ผู้เขียน หัวข้อ: Review Lotus Exige S my 07-10  (อ่าน 67084 ครั้ง)

ออฟไลน์ ugly...

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 160
    • อีเมล์
Review Lotus Exige S my 07-10
« เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 16:13:25 »
เครดิตจากเว็ป AlfaThailand.com นะครับ
http://www.alfathailand.com/forum/index.php/topic,3454.0.html


ออฟไลน์ ugly...

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 160
    • อีเมล์
Re: Review Lotus Exige S my 07-10
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 16:13:47 »
รุ่นที่ผมเอามารีวิวนี่ยึดรุ่นที่เมืองไทยที่นำเข้าจาก Niche Car เป็นหลักนะครับ
คือรุ่นเมืองไทยจะไม่มีแยกเป็น package ต่างๆเหมือนเมืองนอก
จะเป็นรุ่นที่ทางบริษัทนำเข้ามาแบบครบๆ ไม่มีออปชั่นแยกให้ลูกค้าเลือก
ยกเว้นจะเป็นรุ่นที่ลูกค้าสั่งเป็นพิเศษ.....

โดยรุ่นที่ขายเมืองไทย เท่าที่ผมจำได้ ถ้าปี 07 ลงไป จะเป็นรุ่น S220
คือเป็นรุ่นที่มี supercharge 220 แรงม้า หน้าปัดสีขาว เบรคธรรมดา สคูปสั้น โช็คธรรมดา






ส่วนรุ่นปี 08-10 จะเป็นรุ่น S240 จุดที่แตกต่างชัดๆดังนี้
1.supercharge 240 แรงม้า
2.หน้าปัดสีดำ
3.variable tracktion control
4.launch control
5.เบรค AP
6.สคูปยาว
7.โช็คซิ่ง ปรับระดับได้
โดยรุ่นที่ผมจะเอามารีวิวจะเป็นรุ่นนี้นะครับ








ส่วนรุ่นปี 11 จะเป็นรุ่นไมเนอร์เชนจ์นิดๆหน่อยๆ
ที่สังเกตุเห็นหลักๆก็จะเป้น กันชนหน้า และ สปอยร์เลอร์หลัง แต่รายละเอียดส่วนอื่นเหมือนๆเดิม



ออฟไลน์ ugly...

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 160
    • อีเมล์
Re: Review Lotus Exige S my 07-10
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 16:14:34 »

โครงสร้างหลักๆของ Exige นี่จะเป็นอลูมีเนียมแทบทุกชิ้น
แล้วใช้กาวแบบเดียวกับที่ใช้ในการต่อเครื่องบินมายึดอลูมิเนียมแต่ละชิ้นเข้าด้วยกัน
ทำให้ปลอดสนิม และมีความทนทานแข็งแรงมากกว่ารถปกติทั่วๆไป

สังเกตุด้านข้างที่ธรณีประตูสูงมากขนาดนั้น เวลาจะเข้าออกทีลำบากมาก
ก็เพื่อความปลอดภัย เป็นเหมือนโรลบารในตัว เวลามีอุบัติเหตุด้านข้างตัวถังรถจะทนแรงกระแทกได้มากกว่ารถปกติทั่วไปหลายเท่า



ออฟไลน์ ugly...

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 160
    • อีเมล์
Re: Review Lotus Exige S my 07-10
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 16:15:14 »
ส่วนโครงสร้างภายนอกจะใช้เป็นไฟเบอร์ทั้งหมด
โดยเอามาประกบเข้ากับโครงอลูมิเนียม

หน้าตาของ Exige อาจจะดูประหลาดสักหน่อย แต่เชื่อเถอะว่า
ทุกเหลี่ยม ทุกมุม ทุกเว้า ทุกโค้ง เป็นการใช้กระแสลมให้เป็นประโยชน์
ลิ้นหน้า และหางหลังที่ใหญ่ จะช่วยกดให้ตัวรถติดอยู่กับพื้นเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูง


ออฟไลน์ ugly...

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 160
    • อีเมล์
Re: Review Lotus Exige S my 07-10
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 16:16:01 »
ลักษณะด้านหน้าจะเห็นได้ว่า ไฟหน้าและซุ้มล้อจะโป่งสูงขึ้นมาเพื่อรีดลม
ลมที่เข้ามาจากกระจังหน้า จะเข้าไปเป่าหม้อน้ำและผ่านขึ้นมาตรงแผงรูปพระจันทร์เสี้ยวด้านบน
แล้วรีดออกด้านข้างตัวรถ ลมที่ได้จากการรีดนี้จะเข้าไปในสคูปด้านข้างรถ
เพื่อไปเป่าห้องเครื่อง ส่วนลมอีกส่วนที่เข้าจากสคู๊ปด้านบนหลังคา
จะรีดลมเข้าไปเป่าอินเตอร์ของ Supercharger ที่อยู่ด้านหลัง

สังเกตุตรงประตูด้านข้างที่ทำเว้าเข้าไป หลักๆไม่ใช่เพื่อความสวยงาม แต่เป็นทางดักลมเข้าสคู๊ปด้านข้าง





ออฟไลน์ ugly...

