โพลล์

ถ้าปี 2012 มีรถ 2ประตูCoupeกับ 3ประตูHatchbackประกอบในไทย ราคาต่ำกว่า 1 ล้านจะซื้อกันไหมครับ

ไม่ซื้อ
9 (22.5%)
ซื้อรถ หากราคาต่ำกว่า 6 แสน เครื่อง 1.2-1.5
3 (7.5%)
ซื้อรถ หากราคาต่ำกว่า 1 ล้าน เครื่อง 1.5-2.0
28 (70%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 37

ผู้เขียน หัวข้อ: ถ้าปี2012มีรถCoupeกับ3ประตูHatchback ประกอบในไทยราคาต่ำกว่า1ล้านจะซื้อกันไหมครับ  (อ่าน 10167 ครั้ง)

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
อยากสอบถามความคิดเห็นกันครับ

ว่าถ้ามีการนำมาประกอบขายอีกครั้ง พวก 3 ประตู เช่น Civic 3D

2 ประตู เช่น Civic Coupe

แต่เป็นรถรุ่นใหม่ๆ เลย

ยังอยากได้กันอยู่ไหมครับ และเหตุผลเพราะอะไร อยากได้อะไรติดรถบ้างครับ :)

ออฟไลน์ PJ"

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,722
  • Fake Forester
    • อีเมล์
Re: ถ้าปี2012มีรถCoupeกับ3ประตูHatchback ประกอบในไทยราคาต
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ธันวาคม 13, 2011, 10:42:20 »
กลัวว่ามีมาขายจะกลายเป็นโหลเลยน่ะสิครับ

ขนาด 3507z 370z ยังเยอะขนาดนี้

ออฟไลน์ muzaa

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 491
แน่นอนครับ คร่าวๆขอเครื่อง na หรือ turbo ก็ได้แรงม้าสัก 150-180 แรงม้าขับขับหลังก็ดีครับแต่ได้ขับหน้าก็ได้ครับ เบาะกึ่ง bucket seat ครับถ้าขับหลังของ limited slip สักตัวด้วยครับ ราคาขอสัก 0.9- 1.3 ล้านครับ ถ้าเอาให้เห็นง่ายก็ประมาณ honda integra type s ที่ขายในช่วงปี 2002-2006 มาขายประมาณนั้นครับ
ปล.คงได้แค่ฝันครับเพราะอย่างไรก็ไม่มีทางคุ้มค่า line ผลิตแน่นอนยกเว้นทำส่งออกพวกประเทศพวงมาลัยขวาที่ไม่ใช้ญี่ปุ่นเช่น ออสเตรเลีย อังกฤษ ด้วยที่น่าจะคุ้มค่าการผลิตครับ ว่าแล้วก็ทำงานเก็บเงินรอซื้อ GT-86 มือ2 ในอีก 5 ปีต่อไปดีกว่าครับ

Chariot

  • บุคคลทั่วไป
ถ้ารถสวย ราคาถูก ออพชั่นเพียบ แล้วเขาจะขายซีวิคซีดานได้ยังไงล่ะนั่น
ดังนั้น Civic Coupe ราคาต่ำกว่าล้าน คงมีออพชั่นเท่ากับ Brio น่าจะดูสมเหตุสมผล

ถ้าจ่ายเงิน 9 แสน แล้วได้คูเป้ที่ออพชั่นเท่ากับรถราคา 5 แสน ผมคงไม่ซื้อล่ะครับ

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,628
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
งั้นคงต้องขออนุญาต ดับฝันกลางวันของ คุณเต้ ลง ณ บัดนาว

เพราะจะไม่มีรถยนต์แบบนั้นในคิวของรถใหม่ที่จะเปิดตัวในเมืองไทยเลยแม้แต่คันเดียวครับ

เพราะที่จะพาเหรดเข้ามา ประกอบนอกแน่ๆ อย่างน้อยๆ 2 คัน
ราคามี 2 ล้านแน่ๆ

ออฟไลน์ [J]e[w]

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,376
ไม่ซื้อครับเพราะส่วนตัวชอบแต่รถ4ประตู
Don't waste time grieving over past mistakes, learn from them and move on!

