ผู้เขียน หัวข้อ: ไฟหน้ารถ HID vs Bi-Xenon vs Daytime(Daylight)  (อ่าน 22221 ครั้ง)

ออฟไลน์ Bangkok Infinity X12

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 231
ไฟหน้ารถ HID vs Bi-Xenon vs Daytime(Daylight)
« เมื่อ: ธันวาคม 21, 2011, 22:39:02 »
รบกวนมีข้อสงสัยว่า ไฟหน้ารถในแต่ละประเภท ผมได้สังเกตว่ารถยุโรปส่วนใหญ่ บังคับให้ติดไฟ Daytime ทุกคัน ยกเว้นอเมริกามีอยู่แล้ว สรุปโดยดังนี้

-มีหน้าที่ส่องในลักษณะอย่างไร ในแต่ละประเภท
-ข้อดีและข้อเสีย ของไฟ HID Bi-Xenon Daytime(Daylight)
-รถญี่ปุ่นมีไฟ Daytime ติดด้วยหรือเปล่า(ติดจากโรงงาน) แล้วรถประกอบในประเทศ บ้านเราจะได้ใช้ไหมครับ
-โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุในสภาพภูมิประเทศสูงหรือเปล่าครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 21, 2011, 22:44:01 โดย Bangkok Fiesta EX »
คนเราซื้อรถได้ ควรดูที่ความเร็ว การควบคุม คุณภาพ รอบด้านครับ

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,051
Re: ไฟหน้ารถ HID vs Bi-Xenon vs Daytime(Daylight)
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ธันวาคม 21, 2011, 22:49:36 »
1. HID Bi-Xenon ก็เป็นไฟหน้าทั่วๆไปไงครับ แต่ส่องแสงไปบนถนนข้างหน้าได้ดีกว่าเท่านั้น ส่วน Daytime Running Light ก็มีไว้ไม่ได้ส่องแสงไปไหนนะครับ เหมือนกับส่องเข้าตัวเองคือ เปล่งแสงออกมาให้รถเป็นที่สังเกตได้ง่าย

2. ข้อดีก็คือสว่างดีนั่นล่ะครับ เวลาเปิดไฟหน้ากลางคืน ทางมืดๆยกไฟสูง แสงซีน่อนก็จะออกไปด้วยเลย สว่างทั่วกัน ใช้กระแสไฟฟ้าน้อยกว่า แต่ถ้าไบซีน่อน กระพริบไฟสูงเพื่อให้ทาง บ่อยๆอาจจะพังไวขึ้นหรือเปล่า ไม่แน่ใจ แต่กลไกมันซับซ้อนกว่าฮาโลเจนแน่นอนครับ ส่วน DRL ถ้าคนเอาเหมาไปเข้าใจผิดคิดว่ามันเป็นแสงไฟสีนวลเหมือนแสงอาทิตย์กลางวัน แล้วไปเปิดตอนกลางคืนนี้มีหายนะแน่ๆครับ

3. DRL รถญี่ปุ่นมีเยอะแยะครับ ถ้ารุ่นในไทยก็ Lexus IS mc กับ CT200h เป็น LED เรียงแถวสวยๆ ส่วนซีวิค โคโรลล่า แอคคอร์ด แคมรี่ มีครับ โฉมเมกากับยุโรปนะ

4. บางแหล่งก็อ้างว่าสถิติไม่ได้เปลี่ยน บางแหล่งก็ว่าอุบัติเหตุน้อยลง ถกเถียงกันยากจริงๆครับ แต่เชื่อเถอะ มีเพื่อเห็นได้ชัดกว่าดีกว่าไม่มี สลัวๆ

ออฟไลน์ MC Stradale

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,520
Re: ไฟหน้ารถ HID vs Bi-Xenon vs Daytime(Daylight)
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ธันวาคม 21, 2011, 23:51:44 »
ผมไม่ชอบอย่างเดียวอะครับเกี่ยวกับ bi-xenon เวลาคนเอารถไปติดต่างหาก แล้วใช้ watt สูงๆ มันจะส่องแล้วแสบตาชาวบ้านมากๆ มันอันตรายครับ

