3 แสนบาท มากเกือบครึ่งนึงของราคารถเลยแฮะ

มาวันหนึ่งผมไปเที่ยวกับเพื่อนร่วมบริษัทของแฟนผม เจอ Jazz รุ่นเดียวกัน เค้าเอาไปติดแก๊ส LPG มา แล้วก็มาคุยว่าประหยัดมาก ไป-กลับเชียงราย ค่าแก๊สราวๆ 2,000บาท  เท่านั้น
ผมก็เลยไปด้อมๆมองๆ เห็นว่าเค้าติดถังโดนัทมา ซึ่งพอสอบถามแล้วได้ความว่า ถังโดนัทจดทะเบียนผ่านแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าก่อให้เกิดความสนใจในตัวผมทันที เพราะเท่ากับว่าปัญหาข้อที่ 2 ที่ผมมองมันถูกกำจัดไป

ผมจึงเริ่มไปเกริ่นกับทางบ้าน ถามความเห็นคุณแม่ และแฟนผม ซึ่งผมก็ชี้แจงว่าต้องการลดค่าน้ำมัน จากที่จ่ายเดือนละราวๆ 8000 บาท  โดยอยากเอาเงินไปทำอย่างอื่นมากกว่า เช่น เอาไปออมเพิ่ม (แต่ตอนนี้รู้สึกว่าจะได้เที่ยวมากกว่าเก่า  ;)) ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากที่บ้าน คุณแม่ผมนั่งรถตู้ติดแก๊สแล้วหลายครั้ง เห็นถึงความประหยัด ก็เลยบอกว่าติดก็ได้ เลือกอุปกรณ์ที่มีความปลอดภัยหน่อยแล้วกัน ผมก็คลายความกังวลไปกับปัญหาข้อแรกของผมไป

เรื่องเครื่องโทรม ผมมองว่ารถผมใช้มาแล้ว 1.7 แสน ก.ม. (ก่อนติดแก๊ส) มันก็ยังวิ่งได้ฉิว เกียร์ที่เค้าว่าเปราะ(CVT) ก็ยังเปลี่ยนเกียร๋นุ่ม ก็คงไม่มีอะไรน่ากลัวล่ะมั๊ง ถ้าพังจริง ขอให้ใช้แก๊สได้สัก 50,000 ก.ม. แล้วจะยกเครื่องก็ยังคุ้ม
โดยคิดจาก ใช้แก๊ส 50,000 ก.ม. ผมจะประหยัดไปได้ราวๆ 75,000 บาท ยกเครื่องใหม่รวมค่าวางอยู่แถว 50,000 บาท  ก็ยังคุ้ม

จากนั้นก็เริ่มหาข้อมูลการติดแก๊ส โดยถามจากพี่เขยก่อน ซึ่งรถที่บ้านพี่เขย  + พ่อตาผมติดแก๊ส LPG หมดทุกคัน (ซาฟีร่า, วีทาร่า, โดเรม่อน) ลองขับดูก็โอเคนะพอใช้ได้
และผมก็เริ่มหาความรู้ต่อ โดยใช้อากู๋ช่วย (google) ผมเลือกที่จะหาข้อมูลจากเวปดังนี้ ขออนุญาติเอ่ยถึงนะครับ

1. Gasthai เวปแก๊สที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แหล่งความรู้เพียบ แต่ต้องอ่านดีๆ เพราะมีโฆษณาแฝงเยอะเหมือนกัน
2. Iwebgas เวปแก๊สที่ไม่รู้เข้าไปได้ไง แต่อันนี้ซูฮกเลย ว่าข้อมูลแน่นมาก ที่สำคัญโฆษณาแฝงน้อยกว่าแก๊สไทย
3. Hondajazz club เวปคลับของรถที่ผมใช้ ทำไมต้องมาดูเวปนี้ด้วย เพื่อประเมินว่าคนใช้รถรุ่นเดียวกัน เค้าไปติดแก๊สที่ไหนกันเยอะๆ มีปัญหาไหม แก้ปัญหาได้ไหม อู่ไหนติดรถที่เราใช้เยอะๆแล้ว จะทำให้โอกาสที่รถเราจะช้ำน้อยลงไปด้วย
4. web ของร้านติดแก๊สต่างๆ อันนี้สาธยายไม่หมด เพราะเยอะมาก อ่านด้วยความระมัดระวังอย่าหลงเชื่อง่ายๆ

