เมื่อไม่กี่วันมานี้มีสมาชิกท่านหนึ่งได้ถามเกี่ยวกับการเปลี่ยนโช๊คใหม่ ไหนๆก็มีคนสอบถามเกี่ยวกับเรื่องโช๊คมาแล้วก็ขอถือโอกาสว่าด้วยเรื่องของการดูแลรักษาโช๊คต่อเลยแล้วกัน เนื้อหาส่วนใหญ่จะรวบรวมมาจากเว็บต่างๆและจากที่พูดคุยกับผู้รู้
ท่านอื่นๆมาบ้าง ใครรู้อะไรนอกเหนือจากนี้มาเสริมกันได้เลย
โช๊คอัพหรือที่ฝรั่งเค้าเรียกกันว่า shock absorber นั้นเป็นส่วนของรถที่มีเอาไว้สำหรับช่วยหยุดการเต้นของสปริงและรักษาการทรงตัวของรถในยามที่เข้าโค้ง แต่ละยี่ห้อแต่ละยี่อจะมีลักษณะบุคลิกแตกต่างกันไปตามระบบภายใน ความยาวสั้นของแกนโช๊ค และความหนืดที่ปรับตั้งมาจากผู้ผลิต โช๊คเป็นชิ้นส่วนของรถที่ถือว่ามีอัตราการเสื่อมสภาพอยู่ในขั้นที่ถือว่าเร็วเมื่อเทียบกับชิ้นส่วนอื่นๆของตัวรถ เหตุผลก็เพราะสภาพถนนในประเทศไทยนั้นเต็มไปด้วยหลุมบ่อต่างๆมากมาย เดี๋ยวคลื่นสูง เดี๋ยวตกหลุม เดี๋ยวทางขรุขระ สภาพถนที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การกระแทกกระทั้น แรงกระทำที่เกิดขึ้นต่อตัวโช๊ค นั้นส่งผลกระทบอย่างแรงโดยตรงต่อระบบภายในของโช๊คซึ่งเป็นสาเหตุให้โช๊คแตกโช๊ครั่วกัน
ถนนขรุขระกับตกหลุมมันทำให้โช๊ครั่วได้ยังไง? สาเหตุหลักๆนั้นมาจากแกนโช๊คครับ การเจอทางขรุขระบ่อยๆหรือการตกหลุมนั้นแกนโช๊คที่ทำหน้าที่ชักเข้าชักออกเป็นด่านแรกที่รับแรงที่เกิดขึ้นก่อน ในกรณีที่ตกหลุมอย่างรุนแรงนั้นอาการที่จะตามมาก็คือแกนโช๊คเกิดอาการคดงอขึ้น อาจจะเล็กน้อยหรืองอชัดเจนก็แล้วแต่ความแรงที่เกิดแต่ไม่ว่าจะงอมากงอน้อยนั้นสิ่งที่ตามมาคือโช๊ครั่วครับ เพราะแกนโช๊คมันไม่ตรงพอโช๊คมันกดลงไปแล้วคืนตัวขึ้นมามันก็จะไปเสียดสีซีลข้างในจนขาดแล้วน้ำมันก็จะค่อยๆเปื้อนออกมาตามแกนโช๊ค ถ้าเป็นพวกโช๊คสตรัทตรวจดูอาการง่ายๆเลยคือเอานิ้วไปลูบดูที่แกนโช๊คจะมีคราบน้ำมันซึมออกมา หรือถ้าเป็นโช๊คจากโรงงานหรือประเภทที่มียางหุ้มโช๊คมาอย่างดีก็ดูยากหน่อย สังเกตุเอาที่ตามกระบอกโช๊คจะมีคราบเปียกเกิดขึ้น จับแล้วดมดูเลยครับ ในรายของโช๊คที่มียางหุ้มโช๊คนั้นส่วนใหญ่จะรู้ก็ต่อเมื่อใช้รถแล้วการยืดหดของโช๊คมันไม่เหมือนเดิม พอก้มดูแล้วเจอคราบเยิ้มเลยซึ่งนั่นคืออาการหนักแล้วต้องเปลี่ยนกระบอกใหม่กัน ดังนั้นรถที่ช่วงล่างนิ่มๆนั่งสบายทั้งหลายเจอหลุมเจอเนินเต่าชลอกันหน่อยนะจ้ะ คนในรถบอกสบายเอาอยู่แต่ตัวโช๊คมันอยากจะร้องแล้วว่าเบาๆหน่อย!!! ขี้(แกน)หักในหมดแล้วววว