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 160
    • อีเมล์
Re: Review Lotus Exige S my 07-10
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 16:16:45 »
โคมไฟด้านหน้าจะมีทั้งหมด 3 ชุด

ชุดแรกโคมใหญ่ ถ้าเป็นปี my07 ขึ้นไปแล้วจะมีไฟในโคม 3 ควง
ถ้าปี my 07 ลงไปจะมีแค่ 2 ดวง

ดวงแรกเล็กๆด้านข้างเป็นไฟหรี่ ตรงกลางเป็นไฟต่ำ ถัดมาเป็นไฟสูง





ชุดที่สองถัดมาที่เป็นสีส้มๆจะเป็นไฟเลี้ยว

และชุดที่ 3 ข้างล่างเป็นไฟ daylight แต่พอมาเป็นเสป็กเมืองไทย เขาจัดไม่เชื่อมสายไฟไว้ คือมีแต่เปิดไม่ได้นั่นเอง
(อันนี้ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกันนะครับ ยังงอยู่ ว่าทำไมไม่ต่อสายไฟเอาไว้)





โคมของ Exige นี่จะมีรูเล็กๆไว้ระบายน้ำด้วย
เพื่อนๆไม่ต้องแปลกใจถ้าเห็นรถ Lotus ทุกคันมีไอน้ำตรงโคมไฟหน้า เป็นเพราะเขาดีไซน์ไว้ให้น้ำเข้าได้
แต่พอเข้าได้ไม่นานไอน้ำมันก็จะระเหยไปเอง (ทำมาทำไมฟระ มันต้องมีสาเหตุสิ)

ออฟไลน์ ugly...

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 160
    • อีเมล์
Re: Review Lotus Exige S my 07-10
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 16:17:05 »
ล้อด้านหน้าจะเป้นล้อ Forged ขนาด 16 นิ้ว และด้านหลังจะเป็นขนาด 17 นิ้ว เบามากๆ

ส่วนรุ่น S240 จะให้ชุดเบรค AP มาให้ทั้ง 4 ล้อ
(แต่ในรูปจะเป็นชุด kit ของ cup 260 นะครับ หน้าตาคล้ายกัน เบรคจะใหญ่ขึ้นและเบาขึ้นอีกนิดหน่อย แต่เบรคดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด)
โดยเบรคชุด AP ที่ให้มาเดิมๆรับรองว่าขนมๆเลย มีม้ากี่ตัวฆ่าได้หมด ยกเว้นม้าพยศเท่านั้น อาจจะมีเสียวบ้าง

ผมได้ลองขับทั้งรุ่นเบรค AP เดิมๆ และรุ่น KIT ของ Cup 260 แล้ว ต้องยอมรับว่า ถ้าตีนหนักต้องยอมเสียตังครับ
เพราะมันดีกว่าจริงๆ ดูดเท้าจนไม่อยากจะกลับมาขับ AP แบบเดิมๆเลย





ช่วงล่างรุ่น S240 จะเป็นโช็คซิ่ง Bilstein (เห้นในรูปไม่ใช่ Tein นะครับ แค่ภาษาอังกฤษ 4 ตัวหลังมันเหมือนกัน)
สามารถปรับระดับขึ้นลง ปรับแข็งอ่อน และมี subtank ด้วย




ช่วงล่างรุ่นนี้ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี พอบวกกับโช็คที่มี subtank ทำให้หนึบเป็นตุ๊กแก
แต่เวลาไปแล้วก็ไปลับเช่นกัน เพราะฉะนั้น อย่าดันเผลอไผลไปปิด Tracktion Control ซะนะคับ

เวลาที่จัมพ์คอสะพาน ไม่ต้องกลัวว่าจะมีเป๋ รับรอง Exige รุ่นนี้เอาอยู่แน่นอนครับ
ส่วนรุ่น S220 ที่ไม่มี subtank แนะนำอย่างยิ่งว่าต้องเสียตังซะแล้ว ประมาณแสนกว่าบาทแต่คุ้มค่าแน่นอน

ออฟไลน์ ugly...

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 160
    • อีเมล์
Re: Review Lotus Exige S my 07-10
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 16:17:36 »
ด้านหลังจะเห็นแพนหางที่ใหญ่มโหราฬ เพื่อสร้างแรงกดเวลาที่รถวิ่งเร็วมากๆ
สังเกตุดูดีๆจะพบว่าไม่สามารถมองกระจกหลังแล้วเห็นรถด้านหลังได้ เพราะว่ารุ่นนี้มีอินเตอร์ของ supercharge
มาปิดบังทัศนวิสัยไว้เต็มที่ ทำให้การถอยหลังจอดหรือการขับรถเป็นไปได้อย่างยากเย็นพอสมควร
สำหรับคนที่ไม่เคยชินก็เล่นเอาปวดกระโหลกไปนาน เวลาไปจอดรถในห้าง ยามก็โบกแล้วโบกอีก
คนขับก็ถอยเข้าซองไม่รอดสักที แนะนำให้ไปติดกล้องมองหลังเพิ่มจะช่วยได้เยอะมาก





ส่วนไฟท้ายทางด้านหลัง จะมี 2 ชุด ด้านริมเป็นไฟเบรคและไฟเลี้ยว และด้านตรงกลางถัดมาเป็นไฟตัดหมอกหลังและไฟถอยหลัง
รุ่นใหม่นี้ไฟจะเป็นหลอด LED แล้วนะครับ





ออฟไลน์ ugly...