ออฟไลน์ Bangkok Infinity X12

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 231
Coupe กับ Hatchback นะเหรอ ไม่มีทาง ต่ำกว่าล้านหรือแสนเลยแน่นอน
สาเหตุก็เพราะที่คนไทยซื้อรถอีโคคาร์กับรถกระบะและรถกระบะดัดแปลง นโยบายรถยนต์คันแรกก็จริง แต่บ้านเรานะ จนครับ รายได้น้อยด้วย

เลิกคิดไปได้เลย ไม่มีหรอก มีแต่ตัวประกอบนอกเท่านั้น ก็อินโดนีเซียไม่ก็มาเลเซียครับ
คนเราซื้อรถได้ ควรดูที่ความเร็ว การควบคุม คุณภาพ รอบด้านครับ

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
งั้นคงต้องขออนุญาต ดับฝันกลางวันของ คุณเต้ ลง ณ บัดนาว

เพราะจะไม่มีรถยนต์แบบนั้นในคิวของรถใหม่ที่จะเปิดตัวในเมืองไทยเลยแม้แต่คันเดียวครับ

เพราะที่จะพาเหรดเข้ามา ประกอบนอกแน่ๆ อย่างน้อยๆ 2 คัน
ราคามี 2 ล้านแน่ๆ

ดับฝันจริงๆครับ เดาว่า Toyota Subaru แน่ๆเลย ทำไมแพงจังละครับ

ออฟไลน์ YIM

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,015
  • ไม่น่ารัก เราไม่มอง!!
    • อีเมล์
บ้านเรา ประชากรไม่ได้มีเงินเยอะเหมือนกับประเทศพัฒนาแล้ว ดังนั้นการที่คนทั่วไป จะใช้รถเป็น "ของเล่น" ย่อมเป็นไปได้ยาก ยกเว้นคนรวยจริง

ผลก็คือ ทำให้ยอดขาย Specialty Car ทำได้ไม่มากนัก พอยอดขายมีไม่มาก ก็ทำให้ไม่คุ้มทุนที่จะประกอบในประเทศ จึงต้องอาศัยการนำเข้า ราคาจึงแพง

ที่ญี่ปุ่น Celica, Silvia เนี่ย เป็น "ของเล่นพื้นฐาน" ของเด็กมหาลัยเลยครับ ในสมัยที่คนญี่ปุ่นยังบ้ารถซิ่ง เด็กๆ เก็บเงินได้ก้อน ก็ไปดาวน์รถพวกนี้มาแต่งเล่นๆ อารมณ์ประมาณทามิย่าของเด็กมหาลัย

แต่พอมาบ้านเรา รถพวกนี้ ไม่มีตังค์จริงๆ ก็ซื้อไม่ได้หรอกครับ เพราะสภาพเศรษฐกิจ มันต่างกัน

สภาพเศรษฐกิจ ทำให้คนไทยส่วนมากซื้อได้แต่ "รถใช้งานครับ"

แต่ถ้าผมมีตังค์พอ ผมก็ซื้อนะ เพราะผมชอบทำอะไรขวางโลกอยู่แล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 13, 2011, 11:56:00 โดย YIM »
JDM เท่านั้น จะครองโลก!

ออฟไลน์ superden

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,268
    • อีเมล์
อันที่จริง สมัยนี้คนไทยแยกออกมาเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น คืออยู่กันสองคนกับคู่ หรือ อยู่คนเดียวในคอนโด ในหอพัก เพราะออกบ้านมาหางานทำในเมือง จริงๆแล้วการใช้รถแค่2ประตู(หรือ3ประตูนั่นแหละ)ก็น่าจะเพียงพอกับการใช้ชีวิต  ผมหมายถึงรถ เครื่องไม่แรงแต่มีสองประตู อย่างสมัยก่อนก็มี opel  corsa  หรือ ford aspire สองประตูนั่นไง(อายุตอนนี้ก็กว่า15ปีละ)  ผมว่าถ้ารถ อีโค่ คาร์ ทำ2ประตูออกมาขาย ต้องขายได้แน่ ผมเห็น march k12 แบบ2ประตูก็มีขายในต่างประเทศ ถ้าไทยทำขายผมว่าคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวหรือครอบครัวเดี่ยว(เ่ช่นผม)ต้องซื้อแน่นอน  วัยรุ่นก็อยากได้ด้วย มันเท่ห์ดี ราคาก็ไม่แพง

