ผู้เขียน หัวข้อ: mazda3 กับ focus คันไหนขับใกล้เคียง series3 มากกว่ากันครับ  (อ่าน 23211 ครั้ง)

ออฟไลน์ aood!e

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 301
Re: mazda3 กับ focus คันไหนขับใกล้เคียง series3 มากกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2009, 08:49:02 »
มองไปที่ Ford Focus TDCI ครับ เท่านั้นครับ  ชั่วโมงนี้ (ด้วยราคา)

E90 ต้อง 320d  มันคือบทสรุปทุกอย่าง

TCDI อาจจะด้อยกว่า 320d แต่ก็สามารถเกาะตาม 320d ได้สบาย ตามแบบ320dต้องตกใจ แต่ TDCI  ได้แค่ตามติดเท่านั้นครับ ปลายๆมีเจอติดตูด320d

ที่พูดเพราะว่าได้ลองมาทั้ง2 แล้วครับ ทั้งคุ๋สามารถขึ้นได้ เกิน 230 แน่นอน และความเร๊วขนาดนั้น ไม่ได้ทำให้เจ้า TDCI หน้ากลัวเลย

ความประหยัด  ทั้ง 320d และ TDCI เป็นตัวเลขที่ดีทั้งคู่ 320 d แรงบิดดีกว่า ประหยัดกว่าครับ แต่เที่ยบราคาที่ประหยัดน้ำมันไป หันกลับมามองราคารถ

ก็คงมองมาที่TDCI

ไม่เคยลอง Mazda 3 ครับ

ออฟไลน์ sirisak_ac118

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,579
    • อีเมล์
Re: mazda3 กับ focus คันไหนขับใกล้เคียง series3 มากกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2009, 08:59:59 »
Focusครับ  :D

ออฟไลน์ LimitedEdition

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,410
Re: mazda3 กับ focus คันไหนขับใกล้เคียง series3 มากกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2009, 09:11:55 »
น่าจะไปลองขับดีกว่ามั้ยครับ
จะซื้อรถราคาหนึ่งล้านบาท +- มานั่งนับเสียงโหวตผ่านเวบคงไม่ถูกเรื่องกันเท่าไหร่

ต่างคนต่างความรู้สึก ต่างความนิยม
จะเอามาตัดสินสิ่งที่ตัวเองต้องใช้และอยู่กับมันไปอีกนาน ไม่ได้หรอกครับ

ออฟไลน์ Ken_1000

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 116
Re: mazda3 กับ focus คันไหนขับใกล้เคียง series3 มากกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2009, 09:29:43 »
เพ้ออะไรกันเหรอ
เอารถจักรยาน ไปเทียบกับยานอวกาศ

  คุณนั่นแหละที่เพ้อ อยู่คนเดียว ครับ ;D
เล่นหมากรุก อย่าเอาแต่บุกอย่างเดียว เดินหมากรุกยังต้องคิดเดินหมากชีวิต จะไม่คิดได้อย่างไร

ออฟไลน์ alan shearer

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 23
Re: mazda3 กับ focus คันไหนขับใกล้เคียง series3 มากกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2009, 09:41:47 »
ตัวผมเอง ก็ไม่เคยขับทั้ง 3 รุ่นนะ....

แต่เท่าๆที่เคยอ่านพวกฝรั่งมันเทส
ถึงแม้ว่าจะใช้พื้นฐานเพลทฟอร์มร่วมกันก็จริง แต่
ในเรื่องของ ขับมันส์ ขับสนุก อัต
ตราตอบสนองของเครื่องยนต์
เกียร์และพวกมาลัย ไดร์วิ่ง ไดนามิค มาสด้าจะใกล้เคียงกับซีรีย์ 3 มากกว่า

ส่วนโพกัส จะเน้น ช่วงล่าง หนักแน่น หนุ่มหนึบ เกาะถนน
แต่ขับไม่มันส์เท่ามาสด้า 3 คือประมาณอารมนณ์เดียวกับ กอล์ฟนั่นแหละ.....

นี่คือที่ผมอ่านมา ครับ

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
Re: mazda3 กับ focus คันไหนขับใกล้เคียง series3 มากกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #35 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2009, 10:30:57 »
จะตอบอย่างไรดีล่ะ

คือ Series 3 แต่ละรุ่นนี่ ก็ยังมีการเซ็ทช่วงล่างให้มีความนิ่มนวล และแข็งกระด้างไม่เท่ากันเลยนะครับ เช่น 320 จะนิ่ม ๆ เวลาขับสบาย ๆ  กับ 325 จะไปรู้สึกนิ่ม ๆ แบบ320 ก็ไม่ใช่ แต่ขับสบายคนขับ นั่งแล้วตูดไม่ชา ไม่รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน ผมว่า สองตัวนั้น ยังไกลBMW นะ ไม่ใช่เพราะช่วงล่างมันแย่ แต่การออกแบบให้Unsprung Weight มันต่ำโดยใช้วัสดุน้ำหนักเบา ๆไม่มีครับ

แล้วอารมณ์การขับแบบ รถขับหลังกับขับหน้า มันก็ต่างกันคนละเรื่องมาก ๆ เวลาเข้าโค้ง รถขับหน้าจะUnder Steer ยันเต ถึงแม้จะเข้าได้ แต่คุณจะรู้สึกได้เสมอว่ามันUnder และเป็นความรู้สึกแหกโค้งติดกับรถขับเคลื่อนล้อหน้าทุกคัน ทุกความเร็วตั้งแต่ 60 ขึ้นไป เพียงแต่ว่าคุณจับความรู้สึกนั้นได้มากพอแค่่ไหน และปรับองศาล้อรับถนนได้ดีแค่ไหน เท่านั้นเอง


เรื่องคนทีว่าขับ 200 แล้วนิ่งนี่  ...ผมคิดว่า... มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดนะครับ อยากให้ลอง ขับ 200 แล้ว เปลี่ยนเลนส์แบบคันต่อคันดูสิครับ จะรู้ว่าไอที่นิ่งนั้นมันนิ่งด้วยช่วงล่าง หรือแรงกดอากาศตามหลักอากาศ พลศาสตร์กันแน่ ที่ 200KM ต่อชั่วโมงนี่ คือ ราว  70M/second เลยนะครับ ถ้ารถออกแบบมาตามหลักอากาศพลศาสตร์มันก็นิ่งทั้งนั้น เพราะถูกกดไว้ แต่ไม่ได้หมายความว่า มันจะเกาะถนนอยู่เวลาหักพวงมาลัยนะครับ คนละเรื่องกัน

แต่ผมบอกได้ว่า E36 318 ขับ 180 แซงปาดคันต่อคัน ไม่มีปัญหา แน่นอนครับ (E46 ยังไม่ได้ลองเพราะได้ตอนเริ่มมมีอายุแล้ว เหอ เหอ)

ไปลองดูนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 13, 2009, 12:38:19 โดย jaesz »

ออฟไลน์ nokia3110c

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 4
    • อีเมล์
Re: mazda3 กับ focus คันไหนขับใกล้เคียง series3 มากกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #36 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2009, 15:44:32 »
Focus  TDci     ช่วงล่างกระด้างใหมครับ   กัวแม่ยายบ่น

ออฟไลน์ ?????????