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 160
    • อีเมล์
Re: Review Lotus Exige S my 07-10
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 16:18:17 »
ด้านหลังมี diffuser มาให้เสร็จสรรพ ไม่ต้องไปหาตังมาแต่งต่อ




ส่วนด้านล่างใต้ท้องจะมีแผ่นอลูมิเนียม ปิดยาวทั้งหมด ทำให้มองไม่เห็นอะไรเลย
เวลาเซอร์วิสต้องระวังเป้นอย่างมาก จะมี mark point ไว้ให้ด้านล่าง ว่าจะขึ้นฮ้อย หรือจะยกแม่แรงตรงไหน
ไม่งั้นแผ่นอลูมิเนียมยับเยินแน่ๆครับ

เวลาวิ่งผ่านถนนที่มีทราย จะมีเสียกิ๊งกั๊งไปตลอด เนื่องจากทรายที่กระเด้นเข้าใต้ท้องรถไปกระทบแผ่นอลูมิเนียม หนวกหูเป็นอย่างมาก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 23, 2011, 18:42:35 โดย authen »

ออฟไลน์ ugly...

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 160
    • อีเมล์
Re: Review Lotus Exige S my 07-10
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 16:18:48 »
ภายในจะเป็นลักษณะแบบดิบๆหน่อย ไม่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมาให้มากมายเท่าไหร่
แต่ยังดีที่รุ่นนี้มีกระจกไฟฟ้ามาให้แล้ว แต่พวงมาลัยก็ยังไม่มีเพาเวอร์เช่นเคย ทำให้ต้องออกแรงสาวกันนิดหน่อย
แต่ไม่ค่อยเป็นปัญหาเท่าไหร่ เนื่องจาก ตัวรถไม่ได้หนักมาก และเครื่องไม่ได้วางด้านหน้า

ส่วนกระจกมองข้างยังต้องใช้มือปรับกันเองเช่นเคย แต่รุ่นใหม่นี้ กระจกมองข้างทำมุมดีขึ้นกว่าเดิมแล้ว
ทำให้การขับขี่ง่ายขึ้นกว่าเดิมเยอะ ไม่ต้องกลัวจะไปสอยมอเตอร์ไซค์ที่แว้นมาข้างๆ

พวงมาลัยไม่มีเพาเวอร์นะครับ เพราะเขาบอกว่าระบบอิเลคโทรนิคจะทำให้พวงมาลัยเพี้ยนไป
เวลาขับรถจะไม่ได้ความรู้สึกจากรถ จากพื้นถนน และจากโค้งที่จะสื่อขึ้นมาถึงพวงมาลัย
เชื่อได้เลยว่าพวงมาลัยนี่สุดยอดจริงๆ มันถ่ายทอดสภาพพื้นผิว และโค้งทุกโค้งให้เราได้รับรู้จริงๆ


ระบบแอร์เป็นแบบแมนน่วลสุดๆ เป็นช่องกลมๆให้หมุน ไล่จากอุณหภูมิ ความแรงพัดลม และปุ่มปรับแอร์ขึ้นลงบน กลาง ล่าง
รุ่นใหม่ๆนี่แอร์ดีขึ้นกว่าเดิมเยอะ ไม่ต้องร้อนเป็นเตาปิ้งไก่ย่างอีกแล้ว แต่ก็ยังไม่เย็นฉ่ำซะทีเดียว
เวลาที่อัดรถรอบสูงๆ ไฟฟ้าจะตัดการทำงานของคอมแอร์เพื่อเอาไปเลี้ยง superchare ก่อน ทำให้มีลมออกอย่างเดียวไม่มีความเย็นเป็นช่วงๆ
แต่สำหรับผมแล้ว ผมแฮปปี้กับมันพอสมควรครับ กดง่าย ปรับง่าย ไม่ต้องลำบากลำบนเหมือนแอร์รุ่นใหม่ๆ แค่จะปรับทีต้องเล่นเอาเปิดคู่มือกันทีเดียว

ส่วนตรงก้านปรับไฟเลี้ยว สังเกตุดีๆจะมีก้อนหมุนกลมๆ ไอ้ก้อนสำหรับรุ่น S240 เท่านั้น มันคือ Variable tracktion control
ใช้ปรับให้ระบบตัดการทำงานมากหรือน้อยได้ จะให้ล้อปัดนิดหน่อย หรือปัดมากหน่อย หรือปิดไปเลยก็ยังได้ สะใจขาซิ่งกันทีเดียว

หน้าปัดไม่มีอะไรมาก แต่ดูดีๆจะมีวงกลมสีแดง 3 วง มันก็คือ shift light นั่นเอง แต่ไม่ค่อยจะเวิรคเท่าไหร่ครับเพราะแสงมันไม่แรงไม่วาบเข้าตา ....