ออฟไลน์ MyName

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 8,145
  • I'm............................
ผมซื้อครับ ถ้ามี C-segment 3 ประตูมาในราคาต่ำกว่าล้าน และไม่ใช้แค่ต่ำกว่าล้านนะครับ
ต้องต่ำกว่า Sedan อีกด้วย ในออพชั่นที่ได้เท่าๆ กัน
Cars
2022 - Nissan Almera 1.0 Turbo VL
2016 - Mazda 2 1.5XD High Plus L
2008 - Mitsubishi Space Wagon 2.4 GLS Ltd. !User'Review Click here!
1997 - Daihatsu Mira

Motorcycles
2023 - Vespa Sprint S 150 i
2012 - Yamaha Mio 125 GTX

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,051
บ้านเรา ประชากรไม่ได้มีเงินเยอะเหมือนกับประเทศพัฒนาแล้ว ดังนั้นการที่คนทั่วไป จะใช้รถเป็น "ของเล่น" ย่อมเป็นไปได้ยาก ยกเว้นคนรวยจริง
คนมีเงิน มีเยอะครับ
แต่คนไม่มีเงิน เหมือนจะมีเยอะกว่า

ออฟไลน์ Q

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 153
CR-Z เคยอ่านเจอม้า 122 ผมว่ามันน่าจะซัก 150กำลังดี
ราคาเท่าที่ญี่ปุ่น 8-9 แสน วิ่งกันเต็มถนนแน่ๆ

ออฟไลน์ NineKlao

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,907
  • ชีวิตไม่ได้เป็นดังที่คิด ก็มันคือชีวิตนี่
อยากบอกว่า Civic Coupe เป็นรถคูเป้ รุ่นสุดท้ายที่ราคาไม่ถึงล้านครับ ออกขายปี 1998 โดยประมาณ ครับ

ผมไปสอยมือสองมารุ่นปี 2000 แต่ได้โฉมก่อน Racing นิดเดียวแต่ราคาต่างกันพอสมควรครับ


ออฟไลน์ eaowpj

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 610
ไม่ค่อยชอบสไตค์นี้สักเท่าไหร่ครับ จะนั่งข้างหลังสักที ก็ลำบากคนนั่งหน้าและด้านหลัง ถ้าเป็น 2 ที่นั่งไปเลยที่เดียวน่าจะชอบมากว่า  :)

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,179
อารมณ์ กับเหตุผล เต็มๆครับ


ผมคง"ไม่ซื้อ" ด้วยเหตุผลที่ว่า
รถราคาพอๆกัน 4ประตู คุ้มกว่า นั่งสบายกว่า ใหญ่กว่า ดูดีกว่า
ผมไม่ได้เอาไปแข่งถึงขนาดลงสนาม ดังนั้นสมรรถนะ 3 หรือ 4 ประตู คงไม่ต่างกัน
ยอมรับว่า 3 ประตูมันจี๊ดกว่า เกาะโค้งกว่า เบากว่า
แต่ รถ4 ประตู ตอบโจทย์ผมมากกว่า

ถ้าผมซื้อมา ที่บ้านผมคงด่า ว่าเวลาจะนั่งหลัง ต้องลำบากลำบนปีนขึ้นไป
จะซื้อมาทำไม แข็งก็แข็ง เล็กก็เล็ก สารพัด เหอะๆ

GeMiNi

  • บุคคลทั่วไป
ถ้ามีจริงๆก็ดีสิครับ คนซื้อจะได้ทีโอกาสเลือกรถที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงๆ
อย่างที่อังกฤษ MX5 8แสนกว่าบาท ถ้ามีในไทยราคานี้เมื่อไหร่ก็คงต้องถอยสักคันล่ะครับ :D