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,051
Re: ไฟหน้ารถ HID vs Bi-Xenon vs Daytime(Daylight)
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2011, 00:03:01 »
ผมไม่ชอบอย่างเดียวอะครับเกี่ยวกับ bi-xenon เวลาคนเอารถไปติดต่างหาก แล้วใช้ watt สูงๆ มันจะส่องแล้วแสบตาชาวบ้านมากๆ มันอันตรายครับ
ปกติวัตต์ซีน่อนอยู่ที่ 35 นะครับ แต่ที่มันส่องคนอื่นอาจเพราะตัวแปรอื่นครับ ไม่ดี  >:(

ออฟไลน์ NONT4477

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 9,851
  • Let the SKYFALL
Re: ไฟหน้ารถ HID vs Bi-Xenon vs Daytime(Daylight)
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2011, 00:50:08 »
ผมไม่ชอบอย่างเดียวอะครับเกี่ยวกับ bi-xenon เวลาคนเอารถไปติดต่างหาก แล้วใช้ watt สูงๆ มันจะส่องแล้วแสบตาชาวบ้านมากๆ มันอันตรายครับ
ปกติวัตต์ซีน่อนอยู่ที่ 35 นะครับ แต่ที่มันส่องคนอื่นอาจเพราะตัวแปรอื่นครับ ไม่ดี  >:(
ใช่ครับ (หลอดเดิมๆ50วัตต์นะครับ) ความสว่างมากขึิ้นแล้วต้องก้มโคมลง
หรือเปลี่ยนโคมใหม่ของเทียมก็ทำให้แสงฟุ้ง
Top Gear's Biggest FAN!!! (IN MY House)
I'm NAC1701  ^ ^

ออฟไลน์ LimitedEdition

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,410
Re: ไฟหน้ารถ HID vs Bi-Xenon vs Daytime(Daylight)
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2011, 05:02:23 »
ต้องแยกประเภทให้ออกครับ เพราะที่ถามมามันใช้คนละวัตถุประสงค์กัน

1. HID ย่อมาจาก High Intensity Discharge เราเรียกกันว่าหลอดไฟ "ประเภท" HID
ซึ่งสาเหตุก็เพราะวิธีการกำเนิดแสงของหลอดไฟชนิดนี้ คล้ายกับหลอด Fluorescence หรือที่เราเรียกกันว่าหลอดนีออน
คือใช้ประจุไฟฟ้ากำลังสูงจากสองขั้วที่อยู่ใกล้กันในหลอดแก้ว แล้วทำให้ก๊าซซีนอนกำเนิดเป็นแสงขึ้นมาครับ
และเพราะก๊าซภายในหลอดแก้วเป็นก๊าซซีนอน คนถึงเรียกกันว่า "หลอด Xenon" กันจนเกลื่อน มั่วไปเป็น Zenon ก็มี

หลอดไฟ HID เอาไว้ใส่ในโคมไฟหน้า เพื่อส่องสว่างในตำแหน่งไฟต่ำ
ปัญหาที่ไม่ได้เอาไปใส่โคมไฟสูงในช่วงแรกแรก ก็เพราะหลอด HID ใช้เวลานานกว่าจะให้ความสว่างเต็มที่
คิดคิดแล้วก็เหมือนไฟถนนที่เป็นสีส้มส้มนั่นแหละครับ ถ้าไฟสูงติดช้าสว่างช้า เวลาเรายกไฟสูงให้ทาง
หรือยกไฟสูงให้สัญญาณ กว่ามันจะสว่างวาบขึ้นมา เราก็คงผ่านจุดนั้นไปแล้ว เอาง่ายง่ายว่ามันไม่ทันใช้

ดังนั้น รถรุ่นแรกแรกที่ใส่ไฟ HID มาจากโรงงาน จะเป็น HID ที่ไฟต่ำ และฮาโลเจนที่ไฟสูง
แต่เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาไปมากขึ้น มีวิธีการเร่งประจุให้หลอด HID สว่างเร็วขึ้น
ก็เริ่มมีการใช้หลอด HID ในตำแหน่งไฟสูงด้วย แต่ต้องใช้เทคโนโลยีราคาแพง
ที่ทำให้หลอด Xenon สว่างวาบขึ้นอย่างรวดเร็ว และสว่างเต็มที่ในเวลาอันสั้น