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 221
  • When I photograh, I make love.
Re: mazda3 กับ focus คันไหนขับใกล้เคียง series3 มากกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #37 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2009, 16:04:48 »
คำว่า "กระด้าง" หรือ "นิ่ม" เป็นรสนิยมส่วนตัวนะครับ แต่ละคนรู้สึกไม่เหมือนกัน ลองไป test drive ดูเองดีกว่าครับ
:) Women are like cars: we all want a Ferrari, sometimes want  pickup truck, and end up with a station wagon. :)

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,041
Re: mazda3 กับ focus คันไหนขับใกล้เคียง series3 มากกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #38 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2009, 17:09:20 »
มองไปที่ Ford Focus TDCI ครับ เท่านั้นครับ  ชั่วโมงนี้ (ด้วยราคา)

E90 ต้อง 320d  มันคือบทสรุปทุกอย่าง

TCDI อาจจะด้อยกว่า 320d แต่ก็สามารถเกาะตาม 320d ได้สบาย ตามแบบ320dต้องตกใจ แต่ TDCI  ได้แค่ตามติดเท่านั้นครับ ปลายๆมีเจอติดตูด320d

ที่พูดเพราะว่าได้ลองมาทั้ง2 แล้วครับ ทั้งคุ๋สามารถขึ้นได้ เกิน 230 แน่นอน และความเร๊วขนาดนั้น ไม่ได้ทำให้เจ้า TDCI หน้ากลัวเลย

ความประหยัด  ทั้ง 320d และ TDCI เป็นตัวเลขที่ดีทั้งคู่ 320 d แรงบิดดีกว่า ประหยัดกว่าครับ แต่เที่ยบราคาที่ประหยัดน้ำมันไป หันกลับมามองราคารถ

ก็คงมองมาที่TDCI

ไม่เคยลอง Mazda 3 ครับ

ทำท๊อปได้มากกว่าที่พี่จิมทำไว้อีกหรือครับ
แล้วอิมเมจไม่แย่หรอก รถไอ้กัน ก็ไม่ใช่ญี่ปุ่น

ออฟไลน์ penalty

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 272
  • Ingenieur
Re: mazda3 กับ focus คันไหนขับใกล้เคียง series3 มากกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #39 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2009, 17:34:57 »
ผมเคยอ่าน Review ของ Edmunds เขาบอกประมาณว่า
ถ้า BMW จะสร้างรถขับหน้า ก็คงออกมาเป็น Mazda 3 นี่แหละครับ

เรื่องคนทีว่าขับ 200 แล้วนิ่งนี่  ...ผมคิดว่า... มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดนะครับ อยากให้ลอง ขับ 200 แล้ว เปลี่ยนเลนส์แบบคันต่อคันดูสิครับ จะรู้ว่าไอที่นิ่งนั้นมันนิ่งด้วยช่วงล่าง หรือแรงกดอากาศตามหลักอากาศ พลศาสตร์กันแน่ ที่ 200KM ต่อชั่วโมงนี่ คือ ราว  70M/second เลยนะครับ ถ้ารถออกแบบมาตามหลักอากาศพลศาสตร์มันก็นิ่งทั้งนั้น เพราะถูกกดไว้ แต่ไม่ได้หมายความว่า มันจะเกาะถนนอยู่เวลาหักพวงมาลัยนะครับ คนละเรื่องกัน

ผมว่าไม่ค่อยมีนะครับ ที่รถบ้านจะสร้างแรงกดได้ ส่วนใหญ่ Lift Coefficient เป็นบวกทั้งนั้นแหละครับ
ไอ้ที่บอกสร้างแรงกดนั้นก็ใช่ครับ แต่เป็นการสร้างบางส่วนไปหักลบกับแรงยก สุดท้ายแล้วแรงยกก็เป็นฝ่ายชนะ
หมายถึงรถบ้านๆนะครับ สามคันที่พูดถึงก็รวมอยู่ด้วย

แค่เคยดูผล CFD ครับ ไม่มีหลักฐานมายืนยัน แต่มีตัวอย่างรุ่นอื่นที่พอเชื่อถือและอ้างอิงได้
http://www.mitsubishi-motors.com/corporate/about_us/technology/review/e/pdf/2008/20e_08.pdf
ขนาด EVO X ใส่ Rear Spoiler อันเท่าฝาบ้าน ยังเกิดแรงยกเลยครับ
กว่าจะสร้างแรงกดมาหักลบให้แรงยกเป็นศูนย์ ก็ต้องใส่อุปกรณ์เพิ่มเยอะเลยครับ ถึงตอนนั้น Drag บานกันพอดี

อีกอันที่มีผลต่อความนิ่ง น่าจะเป็น Vortex Wake กับความถี่ธรรมชาติในการ Shed ครับ (หาใน google ก็เจอ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 13, 2009, 18:17:33 โดย penalty »
If God did not build it, an Engineer did.

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
Re: mazda3 กับ focus คันไหนขับใกล้เคียง series3 มากกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #40 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2009, 22:54:28 »
ผมเคยอ่าน Review ของ Edmunds เขาบอกประมาณว่า
ถ้า BMW จะสร้างรถขับหน้า ก็คงออกมาเป็น Mazda 3 นี่แหละครับ

เรื่องคนทีว่าขับ 200 แล้วนิ่งนี่  ...ผมคิดว่า... มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดนะครับ อยากให้ลอง ขับ 200 แล้ว เปลี่ยนเลนส์แบบคันต่อคันดูสิครับ จะรู้ว่าไอที่นิ่งนั้นมันนิ่งด้วยช่วงล่าง หรือแรงกดอากาศตามหลักอากาศ พลศาสตร์กันแน่ ที่ 200KM ต่อชั่วโมงนี่ คือ ราว  70M/second เลยนะครับ ถ้ารถออกแบบมาตามหลักอากาศพลศาสตร์มันก็นิ่งทั้งนั้น เพราะถูกกดไว้ แต่ไม่ได้หมายความว่า มันจะเกาะถนนอยู่เวลาหักพวงมาลัยนะครับ คนละเรื่องกัน

ผมว่าไม่ค่อยมีนะครับ ที่รถบ้านจะสร้างแรงกดได้ ส่วนใหญ่ Lift Coefficient เป็นบวกทั้งนั้นแหละครับ
ไอ้ที่บอกสร้างแรงกดนั้นก็ใช่ครับ แต่เป็นการสร้างบางส่วนไปหักลบกับแรงยก สุดท้ายแล้วแรงยกก็เป็นฝ่ายชนะ
หมายถึงรถบ้านๆนะครับ สามคันที่พูดถึงก็รวมอยู่ด้วย