รุ่นนี้ถือว่าไฮเทคมากๆแล้ว มีถุงลมนิรภัยมาให้ 2 ชุด ทั้งคนขับและผู้โดยสาร
มีวิทยุที่เสียบต่อไอโฟนได้ แต่เสียงแย่มากๆ แย่จนไม่สามารถให้อภัยได้เลย
เนื่องจาก ตัวรถที่เป็นไฟเบอร์และต้องการลดน้ำหนัก การประกอบมือที่ยอมรับว่าไม่ได้เรียบร้อยเท่ารถยี่ห้ออื่นๆ
และตัวถังที่เป็นไฟเบอร์ไม่มีวัสดุซับเสียงเพิ่ม เสียงเครื่องที่ดังเข้ามาในห้องโดยสาร
ทำให้แม้จะหมดเงินไปเป็นหลักแสนก็ไม่ได้ทำให้ฟังเพลงเพราะเท่าไหร่นัก
แต่ถ้าจะทำจริงๆ ฟังเอาเพราะๆก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ ต้องติดวัสดุซับเสียงใหม่รอบห้องโดยสาร
ก็พอจะทำให้ฟังเพราะขึ้นได้ แต่ต้องแลกกับน้ำหนักรถที่เพิ่มขึ้นอีกหลายกิโล





หน้าปัดเรียบๆ ไม่มีอะไรมากมาย อ่านง่ายดี อย่างนี้สิเหมาะสำหรับรถแข่งโดยเฉพาะ ไอ้ที่รกๆตาอย่าเอามาไว้เลย ได้โปรด





ไอ้สายยาวๆนี่แหละ สายจิ้มไอโฟน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 23, 2011, 16:51:22 โดย authen »

ออฟไลน์ ugly...

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 160
    • อีเมล์
Re: Review Lotus Exige S my 07-10
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 16:19:29 »
เกียร์ 6 สปีด ที่แสนจะทุเรศทุรัง พร้อมกับแป้นเบรคและครัชที่สุดห่วย เดี๋ยวจะบอกว่าเป็นยังไง....
เวลาจะเข้าเกียร์ถอยหลังต้อง'ใช้นิ้วคีบตัวล็อคแล้วยกขึ้นคล้ายๆกับรถยุโรปโบราณๆ
จะเข้าทีนึงก็ไม่ใช่ง่ายๆ ถ้านิ้วไม่ได้ฝีกเล่นเกมมาบ่อยๆนิ้วอาจไม่แข็งแรง อาจจะเข้าผิดเป็นเกียร์ 1 ได้

ที่ผมว่ามันทุเรศทุรังเป็นเพราะ ไม่ว่าจะคันไหนๆของ Lotus ระบบเกียร์ก็ไม่ค่อยจะสมูทเท่าไหร่
แม้แต่รุ่นใหม่ๆอย่าง Evora ก็มีแต่คนด่าว่าเข้ายาก โดยเฉพาะเกียร์ 2 และ 3 นี่ มันดูขัดๆยังไงชอบกล
พอไปเทียบกับรถสปอตร์ตัวเล็กๆอย่าง Mazda MX5 รุ่น NA เก่าๆอายุ 20 ปีแล้ว
ยอมรับว่า MX5 กินขาดหลายขุม เพราะคันเกียร์ของมันทั้งสั้นและกระชับดีจริงๆ
เขียนไปแล้วก็ยังอดนึกถึง MX5 ไม่ได้ ผมยังจำได้ว่าเคยอ่านหนังสืออะไรสักอย่าง
ที่เปรียบเทียบเกียร์ของ MX ว่า "เหมือนเอามีดคมๆหั่นลงไปในก้อนเนยร้อนๆ" อูยเห็นภาพเลย
เปรียบเทียบกับ Exige คันนี้ต้องบอกว่า เหมือนเอามีดปื้นๆหั่นลงบนกะลามะพร้าว มากกว่า

ส่วนครัชและเบรคก็แคบมากๆ ที่ฝรั่งมันชอบเรียกว่า dead pedal
คือมันชิดกันมากเกินไป และคนที่เท้าใหญ่ๆขับไม่ได้ เพราะวางเท้าไม่ได้
จนต้องมีชุดแต่ง pedal ขายต่างหากสำหรับคนเท้าใหญ่
ฝรั่งมันบอกว่าเท้าเบอร์ 11-12 ขึ้นไปจะมีปัญหา แต่โชคดีผมใส่แค่เบอร์ 8

อ้อ...อีกอย่างคือมันไม่ค่อยเหมาะสำหรับคนตัวเตี้ยนะครับ
อย่างเช่นผมเองสูงแค่ 160 เวลาขับตาอยู่ที่พวงมาลัยเลย มองไม่เห้นอะไรเลย
ขาผมก็สั้นเหยียบครัชไม่สุด ต้องเอาแหวนมารองเบาะยกสูงขึ้น 1 นิ้ว
และก้หาอะไรมาเสริมครัชเช่นกัน ไม่งั้นขับแป๊ปเดียวตระคริวกิน

อ่า.. แล้วก้ครัชแข็งใช่เล่นนะครับ เตือนไว้ก่อน แข็งกว่าพวกอีโว ซูบี้อีก





สังเกตุดีๆ ตรงภาพเบลอ  ....... มันคือที่วางแก้วน้ำ
รุ่นใหม่นี้มีที่วางแก้วน้ำแล้วนะครับ แม้จะดูแปลกๆหน่อย แต่ก็ใช้งานได้พอทน และหดเก็บเข้าไปข้างใต้ได้เวลาไม่ได้ใช้
แต่แก้วหลายๆแบบอาจจะวางไม่ได้นะครับ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 23, 2011, 17:04:26 โดย authen »

ออฟไลน์ ugly...