จากนั้นก็เริ่มคิดว่า ควรจะติดแก๊สอะไรดี ซึ่งแน่นอนครับมีอยู่แค่ 2 ชนิดเท่านั้นแหละ  NGV กับ LPG
มาดูข้อดี-ข้อเสียของแก๊สแต่ละชนิดกันดีกว่าครับ
 ข้อดีของ NGV
1. ราคาถูก เพราะรัฐให้การสนับสนุน
2. มีปั๊มเติมในถนนที่ผมต้องวิ่งผ่านทุกวัน
3. ความปลอดภัยของถังมีมากกว่า LPG (อันนี้เห็นเค้าโฆษณา แต่ส่วนตัวผมเฉยๆ)
ข้อเสียของ NGV
1. ขนาดของถังใหญ่มาก น้ำหนักเยอะ ถ้าติดแก๊สแล้วรถผมท้ายห้อยแน่ แถมด้านหลังไม่เหลือที่เก็บของแน่นอน
2. ต้องเติมแก๊สบ่อย เพราะแม้ถังจะใหญ่แต่เก็บปริมาณแก๊สได้ไม่มากเท่า LPG
3. แม้ว่าจะมีปั๊มในถนนเส้นที่ต้องวิ่งทุกวัน แต่บางวันก็มีป้ายแก๊สหมด แถมยังต้องต่อคิวเติมแก๊สกับรถบรรทุกอีก บางครั้งก็เห็นล้นทะลักออกมานอกปั๊ม
4. ความโทรมของเครื่องยนต์มากกว่า LPG เนื่องจากอุณหภูมิ่ที่ใช้ในห้องเผาไหม้จะมากกว่า
5. เติมแก๊สช้ากว่าจะเต็มถัง (อันนี้เป็นเฉพาะบางปั๊มที่แรงดันไม่ดี)
6. รถอืดกว่า

ข้อดีของ LPG
1. สามารถติดถังโดนัทได้ ทำให้มีพื้นที่ด้านหลังเหลือเท่าเดิม (เมื่อติดแทนยางอะไหล่) แจ้งจดทะเบียนได้แล้วด้วย
2. ปั๊มมีเยอะแยะ ถนนเส้นที่ผมวิ่งผ่าน มีปั๊มแก๊สรวมกันเกือบ 10 ปั๊มแล้ว
3. ไม่ต้องเติมแก๊สบ่อย (ผมติดถัง 42 ลิตร วิ่งได้เกือบ 400 ก.ม.)
4. ความโทรมของเครื่องยนต์ ไม่มากเท่า NGV
5. ถ้าจูนแก๊สดีๆ วิ่งไม่แพ้น้ำมัน ฉิวกว่า NGV แน่ๆ
ข้อเสียของ LPG
1. ราคาแพงกว่า NGV
2. รัฐไม่สนับสนุน อาจจะโดนลอยตัวได้ แต่ใครจะสนล่ะ ถึงลอยตัวไปก็ยังถูกกว่าน้ำมันอยู่ดี
3. ที่เติมแก๊สติดอยู่ด้านล่าง สงสารเด็กปั๊มต้องมุดเพื่อเสียบสายแก๊ส

ผมใช้เวลาหาข้อมูลสุดท้ายเลือกที่จะติด LPG ครับ จากนั้นก็เลือกร้านที่จะติดแก๊ส จนในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะติดตั้งกับร้านๆหนึ่ง ที่ผมดูแล้วเค้ามีสิ่งที่ผมต้องการ
1. อุปกรณ์ที่ใช้เป็นอุปกรณ์ที่ได้รับการยอมรับ(มีชื่อเรียกว่างั้น) มีคนติดกันเยอะ มีตัวแทนจำหน่ายที่เชื่อถือได้
2. การติดตั้งต้องถอดท่อไอดีออกมาเจาะ เพื่อป้องกันเศษวัสดุต่างๆ ตกไปในท่อไอดี
3. มีบริการหลังการขาย ไม่ทอดทิ้งลูกค้า เมื่อเกิดปัญหาแล้วต้องพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาให้แก่ลูกค้า
4. คนติดตั้งต้องมีความรู้ สอบถามอะไรควรที่จะได้รับตำตอบรวมถึงสามารถให้คำแนะนำเบื้องต้นได้
5. ราคาต้องไม่แพงกระโดด แต่ต้องไม่ถูกจนโอเวอร์