ออฟไลน์ neo7s

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 35
ผมว่าจริงๆแล้วที่คนไทยจน เพราะค่าครองชีพของเรา
โดยเฉพาะของคนกรุงเทพฯ มันเริ่มเว่อร์ไปหมดแล้วครับ
ไปทานข้าวในห้างทุกวันนี้ ราคามื้อนึง ไม่แพ้ไปนั่งกินที่โตเกียวเลย (600-800 เยน)
ทั้งๆที่ปริมาณและคุณภาพของอาหารและการบริการก็ดีกว่าในบ้านเรา
ทั้งๆที่คนญี่ปุ่นมีรายได้เฉลี่ยสูงกว่าเราพอสมควร
ทั้งๆที่บ้านเราต้นทุนของวัตถุดิบก็ถูกกว่า

ส่วนที่คนส่วนใหญ่ในบ้านเรา มีปัญญาใช้กันแต่รถธรรมดาพื้นๆ
ผมไม่คิดว่าเพราะเรายากจน แต่ด้วยเพราะ....
อัตราภาษีและระบบจัดเก็บที่รัฐตั้งเอาไว้ + กลไกการกำหนดราคาขายของผู้ผลิตในประเทศ

สิ่งที่คาใจผมมาตลอดก็คือ อุตสาหกรรมรถยนต์ในบ้านเรา เจริญเติบโตอย่างแข็งแรง มา....กว่า 20 ปี
ได้รับการสนับสนุน ในหลายๆด้านจากรัฐอย่างเต็มที่
แต่ทำไมต้นทุนการผลิตของเรา ถึงยังไม่สามารถไปสู้กับประเทศอื่นๆเค้าได้ซะที
ทั้งๆที่ผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศ ต่างโดนบีบให้ทำราคาลดลงทุกปี
จนหน้าเหลือง หน้าเขียวกันไปหมด T_T

ลองปลดภาษี นำเข้าเป็น 0% ดูสิครับ  ผมว่าคนไทยไม่ได้จนหรอกครับ
แต่ด้วยกฎกติกามารยาทบางอย่าง ที่บรรดา land lord ในบ้านเรา
เค้าได้จัดสรรให้ประชาชนต้องยอมรับกับ ราคาและระบบที่ถูกกำหนดขึ้น ;D
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 13, 2011, 19:51:27 โดย neo7s »

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,628
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
ถ้าปลดภาษีนำเข้าเป็น 0%
ผู้บริโภคเฮแน่ ผู้นำเข้ารายย่อยเฮแน่

แต่บริษัทรถยนต์ ที่มีโรงงานประกอบในประเทศ จะถึงตาย ขอย้ำว่า "ตายแบบเหมือนถูกยิงด้วย M16 ไม่ต้องคิดเลย"

แล้วยังต้องรวมถึงพนักงานระดับไลน์ผลิตซัพพลายเออณ์ที่จะตกงานอีกเป็นแสนๆคน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 13, 2011, 23:41:04 โดย J!MMY »

ออฟไลน์ birm@productive

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 395
ปลดภาษีนำเข้ารถยนต์คงทำร้ายประชาชนที่ทำงานในอุตสาหกรรมนี้ด้วยตัวเลข 6 ถึง 7 หลัก แหงๆ
ประวัติ
รถ 11 คัน
ยาง 14 รุ่น

GeMiNi

  • บุคคลทั่วไป
ถ้าปลดภาษีนำเข้าเป็น 0%
ผู้บริโภคเฮแน่ ผู้นำเข้ารายย่อยเฮแน่

แต่บริษัทรถยนต์ ที่มีโรงงานประกอบในประเทศ จะถึงตาย ขอย้ำว่า "ตายแบบเหมือนถูกยิงด้วย M16 ไม่ต้องคิดเลย"
ผมว่าถ้าภาษี 0%
น่าจะได้เห็น c classเป็นแท็กซี่
คนมีเงินเปลี่ยนจากe class, 5seriesเป็นpanamera, xj
เศรษฐีเปลี่ยนcaymanเป็นgallardo
อภิมหาเศรษฐีเปลี่ยนslr mclarenเป็นbugatti veyron...

