สวัสดีครับ
วันนี้พอมีเวลาว่างตอนเช้าๆ เลยคิดว่าน่าจะขีดๆเขียนๆ อะไรให้เพื่อนๆ HLM อ่านกันซะหน่อยดีกว่า
ซึ่งวันนี้ผมจะขอแชร์ประสบการณ์การติดแก๊สครับ
แรกเริ่มเดิมที ผมไม่เคยมีความคิดที่จะติดแก๊สให้กับรถของตัวเองเลย โดยมีเหตุผลหลักๆดังนี้
1. คุณแม่ผมกลัวรถแก๊ส (จำฝังใจจากเหตุการณ์แก๊ส(LPG)ระเบิดที่ถนนเพชรบุรีเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว)
2. รถที่ผมใช้ Honda Jazz GD ถ้าติดแก๊สถังแคปซูลแล้ว เท่ากับว่าแทบจะไม่เหลือที่ด้านหลังขนของอะไรเลย
3. ความกังวลเกี่ยวกับการเสื่อมสภาพของเครื่องยนต์เมื่อใช้แก๊ส (รถถูกออกแบบมาให้ใช้น้ำมัน ดังนั้นถ้าใช้แก๊สเครื่องย่อมโทรมเร็วเป็นธรรมดา)
ซึ่งผมก็กัดฟันเติมน้ำมันมาโดยตลอด (ผมใช้รถค่อนข้างเยอะครับ วันละ 100 ก.ม. ++) ใช้น้ำมันมา 4 ปีเต็ม ๆ (กับรถคันนี้)
ซึ่งถ้ามาดีดลูกคิดแล้ว พบว่าผมเติมน้ำมันไปแล้วประมาณ 3 แสนบาท มากเกือบครึ่งนึงของราคารถเลยแฮะ
มาวันหนึ่งผมไปเที่ยวกับเพื่อนร่วมบริษัทของแฟนผม เจอ Jazz รุ่นเดียวกัน เค้าเอาไปติดแก๊ส LPG มา แล้วก็มาคุยว่าประหยัดมาก ไป-กลับเชียงราย ค่าแก๊สราวๆ 2,000บาท เท่านั้น
ผมก็เลยไปด้อมๆมองๆ เห็นว่าเค้าติดถังโดนัทมา ซึ่งพอสอบถามแล้วได้ความว่า ถังโดนัทจดทะเบียนผ่านแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าก่อให้เกิดความสนใจในตัวผมทันที เพราะเท่ากับว่าปัญหาข้อที่ 2 ที่ผมมองมันถูกกำจัดไป
ผมจึงเริ่มไปเกริ่นกับทางบ้าน ถามความเห็นคุณแม่ และแฟนผม ซึ่งผมก็ชี้แจงว่าต้องการลดค่าน้ำมัน จากที่จ่ายเดือนละราวๆ 8000 บาท โดยอยากเอาเงินไปทำอย่างอื่นมากกว่า เช่น เอาไปออมเพิ่ม (แต่ตอนนี้รู้สึกว่าจะได้เที่ยวมากกว่าเก่า
) ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากที่บ้าน คุณแม่ผมนั่งรถตู้ติดแก๊สแล้วหลายครั้ง เห็นถึงความประหยัด ก็เลยบอกว่าติดก็ได้ เลือกอุปกรณ์ที่มีความปลอดภัยหน่อยแล้วกัน ผมก็คลายความกังวลไปกับปัญหาข้อแรกของผมไป
เรื่องเครื่องโทรม ผมมองว่ารถผมใช้มาแล้ว 1.7 แสน ก.ม. (ก่อนติดแก๊ส) มันก็ยังวิ่งได้ฉิว เกียร์ที่เค้าว่าเปราะ(CVT) ก็ยังเปลี่ยนเกียร๋นุ่ม ก็คงไม่มีอะไรน่ากลัวล่ะมั๊ง ถ้าพังจริง ขอให้ใช้แก๊สได้สัก 50,000 ก.ม. แล้วจะยกเครื่องก็ยังคุ้ม