ทีนี้สิ่งที่เราต้องเตรียมตัวก่อนที่จะติดแก๊สคือ
1. ตรวจเช็คระบบเครื่องยนต์ ให้มีความพร้อมที่สุด ผมเลือกเอารถเข้าศูนย์ก่อนติดแก๊ส ถ่ายพวกน้ำมันเครื่องก่อนครับ
2. เปลี่ยนหัวเทียน กรองอากาศ เพื่อให้ตอนจูนแก๊สแล้วได้ค่าความแม่นยำมากที่สุด
3. ทำใจครับ (คนที่รักรถ ต้องทนดูรถโดนเจาะ ทะลวง) ผมแก้ปัญหาด้วยการ เข้าไปรอในห้องช่วงที่เค้าเจาะ 5555 จะได้ไม่ต้องเห็น
4. ข้อนี้สำคัญที่สุดคือ เงินครับ ต้องเตรียมเงินไปให้พอค่าติดตั้ง

สิ่งที่ไม่ควรเอามาเป็นข้อตัดสินใจ
1. ราคา ท่องเอาไว้ครับ ของถูกและดีไม่มีในโลก อย่าเลือกเพราะว่ามันถูกครับ ให้ดูที่ตัวอุปกรณ์ที่ใช้ แม้จะแพงไปบ้าง แต่แลกกับการใช้งานที่ไม่ต่างจากน้ำมัน และเครื่องไม่โทรมเร็ว มันก็คุ้ม
2. อุปกรณ์ที่ใช้ไม่จำเป็นต้องเลอเลิศครับ ผมก่อนติดแก๊สมอง ecu แก๊สรุ่นหนึ่งไว้ แต่พอติดจริงๆ ช่างบอกว่าไม่จำเป็นต้องใช้รุ่นนั้น เพราะรุ่นที่ต่ำกว่าก็ใช้งานได้ไม่ต่างกันมาก อันนี้อาจจะขึ้นอยู่กับจรรยาบรรณของช่างด้วย ผมถือว่าผมโชคดีที่ติดอู่นี้
3. ระยะทางครับ ผมขับรถไปกลับเพื่อมาติดแก๊สเกือบ 250 ก.ม. ครับ แต่ก็พอใจกับผลงาน ติดแล้วต้องจบ
4. ระบะเวลา ร้านที่ติดตั้งเร็วๆ มีโอกาสที่งานจะขาดความระมัดระวัง แต่ก็ไม่ควรจะช้าเกินไปเช่นกัน(แปลว่าช่างไม่ชำนาญ) ตอนผมเอาไปติด เข้าอู่ 8 โมง เสร็จตอนทุ่มครึ่ง

หลังจากติดแก๊สมา ก็ดีครับ ประหยัดเงินค่าน้ำมันไปได้พอสมควรเลยครับ
แต่คุณต้องเข้าใจเช่นกันว่า รถติดแก๊สอัตราการสิ้นเปลือง จะกินมากกว่าน้ำมันราวๆ 15%ได้ แต่ถ้ามองในแง่ตัวเงินแล้ว ผมประหยัดเงินไปได้ราวๆ 65% ครับ

ทีนี้มาดูกันว่าใครที่ควรจะติดแก๊ส
1. ใช้รถเยอะ มากกว่าวันละ 50 ก.ม. ก็น่าติดแล้วครับ รถผมคำนวณแล้วว่าจะคืนทุนตอนวิ่งครบ 20,000 ก.ม. ซึ่งแค่  6 เดือนก็คืนทุนแล้ว(ตอนนี้คืนทุนแล้วครับ)
2. มีเวลาสังเกตุอาการของรถตัวเอง เนื่องจากรถติดแก๊สเข้าข่ายดัดแปลงสภาพรถ ดังนั้นคุณควรที่จะหมั่นเช็ค พวกระบบระบายความร้อน น้ำหม้อน้ำ ปั๊มน้ำ วาล์วน้ำ พัดลม เพราะรถติดแก๊สที่น่ากลัวคือปัญหาโอเวอร์ฮีทครับ
3. ชอบท่องเที่ยว ผมพอติดแก๊สแล้วออกทริปเป็นว่าเล่น เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ก็เอารถไปเชียงใหม่มา 3 วัน หมดค่าแก๊สไป 1600 บาท ถ้าเป็นน้ำมันคงราวๆ 5000 บาท