ออฟไลน์ HYDE--

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,643
    • อีเมล์
คนอเมริกันขับ Gallado = เจ้าของธุรกิจ SMEแบบดีๆหน่อย/คนเงินเดือนเยอะๆ/ลูกคนรวย
คนไทยขับ Gallado = ลูกนักการเมือง/ลูกเจ้าสัว/คนที่รวย Top 100 ของประเทศ/คนที่มีเงินเย็นเกิน 1000 ล้านบาทขึ้นไป

คนขับ BMW 535i F10 ที่เมกา ก็อาจจะไม่ได้รวยไปกว่าคนขับ Camry 2.0G ที่เมืองไทยก็ได้ (นี่เรากำลังพูดถึงคนที่ซื้อแบบสบายๆไม่เกินตัวนะ)

ส่วนตัวผมชอบนะ รถ 2 หรือ 3 ประตูเนี่ย
อย่างแรกเลยคือ ถ้าผมเป็นคนขับ เรื่องความสบายก็ไม่ซีเรียส ช่วงล่างจะแข็งจะกระด้างไปบ้างแต่ถ้าหนึบก็ไม่ว่ากัน
จะเป็นห่วงเรื่องการใช้งานนะสิครับ แต่สุดท้าย พื้นที่ท้ายรถของรถรุ่นเดียวกัน แต่เป็นตัวถัง Sedan/Coupe มันก็ไม่น่าจะต่างกันหนิครับ
ถ้าเป็นรถเปิดประทุนสิว่าไปอย่าง

สรุป ถ้ามันเป็นรถคันที่ 2 ของบ้าน ผมซื้อแน่นอน
จะว่าไป เบาะหลังของ Civic Coupe 2ประตู โฉมตาโตของเพื่อนผม ยังนั่งสบายกว่า Fiesta 5dr ของผมซะอีก

ออฟไลน์ neo7s

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 35
ถ้าปลดภาษีนำเข้าเป็น 0%
ผู้บริโภคเฮแน่ ผู้นำเข้ารายย่อยเฮแน่

แต่บริษัทรถยนต์ ที่มีโรงงานประกอบในประเทศ จะถึงตาย ขอย้ำว่า "ตายแบบเหมือนถูกยิงด้วย M16 ไม่ต้องคิดเลย"

แล้วยังต้องรวมถึงพนักงานระดับไลน์ผลิตซัพพลายเออณ์ที่จะตกงานอีกเป็นแสนๆคน

ก็นี่ละครับที่คาใจผมมาโดยตลอด เพราะไม่ได้อยู่วงใน ในอุตสาหกรรมนี้
แค่พอมีเพื่อนบางคน ที่เป็นซัพพลายเออร์ชิ้นส่วน แต่ก็ตอบคำถามคาใจนี้ไม่ได้เช่นกัน

รัฐอุ้มอุตสาหกรรมรถยนต์มาหลายสิบปี
มันเพราะอะไรกัน ที่ทำให้ต้นทุนการผลิตรถยนต์ในบ้านเรา
ถึงยังไม่สามารถไปสู้รบตบมือ กับชาวบ้านเค้าในตลาดโลกได้
ทั้งที่ไม่ว่าจะเป็นจะเป็น ข้าว อาหารกระป๋อง เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องเขียน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องประดับ
แม้แต่ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ และชิ้นส่วนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ทุกวันนี้ เราก็ยังขึ้นไปยืนแลกหมัด
กะชาวบ้านชาวช่องบนเวทีโลกเค้าได้ จะชนะบ้างแพ้บ้างก็ตามแต่โอกาส

แต่กับอุตสาหกรรมรถยนต์เท่านั้น ที่เราจำต้องมีกำแพงภาษีที่สูงลิ่วคอยปกป้องเอาไว้มาโดยตลอด
ถ้าปลดเมื่อไหร่ ก็มีแต่คนบอกว่า จะตายเกลื่อนกันเรียบวุธ ทั้งระบบ

เคยสงสัยกันไหมครับ ว่าไอ้ตรงไหนกันฟระ ในขั้นตอนการผลิต
ที่ทำให้ต้นทุนการผลิตรถยนต์ในบ้านเรา ถึงได้สูงลิบลิ่วขนาดนี้
ภาษีนำเข้าช่วงประมาณ 60-210% มันไม่ใช่น้อยๆนะครับ
เมื่อเทียบกับธุรกิจส่วนใหญ่ที่มี margin กันอยู่แถวๆ 20-40% แค่นั้น