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 160
    • อีเมล์
Re: Review Lotus Exige S my 07-10
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 16:20:16 »
ตรงเกียร์จะมีปุ่มปิด Tracktion control อยู่
และปุ่มนี้เองจะใช้ทำหน้าที่เดียวกับ Launch Control เวลาออกตัว
ระบบคอมพิวเตอร์จะทำหน้าที่สั่งงานและคำนวนว่าหมุนล้อฟรีขนาดไหน เท่าไหร่ยังไง ถึงจะออกตัวได้เร็วที่สุด

รุ่นนี้โรงงานเคลมไว้ 0-100 ในเวลา 4 วินาทีเท่านั้นเอง.... (มีจุดทศนิยมนิดหน่อยจำไม่ได้ครับ)
ด้วยอัตราเร่งที่สุโค่ยขนาดนี้ ซุปเปอร์คาร์คันไหนถ้าไม่สุดจริงๆก็มาเหอะ ไม่ได้แอ้มหรอก



ออฟไลน์ ugly...

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 160
    • อีเมล์
Re: Review Lotus Exige S my 07-10
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 16:20:42 »
ความเร็วปลายกดได้สุดๆประมาณ 250 ครับ นับว่าน้อยไปนิดเมื่อคิดจะไปอัดกับพวก Supercar
แต่ก็เพียงพอถ้าใช้วิ่งในสนาม และไปขับรถเล่นๆกัน

เพราะในความเป็นจริงแล้ว ส่วนใหญ่ที่ขับๆกัน ความเร็วก็จะอยู่ประมาณ 200 -220
เพราะแต่ละคนก็กลัวตายกันทั้งนั้น...




คิดจะเล่น Exige ต้องกล้าที่จะลากรอบ เมื่อลากจนสุดไมล์วัดรอบระบบจะตัดการทำงานเอง
เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าเครื่องจะพัง แต่พอระบบตัดการทำงานแล้ว ใครยังดันทุรังกดต่อไปโดยไม่เปลี่ยนเกียร์ ก้คงไม่พ้นยกเครื่องใหม่เป็นแน่

....แต่ไม่ต้องกลัวนะครับ เพราะเครื่อง Exige ตัวนี้ใช้เครื่อง 2ZZ ตัวเดียวกับที่ใช้ใน Celica เชียงกงมือสองเพียบ
ราคาก็อยู่ประมาณ 2 หมื่นบาทเท่านั้นเอง ส่วนพวกกรองน้ำมันเครื่องก็หาไม่ยาก ตามบีควิกก็มี ราคาก็ไม่น่าจะเกิน 300
ถือว่าเป็นรถที่ค่าซ่อมและเซอร์วิสถูกมากๆ ถูกกว่ารถญี่ปุ่นหลายยี่ห้อ เนื่องจากระบบอิเล็คโทรนิคอะไรก้ไม่ค่อยจะมี


เวลาส่องลงไปตรงช่องด้านหลังห้องเครื่องก็จะเห็นเครื่องยนตืโดยตรงเลย ไม่มีกระจกอะไรมาเกะกะ เพื่อช่วยระบายความร้อนให้ดีขึ้น
แต่ข้อเสียคือ ห้องเครื่องจะสกปรกง่ายมากๆ





ด้วยความที่เป็นรถที่น้ำหนักเบาแค่ 900 กิโลกว่าๆ พกมาด้วยแรงม้า 240 แรงม้า
ทำให้มีอานุภาพพอๆกับรถ Supercar ระดับ 350-400 แรงม้าได้เลย
อัตราเร่งแรงจิ๊ดจ๊าดมากๆ และด้วยขนาดที่เล็กทำให้มุดได้อย่างคล่องตัว
จนทำให้รถระดับ 10 สูบ 12 สูบ ดูเงอะงะไปเลย


แต่ก็ต้องยอมรับว่า พอระดับความเร็ว 200 ขึ้นไปแล้ว ยังไงก็คงต้องยอมแพ้ให้กับรถสูบเยอะ
เพราะอาการหนืดจะเริ่มมีให้เห็น ไม่จิ๊ดจ๊าดแซ่บลิ้นเหมือนเดิม แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะหนืดซะเทียว
ยังพอเฆี่ยนให้เกาะกลุ่มไหวอยู่






รูปอินเตอร์ระบายความร้อนบดบังทัศนวิสัยด้านหลังเสียสิ้นจนเป็นศูนย์เลย





ช่วงล่างที่แข็งสุดลิ่มทิ่มประตู เปรียบกับการขับเกวียนก็ไม่ปาน
ประกอบกับเสียงลมและเสียงเครื่องที่เล็ดลอดเข้ามาในห้องโดยสาร
โชคดีที่ Exige เป็นรถที่เสียงท่อไม่ดัง ไม่งั้นละก็คงหูแตกกันไปข้าง
ทำให้เวลาขับเจ้า Exige นี่แล้วมันรู้สึกเร็วมากๆ ทั้งๆที่ความเร็วแค่ 120 ก็ดูเหมือนจะวิ่งเร็วมากแล้ว
แต่พอกดคันเร่งเข้าไปเพิ่ม ลากรอบให้มันไปแตะที่ 5 พันรอบขึ้นไป
เสียงวี๊ดของ Supercharge ที่ได้ยิน มันทำให้เราอยากกดคันเร่งเพิ่มไปอีก
เสียงวี๊ดดดดดด...... นี่มันช่างทำให้ถอนคันเร่งไม่ออกจริงๆ

สำหรับคนที่ชอบเสียงท่อ อันนี้ก้แล้วแต่ครับ คุณจะไปแต่งท่ออะไรเพิ่มก็ตาม
แต่เสียงหวานๆนี่จะไม่ได้ยินแล้ว