สิ่งที่คนที่เอารถไปติดแก๊สควรที่ทำหลังจากติดแล้ว
1. หมั่นเช็คอุปกรณ์แก๊ส ถ้าไม่มีเวลา ก็เอาไปที่ร้านที่คุณติดให้เค้าเช็คให้ ผมเอาไปที่ร้านที่ติดแก๊สทุก 10,000 ก.ม. ครับ
2. เติมน้ำมันเบนซินไว้ราวๆ ครึ่งถัง เพื่อยืดอายุปั๊มติ๊ก (ย้ำนะครับ เบนซินเท่านั้น)
3. เช็คพวกอุปกรณ์ที่เกี่ยบกับระบบระบายความร้อน เวลาขับรถไกลๆ พอจอด แนะให้เปิดกระโปรงรถ เพื่อระบายความร้อนครับ
4. อุปกรณ์บางส่วนอาจจะเสื่อมสภาพไวกว่าปกติ พวกที่เป็นลูกยาง ท่อพลาสติก ควรหมั่นสังเกตุรถตัวเองด้วย
5. เลือกใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพดีๆ ปกติผมใช้น้ำมันเครื่องศูนย์เป็นกึ่งสังเคราะห์ธรรมดา แต่พอติดแก๊สแล้วผมเปลี่ยนไปใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แทน ซึ่งผลที่ได้ คือรถพุ่งกว่าเดิม รวมถึงเสียงเครื่องเงียบลงด้วย

หวังว่าประสบการณ์ของผม จะเป็นประโยชน์กับคนที่อยากจะติดแก๊สบ้างครับ
สำหรับบทความนี้ หากขาดตกบกพร่องอะไร ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย และถ้าใครมีอะไรที่จะแชร์กัน ก็ยินดีครับ

ปล. พิมพ์ไปชักยาวแฮะ จบดีกว่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 22, 2011, 11:33:33 โดย mongolias »

ออฟไลน์ IncarRus

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,519
    • อีเมล์
เยี่ยมเลยครับ,,, ผมขออนุญาติ ก๊อปไปเฉยแพร่เลยนะครับ  ;D

4 ปี ค่าน้ำมัน 3 แสน, ถ้าติดแก๊ส ค่าแก๊ส แสนกว่านิดๆ
ตังเหลือเก็บ 2 แสน สำหรับคนที่วิ่ง วันละ 100 กว่าโล

เมื่อก่อน,,, ตอนผมเป็นเซล ค่าน้ำมันวันละ 1000
หลังจากติดแก๊ส เหลือวันละ 300  ;)
เดือนเดียว ก็ได้ค่าติดแก๊สคืนแล้วครับ  ;D

ออฟไลน์ watanachai19

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 85
ขอบคุณสำหรับการแชร์ประสบการณ์ครับ
ผมเป็นคนนึงครับที่กังวลเรื่องติดแก๊ส LPG เพราะรถเพิ่งซื้อมาใหม่ แต่ต้องใช้เดินทางวันละ 120 กิโล
ซึ่งทำให้เงินในกระเป๋าหายไปกับน้ำมันเยอะ แถมมีภาระเยอะด้วย เลยตัดสินใจติดแก๊ส
รถของผมคือ HONDA NEW CITY 2010 ผมติดยี่ห้อรองท๊อปในตลาด ราคา 3 หมื่น กว่าๆ
ที่เลือกเพราะ มั่นใจในราคาว่า ของแพงย่อมเป็นของดี นั่นคือผมตัดสินใจไม่ผิด
คือประหยัดค่าน้ำมันจากเดิมกว่า 50% และรถก็วิ่งฉิวไม่แพ้น้ำมัน แถมเรากล้าเหยียบแรงขึ้นไปอีก
เพราะไม่ต้องกังวลกับการขับประหยัดน้ำมัน
ถ้าให้ผมเลือก NGV ผม say NO ครับ เรื่องประสิทธิภาพพลังงานการเผาไหม้ LPG จะดีกว่า ถังอันตรายน้อยกว่า เพราะแรงดันต่ำกว่า บลาๆๆๆ

แต่ก่อนผมรักรถมาก ไม่ให้มีรอยหรืออะไรมากระทบกระเทือนโดยเด็ดขาด ยิ่งเป็นติดแก๊สนี่ไม่เคยคิด
แต่พอคิดไปคิดมา ผมขอรักตัวเองมากกว่ารักรถนะ 555