แค่เคยดูผล CFD ครับ ไม่มีหลักฐานมายืนยัน แต่มีตัวอย่างรุ่นอื่นที่พอเชื่อถือและอ้างอิงได้
http://www.mitsubishi-motors.com/corporate/about_us/technology/review/e/pdf/2008/20e_08.pdf
ขนาด EVO X ใส่ Rear Spoiler อันเท่าฝาบ้าน ยังเกิดแรงยกเลยครับ
กว่าจะสร้างแรงกดมาหักลบให้แรงยกเป็นศูนย์ ก็ต้องใส่อุปกรณ์เพิ่มเยอะเลยครับ ถึงตอนนั้น Drag บานกันพอดี

อีกอันที่มีผลต่อความนิ่ง น่าจะเป็น Vortex Wake กับความถี่ธรรมชาติในการ Shed ครับ (หาใน google ก็เจอ)

ท่าจะยาว

แรงกดบนฝากระโปรงหน้าครับ ที่ทำให้รถนิ่ง แต่ล้อหลังอยู่ในสภาวะ รอจะลอย ทำให้เกิดอาการปัดงัยครับ แรงยกท้ายจะชนะจริง ๆได้เมื่อมีความเร็วมากกว่านี้เยอะครับ ไม่งั้นรถก็ิบินได้แค่ติดปีก อันนั้นแหละเรียกว่าแรงยกชนะครับ ต้องชนะน้ำหนักรถ + แรงดึงจากอากาศ รถบ้าน ๆเกือบทุกยี่ห้อเดี่ยวนี้มีแรงกดกระโปรงหน้าเยอะ ๆ ทั้งนั้น ถ้ารถตั้งศูนย์มาดี ถ่วงล้อมาได้ ยางไม่บวม ช่วงล่างสมบูรณ์ ผมว่า รถในตลาด90% ถ้าวิ่งถึง 200 ได้ พวงมาลัยนิ่งแน่ ๆ แต่ควบคุมการเลี้ยวได้รึเปล่า มันไม่เกี่ยวกัน

มีอีกหลายปัจจัย แต่สุดท้าย อาการของรถ เป็นตัวฟ้องอยู่แล้วครับ

ถึงบอกว่า ไปลองดูครับ ถ้ายังไม่ลอง ก็คงมีแต่ทฤษฎี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 13, 2009, 23:00:15 โดย jaesz »

Chariot

  • บุคคลทั่วไป
Re: mazda3 กับ focus คันไหนขับใกล้เคียง series3 มากกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #41 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2009, 23:12:35 »
จะแข่งอัด top speed กันทำไม

แข่งเข้าโค้งกันดีกว่า คันไหนแรงจริงช่วงล่างต้องดีด้วย

รวมถึงระบบความปลอดภัย ทั้ง passive และ active

ซึ่งนี่คือสิ่งที่ต้องเพิ่มเงินอีก 7 แสนกว่าใน S40 (ยังเชียร์ Volvo อยู่นะเนี่ย)

ออฟไลน์ penalty

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 272
  • Ingenieur
Re: mazda3 กับ focus คันไหนขับใกล้เคียง series3 มากกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #42 เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2009, 01:08:56 »
ผมเคยอ่าน Review ของ Edmunds เขาบอกประมาณว่า
ถ้า BMW จะสร้างรถขับหน้า ก็คงออกมาเป็น Mazda 3 นี่แหละครับ

เรื่องคนทีว่าขับ 200 แล้วนิ่งนี่  ...ผมคิดว่า... มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดนะครับ อยากให้ลอง ขับ 200 แล้ว เปลี่ยนเลนส์แบบคันต่อคันดูสิครับ จะรู้ว่าไอที่นิ่งนั้นมันนิ่งด้วยช่วงล่าง หรือแรงกดอากาศตามหลักอากาศ พลศาสตร์กันแน่ ที่ 200KM ต่อชั่วโมงนี่ คือ ราว  70M/second เลยนะครับ ถ้ารถออกแบบมาตามหลักอากาศพลศาสตร์มันก็นิ่งทั้งนั้น เพราะถูกกดไว้ แต่ไม่ได้หมายความว่า มันจะเกาะถนนอยู่เวลาหักพวงมาลัยนะครับ คนละเรื่องกัน

ผมว่าไม่ค่อยมีนะครับ ที่รถบ้านจะสร้างแรงกดได้ ส่วนใหญ่ Lift Coefficient เป็นบวกทั้งนั้นแหละครับ
ไอ้ที่บอกสร้างแรงกดนั้นก็ใช่ครับ แต่เป็นการสร้างบางส่วนไปหักลบกับแรงยก สุดท้ายแล้วแรงยกก็เป็นฝ่ายชนะ
หมายถึงรถบ้านๆนะครับ สามคันที่พูดถึงก็รวมอยู่ด้วย

แค่เคยดูผล CFD ครับ ไม่มีหลักฐานมายืนยัน แต่มีตัวอย่างรุ่นอื่นที่พอเชื่อถือและอ้างอิงได้
http://www.mitsubishi-motors.com/corporate/about_us/technology/review/e/pdf/2008/20e_08.pdf
ขนาด EVO X ใส่ Rear Spoiler อันเท่าฝาบ้าน ยังเกิดแรงยกเลยครับ
กว่าจะสร้างแรงกดมาหักลบให้แรงยกเป็นศูนย์ ก็ต้องใส่อุปกรณ์เพิ่มเยอะเลยครับ ถึงตอนนั้น Drag บานกันพอดี

อีกอันที่มีผลต่อความนิ่ง น่าจะเป็น Vortex Wake กับความถี่ธรรมชาติในการ Shed ครับ (หาใน google ก็เจอ)

ท่าจะยาว

แรงกดบนฝากระโปรงหน้าครับ ที่ทำให้รถนิ่ง แต่ล้อหลังอยู่ในสภาวะ รอจะลอย ทำให้เกิดอาการปัดงัยครับ แรงยกท้ายจะชนะจริง ๆได้เมื่อมีความเร็วมากกว่านี้เยอะครับ ไม่งั้นรถก็ิบินได้แค่ติดปีก อันนั้นแหละเรียกว่าแรงยกชนะครับ ต้องชนะน้ำหนักรถ + แรงดึงจากอากาศ รถบ้าน ๆเกือบทุกยี่ห้อเดี่ยวนี้มีแรงกดกระโปรงหน้าเยอะ ๆ ทั้งนั้น ถ้ารถตั้งศูนย์มาดี ถ่วงล้อมาได้ ยางไม่บวม ช่วงล่างสมบูรณ์ ผมว่า รถในตลาด90% ถ้าวิ่งถึง 200 ได้ พวงมาลัยนิ่งแน่ ๆ แต่ควบคุมการเลี้ยวได้รึเปล่า มันไม่เกี่ยวกัน

มีอีกหลายปัจจัย แต่สุดท้าย อาการของรถ เป็นตัวฟ้องอยู่แล้วครับ

ถึงบอกว่า ไปลองดูครับ ถ้ายังไม่ลอง ก็คงมีแต่ทฤษฎี

http://www.mitsubishi-motors.com/corporate/about_us/technology/review/e/pdf/2008/20e_08.pdf
ยังไม่ได้อ่านบทความที่แปะให้ใช่มั้ยครับ? ถ้าขี้เกียจอ่าน แนะนำว่ากดเข้าไปดูแค่รูปที่ 2 ก็พอครับ
ยังไงซะ Lift Coefficient ที่ล้อหน้าและล้อหลังสำหรับรถบ้านๆ เป็นบวกอยู่แล้วครับ
นั่นคือไม่ว่าจะเกิด Downforce ที่ไหน และ Lift ที่ไหน เมื่อรวมกันแล้ว Lift จะมีค่ามากกว่า Downforce ทั้งล้อหน้าและล้อหลัง
และโดยทั่วไป Lift ที่เกิดกับส่วนท้ายของรถจะมากกว่า ดังนั้นส่วนใหญ่แล้ว ท้ายรถจะออกอาการก่อนครับ