เสียงเครื่องที่ได้มันจะไม่กระหึ่มนุ่มลึกแบบ R8 เพราะมันเป็นเสียงของเครื่องสูบเล็ก
แต่ R8 ก็ไม่ได้เรื่องตรงที่ห้องโดยสารดีเกินไป ทำให้ไม่ได้ยินเสียงเครื่องเพราะๆเลย
น่าจะต่อท่อจากห้องเครื่องเข้ามาในห้องโดยสารสักหน่อยจะดีมากเลย

ยังไงก็ตาม ผมเองเป็นคนที่ไม่ชอบเสียงท่อเลย ไม่ว่าจะรถอะไรก้ตาม ชอบเสียงเครื่องยนต์มากกว่า
ใครก็ตามที่แต่งท่อจนเสียงดันลั่นทุ่ง ผมเองแอนตี้เป็นอย่างมาก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 23, 2011, 18:33:10 โดย authen »

ออฟไลน์ ugly...

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 160
    • อีเมล์
Re: Review Lotus Exige S my 07-10
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 16:21:28 »
สิ่งที่ทรมาร ทรกรรมของคนขับ Exige ก็คือ ห้องโดยสารที่คับแคบ
และธรณีประตูที่สูงมากๆ เพื่อนๆผมที่สูง 185 ลองเข้าไปดูก็ยังพอเข้าได้ แต่ทุลักทุเลพอสมควร
และเพื่อนอีกคนที่หนักประมาณ 100 กิโลก็เข้าไปได้ แต่ก็อย่างว่าครับทุลักทุเลพอควร
คำพูดที่คู่ควรกับการเข้าออก Exige คือ "ขึ้นอย่างเสือลงอย่างหมา"
เพราะบางครั้งแทบจะต้องคลานออกจากรถกันทีเดียว
และเชื่อว่าสาวๆไม่ค่อยมีใครอยากจะนั่งด้วยแน่ๆ โดยเฉพาะสาวๆกระโปรงสั้น
รับรองเห็นทะลุถึงสะดือเลย

แต่ที่ขับๆด้วยกัน ก็มีทั้งสูงทัั้้งอ้วน แต่ทุกคนก็ผ่านมันมาได้ แม้จะอึดอัดคับแคบบ้าง แต่ก็บอกว่าคุ้มค่าทุกคน
คุ้มค่าอย่างไรเดี๋ยวจะมาสาธยายและสรุปให้ทีหลังนะครับ





เบาะที่ให้มาจะเป็นของ Probax ซึ่งเป็นหลังแข็งทุกคัน ปรับขึ้นลงและเอนไม่ได้ ยกเว้นเดินหน้าถอยหลังเท่านั้น
ในเมืองไทยจะมีทั้งเป้นผ้า Acantara และเป้นหนัง แล้วแต่รุ่นที่บริษัทสั่งเข้ามา

แต่เพื่อนๆลองสังเกตุว่า ใช้ไปได้ไม่นานเบาะนั่งมันจะย่นจนน่าเกลียดเลยทีเดียว และเป็นทุกคัน ยกเว้นคันที่ไม่ค่อยได้ขับจริงๆ





การบริโภคน้ำมัน ผมขอแยกการขับขี่เป็น 3 ชนิดดังนี้นะครับ

1.แบบชิวๆ ขับกินลมเปิดประทุนแถวๆชายทะเล 80-120 วัดได้ประมาณ 11-12 กิโล/ลิตร

2.แบบขับปกติเดินทางไกล 100-170 แล้วแต่ถนนว่าโล่งมากน้อยขนาดไหน วัดได้ประมาณ 9-10 กิโล/ลิตร

3.แบบอัดๆหนักๆ ลากรอบสูงๆตลอด วัดได้ประมาณ 3-4 กิโลลิตร

โดยส่วนตัวเวลาขับเพื่อนๆช้าบ้างเร็วบ้างเต็มถัง 45 ลิตร ไม่เคยวิ่งได้เกิน 250 กิโลสักที
Exige นี่ไม่เกี่ยงเรื่องน้ำมันนะครับ โซฮอล์ วีเพาเวอร์ หรือ 95 ก็ได้ แต่ 91 นี่ขอร้องอย่าเติมนะครับ ไม่รับประกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 23, 2011, 16:38:33 โดย authen »

ออฟไลน์ ugly...

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 160
    • อีเมล์
Re: Review Lotus Exige S my 07-10
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 16:22:01 »
ค่าตัวรถใหม่ที่ 5.8 ล้าน
และราคามือสอง S240 ที่ ประมาณ 3 ล้านกว่าบาทกับรถปีประมาณ 08-10
หรือ S220 ราคาประมาณแถวๆ 2 ล้านปลาย กับรถที่ปีประมาณ 06-08
หรือแม้แต่ Elise SC220 ปี 08-10 ราคาประมาณ 2 ล้านปลาย
นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง กับคนที่ต้องการจะสัมผัสรถระดับ Supercar
ที่ทำมาพร้อมลงสนามโดยไม่ต้อง modified อะไรเพิ่มเติม
ความเร็วระดับ 4 วิ ที่แม้แต่ลัมโบ หรือเฟอร์รารี่ก็ยังขยาด
หน้าตาดีไซน์ที่ดูดีมีฐานะ มีชาติตระกูล ขึ้นขับทีไรคนเหลียวมองกันทั้งซอย
และเชื่อเถอะว่าแม้จะขับ R35 ที่แรงกว่า แพงกว่า ก็ยังดูหล่อไม่เท่า Exige เลย

อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้คนสะสม Lotus กันก็คือ
คนที่คิดจะหา Lotus รุ่นใหม่ๆขับหลังจากนี้แล้ว
คงต้องกำเงินไว้หลายอยู่ เพราะรุ่นใหม่ๆที่เข้ามาจะเป็นระดับ 6 สูบไปแล้ว ไม่ใช่ 4 สูบแบบเดิม
ค่าภาษีและค่าตัวคงจะขยับขึ้นไปอีกพอสมควร

รุ่น Evora ก็ราคาเริ่มต้นที่ 7.9 ล้านไปแล้ว
และ Exige ตัวใหม่เครื่อง 6 สูบ ราคาก็คงไม่ทิ้ง Evora ไปมากมาย
อีกทั้งรุ่นใหม่ๆที่ Lotus ท้าชน Cayman Lambo Ferrari ก็คงไม่มีราคาระดับต่ำๆให้เห็นอีก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 23, 2011, 17:11:16 โดย authen »

ออฟไลน์ ugly...

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 160
    • อีเมล์
Re: Review Lotus Exige S my 07-10
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 16:22:32 »
สรุป
ข้อดี
1.แรงมาก
2.ดีไซน์สวยงาม
3.ค่าซ่อมถูกไม่จุกจิก
4.ช่วงล่างหนึบมาก
5.แฮนด์ลิ่งดีระดับโลก

ข้อเสีย
1.เข้าออกลำบาก
2.ไม่มีระบบอำนวยความสะดวกเท่าทีควร
3.เครื่องเสียงห่วย
4.พวงมาลัยไม่เพาเวอร์
5.ทัศนวิสัยไม่ดี
6.การประกอบไม่ค่อยดี
7.มีเสียงดักก๊อกๆแก๊กๆ

เพื่อนๆลองชั่งใจดูว่าน่าคบไหม
อันนี้แล้วแต่ความชอบส่วนตัวของแต่ละคน
สำหรับผมไม่ได้เรียกว่าชอบ แต่เรียกว่ารักเลย
ที่บ้านมี R8 แต่จอดมาจะเกือบเดือนแล้วไม่ได้ขับ มาขับคันนี้มันส์กว่า

ผิดกับเพื่อนผมที่มี Lotus 2 คัน แต่ขายทิ้งหมดไปซื้อ R8

มันอยู่ที่การใช้งานเป็นหลักครับ ถ้าเพื่อนๆมีรถไม่กี่คัน ต้องใช้งานเป็นประจำแนะนำให้ไปซื้อคันอื่น
แต่ถ้าเพื่อนๆมีรถเยอะแล้ว อยากจะลองของแปลกดูสักครั้ง อยากให้ลองสัมผัสมันดูครับ
แล้วจะรู้ว่าทำไมรถ Lotus ที่ประกอบห่วยๆมันถึงดังระดับโลกได้
ทำไมหนังสือวิจารณ์ถึงบอกว่ามันเป็นรถที่ดีที่สุดแต่ให้ซื้อก็ไม่เอา แล้วเพื่อนๆจะเข้าใจเอง



รูปมุมต่างๆเพิ่มเติมครับ











« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 23, 2011, 17:37:13 โดย authen »

ออฟไลน์ ugly...

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 160
    • อีเมล์
Re: Review Lotus Exige S my 07-10
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 16:24:36 »
เพื่อนๆเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมของ Lotusได้ที่
http://www.alfathailand.com/forum/index.php/board,45.0.html
นะครับ เพราะตอนนี้เว้ป Lotus ก็ล่มไปนานมากแล้ว
ก็เลยยืมเว็ป Alfa มาก่อนชั่วคราวครับ

ออฟไลน์ ugly...

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 160
    • อีเมล์
Re: Review Lotus Exige S my 07-10
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 16:27:22 »
รถ lotus เวลาจะแกะเปลือกมันออกมาซ่อมมันก็จะทุเรศอย่างนี้แหละครับ
และระวังอย่าไปให้อู่มั่วๆแกะให้นะครับ จะหาว่าไม่เตือน








ขอบคุณที่ติดตามอ่านริวิวแบบมั่วๆนะครับ
เอาไว้ถ้าว่างงานจะเอา R8 มาริวิวให้อ่านต่อนะครับ
เพราะรีวิวแต่ละทีนี่ไม่หมู ปาไป 2 วันเต็มๆ แล้วรูปถ่ายหลายรูปก้ไม่ครบอีกตะหาก  :P
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 23, 2011, 16:43:22 โดย authen »

ออฟไลน์ forevertop

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 36
  • OSK 115
Re: Review Lotus Exige S my 07-10
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 16:38:17 »
ขอบคุณมากครับสำหรับรีวิวและภาพถ่ายสวยๆครับ
รถภายนอกสวยมากครับ แต่ภายในไม่ชอบแบบนี้อ่ะครับ
แต่ถ้าได้ขับไปไหนมาไหนเท่ห์อย่าบอกใครเชียว 8)
"Life will find a way"

ออฟไลน์ pradiw

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 171
    • อีเมล์
Re: Review Lotus Exige S my 07-10
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 16:39:45 »
ขอบคุณมากๆ ครับ รถในฝันอีกคันเลย

ออฟไลน์ ugly...