วิธีการที่ถูกกว่าและมีประสิทธิภาพเท่าเทียมกัน ก็คือ Bi-Xenon
นั่นคือมีหลอดเดียวนั่นแหละ เวลาเปิดปกติจะอยู่ที่ตำแหน่งไฟต่ำ
แต่พอเรากดก้านยกไฟสูง ชุดแม่เหล็กที่ก้นหลอดจะขยับหลอดให้ถอยหลังมาระยะหนึ่ง
โดยที่จุดกำเนิดของแสงนั้น จะตรงกับตำแหน่งที่โคมไฟออกแบบมาไว้ให้สะท้อนไฟสูงพอดี
แสงจากหลอดเดิมที่เคยแผ่กว้างและเรียบเป็นไฟต่ำ ก็จะกลายเป็นแสงพุ่งตรงเป็นลำไปข้างหน้าเป็นไฟสูงครับ
บ้านเราชอบเรียกกันว่า "หลอดสไลด์" ก็เพราะเวลากดไฟสูงแล้ว หลอดมันจะเด้งเข้าเด้งออกได้นั่นเอง

ข้อดีของหลอด HID ก็คือ ให้แสงที่มีความเข้มของแสงสูง ทำให้เห็นวัตถุชัดเจนกว่า
แสงปกติ เป็นแสงที่ใกล้เคียงกับสีจากแสงของดวงอาทิตย์ ทำให้เรามองเห็นวัตถุได้เป็นธรรมชาติ
นี่ว่ากันระดับ 4,300K นะครับ ไม่ใช่ 6,000 8,000 12,000 22,000K อะไรพวกนั้น

ข้อดีอีกอย่างคือ ในเมื่อหลอดมันไม่มีไส้ มันก็ทนทานกว่าหลอดฮาโลเจนแบบเดิมเดิม

ข้อเสีย เนื่องจากมันมีความเข้มของแสงมาก และตำแหน่งกำเนิดแสงก็ไม่ได้ตรงกับหลอดฮาโลเจนทั่วไป
ดังนั้น มันต้องใช้ร่วมกันกับโคมที่ออกแบบมาให้เท่านั้น การนำหลอด HID ไปใส่โคมไฟฮาโลเจน
แล้วบอกว่ากดต่ำต่ำก็ไม่แยงตาชาวบ้าน มันไม่ใช่ครับ เพราะยังไงแสงก็ยังฟุ้งแยงตาอยู่ดี
เป็นคำพูดของคนไม่ค่อยรับผิดชอบมากกว่า ยกเว้นว่าคุณจะก้มโคมไฟจนกลายเป็นรถไฟ pop-up
ม้วนลงไปใต้ฝากระโปรงนั่นล่ะ แล้วค่อยมาบอกละกันว่าไม่แยงตา....

2. Daytime Running Light (ไม่ใช่ Daylight อันนั้นหมายถึงแสงเปรียบเสมือนแสงอาทิตย์ครับ)
เป็นไฟที่ในอเมริกา หรือประเทศที่มีสภาพภูมิอากาศแย่นั้นบังคับใช้มานานแล้ว ถ้างงว่าคืออะไร
ให้คิดว่ามันคือ ไฟหน้ามอเตอร์ไซค์ ที่เปิดอัตโนมัติทุกครั้งที่สตาร์ทเครื่อง และมันก็ทำหน้าที่แบบเดียวกันจริงจริง

ในสมัยก่อน รถอเมริกันทั้งหลายจะมีโคมไฟสีส้มอยู่ในไฟหน้า แยกออกมาจากไฟต่ำและไฟสูง
ไฟนี้จะติดตลอดเวลา (เหมือนอีซูซุดีแมกซ์เปิดไฟหรี่) เพื่อเป็นจุดสังเกตให้กับเพื่อนร่วมทางในเวลากลางวัน
บางคันถ้าไม่มีโคมไฟแยก ก็จะใช้หลอดไฟสูงบ้าง ไฟต่ำบ้าง แต่หรี่ความสว่างลง เหมือนใส่ Dimmer switch เข้าไป

