เป็นธรรมดาของธุรกิจ อีกหน่อยเทรนด์การ consolidation ก็จะเห็นกันมากขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องอุตสาหกรรมรถยนต์ครับ
โลกพัฒนาไปเร็วขึ้น เทคโนโลยีใหม่ใหม่ต้องใช้ต้นทุนในการพัฒนาสูงขึ้นตาม
เพราะต้องทำให้ดีกว่าเดิม และคลอดออกมาได้เร็วกว่าเดิม แถมลูกค้าสมัยใหม่
ก็รู้ข่าวสารมากขึ้น มีความต้องการซับซ้อนขึ้นในราคาใกล้เคียงเดิม
การร่วมมือกันเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ เป็นเรื่องที่คาดคะเนได้
แต่สมัยนี้ เวลาร่วมมือกันเพื่อลดต้นทุน มันก็ไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว
Homy เพิ่งจะลงข่าวไปเกี่ยวกับ Common platform ในรถรุ่นใหม่ของ VW และ Nissan
ว่าถึงแม้จะใช้ platform เดียวกันก็จริง แต่ platform นั้นมีการเล่นแร่แปรธาตุได้หลายอย่าง
ทำให้สามารถรถออกมาได้หลายแบบ และเซ็ทติ้งให้มีบุคลิกเหมาะสมกับรถแต่ละคันได้
ถ้าถามว่าทำไมบริษัทรถยนต์ในอเมริกา ถึงตะเกียกตะกายจะไปร่วมทุนกับค่ายต่างชาติ
มันต้องเริ่มย้อนกลับไปถึงสมัยอุตสาหกรรมเฟื่องฟูในอเมริกาเอง ที่ความต้องการสูงมาก
แต่กำลังการผลิตยังต่ำ และยังไม่มีคู่แข่งจากเอเชียและยุโรปเข้ามาต่อกร ทำให้บริษัทรถในอเมริกา
เดินไปได้สบายสบาย ออกรถมากี่รุ่นก็ขายได้ และเป้าหมายขององค์กรก็เพียงแค่ขยายตลาด
ให้ครอบคลุมทั้งทวีปอเมริกาเหนือให้ได้ ก็เป็นเสือนอนกินแล้ว
ด้วยความที่สบายกันมาก ก็ละเลยไม่ได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ใหม่ออกมา แต่อาศัยวิธี
เอารถรุ่นเดิมมาขยำรวมกัน แล้วแตกหน่อออกมาใหม่ เป็นหลายหลายแบบ ลากขายกันไป
กาลกลับตาลปัตร เมื่อ Toyota ส่ง Corolla เข้ามา, Honda โผล่เข้ามา, Nissan โผล่เข้ามา
แล้วที่หนักที่สุดคือ Lexus โผล่เข้ามา ที่กวาดยอดขายถล่มทลายจนกระทั่งบริษัทรถอเมริกาแทบจะแย่
เพราะรถญี่ปุ่น ทั้งถูกกว่า ซ่อมบำรุงต่ำกว่า ใช้ได้ทนทานกว่า คุณภาพการขับขี่ยังดีกว่าอีกต่างหาก
Fast forward มาที่ยุค 1990-2000 ที่คุณภาพรถในประเทศและต่างประเทศเริ่มใกล้เคียงกัน
สิ่งที่อเมริกาเจอคือ กำลังการผลิตเหลือล้น กลายเป็นต้นทุนมหาศาล เพราะไม่ได้ economy of scale
ทางออกเดียวก็คือ หาตลาดใหม่นอกประเทศที่เป็นตลาดกำลังโต เช่น ยุโรปและเอเชีย
แต่จะเข้ายังไง ในเมื่อตนไม่เคยมีเครือข่ายอยู่ภายนอกประเทศเลย เริ่มตั้งไข่ใหม่ตั้งแต่ 0 ก็ต้องใช้งานมหาศาล
แล้วไม่รู้จะหมู่หรือจ่า สุดท้ายก็ต้องใช้วิธีเล็งหาบริษัทร่วมทุน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
เพราะบริษัทต่างชาติก็จ้องจะเข้าอเมริกา แถมมีเทคโนโลยีดีดี มีรถไซส์ที่แตกต่างอยู่ในมือ
อเมริกันเองก็อยากจะขยายออกไปประเทศอื่น แล้วอยากได้เทคโนโลยีมาพัฒนารถตัวเองด้วย
ดีลมันก็ลงตัวค่อนข้างง่าย อย่าง DaimlerChrysler เป็นต้นไงครับ GM และ Ford ก็ตามมาติดติดนั่นแหละ
แต่สมัยนั้น เทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้า และมีข้อจำกัดในการทำงานร่วมกันหลายหลายอย่าง
หลายรายก็ตายทั้งกลม ไม่รอดแล้วแยกทางกันไป เช่น Daimler และ Chrysler, Ford และ Jaguar เป็นต้น
กลับมาดูสถานการณ์ PSA Group ตอนนี้ ผมไม่แปลกใจนะ ที่เค้าจะยอมไปรวมกับบริษัทอื่น
เพราะสถานการณ์ทางการเงินไม่น่าจะดีเท่าไหร่ มี Mitsubishi อยู่ในอ้อมกอดที่เหมือนเรือมีรอยรั่วอีก
ดังนั้น คงต้องพึ่งยักษ์ใหญ่ที่มีอำนาจด้านการเงิน และมีฐานการผลิตที่ทำให้ลดต้นทุนได้
และ GM เอง ก็คงต้องการหาเทคโนโลยีและ Inspiration ใหม่ใหม่ จาก PSA Group เหมือนกัน
ใครบอก GM ไม่ดี...ลองหันไปมองผลิตภัณฑ์ใหม่ใหม่ของพวกเขาดู
Cruze, Voltz และอื่นอื่นอีกมายมาย ที่คุณคุณเองก็อยากได้มาเป็นเจ้าของไม่ใช่หรือ