ออฟไลน์ liveshow

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,751
  • รถไม่แรงแต่แซงยาก
ขอเสริมนิดครับ

ผมติดมา 3 เดือนแล้ว ปัญหาตอนแรกๆๆ ในการติดแก๊สคือการดูแลของเจ้าของรถ
1 อาทิตย์แรก ที่ต้องทำคือ หมั่นตรวจดูความร้อน น้ำในหม้อน้ำ เข็มความร้อน ถ้าเป็นไปได้ มีอุปกรณ์ตรวจจับความร้อนจากระบบได้ยิ่งดี
2 อาทิตย์ที่สอง หรือ ห้าวัน หรือ 1000 โล ที่วิ่งด้วยแก๊ส ควรจะนำไปให้ร้านที่ติดตั้ง เช็คระบบอีกทีว่ามีส่วนไหนหล่วมหรือเปล่า (ถ้าตรวจเองได้็ก็ดี)
3 หลังจากอาทิตย์ที่ 2 อย่าพยายามอย่างซัดด้วยแก๊ส ลากรอบด้วยแก๊ส อย่างลืมว่าเราดัดแปลงเครื่องยนต์มา ถ้ายิ่งรถเก่าวิ่งมามากกว่าแสนโลอาการพวกหม้อน้ำ หรือระบบความร้อนต่างๆ อาจจะแสดงให้เห็นได้ชัด
4 ถ้ารถมีอาการสั่นผิดปรกติเมื่อเทียบกับน้ำมันควรเอาไปให้ช่างตรวจสอบ

เรื่องน้ำมันเครื่อง อย่ามองข้ามไปครับ
ควรมั่นสังเกตุเรื่องน้ำมันเครื่อง ช่วงแรกๆ น้ำมันเครื่องอาจจะพร่องลงไปบ้างก็ควรหามาเติม
ควรตรวจทุกอาทิตย์หรือ สามวัน ถ้าเป็นไปได้ น้ำมันเครื่องสีแดงเป็นเรื่องปรกติ เพราะแก๊สเผาไหม้สมบูรณ์ฺ(สะอาด)กว่าน้ำมัน

แล้วเรื่องน้ำมันเครื่องควรเปลี่ยนแบบไหน
แบบเดิมก็ได้ครับ เติมแบบไหนเอาแบบนั้น ไม่จำเป็นต้อง เฉพาะNGV LPG  (ผมเลือกใช้ full syn คุ้มกว่าครับ)  เกรดไหนเลือกให้เหมาะกันรถเรา

ระยะเวลา เท่าที่ึศึกษามาจากคุณเต้ gas thai ที่เขียนเป็นบทความไว้ (พี่เค้าไม่อยู่กับเราแล้ว ต้่องขอบคุณความรู้ของพี่เค้าที่ทำไว้ให้ชนรุ่นหลัง) 
จากที่ผมสรุปมา พี่เต้เค้าแนะนำว่า ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่ 15000Km Up ครับ ถ้าอยากได้ข้อมูลลองเอาเชื่อที่ผมพิมพ์ไว้ไปค้นใน gooเกิล ดู

เปลี่ยนกรองแก๊ส หยาบ ทุก20K Km ละเอียด 40K Km เฉพาะรุ่นที่มีหม้อต้ม

ตั้งวาวล์ทุกๆ 50K Km

ที่สำคัญอย่างกแ๊ก๊ส เดียวเครื่องจะพังไว อย่าให้แก๊สจ่ายน้อยๆ เพื่อประหยัด เดียวจะมาโทษแก๊สว่าทำเครื่องพัง แก๊สไม่ผิด ผิดที่คนสั่งให้ทำ
เหตุผลลองหาเอามีเยอะครับ
ก็แค่คนธรรมดา ไม่ลองก็ไม่รู้

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
ผมว่าแก๊ซมันขึ้นอยุ่ที่คนใช้ ถ้าประเภทตะบี้ตะวันขับอย่างเดียว อะไรมันก็พังครับ

ผมว่าติดแก๊ซนี่เรื่องจิ๊บๆ มาก

ตั้งวาล์ว จูนแก๊ซ เปลี่ยนฝาสูบ ถ้าหาร้านดีๆ ได้(ซึ่งมี มันเป็นเรื่องเด็กๆมาก)
 :)