พอรถเริ่มพัฒนามา อีไฟแบบสีส้มอำพัน หรือเหลืองแจ๋แจ๋เหมือนหลอดไฟใกล้พังมันก็ไม่สวยงาม
บริษัทรถเลยเริ่มสรรหาวิธีการเพิ่มความสวยงามกับไอ้ไฟนี่ กลายเป็นไฟวงแหวน CCFL ของ BMW
ย่อมาจากคำว่า Cold Cathodes Fluorescent Lighting วิธีการทำงานหาเอาเองนะครับ ผมไม่ทราบเหมือนกัน
แล้วก็เริ่มกลายมาเป็นหลอด LED ที่ใส่อยู่ตาม Porsche, Mercedes, Nissan GT-R และอีกสารพัดแม้กระทั่ง Ssangyong Stavic

หลอดพวกนี้ ถ้าติดตั้งจากโรงงาน มันจะมีความสว่างค่อนข้างมาก เพื่อสู้กับแสงอาทิตย์ตอนกลางวันแสกแสก
แต่พอพลบค่ำ เมื่อมีการเปิดไฟหรี่หรือไฟต่ำ หลอดพวกนี้ก็จะหรี่ความสว่างลง ให้เป็นแสงอ่อนอ่อน ไม่แยงตา
ดังนั้น พวกเอามาติดเอง แล้วติดกันมั่วซั่ว มักจะกลายเป็นว่าเป็น DRL ตอนกลางวันจริง แต่พอตกกลางคืน
กลายเป็นไฟกวนประสาท แยงตาคนอื่น หรือบางคนทะลึ่งไปติดเป็นไฟแทนไฟตัดหมอกไปเสียอีก
ซึ่งมันคนละเรื่อง การกระจายแสงก็คนละแบบ แต่รับรองว่าแยงตาชาวบ้านเป็นยิ่งนัก

3. รถญี่ปุ่นที่มีไฟ DRL
มีเพียบครับ เห็นชัดชัดตอนนี้ก็ GT-R 2012 จุดใหญ่ใจความมันไม่เกี่ยวกับว่ารถสัญชาติไหน
แต่มันเกี่ยวกับว่ารถคันนั้นจะถูกส่งไปขายที่ไหนครับ ถ้ากฎหมายในรัฐหรือประเทศนั้น ระบุว่าต้องมี DRL
ก็ต้องมีครับ รถที่อเมริกานี่ Civic, Camry, Accord อะไรก็มีทั้งนั้นครับ

ออฟไลน์ Oslan

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 659
Re: ไฟหน้ารถ HID vs Bi-Xenon vs Daytime(Daylight)
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2011, 14:27:25 »
ความเห็นคุณเนยได้ความรู้เยอะจัง ผมสงสัยเรื่องซีนอนมานานละครับ คนนึงเรียกอย่าง อีกคนเรียกอย่าง สรุป งง !!  :D

อยากสอบถามเพิ่มเติมอีกนิดนึงครับ

จากเมื่อก่อนที่คนติด Xenon จะเอาหลอดมาใส่ในโคมเดิม จนโดนด่ากันทั่วบ้าน ทั่วเมือง ในเรื่องของแสงรบกวน, แยงตาชาวบ้าน ฟุ้งกระจายอย่างที่คุณเนยบอกแล้ว

ตอนนี้พวก Xenon ส่วนใหญ่จะขายกันเป็น Projector Bi-Xenon มาแปลงใส่โคมเดิม ซึ่งอันนี้ผมเห็นว่าฮิตกันมากๆ
อยากสอบถามหน่อยครับ ว่าการเอา Projector Bi-Xenon มาแปลงใส่โคมเดิมนี้ จะสามารถควบคุมแสงได้ดี ไม่ฟุ้งกระจาย แยงตาชาวบ้าน และทัศนวิสัยจะดีขึ้นกว่าเดิมจริงหรือเปล่าครับ (ถ้าเทียบกันโดยแสงเหลือง 4300k เท่าๆ กัน)