โดยคิดจาก ใช้แก๊ส 50,000 ก.ม. ผมจะประหยัดไปได้ราวๆ 75,000 บาท ยกเครื่องใหม่รวมค่าวางอยู่แถว 50,000 บาท ก็ยังคุ้ม
จากนั้นก็เริ่มหาข้อมูลการติดแก๊ส โดยถามจากพี่เขยก่อน ซึ่งรถที่บ้านพี่เขย + พ่อตาผมติดแก๊ส LPG หมดทุกคัน (ซาฟีร่า, วีทาร่า, โดเรม่อน) ลองขับดูก็โอเคนะพอใช้ได้
และผมก็เริ่มหาความรู้ต่อ โดยใช้อากู๋ช่วย (google) ผมเลือกที่จะหาข้อมูลจากเวปดังนี้ ขออนุญาติเอ่ยถึงนะครับ
1. Gasthai เวปแก๊สที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แหล่งความรู้เพียบ แต่ต้องอ่านดีๆ เพราะมีโฆษณาแฝงเยอะเหมือนกัน
2. Iwebgas เวปแก๊สที่ไม่รู้เข้าไปได้ไง แต่อันนี้ซูฮกเลย ว่าข้อมูลแน่นมาก ที่สำคัญโฆษณาแฝงน้อยกว่าแก๊สไทย
3. Hondajazz club เวปคลับของรถที่ผมใช้ ทำไมต้องมาดูเวปนี้ด้วย เพื่อประเมินว่าคนใช้รถรุ่นเดียวกัน เค้าไปติดแก๊สที่ไหนกันเยอะๆ มีปัญหาไหม แก้ปัญหาได้ไหม อู่ไหนติดรถที่เราใช้เยอะๆแล้ว จะทำให้โอกาสที่รถเราจะช้ำน้อยลงไปด้วย
4. web ของร้านติดแก๊สต่างๆ อันนี้สาธยายไม่หมด เพราะเยอะมาก อ่านด้วยความระมัดระวังอย่าหลงเชื่อง่ายๆ
จากนั้นก็เริ่มคิดว่า ควรจะติดแก๊สอะไรดี ซึ่งแน่นอนครับมีอยู่แค่ 2 ชนิดเท่านั้นแหละ NGV กับ LPG
มาดูข้อดี-ข้อเสียของแก๊สแต่ละชนิดกันดีกว่าครับ
ข้อดีของ NGV
1. ราคาถูก เพราะรัฐให้การสนับสนุน
2. มีปั๊มเติมในถนนที่ผมต้องวิ่งผ่านทุกวัน
3. ความปลอดภัยของถังมีมากกว่า LPG (อันนี้เห็นเค้าโฆษณา แต่ส่วนตัวผมเฉยๆ)
ข้อเสียของ NGV
1. ขนาดของถังใหญ่มาก น้ำหนักเยอะ ถ้าติดแก๊สแล้วรถผมท้ายห้อยแน่ แถมด้านหลังไม่เหลือที่เก็บของแน่นอน
2. ต้องเติมแก๊สบ่อย เพราะแม้ถังจะใหญ่แต่เก็บปริมาณแก๊สได้ไม่มากเท่า LPG
3. แม้ว่าจะมีปั๊มในถนนเส้นที่ต้องวิ่งทุกวัน แต่บางวันก็มีป้ายแก๊สหมด แถมยังต้องต่อคิวเติมแก๊สกับรถบรรทุกอีก บางครั้งก็เห็นล้นทะลักออกมานอกปั๊ม
4. ความโทรมของเครื่องยนต์มากกว่า LPG เนื่องจากอุณหภูมิ่ที่ใช้ในห้องเผาไหม้จะมากกว่า
5. เติมแก๊สช้ากว่าจะเต็มถัง (อันนี้เป็นเฉพาะบางปั๊มที่แรงดันไม่ดี)
6. รถอืดกว่า
ข้อดีของ LPG
1. สามารถติดถังโดนัทได้ ทำให้มีพื้นที่ด้านหลังเหลือเท่าเดิม (เมื่อติดแทนยางอะไหล่) แจ้งจดทะเบียนได้แล้วด้วย
2. ปั๊มมีเยอะแยะ ถนนเส้นที่ผมวิ่งผ่าน มีปั๊มแก๊สรวมกันเกือบ 10 ปั๊มแล้ว
3. ไม่ต้องเติมแก๊สบ่อย (ผมติดถัง 42 ลิตร วิ่งได้เกือบ 400 ก.ม.)