เพิ่มเติมตัวอย่างให้ดูครับ

http://www.autozine.org/technical_school/aero/tech_aero.htm ตารางแรก
http://autospeed.com/cms/A_108677/printArticle.html ในตารางเช่นกัน

และมาดูรถรูปทรงลู่ลม แต่อากาศพลศาสตร์ล้าหลังกันบ้าง
http://www.autozine.org/Archive/Honda/old/NSX.html กดหาคำว่า Lift เดี๋ยวก็เจอ

หรือว่าเก่าไป มาดู 2006 Cadillac กันบ้าง
http://www.autoweek.com/files/specials/2005_detroit/cadillac/stsv/stsv_info.doc หน้าสุดท้าย

370Z กับ Lift เป็นศูนย์ทั้งหน้าและหลัง ด้วยชุด Aerodynamic Body Design
http://www.nissan370zny.com/documents/2009NISMOZSpecs4-09.pdf
370Z ยังได้แค่ศูนย์เลยครับ แล้วจะมีรถบ้านๆกี่คันที่สร้างแรงกดได้ที่ล้อหน้า

แล้วผมไม่รู้ว่าไปลองแล้วจะได้อะไรครับ ขับที่ความเร็ว 200+ จะมีใครรู้ไหมครับว่าเกิดแรงยกแรงกดเท่าไหร่
ดังนั้นในทางวิศวกรรมการบินและอากาศยานจึงอ้างอิงผลของ CFD ครับ แล้วค่อย Validate ด้วยอุโมงค์ลม ก่อนนำไปทดสอบจริง

ถึงบอกให้ไปอ่านไงครับ ถ้าไม่อ่าน ก็คงมีแต่ประสบการณ์ส่วนตัว ที่ไม่รู้ว่าเชื่อถือได้หรือเปล่า


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 14, 2009, 02:30:31 โดย penalty »
If God did not build it, an Engineer did.

ออฟไลน์ bhd

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 21
Re: mazda3 กับ focus คันไหนขับใกล้เคียง series3 มากกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #43 เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2009, 08:44:48 »
ขอบคุณมากๆครับ ทุกท่าน  ไม่คิดว่าจะมีคนเข้ามาตอบเยอะขนาดนี้

ออฟไลน์ bhd

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 21
Re: mazda3 กับ focus คันไหนขับใกล้เคียง series3 มากกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #44 เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2009, 10:20:17 »
น่าจะไปลองขับดีกว่ามั้ยครับ
จะซื้อรถราคาหนึ่งล้านบาท +- มานั่งนับเสียงโหวตผ่านเวบคงไม่ถูกเรื่องกันเท่าไหร่

ต่างคนต่างความรู้สึก ต่างความนิยม
จะเอามาตัดสินสิ่งที่ตัวเองต้องใช้และอยู่กับมันไปอีกนาน ไม่ได้หรอกครับ

ผมต้องไปลองอยู่แล้วครับ

แต่อยากได้ความเห็นคนที่เคยลองมาก่อนครับ....ข้อมูลยิ่งมากก็ยิ่งเป็นผลดีกับผมเองครับ

ออฟไลน์ max32

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 15
Re: mazda3 กับ focus คันไหนขับใกล้เคียง series3 มากกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #45 เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2009, 13:09:27 »
ผมพูดจริงๆน่ะ  ถ้าขับ160+++ หรือ200+++   ในประเทศไทยจะมีถนนซักกี่เส้นที่วิ่งได้ขนาดนั้นอ่ะ   แล้วน้ำมันราคามันไม่ใช่ถูกเลยๆถ้าจะเอาไปวิ่งเล่นขนาดนั้นอ่ะ

ผมว่าำไม ไม่เห็นมีใครเถียงเรื่องความประหยัดมั้งเลยอะ   รถที่วิ่งได้200/ช.ม.   ถ้าววันนึงน้ำมันลิตรล่ะ 50 บาท  คุณยังจะคิดเหยีบอีกไหมอ่ะ200

ถ้าเจ้าของกระทู้ต้องการซื้อรถจริงๆ ผมว่าเน้นเรื่องความปลอดภัย+ความประหยัดดีกว่าครับ   
ความมันในการขับขี่ มันแล้วแต่คนชอบอ่ะครับ  ต่อให้รถวิ่งท็อปสปีดได้แค่ 120  เราก็สามารถมันไปกับมันได้  ขอให้รู้เรารู้จักมันดีพอเท่านั้นล่ะ

ออฟไลน์ bhd

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 21
Re: mazda3 กับ focus คันไหนขับใกล้เคียง series3 มากกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #46 เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2009, 14:03:15 »
ผมพูดจริงๆน่ะ  ถ้าขับ160+++ หรือ200+++   ในประเทศไทยจะมีถนนซักกี่เส้นที่วิ่งได้ขนาดนั้นอ่ะ   แล้วน้ำมันราคามันไม่ใช่ถูกเลยๆถ้าจะเอาไปวิ่งเล่นขนาดนั้นอ่ะ

ผมว่าำไม ไม่เห็นมีใครเถียงเรื่องความประหยัดมั้งเลยอะ   รถที่วิ่งได้200/ช.ม.   ถ้าววันนึงน้ำมันลิตรล่ะ 50 บาท  คุณยังจะคิดเหยีบอีกไหมอ่ะ200

ถ้าเจ้าของกระทู้ต้องการซื้อรถจริงๆ ผมว่าเน้นเรื่องความปลอดภัย+ความประหยัดดีกว่าครับ   
ความมันในการขับขี่ มันแล้วแต่คนชอบอ่ะครับ  ต่อให้รถวิ่งท็อปสปีดได้แค่ 120  เราก็สามารถมันไปกับมันได้  ขอให้รู้เรารู้จักมันดีพอเท่านั้นล่ะ


ผมคงไม่กดซะขนาดนั้นหรอกครับ
ก็ใช้แบบปกติแหละ.....
บอกตรงๆครับ............กลัวตายยยยยยย......อิๆ

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
Re: mazda3 กับ focus คันไหนขับใกล้เคียง series3 มากกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #47 เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2009, 15:09:46 »
ผมเคยอ่าน Review ของ Edmunds เขาบอกประมาณว่า
ถ้า BMW จะสร้างรถขับหน้า ก็คงออกมาเป็น Mazda 3 นี่แหละครับ