ผมอ่านข้อมูลบางคนก็บอกว่าดีขึ้น บางคนก็บอกว่าแย่ลง ซึ่งอันนี้ผมขอไม่นับที่ติดค่า K สูงๆ นะครับ เพราะว่าคงแย่ลงอยู่แล้ว โดยเฉพาะในช่วงฝนตก = =''

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,051
Re: ไฟหน้ารถ HID vs Bi-Xenon vs Daytime(Daylight)
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2011, 17:02:44 »
ตอนนี้พวก Xenon ส่วนใหญ่จะขายกันเป็น Projector Bi-Xenon มาแปลงใส่โคมเดิม ซึ่งอันนี้ผมเห็นว่าฮิตกันมากๆ
อยากสอบถามหน่อยครับ ว่าการเอา Projector Bi-Xenon มาแปลงใส่โคมเดิมนี้ จะสามารถควบคุมแสงได้ดี ไม่ฟุ้งกระจาย แยงตาชาวบ้าน และทัศนวิสัยจะดีขึ้นกว่าเดิมจริงหรือเปล่าครับ (ถ้าเทียบกันโดยแสงเหลือง 4300k เท่าๆ กัน)
มันแล้วแต่จริงๆครับ ต้องมองลงไปอีก อย่างเช่นไม่นานมานี้ เห็นมาสด้าสอง เปลี่ยนทั้งโคม เป็นโปรเจคเตอร์สำหรับไบซีน่อนโดยเฉพาะ ทำแสงออกมาดีมากครับ ไฟต่ำเป็นต่ำ ไฟสูงเป็นสว่างทั่วถึง แต่ถ้าเป็นพวกลูกแก้วเอามาครอบหลอดไฟในโคมเดิม ผมเคยเห็นมันหลุดห้อยโตงเตงในโคมแล้วล่ะ ดูแย่ไม่น้อยเลย ไม่สวยด้วย สรุปก็คือลงทุนหน่อยแล้วกันครับ

ออฟไลน์ Oslan

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 659
Re: ไฟหน้ารถ HID vs Bi-Xenon vs Daytime(Daylight)
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2011, 17:59:14 »
สรุปคือ แปลงใส่โคมเดิมไม่ Work เหรอครับ ผมเห็นคนติดกันเยอะมั่กๆ

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,051
Re: ไฟหน้ารถ HID vs Bi-Xenon vs Daytime(Daylight)
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2011, 18:15:21 »
สรุปคือ แปลงใส่โคมเดิมไม่ Work เหรอครับ ผมเห็นคนติดกันเยอะมั่กๆ
มันก็เสี่ยงๆอยู่น่ะครับ ซื้อเป็นโคมโดยเฉพาะเลยดีกว่า ถ้ามีแบบตรงรุ่น

ออฟไลน์ udis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,674
Re: ไฟหน้ารถ HID vs Bi-Xenon vs Daytime(Daylight)
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2011, 18:26:42 »
สรุปคือ แปลงใส่โคมเดิมไม่ Work เหรอครับ ผมเห็นคนติดกันเยอะมั่กๆ

แย่งตาคนอื่น แต่ไม่ค่อยรวมแสงส่องถนนครับ ไม่ค่อยสว่าง คนอื่นอื่นมองไฟเราสว่างมาก บางที่โดนด่า...ด้วยครับ
แต่เราเองซึ่งเป็นคนขับมองทางไม่ค่อยจะเห็นเลยครับ

ทั้งโคมจะดีกว่าครับ แต่ก็ไม่เสมอไปครับ ต้องลองดูเองครับ
 ;D ;D ;D

ออฟไลน์ LimitedEdition

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,410
Re: ไฟหน้ารถ HID vs Bi-Xenon vs Daytime(Daylight)
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2011, 21:45:30 »
ทำ Projector retrofit ในโคมเดิมนั้น ดีไม่ดีขึ้นอยู่กับโปรเจคเตอร์ครับ แล้วก็มีหลายวิธีด้วยกัน