ออฟไลน์ mongolias

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,369
ขอบคุณ คุณ liveshow ที่ตอบเพิ่มเติมในส่วนที่ผมตกหล่นไปครับ
ลืมแจ้งไป รถผมหลังจากติดตั้งเสร็จแล้ว ก็เอาไปจูนแก๊สตอน 1000 ก.ม. อีกรอบ ซึ่งตอนนั้นรู้สึกจะปรับรูหัวฉีดแก๊สใหม่หรือไงนี่แหละ เห็นช่างบอกว่ามันใหญ่ไป (แต่ผมคนขับ ไม่รู้สึกอะไรเลย 555)

เรื่องน้ำมันเครื่องตอนนี้ผมกำลังลองอยู่ โดยใช้เป็น Mobil1 0W40 ตอนนี้วิ่งไปแล้ว 12,xxx ก.ม. เริ่มหนืดแล้ว กะว่าสิ้นเดือนนี้คงจะได้ฤกษ์ถ่าย ผมว่าน้ำมันเครื่องให้เราสังเกตุรถเราดีกว่าครับ ถ้ามันเริ่มหนืดๆ สีเริ่มดำแล้ว จะเปลี่ยนเลยก็ไม่เป็นไรครับ (แต่มันเกิน 10,000 ก.ม. แน่ๆครับ)

อ้อคุณIncarRus  เอาไปเผยแพร่ได้เลยครับ ไม่สงวนลิขสทธิ์ครับ

ออฟไลน์ nudragon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,871
  • MT Mania!!
เขียน + ใช้ภาษา ได้ดีมากๆเลยครับ ;)

ออฟไลน์ Zamolakae

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 7
แชร์ด้วยคนครับ
ผมเป็นคนใช้รถติดแก๊สเริ่มใช้มาตั้งแต่คันเก่า Toyota Vios ปี 2004
ติดแก๊สแบบหม้อต้ม ร้านติดแก๊สร้านนี้ไม่ทราบว่ายังเปิดกิจการอยู่หรือเปล่าในซอยพุทธบูชาลึกๆเปลี่ยวๆ
เป็นห้องแถวเล็กๆ ติดตอนปี 2006 ราคาเบ็ดเสร็จ14800 บาท(สมัยแก๊สยังไม่ฮิตมากนัก)
ที่ต้องติดเพราะวิ่งเยอะครับวันๆนึงวิ่งเกินร้อยกิโล
แต่เป็นเพราะใช้รถแบบตะบี้ตะบัน และอู่ที่ติดแก๊สมันไกลบ้านและผมจำร้านไม่ได้แล้วว่ามันอยู่ตรงไหน มีปัญหาก็ปรับมั่วๆเอาเองถามคนนู้นคนนี้ทีสุดท้าย
ก็เริ่มไม่ดูแล ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ใช้จนเครื่องพังกันไปเลย ยกเครื่องใหม่ ร้านรู้จักกันเครื่องเชียงกง
ราคาเครื่อง 16000 บาท ค่ายกเครื่องอีกนิดหน่อย เบ็ดเสร็จ 19900 บาท
ผมมาคิดแล้วตั้งแต่เริ่มติดแก๊สผมวิ่งไป 100000 กว่าๆโลจนเครื่องพังผมประหยัดค่าน้ำมันไปเป็นแสนบาทเหมือนกัน

ตอนนี้ขายคันนั้นไปแล้ว
หันมาใช้วีทาร่าปี2000มือสอง แต่ไม่ต้องวิ่งเยอะแล้ว ผมเอามาติดแก๊สหัวฉีดถังแค๊ปซูลก็ยังใช้งานได้ดีครับติดปีที่แล้วอู่หน้าที่ทำงานเห็นหน้าช่างกันแทบทุกวันทำงาน ผมเลือกแบบนี้ดีกว่ามีปัญหาผมยังพารถเข้าไปปรึกษาเขาได้ง่าย ไม่เน้นถูกเหมือนก่อนแต่พอมีปัญหา ขับไปหาช่างแล้วไม่เจอ
 วิ่งตกกิโลละบาทกว่าไม่เกิน 1.70 บาทต่อกิโล
ก็ยังใช้งานได้ดีครับ แต่คันนี้หันมารักรถแล้วครับ ดูแลตามระยะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตรงระยะทุกๆ 5000 โล ผมคิดเอาเองว่าเน้นเปลี่ยนบ่อยๆดีกว่าใช้แบบที่เป็น 10000 กิโลแล้วค่อยเปลี่ยน เพราะผมจะได้พามันไปให้ช่างเช็คดูแลมันบ่อยขึ้น รถผมจะได้อยู่กับผมไปนานๆไม่เหมือนคันเก่า...
และผมก็ยังแนะนำเพื่อนที่วิ่งเยอะๆไปติดแก๊สอยู่เสมอ เพราะจะได้ช่วยเขามีเงินเหลือเยอะขึ้นครับ