แกนโช๊คนั้นส่วนใหญ่แล้วของติดรถจากโรงงานจะมีแกนขนาดที่เล็กกว่าโช๊คแต่งต่างๆเนื่อมาจากเหตุผลว่าแกนยิ่งใหญ่ยิ่งมีการตอบสนองดีมากขึ้นซึ่งก็หมายถึงกระด้างกระเทือนมากขึ้นซึ่งคนส่วนใหญ๋ไม่ขอบความกระด้างกัน แม้โช๊คแต่งจะมีแกนโช๊คที่ใหญ่กว่าโช๊คติดรถแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะกระทำชำเรามันได้โดยไม่ปราณีครับ เบาๆกับเค้าหน่อยถ้าแกนมันรับไม่ไหวขึ้นมาแล้วท่านจะเดือดร้อน กรณีที่โช๊คมีอาการแกนโช๊คคดงอนั้นทิ้งไปได้เลยครับ ไม่ว่าจะสตรัทหรือว่าโช๊คติดรถก็ตามแต่ เหตุผลก็เพราะว่าแกนโช๊คนั้นจำเป็นที่จะต้องตรงตลอดเวลาเพื่อที่มันจะได้ไม่ไปเสียดสีเอาจนซีลข้างในขาด ต่อให้มีเครื่องมือเอาแกนโช๊คมาดัดคืนรูปเราก็ไม่รู้หรอกว่ามันตรงเป๊ะๆเลยจริงไหม การผลิตมาจากโรงงานมันพิธีพิถันกว่านั้น อีกอย่างแม้จะดัดให้ตรงเนี๊บได้จริงๆแต่ถ้าแกนโช๊คมีรอบขูดขีดหรือรอยบุบยังไงมันก็จะไปสีซีลจนขาดอยู่ดี นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่80%ของคนที่เอาโช๊คไปซ่อมหรืออัดน้ำมันใหม่บ่นกันว่าใช้ไปไม่นานเดี๋ยวก็รั่วอีก เพราะแกนมันงอหรือมีรอยนี่เอง ย้ำครับว่าซ่อมไม่ได้เพราะผมไม่เคยเจอร้านซ่อมโช๊คที่ไหนไม่เคยโดนบ่นเลยว่าซ่อมแล้วไม่นานก็รั่วอีก
สำหรับบางท่านที่อยากจะทำให้รถเกาะถนนมากกว่าเดิมแต่อยากจะประหยัดเงินเลยเลือกวิธีการที่จะดัดแปลงของติดรถเดิมด้วยวิธีการต่างๆเช่นเอาสปริงไปเป่าไฟเพื่อดัดให้มันเตี้ยลงกว่าเดิม ตัดขดสปริงบางส่วนออกไปเลย เอาโช๊คไปดัดแปลงอัดน้ำมันใส่หรือเอาส่วนปรับเกลียวมาดัดแปลงสวมเข้ากับโช๊คเดิมๆจากโรงงานเพื่อให้รถเตี้ยลง วิธีการเหล่านี้มักจะไม่จีรังยั่งยืนครับ อาจจะได้ที่ความสวยงามเวลาจอดนิ่งๆแต่การใช้งานบอกได้ว่าอันตรายมาก เหตุผลเพราะว่าขดสปริงที่ให้มากับรถนั้นมันจะมีค่าkของมันอยู่ซึ่งไม่สามารถมาดัดแปลงเปลี่ยนกันได้ง่ายๆเพียงแต่การเอามาเป่าไฟย่อส่วนหรือตัดขดบางขดไปเลยดื้อๆ การทำงานของสปริงหมายถึงขดทุกขดของมันและความยืดหยุ่นให้ตัวของวัสดุที่ใช้ทำสปริง การดัดแปลงแบบฝืนธรรมชาติของมันแบบนี้ย่อหมายถึงการทำงานที่ไม่ดุลย์กับที่วิศวกรเค้าออกแบบมา ขนาดรถที่ใส่โช๊คแต่งกับสปริงแต่งแท้ๆยังต้องมีการลองผิดลองถูกแบ่งปันข่าวสารกันเพื่อให้แน่ใจว่าทั้งสองส่วนจะทำงานประสานกันได้จริงๆเลย