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 160
    • อีเมล์
Re: Review Lotus Exige S my 07-10
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 16:42:04 »
ภายในผมว่ามันเป้นรถแข่งมากไปหน่อย ไม่ค่อยประนีประนอมกันเลย

แต่สำหรับคนที่ชอบความเร็วและชอบแข่งรถคงจะรู้ว่า
อะไรที่ง่ายและน้อยที่สุดเป็นดี  วิทยุก็ไม่มีเวลาจะฟังอยู่แล้ว
แอร์หนาวไปร้อนไปก้ปรับได้เลยโดยใช้มือคลำไม่ต้องชำเลือง

แต่สภาพการใช้งานจริงๆถ้าต้องขับไปไหนมาไหน ผมว่ามันไม่เหมาะเลยครับ
เก้บไว้บ้านขับเดือนละครั้งกะลังดี อิอิ ;D

ออฟไลน์ O_o"

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,332
Re: Review Lotus Exige S my 07-10
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 16:44:42 »
 ขอบคุณสำหรับ Review Lotus Exige S

ออฟไลน์ shando

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,851
Re: Review Lotus Exige S my 07-10
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 16:56:09 »
เป็นรีวิวที่ทำดีมากเลยครับ

ออฟไลน์ ugly...

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 160
    • อีเมล์
Re: Review Lotus Exige S my 07-10
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 17:14:12 »
ขอบคุณครับ

เสียดายที่ไม่ได้ตั้งใจถ่ายภาพสวยๆเก็บไว้ ไม่งั้นจะมีรูปสวยๆอีกหลายๆมุมครับ

ออฟไลน์ NONT4477

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 9,851
  • Let the SKYFALL
Re: Review Lotus Exige S my 07-10
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 17:57:30 »
เป็นรถที่ดิบแต่เจ๋งสุดๆเลย
พวงมาลัยแบบนี้ตอนขับคงรู้สึกเหมือนเอามือลูบไปบนถนนสินะ
Top Gear's Biggest FAN!!! (IN MY House)
I'm NAC1701  ^ ^

ออฟไลน์ ugly...

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 160
    • อีเมล์
Re: Review Lotus Exige S my 07-10
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 18:17:55 »
ก็ตะคริวกินเหมือนกันอ่ะคับ

มีวันนึงขับประมาณเกือบพันโล ปวดเมื่อยไปทั้งตัว
พอกลับบ้านหลับเป็นตาย 

เพื่อนๆแต่ละคนที่ไปขับกัน ต้องพกหมอนวดส่วนตัวเอาไปนวดตอนกลางคืนแก้เมื่อยคับ

ออฟไลน์ N'droid

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 468
  • แฟนพันธุ์แท้ android
Re: Review Lotus Exige S my 07-10
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 18:20:04 »
รถสวยมากๆครับคุณพี่ ผมขอบอกเลยว่าชอบมากๆๆๆ!!!!

รถในเกมผมแต่งแบบนี้เลยครับ
รีวิวแรกในชีวิตครับ /////รีวิว Toyota hilux vigo smart cab ///// รีวิวตามภาษาเด็กอายุ 14
http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,16817.0.html

//// รีวิว isuzu grand adventure "รอเวลานี้มานาน”
http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,17338.0.html

ออฟไลน์ ugly...

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 160
    • อีเมล์
Re: Review Lotus Exige S my 07-10
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 18:38:08 »
ตอนนี้มือสองในตลาดเป็นรุ่น elise ประมาณปีเก่า 02-03 เครื่อง rover ก้มีขายนะครับ
ราคาไม่น่าจะแรงมาก สัก ล้านนิดๆหรือล้านกลางๆน่าจะพอซื้อได้ แต่สภาพก้เอาเรื่องต้องทำเยอะพอสมควร

ถ้าสนใจลองไปเวียนๆดูนะครับ ลองต่อๆดู ถ้าราคาแรงก็ไม่คุ้ม ไปซื้อ Elise รุ่นธรรมดาเครื่องโตโยต้า 130 แรงม้าดีก่า
เพราะเห็น 130 ม้า แต่อย่าไปท้าชกนะครับ วิ่ง 6 วิเหมือนกัน และเบามากๆด้วย น่าจะไม่ถึง 900 กิโล
ถ้าซื้อเน่าๆมาทำเอง ยังไงก็ไม่คุ้ม ยกเว้นได้มาถูกมากๆ

ออฟไลน์ Lertvarit

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,212
Re: Review Lotus Exige S my 07-10
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 19:18:44 »
รีวิวอ่านสนุกมากครับ

ข้อมูลแน่น รูปก็สวย

ปล. รอชม R8 ครับ. ปลื้มม R8
FD 1.8 + ACV40 Hybrid + E90 LCI 320d sport 
And My new stuff  E60 LCI 520D sport

ออฟไลน์ WS.

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 237
Re: Review Lotus Exige S my 07-10
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 21:33:01 »
ขอบคุณมากๆครับ ชอบมากๆ ได้แต่คิดว่าซักวันจะได้เป็นเจ้าของ ได้เอาไปขับเล่น ส-อ แก้เครียดจากงานแสนหนักในวันธรรมดาบ้าง   :'(