เรื่องคนทีว่าขับ 200 แล้วนิ่งนี่  ...ผมคิดว่า... มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดนะครับ อยากให้ลอง ขับ 200 แล้ว เปลี่ยนเลนส์แบบคันต่อคันดูสิครับ จะรู้ว่าไอที่นิ่งนั้นมันนิ่งด้วยช่วงล่าง หรือแรงกดอากาศตามหลักอากาศ พลศาสตร์กันแน่ ที่ 200KM ต่อชั่วโมงนี่ คือ ราว  70M/second เลยนะครับ ถ้ารถออกแบบมาตามหลักอากาศพลศาสตร์มันก็นิ่งทั้งนั้น เพราะถูกกดไว้ แต่ไม่ได้หมายความว่า มันจะเกาะถนนอยู่เวลาหักพวงมาลัยนะครับ คนละเรื่องกัน

ผมว่าไม่ค่อยมีนะครับ ที่รถบ้านจะสร้างแรงกดได้ ส่วนใหญ่ Lift Coefficient เป็นบวกทั้งนั้นแหละครับ
ไอ้ที่บอกสร้างแรงกดนั้นก็ใช่ครับ แต่เป็นการสร้างบางส่วนไปหักลบกับแรงยก สุดท้ายแล้วแรงยกก็เป็นฝ่ายชนะ
หมายถึงรถบ้านๆนะครับ สามคันที่พูดถึงก็รวมอยู่ด้วย

แค่เคยดูผล CFD ครับ ไม่มีหลักฐานมายืนยัน แต่มีตัวอย่างรุ่นอื่นที่พอเชื่อถือและอ้างอิงได้
http://www.mitsubishi-motors.com/corporate/about_us/technology/review/e/pdf/2008/20e_08.pdf
ขนาด EVO X ใส่ Rear Spoiler อันเท่าฝาบ้าน ยังเกิดแรงยกเลยครับ
กว่าจะสร้างแรงกดมาหักลบให้แรงยกเป็นศูนย์ ก็ต้องใส่อุปกรณ์เพิ่มเยอะเลยครับ ถึงตอนนั้น Drag บานกันพอดี

อีกอันที่มีผลต่อความนิ่ง น่าจะเป็น Vortex Wake กับความถี่ธรรมชาติในการ Shed ครับ (หาใน google ก็เจอ)

ท่าจะยาว

แรงกดบนฝากระโปรงหน้าครับ ที่ทำให้รถนิ่ง แต่ล้อหลังอยู่ในสภาวะ รอจะลอย ทำให้เกิดอาการปัดงัยครับ แรงยกท้ายจะชนะจริง ๆได้เมื่อมีความเร็วมากกว่านี้เยอะครับ ไม่งั้นรถก็ิบินได้แค่ติดปีก อันนั้นแหละเรียกว่าแรงยกชนะครับ ต้องชนะน้ำหนักรถ + แรงดึงจากอากาศ รถบ้าน ๆเกือบทุกยี่ห้อเดี่ยวนี้มีแรงกดกระโปรงหน้าเยอะ ๆ ทั้งนั้น ถ้ารถตั้งศูนย์มาดี ถ่วงล้อมาได้ ยางไม่บวม ช่วงล่างสมบูรณ์ ผมว่า รถในตลาด90% ถ้าวิ่งถึง 200 ได้ พวงมาลัยนิ่งแน่ ๆ แต่ควบคุมการเลี้ยวได้รึเปล่า มันไม่เกี่ยวกัน

มีอีกหลายปัจจัย แต่สุดท้าย อาการของรถ เป็นตัวฟ้องอยู่แล้วครับ

ถึงบอกว่า ไปลองดูครับ ถ้ายังไม่ลอง ก็คงมีแต่ทฤษฎี

http://www.mitsubishi-motors.com/corporate/about_us/technology/review/e/pdf/2008/20e_08.pdf
ยังไม่ได้อ่านบทความที่แปะให้ใช่มั้ยครับ? ถ้าขี้เกียจอ่าน แนะนำว่ากดเข้าไปดูแค่รูปที่ 2 ก็พอครับ
ยังไงซะ Lift Coefficient ที่ล้อหน้าและล้อหลังสำหรับรถบ้านๆ เป็นบวกอยู่แล้วครับ
นั่นคือไม่ว่าจะเกิด Downforce ที่ไหน และ Lift ที่ไหน เมื่อรวมกันแล้ว Lift จะมีค่ามากกว่า Downforce ทั้งล้อหน้าและล้อหลัง
และโดยทั่วไป Lift ที่เกิดกับส่วนท้ายของรถจะมากกว่า ดังนั้นส่วนใหญ่แล้ว ท้ายรถจะออกอาการก่อนครับ

เพิ่มเติมตัวอย่างให้ดูครับ

http://www.autozine.org/technical_school/aero/tech_aero.htm ตารางแรก
http://autospeed.com/cms/A_108677/printArticle.html ในตารางเช่นกัน

และมาดูรถรูปทรงลู่ลม แต่อากาศพลศาสตร์ล้าหลังกันบ้าง
http://www.autozine.org/Archive/Honda/old/NSX.html กดหาคำว่า Lift เดี๋ยวก็เจอ

หรือว่าเก่าไป มาดู 2006 Cadillac กันบ้าง
http://www.autoweek.com/files/specials/2005_detroit/cadillac/stsv/stsv_info.doc หน้าสุดท้าย

370Z กับ Lift เป็นศูนย์ทั้งหน้าและหลัง ด้วยชุด Aerodynamic Body Design
http://www.nissan370zny.com/documents/2009NISMOZSpecs4-09.pdf
370Z ยังได้แค่ศูนย์เลยครับ แล้วจะมีรถบ้านๆกี่คันที่สร้างแรงกดได้ที่ล้อหน้า

แล้วผมไม่รู้ว่าไปลองแล้วจะได้อะไรครับ ขับที่ความเร็ว 200+ จะมีใครรู้ไหมครับว่าเกิดแรงยกแรงกดเท่าไหร่
ดังนั้นในทางวิศวกรรมการบินและอากาศยานจึงอ้างอิงผลของ CFD ครับ แล้วค่อย Validate ด้วยอุโมงค์ลม ก่อนนำไปทดสอบจริง

ถึงบอกให้ไปอ่านไงครับ ถ้าไม่อ่าน ก็คงมีแต่ประสบการณ์ส่วนตัว ที่ไม่รู้ว่าเชื่อถือได้หรือเปล่า




ุ้แรงกด หน้า แรงยกหลังครับ สั้น ๆ ผมอ่านมาหมดแล้วล่ะครับ พวกหลักอากาศ ตอนนี้เอาไปทิ้งทะเลหมดแล้ว 555 ขอบคุณที่เอามให้อ่าน อ่านมาตั้งหลายปีแล้วครับเบื่อแล้ว แรงกดหน้ามันจะ inverse กับหลังสำหรับรถ "ที่ออกแบบมาด้วยหลักอากาศพลศาตร์" แต่ ถ้าคุณยังยันว่ามันจะยกทั้งหน้า ทั้งหลังพร้อมกัน ก็ไม่ว่าครับ นานาัทัศนะ  เอกสารที่คุณอิงมาก็แนะไว้แล้ว นี่นานะ รถมีสองเพลานะครับ หน้าหลัง จุดหมุนสองจุด ถ้าแรงยกหน้าเป็นลบน้อยกว่าหลัง แล้วแรงลมกดบนกระโปรงหน้ามากกว่ากระโปรงหลัง มันก็เป็นแรงกดสิครับ