ในรายที่ใส่แล้วมันไม่เข้ากันก็จะเกิดอาการโช๊คยันจนรั่วไปเลยรั่ว ซึ่งผมเชื่อว่ากรณีที่ในบางคนที่บอกว่าโช๊คbilsteinรั่วง่ายมากๆนั้นน่าจะมาจากการใส่โช๊คเข้ากับสปริงที่ทำงานไม่รองรับเข้ากับการยืดหดของโช๊คนั่นเอง ของที่เค้าออกแบบมาอย่างดียังไม่รอดหากเคมีไม่เข้าขากันแล้วของที่ดัดแปลงแบบไม่มีหลักการไม่รอดแน่ๆ บางรายก็มีกรณีที่ตัดขดสปริงแล้วรถเด้งไม่หยุดกระโดดคอสะพานแล้วรถหมุนเกือบลงคลองข้างทางมาแล้ว ในรายที่ใส่เกลียวปรับสูงต่ำกับโช๊คเดิมๆมาแล้วใช้งานได้นานโดยที่ยังไม่รั่วก็ต้องพึงระวังอยู่ดีว่าความเตี้ยของโช๊คดัดแปลงเองกับสปริงติดรถเดิมๆนั้นถ้าเอามาบีบลงเองมันจะตอบสนองได้เหมาะสมหรือเปล่า ผลที่ได้อาจจะแย่กว่าโช๊คจากโรงงานเดิมๆเสียอีก ดังนั้นจำไว้ว่าอยากจะสวยต้องลงทุนครับ อย่าเขียม เพื่อชีวิตของตนเองและคนรอบข้าง
การตรวจสอบโช๊คว่าพร้อมใช้งานหรือไม่นั้นทำได้หลายวิธีเช่นขึ้นไปนั่งในรถแล้วขย่มดูเราจะสามารถรู้ได้ว่าการตอบสนองของโช๊คนั้นมันผิดปกติไปจากเดิมไหม ถ้าข้างใดข้างหนึ่งมันตายไปแล้วเราจะรู้ได้เพราะว่าส่วนที่เหลือยังตอบสนองดีอยู่ หรือถ้าเป็นโช๊คที่ถอดออกมาแล้วใช้วิธีกดโช๊คลงไปแล้วปล่อยเพื่อดูว่าการคืนตัวของโช๊คแต่ละแท่งนั้นเท่ากันไหม เวลาคืนตัวนั้นแกนโช๊คมีคราบน้ำมันติดออกมาหรือเปล่า ถ้าคืนตัวได้เสมอพร้อมกันและไม่มีคราบน้ำมันใดๆติดออกมาแสดงว่ายังอยู่ในเกณท์ที่ใช้งานได้แต่ก็ต้องสือบประวัติดูอีกทีว่าการใช้งานที่ผ่านมานั้นทารุณไปเท่าไหร่แล้ว จะได้ประมาณอายุที่เหลือของมันได้ถูกต้องก่อนใช้งานเดินทางไกล
ในรายของโช๊คสตรัทอย่างTEINที่มีอะไหล่เหลือเฟือนั้นการซ่อมแซมทำได้สบายบรื๋อ จะมาเป็นซากแล้วบูรณะให้ใหม่ถอดด้ามดั่งแฟรงเก้นสไตน์นั้นยังทำได้เลย(นี่แหละจุดแข็งสำคัญที่ยี่ห้อนี้ดังในตลาด) แต่ในสตรัทยี่ห้ออื่นๆและโช๊คแต่งยี่ห้ออื่นๆนั้นต้องมาพิจาณาดูว่าซ่อมได้ไหมที่อาการระดับไหนที่ซ๋อมได้ ในรายของโช๊คติดรถจากโรงงานส่วนใหญ่จะเป็นระบบปิดไปเลย สังเกตุได้ว่าหัวกระบอกโช๊คนั้นอ็อกเหล็กปิดหัวปิดท้ายไม่มีทางออก ตามมาตรฐานของเค้านั้นคือเสียแล้วทิ้งเลยไม่ต้องซ่อมแต่ร้านรับซ๋อมในบ้านเรานั้นจะใช้วิธีเฉือนเปิดกระบอกแล้วดูว่าอะไรที่มันเสีย ถ้าแค่ซีลฉีกก็เปลี่ยนซีลใหม่อัดน้ำมันลงไปแล้วทำการปิดกระบอกโช๊ค