กรุงเทพส่วนติดอ่าวไทยมันไม่ใช่เหวนะครับ จะได้ปล่อยน้ำท่วมแล้วไหลโดยไม่มีอะไรขวางลงได้เลยในวันสองวัน
ยังไงรูระบายน้ำก็เท่าเดิม ถ้าปล่อยมาหมด ท่วมยังไงก็ขังเป็นเดือน
เหมือนกับว่าคุณมีบ้านชั้นเดียว ติดคลอง แล้วน้ำคลองสูงกว่าระดับบ้าน แต่มีเขื่อนกั้น เริ่มแรกทุกคนก็ต้องกั้นน้ำจากหน้าบ้าน
ถ้าไม่ไหวก็อาจจะให้ท่วมบ่อปลา ต่อมาก็อาจจะโรงรถ แต่ถ้ามันจะเข้าบ้าน คุณจะปปล่อยให้ท่วมทั้งบ้านเท่ากัน
หรือคุณจะเลือกให้ท่วมบางห้อง ส่วนห้องที่เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้า ห้องเก็บเอกสารไม่ท่วมครับ สุดท้ายก็ต้องรอน้ำลดด้วยการปั้มน้ำลงคลอง
น้ำมันไม่ได้เท พรวดลงคลองทีเดียวครับ
เราลดอคติคำว่าคนกรุงเทพเถอะครับ คนกรุงเทพก็คือคนที่มาจากทั้งประเทศนั่นแหละ มาทำมาหากิน ตั้งรกราก มาศึกษา
ถ้าเดือดร้อนมันกระทบวงกว้างมากกว่าแค่เศรษฐกิจแน่ๆ ภาคการเงิน ส่งออก นำเข้า การสื่อสาร คมนาคม การก่อสร้าง การศึกษา การติดต่อราชการ ธุรกรรมต่างๆ ฯลฯ
แล้วมันจะวกไปกระทบทุกภาคของประเทศ
ถ้ายกตัวอย่างห้างสรรพสินค้า ถ้าใครคิดว่ามันไม่กระทบอะไร...น้ำไม่ท่วมห้างก็เปิด ต่อให้คนไม่เข้า พนักงานก็ยังไปทำงานได้ มีรายได้ บางคนใช้เพื่อการศึกษา
บางคนส่งกลับบ้าน...ถ้าท่วมแล้วปิดห้างล่ะ...นี่แค่คิดแบบหยาบๆ ถ้าลองขยายสเกลเป็นทั้งกรุงเทพล่ะครับ
บ้านผมรอบนอกกรุงเทพครับ เตี้ยกว่าถนน 1 เมตรกว่าด้วย ตอนนี้ก็ท่วมเรียบร้อยละ ของก็ไม่ได้ไปซื้อตุน รถก็ไม่ได้หนีไปจอดไหน
ถ้าโดนรถก็ซ่อมไป พังก็ทำงานหาเงินมาซื้อใหม่ ยังมีแรงก็หากันต่อไป
เพราะผมคิดเองว่าอย่างน้อยที่ที่ผมจะเอารถไปจอดมันก็ว่างให้สำหรับคนอื่นที่เดือดร้อนกว่า แน่นอนมันต้องมีคนรวยๆไปจอด
แต่ถ้าทุกคนคิดแต่จะเอาตัวรอด มันไม่มีที่พอสำหรับทุกคนหรอกครับ เหมือนกับพื้นที่รองรับปริมาณน้ำปีนี้
ถ้าเราหยุดกงล้อของความเห็นแก่ตัวไว้ที่ตัวเรา มันก็จะไม่หมุนต่อไป
อย่าไปคิดว่าเราเดือดร้อน คนอื่นมันสุขสบาย
คนกรุงเทพไม่ได้มีความสุขหรอกครับตอนนี้
อีกอย่างมันไม่ได้แก้ง่ายๆแบบคำหล่อๆที่คนชอบโพสในทวิตเตอร์ ว่าปล่อยน้ำจากอยุธยามาเถอะ เพื่อให้กรุงเทพท่วมครึ่งเข่า อยุธยาครึ่งเข่าหรอกครับ
เลือกได้ไม่มีใครอยากให้น้ำท่วมไม่ว่าที่ไหนหรอกครับ
ปล.ผมเข้าใจว่า ฉะเชิงเทราคือเพิ่มช่องทางน้ำออกทะเลที่เพิ่มขึ้น เพราะกรุงเทพมีขีดจำกัดการระบายน้ำ ไม่ใช่ว่าผันน้ำไปท่วมฉะเชิงเทราเล่นๆนะครับ