จริง ลืมไป ลองขับซํก 160 ดูก็ได้นี่ครับ แล้วดูว่า โช๊คสปริงคู่หน้าถูกกดลง หรือว่า มันโดนงัดขึ้นครับ เห็น ๆ เลย นี่แหละ ประสพการณ์ครับ :-)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 14, 2009, 15:21:46 โดย jaesz »

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,179
Re: mazda3 กับ focus คันไหนขับใกล้เคียง series3 มากกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #48 เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2009, 17:49:46 »
เอาเป็นว่า

มาสด้า3
ใกล้E90 ด้านช่วงล่าง(ตามความรู้สึกผมนะ)
ขับสนุกน้องๆE90แน่นอนครับ
แถมยังมีข้อดีด้านราคา+ค่าบำรุงรักษา+คนใช้เยอะ

ถึงแม้ว่ามันจะเร่งได้แย่ที่สุดถ้าเทียบกับ TDCi และ E90



ส่วนโฟกัส
(ไม่เคยขับเอง) ช่วงล่างเลยไม่ทราบ
แต่จากข้อมูล อัตราเร่ง เครื่อง+เกียรเค้าสุดยอดจริงๆ
แถมประหยัดด้วย กดหนักๆก็ยังไม่ซดเท่าไหร่เพราะไม่ต้องไปเค้นเครื่องยนต์

แต่คนใช้น้อย+บริการหลังการขายไม่เท่ามาสด้า


E90 มีดีกว่าคือ
ทุกอย่าง
ยกเว้นแค่ราคา+ค่าบำรุงรักษา+บริการหลังการขายที่"อาจจะ"ไม่ดีในสายตาบางคน

ออฟไลน์ aood!e

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 301
Re: mazda3 กับ focus คันไหนขับใกล้เคียง series3 มากกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #49 เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2009, 22:31:24 »
ผมว่าที่ความเร็วเกิน200 ขึ้นเนี่ยยังไม่เห็นใครบอกว่ารถมันนิ่งเลยนะครับ ทั้ง320d และ TDCI แต่ความเร็วขนาดนั้นไม่มีใครเปลี่ยนเลน กระทันหันแน่นอนครับ

เพราะว่าคนที่ต้องการTest Top Speed ไม่มีใครกล้าขับในที่มีการจราจรที่มีรถมากแน่นอนครับ จะไปขับเร็วมากๆคงไม่ใช่  อย่าน้อยต้องทางโล่งจริงๆเพราะต้องคำนึงถึงเพื่อนๆที่ใช้เส้นทางด้วยครับ เรียกว่าต้องมีมารยาทครับ

แต่คิดว่ารถ แต่ละยี่ห้อไม่ได้ถูก set มาให้ขับใช้งานแบบTop Speed หรอกครับ ในทุกๆวันหรอกครับ

แต่ที่เราTest ความเร็วTop Speed กัน ผมว่าเป็นความสนองความต้องการของคนขับเพื่อที่จะทราบถึงการ set รถมาจากโรงงานนั้นมาดีเพียงใด

เพราะหากช่วงล่างถูกSetมาดีคุณก็ ไม่ต้องไปเสียตังเปลี่ยนโช๊คอัพหรือsetช่วงล่างใหม่ครับ

Focus และ Mazda 3 เป็นรถSetมาดีจากโรงงานครับ นอกนั้นขับได้เช่นกัน  แต่ไม่ดีเท่าfocus และ Mazda 3

จะซื้อหรือไม่ซื้อ ผมว่าคนที่ตั้งกระทู้มา มีอยู่ในใจอยู่แล้วครับ ว่าชอบอะไร ต่อให้ทุกคนเชียร์320d ก็ใช่ว่าจะตัดสินใจซื้อมันครับ

 
 

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,624
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
Re: mazda3 กับ focus คันไหนขับใกล้เคียง series3 มากกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #50 เมื่อ: พฤศจิกายน 15, 2009, 03:03:17 »
อยากแสดงความคิดเห็น ก็แสดงกันไปครับ

แต่จะ เริ่ม  การเตือนครั้งที่ 1 กับสมาชิกที่ชื่อ Kman

ถ้าจะตอบอย่างที่ตอบๆมา กรุณา เก็บไว้ไปตอบในเว็บอื่นที่คุณเคยอยู่ครับ

เราไม่ต้อนรับข้อความดูถูก ดูหมิ่น และเสียดสี ใส่ร้าย หรือสร้างปัญหาใดๆทั้งสิ้น

ขอให้โปรดรับทราบเอาไว้ด้วยครับ

ออฟไลน์ penalty

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 272
  • Ingenieur
Re: mazda3 กับ focus คันไหนขับใกล้เคียง series3 มากกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #51 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2009, 12:12:55 »
ขอโทษ จขกท ที่ผมขอออกนอกประเด็นที่คุณถาม

ุ้แรงกด หน้า แรงยกหลังครับ สั้น ๆ ผมอ่านมาหมดแล้วล่ะครับ พวกหลักอากาศ ตอนนี้เอาไปทิ้งทะเลหมดแล้ว 555 ขอบคุณที่เอามให้อ่าน อ่านมาตั้งหลายปีแล้วครับเบื่อแล้ว แรงกดหน้ามันจะ inverse กับหลังสำหรับรถ "ที่ออกแบบมาด้วยหลักอากาศพลศาตร์" แต่ ถ้าคุณยังยันว่ามันจะยกทั้งหน้า ทั้งหลังพร้อมกัน ก็ไม่ว่าครับ นานาัทัศนะ  เอกสารที่คุณอิงมาก็แนะไว้แล้ว นี่นานะ รถมีสองเพลานะครับ หน้าหลัง จุดหมุนสองจุด ถ้าแรงยกหน้าเป็นลบน้อยกว่าหลัง แล้วแรงลมกดบนกระโปรงหน้ามากกว่ากระโปรงหลัง มันก็เป็นแรงกดสิครับ

จริง ลืมไป ลองขับซํก 160 ดูก็ได้นี่ครับ แล้วดูว่า โช๊คสปริงคู่หน้าถูกกดลง หรือว่า มันโดนงัดขึ้นครับ เห็น ๆ เลย นี่แหละ ประสพการณ์ครับ :-)

คุณ jaesz ครับ นอกจากคำพูดของคุณว่าลองมาแล้ว อ่านมาแล้ว ไม่มีหลักฐานอะไรอีกเลยครับ
ทั้งๆที่ผมนำบทความทั้งจาก ผู้ผลิต/หน่วยงานวิจัย/เวบทดสอบรถ มาแย้งความเชื่อของคุณ
คุณก็ยังไปน้ำขุ่นๆได้อีก พอเหตุผลไม่ได้ หลักฐานไม่มี ก็บอกว่าอ่านมาหมดจนเบื่อจะอ่านแล้ว
ถ้าผมบอกว่าผมทั้งอ่านทั้งทำวิจัยและสอนเรื่องนี้โดยตรงล่ะครับ