ที่นี้ต้องมาดูแล้วว่าซีลและชิ้นส่วนต่างๆที่จะมาเปลี่ยนให้เรานั้นเอามาจากไหน? มาจากของเก่าๆในโช๊คเชียงกงหรือว่าเค้าสามารถหาได้จากผู้หลิตที่ไหนสักแห่งที่ผลิตมารองรับการซ๋อมโช๊ค เรื่องของน้ำมัน ความปราณีตของช่าง มาตรฐานในการซ่อม เรื่องเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องนำมาพิจารณาหากว่าคุณคิดจะเอาโช๊คที่เกิดน้ำมันรั่วซึมขึ้นมาเอาไปซ่อม สำหรับผมแล้วคิดว่าปัจจัยเสี่ยงมันมีเยอะเกินไป ซื้อใหม่เหอะอันละไม่กี่พันเองไม่ต้องเสียเวลาและไม่ต้องมานั่งลุ้นด้วยว่ามันจะเสียหรือเปล่า ของซื้อใหม่ถ้ามันเสียก่อนเวลายังไงก็เคลมใหม่ได้ สบายกว่ากันเยอะเลยอยู่เฉยๆดีกว่า
การเปลี่ยนโช๊คนั้นควรที่จะต้องเปลี่ยนเป็นคู่นะครับเพราะเราไม่รู้ว่าแต่ละข้างมันเสื่อมสภาพไปมากน้อยแค่ไหนแล้ว เรื่องแบบนี้วัดด้วยสายตาไม่ได้ เพื่อการตอบสรองในการเกาะถนนที่ดีควรที่จะให้โช๊คที่อยู่คู่กันมีอายุเทียบเท่ากันจะได้ทำงานได้เท่ากันในแต่ละข้าง ในกรณีที่มีงบประมาณจำกัดจะเปลี่ยนเป็นข้างก็ได้แต่ควรจะมีการจดบันทึกไว้ด้วยว่าข้างไหนใหม่ข้างไหนเก่า และมีการก้มลงไปตรวจสภาพของโช๊คว่ามีคราบอะไรรั่วไหมอย่างน้อยเดือนละครั้ง จะได้ไม่เกิดอาการกินข้าวลิงทำให้การเดินทางของคุณหมดสนุกไปอย่างน่าเสียดาย
สาเหตุหลักอย่างที่สองที่โช๊คเสียจากอาการน้ำมันรั่วซึมนั้นก็คือซีลภายในกระบอกโช๊ค นอกเหนือจากเรื่องที่ซีลจะฉีกขาดเนื่องมาจากแกนโช๊คที่มีรอยหรือไม่ตรงแล้วตัวของซีลเองก็มีอายุการใช้งานในตัวของมัน ส่วนใหญ่แล้วซีลนี้จะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ประมาณ5ปีหรือ100000กิโลแล้วค่อยฉีกขาด(ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและการใช้งานของเจ้าของด้วย) ถ้าเกินระยะนี้แล้วโช๊คยังไม่มีอาการน้ำมันซึมแต่ก็ควรที่จะเปลี่ยนได้แล้วครับ ถ้ามันซ๋อมได้ก็ให้เค้าเปลี่ยนซีลตรวจสภาพใหม่เสียหน่อย อย่ารอให้มันรั่วก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนจะได้ไม่มีอาการมาบ่นกันทีหลังว่ารถยี่ห้อนี้ๆๆๆแม่มห่วยเสียกลางทางมาแล้ว เราต้องพิจารณาการเอาใจใส่ของตัวเองด้วยว่าดีพอหรือเปล่า ในกรณีที่รถจอดเฉยๆไม่ได้ใช้งานบ้างเลยเป็นอาทิตย์เป็นเดือนก็ไม่ใช่ว่าจะดีครับ เสียได้เหมือนกัน ทุกครั้งที่มีการยืดหดของโช๊คนั้นแกนโช๊คจะมีการนำเอาน้ำมันภายในโช๊คออกมาเล็กน้อยด้วย ซึ่งน้ำมันนี้แหละจะเป็นตัวช่วยหล่อลื่นซีลยางให้มันชุ่มชื้นอยู่เสมอ หากทิ้งรถไว้ไม่มีการเคลื่อนตัวบ้างเลยซีลที่ไม่มีน้ำมันชลอจะเกิดอาการแห้งแข็งตัว ในยามใช้งานอาจเกิดอาการฉีกขาดเป็นเหตุให้น้ำมันรั่วซึมได้ง่ายๆ ในรถที่ใช้น้อยมากอย่างน้อยทุกๆ3วันติดเครื่องให้เข็มความร้อนขยับแล้ววนรอบบ้านเสียหน่อยก็ยังดี