4. ความโทรมของเครื่องยนต์ ไม่มากเท่า NGV
5. ถ้าจูนแก๊สดีๆ วิ่งไม่แพ้น้ำมัน ฉิวกว่า NGV แน่ๆ
ข้อเสียของ LPG
1. ราคาแพงกว่า NGV
2. รัฐไม่สนับสนุน อาจจะโดนลอยตัวได้ แต่ใครจะสนล่ะ ถึงลอยตัวไปก็ยังถูกกว่าน้ำมันอยู่ดี
3. ที่เติมแก๊สติดอยู่ด้านล่าง สงสารเด็กปั๊มต้องมุดเพื่อเสียบสายแก๊ส
ผมใช้เวลาหาข้อมูลสุดท้ายเลือกที่จะติด LPG ครับ จากนั้นก็เลือกร้านที่จะติดแก๊ส จนในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะติดตั้งกับร้านๆหนึ่ง ที่ผมดูแล้วเค้ามีสิ่งที่ผมต้องการ
1. อุปกรณ์ที่ใช้เป็นอุปกรณ์ที่ได้รับการยอมรับ(มีชื่อเรียกว่างั้น) มีคนติดกันเยอะ มีตัวแทนจำหน่ายที่เชื่อถือได้
2. การติดตั้งต้องถอดท่อไอดีออกมาเจาะ เพื่อป้องกันเศษวัสดุต่างๆ ตกไปในท่อไอดี
3. มีบริการหลังการขาย ไม่ทอดทิ้งลูกค้า เมื่อเกิดปัญหาแล้วต้องพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาให้แก่ลูกค้า
4. คนติดตั้งต้องมีความรู้ สอบถามอะไรควรที่จะได้รับตำตอบรวมถึงสามารถให้คำแนะนำเบื้องต้นได้
5. ราคาต้องไม่แพงกระโดด แต่ต้องไม่ถูกจนโอเวอร์
ทีนี้สิ่งที่เราต้องเตรียมตัวก่อนที่จะติดแก๊สคือ
1. ตรวจเช็คระบบเครื่องยนต์ ให้มีความพร้อมที่สุด ผมเลือกเอารถเข้าศูนย์ก่อนติดแก๊ส ถ่ายพวกน้ำมันเครื่องก่อนครับ
2. เปลี่ยนหัวเทียน กรองอากาศ เพื่อให้ตอนจูนแก๊สแล้วได้ค่าความแม่นยำมากที่สุด
3. ทำใจครับ (คนที่รักรถ ต้องทนดูรถโดนเจาะ ทะลวง) ผมแก้ปัญหาด้วยการ เข้าไปรอในห้องช่วงที่เค้าเจาะ 5555 จะได้ไม่ต้องเห็น
4. ข้อนี้สำคัญที่สุดคือ เงินครับ ต้องเตรียมเงินไปให้พอค่าติดตั้ง
สิ่งที่ไม่ควรเอามาเป็นข้อตัดสินใจ
1. ราคา ท่องเอาไว้ครับ ของถูกและดีไม่มีในโลก อย่าเลือกเพราะว่ามันถูกครับ ให้ดูที่ตัวอุปกรณ์ที่ใช้ แม้จะแพงไปบ้าง แต่แลกกับการใช้งานที่ไม่ต่างจากน้ำมัน และเครื่องไม่โทรมเร็ว มันก็คุ้ม
2. อุปกรณ์ที่ใช้ไม่จำเป็นต้องเลอเลิศครับ ผมก่อนติดแก๊สมอง ecu แก๊สรุ่นหนึ่งไว้ แต่พอติดจริงๆ ช่างบอกว่าไม่จำเป็นต้องใช้รุ่นนั้น เพราะรุ่นที่ต่ำกว่าก็ใช้งานได้ไม่ต่างกันมาก อันนี้อาจจะขึ้นอยู่กับจรรยาบรรณของช่างด้วย ผมถือว่าผมโชคดีที่ติดอู่นี้
3. ระยะทางครับ ผมขับรถไปกลับเพื่อมาติดแก๊สเกือบ 250 ก.ม. ครับ แต่ก็พอใจกับผลงาน ติดแล้วต้องจบ