สุดท้ายผมว่าถ้าเรารักรถ รถมันก็จะรักเรานะครับ
รักเค้าเค้าก็อยู่กับเราไปนานๆ ไม่พาลเกเร


ชนะตนเองนั่นแหละดี

ออฟไลน์ benzd

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 262
    • อีเมล์
ยินดีด้วยนะครับที่มีความสุขกับการใช้รถติดแก๊ส

ของผมตอนแรกพ่อผมก็แอนตี้ครับ  ก็เลยลองให้เขาไปเที่ยวกับรถป้าที่ติดแก๊สดู ก็ชอบใจเลยครับ
เพาะราคาเติมแก๊สกับน้ำมัน มันช่างต่างกันมากอยู่  ยิ่งมาคิดเ็ป็นระยะทางต่อราคาจะเห็นได้ชัดเจนเลยครับ

ส่วนความปลอดภัย ก็เข้าเช็คอู่ตามระยะ  สังเกตุสิ่งผิดปรกติต่างๆ

และผมก็มีคลิปถังโดนัท LPG ทดสอบการถูกชนท้าย สภาพจะเป็นอย่างไร ?? มาให้ชมด้วยครับ
เครดิต
Mr.ฟักทอง



ออฟไลน์ 470127

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 324
  • BMW e34 Y1993 & Captiva c140 Y2013
ขอบคุณ จขกท มากครับ มีสาระความรู้ให้ผมเป็นอย่างดี

อันที่จริง ผมเคยมีความคิดจะเอารถผมไปติดแก็สเหมือนกันนะ แต่สุดท้ายพับโครงการลงเพราะแค่วิ่งน้ำมัน e34 เก่าของผมยังจะเสียตลอดเลย
ถ้าไปติดแก็สมีหวัง รถลาตายแน่ๆๆ ซึ่งมันจะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผม (ไม่มีกำลังพอจะผ่อนรถคันใหม่)

ออฟไลน์ TTL

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,277
ขอบคุณสำหรับสาระดีๆครับ อ่านแล้วใช้เป็นข้อมุลได้ดีมากๆเลยครับ

โดยส่วนตัวของผมรถที่บ้านก็ติดแก๊สคันนึงคือPajero shogun 3.0ตอนแรกๆก็ไม่คิดจะติดครับแต่เนื่องจากว่าค่านำ้มันแพงแล้วก็รถมันแดกกก นำ้มันมากๆก็เลยต้องยอมติดโดยปริยายครับ ตอนแรกๆจะติดก็ติดแบบMixer(นึกในใจโง่จังเลย) ติดไปแล้วมีปัญหาบ่อยมาก แล้วก็แบล็กไฟล์จนระเบิดแอร์โฟล์พังไปเลย ก็เลยต้องยกระบบแก๊สออกให้หมด เครื่องยนต์ก็สงสารมันอยู่ต่อจากนั้นรถPajero shogunก็ไม่ได้ ดมแก๊สอีกเลยก็กัดฟันใช้นำ้มันไปเรื่อยๆ จนก็เกิดความรู้สึกอีักแล้วว่าที่บ้านเอาเงินไปผ่อนรถคันใหม่จะคุ้มกว่าไมหวะ แพงจังเลยค่านำม้ัน ก็เลยไปอู่นอกที่รู้จักกันแล้วก็เป้นคนถอดระบบแก๊สเก่าิาทิ้งเขาก็แนะนำให้ผมติดแก๊สเหมือนกันแต่เป้นหัวฉีด ตอนนั้นติดของAG หัวฉีด ติดมาถึง ณ บัจจุบันชีวิตยังมีความสุขอยู่เลยครับรถไม่มีปัญหาอะไรเลยรู้ถึงความแตกต่างเวลาวิ่งไปต่างจังหวัดเลยครับ สำหรับผมแล้วที่พูดมาเนีั่ยผมเห็นด้วยเลยนะกับขอความที่มีคนพูดว่า ติดแก๊สจะดียังไงคนติดตั้งนั้นแหละสำคัญที่สุดครับ ถ้าคิดว่าเรายอมรับกับการเสื่อมสาพดครื่องได้เราก็ติดครับคุ้มเงินแน่นอนครับถ้าวิ่งเยอะๆ แล้วก็ตรวจเช็คระบบหม้อนำ้เปลี่ยนกรองแก๊สตามเวลา ใช้นำ้มันเครื่องดีๆหน่อยแค่นี้รถแก๊สมันก็อยู่กับเราได้อย่างไม่มีปัญหาครับ ตอนนี้ก็คิดว่าจะเอาA33ไปติดแก๊สเหมือนกันครับเพราะ คิดว่าใช้แล้วคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของปั๊มนำ้มันเลย กินดุเดือดจริงๆครับ  :D