ยิ่งประโยคที่เป็น
สีเหลือง ยิ่งข้างๆคูๆมากครับ ลองนึกคิดดูดีๆ ผมกำลังบอกคุณว่า Lift Coefficient เป็นบวก ทั้งหน้าและหลัง โดยอ้างอิงจากบทความที่แปะไว้ให้
ที่คุณว่าคุณอ่านอากาศพลศาสตร์มาแล้ว พอเห็นประโยค
สีเหลืองนี้ ผมเชื่อที่คุณบอกเลยครับว่าคุณเอาความรู้โยนทิ้งทะเลไปหมดแล้ว รวมทั้งฟิสิกส์ด้วย

แล้วคุณขับ 160 คุณดูยังไงครับว่าช่วงล่างยุบตัวหรือยกขึ้น ทั้งๆที่ Lift Coefficient ของรถทั่วไปมีค่า 0.02 ถึง 0.15
ยิ่งพอกระจายแรงยกไปแต่ละล้อแล้ว มันยิ่งเหลือน้อย แม้จะคูณด้วยพื้นที่ ความหนาแน่น และ Dynamic Pressure ที่ 50 m/s ก็ตาม
ผมละสงสัยจริงๆ ว่าคุณจะดูยังไง ใช้ความรู้สึก? เปิดกระจกโผล่หัวไปดู? ให้เพื่อนขับเทียบข้าง?
จะความเร็วเท่าไหร่ ผลการทดสอบจาก CFD และอุโมงค์ลม ที่ผมแปะไว้ให้ มันแย้งกับความเชื่อและประสบการณ์คุณทั้งนั้นครับ
มันไม่ใช่ความคิดของผมครับ แต่เป็นตัวเลขที่ได้จากการคำนวน CFD และทดลองจากหลายหน่วยงาน

ถ้าเป็นความคิดเห็นที่แตกต่าง ผมยอมรับฟังครับ แต่ถ้าเป็นความเชื่อที่พิสูจน์แล้วว่ามันผิด ผมจึงขอแย้ง
เพราะอากาศพลศาสตร์เป็นวิทยาศาสตร์/วิศวกรรม ที่ต้องพูดกันด้วยทฤษฎี แต่พิสูจน์ด้วย CFD และการทดลอง ไม่ใช่ความเชื่อและทัศนะ

คิดว่าไม่มีข้อความที่รุนแรงเกินไปนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 16, 2009, 15:18:19 โดย penalty »
If God did not build it, an Engineer did.

ออฟไลน์ bhd

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 21
Re: mazda3 กับ focus คันไหนขับใกล้เคียง series3 มากกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #52 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2009, 16:30:03 »
เต็มที่ครับ....ไม่ว่ากัน

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
Re: mazda3 กับ focus คันไหนขับใกล้เคียง series3 มากกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #53 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2009, 20:28:34 »
ขอโทษ จขกท ที่ผมขอออกนอกประเด็นที่คุณถาม

ุ้แรงกด หน้า แรงยกหลังครับ สั้น ๆ ผมอ่านมาหมดแล้วล่ะครับ พวกหลักอากาศ ตอนนี้เอาไปทิ้งทะเลหมดแล้ว 555 ขอบคุณที่เอามให้อ่าน อ่านมาตั้งหลายปีแล้วครับเบื่อแล้ว แรงกดหน้ามันจะ inverse กับหลังสำหรับรถ "ที่ออกแบบมาด้วยหลักอากาศพลศาตร์" แต่ ถ้าคุณยังยันว่ามันจะยกทั้งหน้า ทั้งหลังพร้อมกัน ก็ไม่ว่าครับ นานาัทัศนะ  เอกสารที่คุณอิงมาก็แนะไว้แล้ว นี่นานะ รถมีสองเพลานะครับ หน้าหลัง จุดหมุนสองจุด ถ้าแรงยกหน้าเป็นลบน้อยกว่าหลัง แล้วแรงลมกดบนกระโปรงหน้ามากกว่ากระโปรงหลัง มันก็เป็นแรงกดสิครับ

จริง ลืมไป ลองขับซํก 160 ดูก็ได้นี่ครับ แล้วดูว่า โช๊คสปริงคู่หน้าถูกกดลง หรือว่า มันโดนงัดขึ้นครับ เห็น ๆ เลย นี่แหละ ประสพการณ์ครับ :-)

คุณ jaesz ครับ นอกจากคำพูดของคุณว่าลองมาแล้ว อ่านมาแล้ว ไม่มีหลักฐานอะไรอีกเลยครับ
ทั้งๆที่ผมนำบทความทั้งจาก ผู้ผลิต/หน่วยงานวิจัย/เวบทดสอบรถ มาแย้งความเชื่อของคุณ
คุณก็ยังไปน้ำขุ่นๆได้อีก พอเหตุผลไม่ได้ หลักฐานไม่มี ก็บอกว่าอ่านมาหมดจนเบื่อจะอ่านแล้ว
ถ้าผมบอกว่าผมทั้งอ่านทั้งทำวิจัยและสอนเรื่องนี้โดยตรงล่ะครับ

ยิ่งประโยคที่เป็น
สีเหลือง ยิ่งข้างๆคูๆมากครับ ลองนึกคิดดูดีๆ ผมกำลังบอกคุณว่า Lift Coefficient เป็นบวก ทั้งหน้าและหลัง โดยอ้างอิงจากบทความที่แปะไว้ให้
ที่คุณว่าคุณอ่านอากาศพลศาสตร์มาแล้ว พอเห็นประโยค
สีเหลืองนี้ ผมเชื่อที่คุณบอกเลยครับว่าคุณเอาความรู้โยนทิ้งทะเลไปหมดแล้ว รวมทั้งฟิสิกส์ด้วย

แล้วคุณขับ 160 คุณดูยังไงครับว่าช่วงล่างยุบตัวหรือยกขึ้น ทั้งๆที่ Lift Coefficient ของรถทั่วไปมีค่า 0.02 ถึง 0.15
ยิ่งพอกระจายแรงยกไปแต่ละล้อแล้ว มันยิ่งเหลือน้อย แม้จะคูณด้วยพื้นที่ ความหนาแน่น และ Dynamic Pressure ที่ 50 m/s ก็ตาม
ผมละสงสัยจริงๆ ว่าคุณจะดูยังไง ใช้ความรู้สึก? เปิดกระจกโผล่หัวไปดู? ให้เพื่อนขับเทียบข้าง?
จะความเร็วเท่าไหร่ ผลการทดสอบจาก CFD และอุโมงค์ลม ที่ผมแปะไว้ให้ มันแย้งกับความเชื่อและประสบการณ์คุณทั้งนั้นครับ
มันไม่ใช่ความคิดของผมครับ แต่เป็นตัวเลขที่ได้จากการคำนวน CFD และทดลองจากหลายหน่วยงาน