เอาเรื่องง่ายก่อน เช่นเดินไปซื้อโคม R-Style ที่เป็นโปรเจคเตอร์
แล้วเอามายัดหลอดซีนอนเข้าไป ด้วยความเชื่อที่ว่า ถ้าเป็นโปรเจคเตอร์แล้วไม่แยงตา
ปรากฎว่า คุณภาพของโคมไฟมันก็แย่อยู่แล้ว โปรเจคเตอร์ก็ไม่ได้ออกแบบมาให้รับซีนอน
ใส่ไปแล้ว แสงก็ฟุ้งเป็นวง แถมส่องไม่ลงพื้นอีก มีปัญหาเท่าเดิม เสียเงินโดยใช่เหตุ
เพราะโคมพวก R-Style ลำพังแค่หลอดฮาโลเจนกำลังสูงธรรมดา ยังจัดระดับแสงลงพื้นไม่ได้เลย
พอไปเจอซีนอนเข้าไป มันก็เกิดอาการไปไม่เป็นอย่างที่เห็นเห็นอยู่
(ใครขายโคม R-Style ไม่ต้องมาด่าผมนะครับ มันคือเรื่องจริง)

เรื่องที่เลวร้ายกว่านั้นคือ บางคนไปสั่งนำเข้าโคมไฟจากประเทศที่รถเป็นพวงมาลัยซ้าย
ซึ่งลำแสงที่โคมไฟนั้นผลิตออกมา จะเป็นแสงที่กระดกสูงขึ้นทางด้านขวา (ของไทยจะกระดกซ้าย)
แบบนี้แยงตา (เรือหาย) แบบไม่ต้องสืบ ไร้ความรับผิดชอบต่อสังคมที่สุด

อย่างที่สองคือไปเอาลูกแก้วจากโคมรถรุ่นไหนก็ได้ มาแปลงใส่ในโคมเดิมของรถตัวเอง
อันนี้แหละ เป็นวิธีที่ถือว่าใช้ได้ แต่หลายคนก็ตกม้าตายตอนเลือกลูกแก้วโปรเจคเตอร์
เพราะดันไปเลือกของรุ่นที่ไม่ได้ทำมาเอาไว้สำหรับซีนอน สุดท้ายแสงก็ยังมีฟุ้งอยู่บ้าง
แต่ต้องถือว่าน้อยมากมาก เวลามองแสงที่ตกกระทบกับฉากแล้ว แนวด้านบนจะตัดเรียบเลย
แล้วแสงก็แผ่ลงพื้นถนนได้ดี แต่ปัญหาคือ มันยังมีแสงที่เกิดจากการสะท้อนภายในโปรเจคเตอร์
ที่ทำให้เกิดแสงฟุ้งแยงตาได้บ้าง แต่ก็ถือว่าน้อยมากมาก ทางเลือกนี้เลยเป็นทางเลือกกลางกลาง
สำหรับคนที่มีงบพอประมาณ (เพราะโปรเจคเตอร์จากโคมฮาโลเจน ย่อมถูกกว่าโคม HID แท้)

ที่ดีที่สุดก็คือ ไปเอาโปรเจคเตอร์ของรถรุ่นที่เป็นซีนอนมาจากโรงงานเลย
เช่น ที่นิยมกันก็ CR-V บ้าง, BMW E39 บ้าง ฯลฯ แล้วเอามาแปลงใส่รถตัวเอง
แบบนี้ล่ะดีแน่ครับ ใครที่ใช้โปรเจคเตอร์ของ CR-V คงจะเข้าใจ วิ่งวิภาวดีทีนี่
แสงมันแผ่กว้าง สี่เลนแปดเลน สว่างไปทั้งถนน แถมส่องไกลด้วย แต่ไม่แยงตาครับ

สรุปง่ายง่าย คือถ้าคนทำพิถีพิถัน ใส่ใจในรายละเอียด และใช้งบประมาณเหมาะสม มันออกมาดีแน่ครับ

ออฟไลน์ Legolas

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 94
Re: ไฟหน้ารถ HID vs Bi-Xenon vs Daytime(Daylight)
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2011, 11:03:59 »
แล้วถ้าเป็น Projector ตรงรุ่นจาก Eagle Eye ล่ะครับ ดีหรือเปล่า กำลังตัดสินใจอยู่น่ะครับ

http://www.eagleeyes-asia.com

ทำ Projector retrofit ในโคมเดิมนั้น ดีไม่ดีขึ้นอยู่กับโปรเจคเตอร์ครับ แล้วก็มีหลายวิธีด้วยกัน