ออฟไลน์ THEKHAM

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 487
    • อีเมล์
ผมเพิ่งซื้อรถได้ประมาณ 5 เดือน เดือนนึง ใช้ประมาณ 1000-1300 Km.

1 ปี น่าจะอยู่ที่ ราวๆ 15000 Km. ขับในเมืองเสียส่วนใหญ่

ส่วนใหญ่วิ่งประมาณ 250 - 300 Km. จะเติมน้ำมันกลับไป ประมาณ 1000-1100 บาท(E20)

บางครั้งเห็นเรื่องพลังงานงานทางเลือก ก็อดคิดไม่ได้ว่าเราเหมาะสมที่จะติดเเก๊สหรือไม่?

ส่วนต่าง ? ปัญหาที่จะตามมา ?

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีดีครับ ;D

ออฟไลน์ tommyr28

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 68
เพิ่มเติมจากที่เจ้าของกระทู้แจ้งไว้ครับ ที่บอกว่าให้เติมน้ำมันเบนซินอย่างน้อยครึ่งถัง เพื่อป้องกันปั๊มติ๊กกลับบ้านเก่าก่อนกำหนด เดี๋ยวมีคนคิดนอกกรอบอีกว่า โซฮอลล์ก็เบนซิน ไม่ใช่นะครับ อิอิ  ต้องเติมน้ำมันเบนซินเท่านั้น (ห้ามเติมเบนซินโซฮอลล์ เพราะมันจะกัดท่อยางทางเดินน้ำมัน แล้วจะเกิดเรื่องครับ) ถ้ารถคันไหนเติม เบนซิน 91 ได้ก็เติมเบนซิน 91 รถใครต้องเติมเบนซิน 95 ก็ต้องเบนซิน 95 นะครับ อย่ามาถามอีกว่า เบนซิน 95 แต่เติมเบนซิน 91 ได้ไหม อยากเติมก็เติมเลยครับ แต่รถเสียขึ้นมาอย่ามาบ่นให้ฟังก็แล้วกัน อ้อ อีกอย่างตอนนี้มีชุดขายตัดต่อระบบตัดปั๊มติ๊กไม่ให้ทำงานตลอดเวลา (ตอนใช้แก๊ส) อย่างน้อยๆ ก็ช่วยได้จริง ๆครับ และขอให้สมาชิก HLM มีความสุขกับการใช้รถกับพลังงานทางเลือกครับ  ;D
**Neo Club 1.8 Sedan**

ออฟไลน์ neung23

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,662
กำลังสนใจหาข้อมูลอยู่เลยคับ

ผมเติมน้ำมันไม่ไหวแล้ว 3วันถัง ถังละ 2200  :'(
2013 W204 C250 AMG Plus
2011 Prius
2010 X5 xDrive 4.8i
2003 E39 523i Sport

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,089
ขอบคุณสำหรับบทความครับ

ผมว่า ณ เวลานี้ ช่างก็ชำนาญ อุปกรณ์ก็ดีกว่าแต่ก่อนมาก ความเชื่อเก่าๆควรจะโยนทิ้งได้แล้ว สมัยนี้ติด LPG แทบไม่ต้องกลัวอะไรเลยล่ะครับ ดูแลก็ไม่ได้ยากอะไร คุ้มมากๆ