4. ระบะเวลา ร้านที่ติดตั้งเร็วๆ มีโอกาสที่งานจะขาดความระมัดระวัง แต่ก็ไม่ควรจะช้าเกินไปเช่นกัน(แปลว่าช่างไม่ชำนาญ) ตอนผมเอาไปติด เข้าอู่ 8 โมง เสร็จตอนทุ่มครึ่ง
หลังจากติดแก๊สมา ก็ดีครับ ประหยัดเงินค่าน้ำมันไปได้พอสมควรเลยครับ
แต่คุณต้องเข้าใจเช่นกันว่า รถติดแก๊สอัตราการสิ้นเปลือง จะกินมากกว่าน้ำมันราวๆ 15%ได้ แต่ถ้ามองในแง่ตัวเงินแล้ว ผมประหยัดเงินไปได้ราวๆ 65% ครับ
ทีนี้มาดูกันว่าใครที่ควรจะติดแก๊ส
1. ใช้รถเยอะ มากกว่าวันละ 50 ก.ม. ก็น่าติดแล้วครับ รถผมคำนวณแล้วว่าจะคืนทุนตอนวิ่งครบ 20,000 ก.ม. ซึ่งแค่ 6 เดือนก็คืนทุนแล้ว(ตอนนี้คืนทุนแล้วครับ)
2. มีเวลาสังเกตุอาการของรถตัวเอง เนื่องจากรถติดแก๊สเข้าข่ายดัดแปลงสภาพรถ ดังนั้นคุณควรที่จะหมั่นเช็ค พวกระบบระบายความร้อน น้ำหม้อน้ำ ปั๊มน้ำ วาล์วน้ำ พัดลม เพราะรถติดแก๊สที่น่ากลัวคือปัญหาโอเวอร์ฮีทครับ
3. ชอบท่องเที่ยว ผมพอติดแก๊สแล้วออกทริปเป็นว่าเล่น เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ก็เอารถไปเชียงใหม่มา 3 วัน หมดค่าแก๊สไป 1600 บาท ถ้าเป็นน้ำมันคงราวๆ 5000 บาท
สิ่งที่คนที่เอารถไปติดแก๊สควรที่ทำหลังจากติดแล้ว
1. หมั่นเช็คอุปกรณ์แก๊ส ถ้าไม่มีเวลา ก็เอาไปที่ร้านที่คุณติดให้เค้าเช็คให้ ผมเอาไปที่ร้านที่ติดแก๊สทุก 10,000 ก.ม. ครับ
2. เติมน้ำมันเบนซินไว้ราวๆ ครึ่งถัง เพื่อยืดอายุปั๊มติ๊ก (ย้ำนะครับ เบนซินเท่านั้น)
3. เช็คพวกอุปกรณ์ที่เกี่ยบกับระบบระบายความร้อน เวลาขับรถไกลๆ พอจอด แนะให้เปิดกระโปรงรถ เพื่อระบายความร้อนครับ
4. อุปกรณ์บางส่วนอาจจะเสื่อมสภาพไวกว่าปกติ พวกที่เป็นลูกยาง ท่อพลาสติก ควรหมั่นสังเกตุรถตัวเองด้วย
5. เลือกใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพดีๆ ปกติผมใช้น้ำมันเครื่องศูนย์เป็นกึ่งสังเคราะห์ธรรมดา แต่พอติดแก๊สแล้วผมเปลี่ยนไปใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แทน ซึ่งผลที่ได้ คือรถพุ่งกว่าเดิม รวมถึงเสียงเครื่องเงียบลงด้วย
หวังว่าประสบการณ์ของผม จะเป็นประโยชน์กับคนที่อยากจะติดแก๊สบ้างครับ
สำหรับบทความนี้ หากขาดตกบกพร่องอะไร ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย และถ้าใครมีอะไรที่จะแชร์กัน ก็ยินดีครับ
ปล. พิมพ์ไปชักยาวแฮะ จบดีกว่า