เอาเรื่องง่ายก่อน เช่นเดินไปซื้อโคม R-Style ที่เป็นโปรเจคเตอร์
แล้วเอามายัดหลอดซีนอนเข้าไป ด้วยความเชื่อที่ว่า ถ้าเป็นโปรเจคเตอร์แล้วไม่แยงตา
ปรากฎว่า คุณภาพของโคมไฟมันก็แย่อยู่แล้ว โปรเจคเตอร์ก็ไม่ได้ออกแบบมาให้รับซีนอน
ใส่ไปแล้ว แสงก็ฟุ้งเป็นวง แถมส่องไม่ลงพื้นอีก มีปัญหาเท่าเดิม เสียเงินโดยใช่เหตุ
เพราะโคมพวก R-Style ลำพังแค่หลอดฮาโลเจนกำลังสูงธรรมดา ยังจัดระดับแสงลงพื้นไม่ได้เลย
พอไปเจอซีนอนเข้าไป มันก็เกิดอาการไปไม่เป็นอย่างที่เห็นเห็นอยู่
(ใครขายโคม R-Style ไม่ต้องมาด่าผมนะครับ มันคือเรื่องจริง)

เรื่องที่เลวร้ายกว่านั้นคือ บางคนไปสั่งนำเข้าโคมไฟจากประเทศที่รถเป็นพวงมาลัยซ้าย
ซึ่งลำแสงที่โคมไฟนั้นผลิตออกมา จะเป็นแสงที่กระดกสูงขึ้นทางด้านขวา (ของไทยจะกระดกซ้าย)
แบบนี้แยงตา (เรือหาย) แบบไม่ต้องสืบ ไร้ความรับผิดชอบต่อสังคมที่สุด

อย่างที่สองคือไปเอาลูกแก้วจากโคมรถรุ่นไหนก็ได้ มาแปลงใส่ในโคมเดิมของรถตัวเอง
อันนี้แหละ เป็นวิธีที่ถือว่าใช้ได้ แต่หลายคนก็ตกม้าตายตอนเลือกลูกแก้วโปรเจคเตอร์
เพราะดันไปเลือกของรุ่นที่ไม่ได้ทำมาเอาไว้สำหรับซีนอน สุดท้ายแสงก็ยังมีฟุ้งอยู่บ้าง
แต่ต้องถือว่าน้อยมากมาก เวลามองแสงที่ตกกระทบกับฉากแล้ว แนวด้านบนจะตัดเรียบเลย
แล้วแสงก็แผ่ลงพื้นถนนได้ดี แต่ปัญหาคือ มันยังมีแสงที่เกิดจากการสะท้อนภายในโปรเจคเตอร์
ที่ทำให้เกิดแสงฟุ้งแยงตาได้บ้าง แต่ก็ถือว่าน้อยมากมาก ทางเลือกนี้เลยเป็นทางเลือกกลางกลาง
สำหรับคนที่มีงบพอประมาณ (เพราะโปรเจคเตอร์จากโคมฮาโลเจน ย่อมถูกกว่าโคม HID แท้)

ที่ดีที่สุดก็คือ ไปเอาโปรเจคเตอร์ของรถรุ่นที่เป็นซีนอนมาจากโรงงานเลย
เช่น ที่นิยมกันก็ CR-V บ้าง, BMW E39 บ้าง ฯลฯ แล้วเอามาแปลงใส่รถตัวเอง
แบบนี้ล่ะดีแน่ครับ ใครที่ใช้โปรเจคเตอร์ของ CR-V คงจะเข้าใจ วิ่งวิภาวดีทีนี่
แสงมันแผ่กว้าง สี่เลนแปดเลน สว่างไปทั้งถนน แถมส่องไกลด้วย แต่ไม่แยงตาครับ

สรุปง่ายง่าย คือถ้าคนทำพิถีพิถัน ใส่ใจในรายละเอียด และใช้งบประมาณเหมาะสม มันออกมาดีแน่ครับ