สาเหตุอื่นๆที่ทำให้ซีลยางเสื่อมนอกเหนอจากอายุของมันเองแล้วก็คือปัจจัยภายนอกทั้งหลายแหล่จากาการใช้งานรถ ตัวการสำคัญคือน้ำ ฝุ่น คราบโคลน คราบทรายทั้งหลาย พวกนี้นี่แหละตัวดีเลยเชียว ส่วนใหญ่แล้วโช๊คติดรถมาจะมียางหุ้มโช๊คให้มาด้วย ลองสังเกตุดูมันจะเป็นยางบั้งหยักๆที่ห่อหุ้มรอบๆแกนโช๊คแม้มันจะบดบังทำให้ดูว่าโช๊ครั่วรึยังได้ยากแต่ก็มีคุณมหันต์ที่จะช่วยปกป้องแกนโช๊คให้ปลอดจากสิ่งแปลกปลอมทั้งหลายที่จะทำอันตรายซีลยางได้ ยามที่คุณแล่นในเส้นทางที่สกปรกหรือลุยโคลนมา เศษสกปรกที่ติดตามซุ้มล้อมันก็ไปเกาะตามแกนโช๊คด้วยเช่นกัน ทีนี้เวลาที่โช๊คชักเข้าชักออกนั้นเศษต่างๆที่มีขนาดเล็กมันก็มีโอกาสที่ติดไปกับแกนโช๊คด้วยส่งผลให้เกิดการเสียดสีขึ้นที่ซีลยางและแกนโช๊ค อาจทำให้ซีลยางฉีกขาดหรือไม่ก็แกนโช๊คเป็นรอยเกิดอาการน้ำมันซึมตามมาได้ โช๊คที่มียางหุ้มก็จะไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ยกวเนว่าจะลุยหนักมาจริงๆ แต่กับท่านที่ใส่โช๊คสตรัททั้งหลายพึงระวังให้ดี!!! ทั้งคู่หน้าคู่หลังของโช๊คสตรัทที่ขายในบ้านเรานั้นไม่มียางหุ้มแกนโช๊คมาให้สักยี่ห้อ(แต่ตระกูลbilsteinนี่มีมาให้แฮะ) เปิดให้เห็นแกนเปลือยเปล่าๆเลย ยามที่ใช้งานควรที่จะหลีกเลี่ยงเส้นทางที่เข้าข่ายทำร้ายซีลและแกนของท่านได้ ยิ่งหน้าฝนนี่ยิ่งต้องระวังให้ดีลุยน้ำเมื่อไหร่ซุ้มล้อนี่เขรอะสกปรกหนีไม่พ้นกันสักคัน การลุยน้ำท่วมเองก็เสี่ยงทำให้โช๊ครั่วได้เช่นกันครับ อันนี้มีสมาชิกมาสด้าท่านนึงเล่าให้ฟังว่าช่วงน้ำท่วมปีที่แล้วลุยน้ำท่วมมากลายเป็นว่าโช๊ครั่วไปเลย ในกรณีที่ลุยโคลนหรือลุยน้ำท่วม หลังจากใช้งานแล้วก็ควรที่จะฉีดน้ำล้างแกนโช๊คเสียหน่อย ถ้ามีเศษอะไรติดก็เอาน้ำฉีดแล้วเอานิ้วลูบๆออกเสียหน่อย แต่ไม่ควรที่จะเอาผ้าหรือฟองน้ำอะไรไปถูไปขัดครับ อย่างที่บอกว่าแกนโช๊คถ้ามีรอยแล้วมันจะสีซีลรั่วได้ง่ายๆ ใช้นิ้วมือเรานี่แหละทำความสะอาดเพราะนิ้วมือเราไม่สะสมฝุ่นเหมือนผ้าและฟองน้ำล้างรถ ถ้าไม่ได้แช่โคลนหรือลุยน้ำท่วมสกปũ