ผมเห็นเซลล์ทุกวันนี้ ขายรถคันนึงได้ค่าคอมแค่หลักพันต้นๆ
มองแล้วก็ยิ่งสงสัยว่าธุรกิจนี้ ทำไม่มันช่างยากลำบากซะเหลือเกิน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 14, 2011, 06:08:24 โดย neo7s »

ออฟไลน์ Annermers

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 1
cheap ugg boots
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: ธันวาคม 14, 2011, 06:40:20 »

ออฟไลน์ neo7s

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 35
ถ้าปลดภาษีนำเข้าเป็น 0%
ผู้บริโภคเฮแน่ ผู้นำเข้ารายย่อยเฮแน่

แต่บริษัทรถยนต์ ที่มีโรงงานประกอบในประเทศ จะถึงตาย ขอย้ำว่า "ตายแบบเหมือนถูกยิงด้วย M16 ไม่ต้องคิดเลย"
ผมว่าถ้าภาษี 0%
น่าจะได้เห็น c classเป็นแท็กซี่
คนมีเงินเปลี่ยนจากe class, 5seriesเป็นpanamera, xj
เศรษฐีเปลี่ยนcaymanเป็นgallardo
อภิมหาเศรษฐีเปลี่ยนslr mclarenเป็นbugatti veyron...

ตอนนี้รถหลายคัน กลายเป็นเป้าหมายที่เกินเอื้อมของใครหลายๆคน
แต่ใช่ว่า เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง กลายเป็นโอกาสที่เอื้อมถึง
แล้วทุกคนจะเอื้อมไปหยิบมันนะครับ

พอพูดถึงเรื่องการลดภาษีนำเข้ารถยนต์
เราก็จะชอบคิดเล่นๆกันแบบนี้ว่า MB BMW คงเกลื่อนเมือง
คงไม่มีใครซื้อรถญี่ปุ่นบ้านๆ มาใช้กันอีก
แต่เอาเข้าจริงๆ มันไม่เป็นแบบนั้นหรอกครับ เพราะความจำเป็น
ในการใช้จ่ายเงินทองมันมีหลายทางด้วยกัน ประหยัดจากรถได้
ก็จะได้เอาเงินไปทำอย่างอื่น ใช่ว่าทุกคนอยากจะรับภาระผ่อนรถยนต์หนักเท่าเดิม

ปีแรกๆอาจจะมีบ้าง ที่พวกพ่อค้า นักธุรกิจเจ้าของกิจการ จะอัพเกรดรถตัวเอง
บรรดาลูกหลานของพวกเขาเหล่านั้น จะซื้อรถสปอร์ตมาวิ่งเล่นเกลื่อนถนน
แต่ก็เป็นสัดส่วนที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับประชาชนทั่วๆไปที่จำเป็นจะต้องใช้รถ

กับประชาชนส่วนใหญ่ น่าจะยังมีพฤติกรรมการเลือกซื้อรถยนต์ไม่ต่างจากเดิมนัก
แต่ภาระที่จะต้องผ่อนรถซักคันจะเบาลง มีเงินเก็บมากขึ้น มีเงินไปใช้จ่ายในด้านอื่นมากขึ้น
คุณภาพชีวิตก็น่าจะดีขึ้นด้วยรึเปล่า? เช่นผ่อนบ้านได้สั้นลง หรือได้ใช้รถยนต์ที่มีคุณภาพมากขึ้น

ราคารถยนต์ถูกลง ใช่ว่าค่าบำรุงรักษาจะถูกลงตามไปด้วยนะครับ
ไอ้เรื่องที่ จะเอา MB มาเป็น Taxi อู่ส่วนใหญ่คงจะไม่ทำ