ถ้าเป็นความคิดเห็นที่แตกต่าง ผมยอมรับฟังครับ แต่ถ้าเป็นความเชื่อที่พิสูจน์แล้วว่ามันผิด ผมจึงขอแย้ง
เพราะอากาศพลศาสตร์เป็นวิทยาศาสตร์/วิศวกรรม ที่ต้องพูดกันด้วยทฤษฎี แต่พิสูจน์ด้วย CFD และการทดลอง ไม่ใช่ความเชื่อและทัศนะ

คิดว่าไม่มีข้อความที่รุนแรงเกินไปนะครับ



ตอบสุดท้ายแล้วนะครับ

คุณอ่านมาเยอะ น่าจะรู้จัก Downforce กับ Aerodynamic Drag นะครับ do search นะครับ มัน Reverse กัน 

ที่ผมอธิบาย จุดหมุนสองจุดหมายถึง ถ้ามีจุดเดียวไม่มีเพลาขับ แรงบิดที่ล้อไม่หมุนรถลงพื้น รถจะลอยแบบเครื่องบินครับ เพราะเขาจะ reverse Downforce

บอกก็ได้ครับ ผมเคยทำงานโรงงาน ซี17 ครับ ลองบีช แคลิฟอเนีย ถ้าอยากคุยกันจริง ๆ Wind Tunnel อะไรเนี่ย ผมเดินมาหมดแล้วล่ะครับ คุยกันได้ ทำตั้งแต่สมัยได้แมคโดนัลดักลาสมาเป็นโบ นั่นแหละครับ


ถึงจะนานมาแล้ว แต่ผมก็ยังพอรู้ครับ ว่ารถก็ออกแบบตามนี้ เพราะรถหลายยี่ห้อ ก็มายืมใช้ Wind Tunnel ที่นั่นจริง ๆ ไม่ได้ดีไซน์กันมั่ว ๆ

ยืนยันว่าแรงกดหน้า และ drag ท้ายรถ มันต้องมีครับ และ แรงยกใต้รถมันไม่มีทางชนะcar weight torque and wind pressure at front hood for sure. ฉะนั้น โช๊คและสปริงที่ล้อหน้าถึงถูกกดลง

ส่วนเรื่องล้อหน้า โช๊คยุบตอนผมขับเองก็มองสิครับ ขอบกระโปรงกับถนนมันเห็น ๆ นะ หรือไม่ ก็เอากล้องติดสิครับ หาใน youtube ก็มีให้ดูครับ ไม่ต้องให้ผมหาให้หรอกมั้งครับ ? :-)

ผมว่าประเด็นคือ ที่ผมพูดว่า รถถูกกดด้วยแรงลมที่หน้ารถ นะครับ ทำให้มันยาวใช่ไหม ? ซึ่งผมก็อธิบายด้วย Downforce นะครับ ถ้าจะถก ก็ถกประเด็นนี้ ผมเชื่อว่าคุณวิจัยโดยตรงครับ ถกกันได้ครับ หลักฐานที่ผมรู้ เอามาแปะให้ไม่ได้จริง ๆ ครับ แต่ถ้าเอาตามเว็บ นักวิจัยอย่างคุณหาคำว่า Downforce หรือ หาดูภาพสปริงถูกกดที่ความเร็วสูงในกูเกิ้นไม่ยากนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 16, 2009, 20:45:20 โดย jaesz »

ออฟไลน์ penalty

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 272
  • Ingenieur
Re: mazda3 กับ focus คันไหนขับใกล้เคียง series3 มากกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #54 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2009, 21:11:32 »
อ๋อ ทำงานคล้ายกันครับ ผมทำเคย Reseach ที่ TUDelft ทั้ง CFD และ Wind Tunnel ทั้ง Subsonic ถึง Supersonic เหลือตัว Mach 6 Hypersonic ยังไม่ได้ทำครับ ลาออกกลับมาก่อน และโชคดีได้ไปดูที่ DNW German-Dutch Wind Tunnels ที่ Amsterdam สมัยรับงาน F35 มาทำ PIV ในอุโมงค์ลม แต่ยังไง จากข้อมูลในแลบ ผลการทดลอง บทความวิชาการ ผมเห็นต่างจากคุณมากทีเดียวครับ สุดท้ายสำหรับกระทู้นี้เหมือนกันครับ ไว้ทักทายกันกระทู้อื่นได้ครับ
If God did not build it, an Engineer did.

ออฟไลน์ bhd

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 21
Re: mazda3 กับ focus คันไหนขับใกล้เคียง series3 มากกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #55 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2009, 16:10:47 »
เทพ...กันทั้งคู่....สุดยอดๆๆ

ออฟไลน์ Silverliner

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 84
    • อีเมล์
Re: mazda3 กับ focus คันไหนขับใกล้เคียง series3 มากกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #56 เมื่อ: ธันวาคม 21, 2011, 21:46:11 »
จะทะเลาะกันไปทำไมครับ

ผมมี 320d สุดท้ายไม่เอาครับ  ตอนนี้ทั้งเมียทั้งลูกเอาไปใช้แทน

มันสุดแสนกระด้างครับ  ดิบในอารมณ์ยังกะรถแข่ง

ยางรันแฟลทก็ไม่มีคำว่าปราณีต่อบั้นท้าย  ถ้านั่งหลังมีอ๊วกง่ายๆ

เกาะถนนไหมครับ  เกาะครับ  เกาะแบบหนักๆหน่วงๆ

เข้าออกก็ลำบากครับ  อย่างน้อยก็สำหรับผม

พวงมาลัย  โอย  หนักมาก  หนักทุกความเร็ว  บีเอ็มไม่ได้ใส่

servotronics มาให้  ไม่รู้จะงกไปถึงไหน  ขับเดี๋ยวเดียวมีล้า

ขับแล้วเหนื่อยครับ    เบาะหน้า lateral support ไม่พอครับ

สู้กับการเกาะโค้งของช่วงล่างไม่ได้  ต้องเอี้ยวตัวสู้   เหนื่อยอีก

ผมได้มีโอกาสไปลอง Focus TDCi โอ๊ะ  ใช่เลย  เบาะหน้าห่วย

กว่าบีเอ็มอีก  แบนราบเลย  แต่ก็นั่งได้สูงสบายกว่า  เข้าออกง่าย

เมื่อได้ขับ  เออ พวงมาลัยเซ็ทมาดีแฮะไม่หนักไม่เบา  แถมไม่

dead แบบ 320d  คม คุมง่าย  เครื่องละ กดก็มาดี  ไม่กระโชกโฮกฮาก

ผู้ดีกว่าเยอะเลย  อย่างนี้คนนั่งหลังพอจะพักผ่อนได้

สุดท้าย  เฮ้อ  ทำไมสามปีก่อนไม่มาลองไอ้นี่ละวะ   อ้อ นึกออกแล้ว

คุณเมียไม่ชอบ  ไม่เท่ห์  ผู้หญิงยังไงก็ต้องเป็น เบ๊นช์ บีเอ็มไว้ก่อน

เอาวะ  ยอมโง่  ยอมไม่เท่ห์  ไปจองไว้เลย  รถที่ตกรุ่นนี่แหละ

รถข้าขับ  ข้าขอเลือกเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 19, 2012, 08:50:04 โดย Silverliner »