หรือเคสพนักงานออฟฟิส และเซลล์ต่างๆ
จะขับ MB ไปทำงานให้เกินหน้าเกินตาเจ้านาย และทำให้เพื่อนร่วมงานหมั่นไส้รึเปล่า?
จะขับรถสปอร์ตไปแวะเยี่ยมเก็บเช็คและขายของให้ลูกค้า แล้วโดนลูกค้าต่อราคายับเพราะดูรวย ก็คงใช่ที่?
จะเอากระบะยักษ์เครื่อง v6 v8 มาขนผักเข้าตลาดก็คงไม่มีใครทำอีกเช่นกัน?
เพราะฉะนั้นรถบ้านและรถกระบะธรรมดาๆ ก็ยังคงจำเป็นต้องใช้อยู่
เพื่อรักษารูปแบบและภาพลักษณ์ในการทำธุรกิจ

ส่วนผู้ใช้รถตามบ้านทั่วไป สองสามปีแรก ก็คงมีเห่อ กันแน่นอน
แต่สุดท้ายพอเจอค่าบำรุงรักษาเข้าไป ผมคิดว่า....ในระยะยาว
คนส่วนใหญ่ก็จะกลับมาเลือกใช้งานรถยนต์ที่เหมาะสมกับฐานะของตนเอง

แต่ปัญหาที่จะหนักหนาสาหัส คือ รัฐจะขาดรายได้ก้อนโตจากภาษีตรงนี้
มี topic ในวงเหล้า กะเพื่อนๆ ขึั้นมาว่า ถ้าให้เลือกระหว่าง
รัฐที่เก็บภาษีได้จนอู้ฟู่ แต่ผลาญงบประมาณไปอย่างไร้สาระ ผลประโยชน์ตกแค่คนบางกลุ่ม
กับรัฐที่เก็บภาษีได้พอบริหารประเทศไปเรื่อย แต่ค่าใข้จ่ายต่อครัวเรือนลดลง
ประชาชนอยู่กันอย่างหายใจหายคอได้ง่ายขึ้น แบบไหนจะดีกว่ากัน

ส่วนอีกปัญหาที่ต้องเจอแน่ๆ ถ้าเรายังไม่มีโครงข่ายรถไฟฟ้าให้บริการได้ครอบคลุม
ก็คือ ปัญหารถติด อาจจะหนักหนาถึงขั้นไม่มีถนนให้วิ่ง ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร
สถานบันเทิงต่างๆ จะไม่สามารถหาที่จอดรถมารองรับความต้องการของลูกค้าได้
การขนส่งสินค้าต่างๆ ด้วยรถยนต์จะต้องล่าช้ามากขึ้น
ซึ่งในวงเหล้า เราก็คุยกันว่า ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริง พฤติกรรมการใช้รถก็คงจะเปลี่ยนไป
หรือไม่ก็ต้องมีกฎเกณท์บางอย่างเพิ่มเข้ามา เพื่อแชร์การใช้ถนนร่วมกัน

ออฟไลน์ paulmoderndog

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,783
    • อีเมล์
ผมอยากจะบอกว่า ผมชอมรถเหมือนงานศิลปะ ถ้าไม่มีเงินซื้อภาพจริง ก็ซื้อหนังสือก็ได้ บางคนซื้อคอนโดใจกลางเมืองหลายสิบล้านเพื่อที่จะนั่งBTS แต่บางคนอยู่นอกเมืองซื้อบ้านถูกกว่า10ล้าน แต่ใช้รถเป็นราคาเป็นล้าน แล้วทําไมรัฐถึงไม่ทํารถโดยสารให้ปลอดภัยน่าใช้กว่าเดิม เพื่อที่ว่าจะได้ใช้ไปต่อ BTS MRT
ตอนนี้มี BRT แต่ไม่รู้จะอยู่ได้อีกกี่ปี ผมว่าแทนที่จะยกเลิก BRT น่าจะห้ามจอดเลนซ้ายสุดดีกว่าไหม ณตอนนี้ มีแต่ เจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่รับสินบนกับร้านค้าให้ใช้ถนนสาธารณะเป็นที่จอดขวางได้เพื่อที่ลูกค้าตนจะได้มีที่จอด เส้่นพระราม3มี3เลน+1เลนBRT  แต่เลนซ้ายโดนจอดไปแล้ว1เลน รถเลยติด ผมว่าถ้าไม่ทํารถสาธารณะไห้ดี ก็ไม่ควรเป็บภาษี ผมว่าถ้าคนตกงานจาก บ.รถ ก็ไม่เป็นไร แล้วถ้าคนเหล่านั้นมี know how ก็อาจจะสามารถนําความรู้เหล่านั้นทาผลิตรถแห่งชาติเองบ้าง แต่ติดอยู่ที่การศึกษาที่ทําให้คนพวกนั้นไม่มีความคิดพอที่จะเปิดบ.ผลิตรถด้วยตนเอง    สุดท้าย ผมว่าถ้าไม่ปฎิรูปการศึกษา ก็คงเป็นอยู่อย่านี้อีกนาน

ออฟไลน์ Cross MPV

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 325
สัปดาห์ที่แล้ว ผมกับพ่อก็คุยกันในเรื่องหัวข้อนี้เหมือนกันครับ พ่อว่าอยากให้มีแบบนี้มาขายอีก

แต่ส่วนตัวผมแล้ว ผมมองถึงว่าเทรนของบ้านเรากำลังจะเปลี่ยนไป นั่นคือการมองรถยกสูงที่พอลุยน้ำท่วมได้บ้าง
หรือในส่วนของต่างจังหวัดก็ลุยหลุมบ่อในถนนได้พอควร ประกอบกับสัดส่วนไม่ใหญ่โตมากนัก กระทัดรัด

นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าผมอยากให้มีรถ B-Segment SUV ออกมามากกว่าครับ ก็ประมาณบรรดา Nissan Juke และ
คู่แข่งออกมาให้หมดเลย น่าจะตอบโจทย์ที่ว่ารถกระทัดรัด ลุยได้นิดหน่อย แต่ทั้งนี้ต้องสัมพันธ์กับราคาด้วย

เหมือนกระบะที่จะขายดีขึ้น แต่ผมก็คิดว่ายังคงมีคนส่วนมากในเมืองที่ชอบการขับขี่คล้ายเก๋งกันอยู่
การที่มีรถเล็ก 2-3 ประตู นั่นคงจะตอบโจทย์ที่ยากกว่า เพราะความคุ้มค่าของรถ 4 ประตูที่ให้มากกว่าครับ
Find a vacuum and fill it.

ออฟไลน์ superden

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,268
    • อีเมล์
อยากให้มีรถเล็ก2ประตู(3ประตูถ้านับประตูท้าย) อย่างพวก opel corsa อะไรงี้ไม่ถึงกับพวกรถสปอร์ตแรงๆ ครับ  คนที่แต่งงานแล้วไม่มีลูกหรือมีลุกตัวเล็กๆ ครอบครัวเดี่ยวก็มีอยู่มาก ผมว่ารถยิ่งประตูน้อยคันเล็กๆประหยัดกว่า เพราะมัน เบากว่า แถมคล่องตัวกว่า  ประกอบง่ายกว่า(ไม่ต้องประกอบประตูคนนั่งด้านหลังไง)  ที่จริง เท่ห์ดี(นี่แหละชอบ) มีสองประตูพอละ ทำให้ผมคิดแล้วก็นึกถึง corsa 3 dr ขายไป น่ารักดี ชอบๆๆ  :D
 swift sport ยังมี 3 ประตูเลย ทำไม eco- car จะไม่ทำออกมาบ้างนะ :D

ออฟไลน์ Periodontal

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 107
    • FB
    • อีเมล์
น่าจะตอบโจทย์ของผู้ซื้อที่ให้น้ำหนักไปทาง"ซื้อรถมาใช้งาน" ได้ดีมาก ซึ่งก็ต้องมีบ้างที่อยากได้ความกระทัดรัดจริงๆ

แต่คิดว่าไม่สามารถตอบโจทย์ของผู้ที่ ซื้อรถเพื่อเป็นเครื่องประดับ /  Symbol ไม่ก็เป็น signature ได้แน่ๆ

ส่วนตัว คิดว่าถ้ามันเกิดขึ้นจริง สุดท้ายคิดว่าน่าจะขายได้นะครับ แต่ไม่ติดตลาด

My lovely A