อยากเปิดดีลเลอร์Toyotaครับขอความคิดเห็นหน่อยนะครับ

maxillofacial surgeon

ลองดูครับท่าน จขกท ทุกอย่างเริ่มต้นที่ความคิด จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ครับ
ท่านเจ้าของกระทู้มีเงินเยอะขนาดนี้ผมว่าครอบครัวต้องมีทั้งความรู้ ประสบการณ์ ไม่น้อยแน่นอน
และการที่มาถามในนี้เวบแห่งนี้ ข้อมูลทุกอย่างเป็นประโยชน์ทั้งนั้นครับ ยิ่งธุรกิจที่ต้องลงทุนเยอะขนาดนี้ ยิ่งต้องการข้อมูลรอบด้าน
ผมเองก็เพิ่งเริ่มทำธุรกิจที่โปรเจคท้าทายเหมือนกันครับ ผมก็จะเลือกทำในสิ่งที่ชอบด้วย และผลตอบแทนที่คุ้มค่าแหละครับ
ดูจากผลตอบแทนทำโตโยต้า น่าจะรวยนะครับ ถ้าผลกำไรซักเดือนละ 3 ล้าน จากเงินลงทุน 80 ล้าน ผมว่า โคตรคุ้ม 10 ปีก็ สบายๆเลยครับ
ยังไงก็ขอให้ได้ข้อมูลที่ดีประกอบการตัดสินใจ และประสบความสำเร็จนะครับถ้ามีโอกาสได้ทำจริงๆครับ



J!MMY

จริงๆแล้ว ถ้าเป็นไปได้ อยากให้ลองถามเจ้าของโชว์รูม แต่ละค่าย ค่ายละ 3 ราย
ถึงความใส่ใจของ บริษัทต้นสังกัด ต่อพวกเขาด้วย

อันนี้ก็เรื่องสำคัญนะ



GreenG

ผมแนะนำ ขายรถทีเป็น Eco car พวก มิตซู ซูซูกิ ดีกว่าครับ

ส่วนพี่โต มันเยอะจริง เราเบื่อที่ไหนก็ไปเข้าอีกที่ได้สบายสุดๆ เลย



prai

คุณจิมมี่เคยบอกว่า ต้องให้เขา(โตโยต้า) เปิดรับสมัครก่อนครับ ไม่ใช่อยู่ดีๆ นึกจะเปิดก็เปิดขอเปิดได้เลยครับ

ส่วน 80 ล้าน ไม่รวมที่ดิน ผมคิดว่ายังไงก็ไม่พอครับ แค่ที่ดินทำเลดีๆ ยังไม่พอเลยครับ
ส่วนเช่าก็แพงมากครับสำหรับทำเลคุณภาพ ทั้งเงินกินเปล่า ทั้งค่าเช่ารายเดือน

ผมคิดว่าเงิน 80 ล้าน สามารถหาธุรกิจที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าโชวร์รูมรถมากมายครับ

ผมเห็นด้วยเลยว่าเงิน 80 ล้าน ทำอย่างอื่นได้อีก ( ซื้อหุ้นปันผลเล่นทอง ก้อว่ากันไป  ;D )

p.s. ผมมีรุ่นน้องทำงานอยู่ที่ toyota เกี่ยวกับการเปิด showroom วิ่งออกต่างจังหวัดไปประเมินแล้วส่งกลับบริษัทแม่
น้องบอกว่า เจ้าของ โชว์รูมกำไรต่อคัน ประมาณ 3-5 หมื่นบาท หักทุกอย่างแล้ว
ขั้นต่ำเริ่มต้น 80 ล้าน ถ้าทำเลดี รุ่งครับ อยู่ที่ทำเลล้วนๆเลย  :D
ตอนแรกผมก็กะว่าจะเชียร์ จขกท. ว่า ถ้าโตโยต้าเขาไม่ให้เปิด ก็ซื้อหุ้นโตโยต้ามันเลย แต่พอไปดู ROE แล้วต่ำมากถอยดีกว่า 55555555555555
แอบกระซิบดังๆ ว่า หุ้น เมอร์เซเดสกับ BMW P/E ยังต่ำ แล้วผลตอบแทนก็ใช้ได้ ถึงแม้จะมีความเสี่ยงด้านปัญหาการเงินของโลกอยู่บ้างก็ตาม

ผมเห็นกระทู้ในหมวดcls mania ชวนไปซื้อหุ้นเดมเลอร์ครับน่าสนใจมากนะครับนั่น
ที่ CLS Mania มีคนคิดเหมือนผมด้วยอ๋อครับ  :)
แต่ราคาหุ้นใน EU รวมถึง US น่าสนใจมากครับ หุ้นที่เป็นแบรนด์ระดับโลก หลายๆ ตัว ราคาถูกกว่าหุ้นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ประเทศไทยซะอีก
ถ้าจะลงทุนในตลาดทุนจริงๆ ผมแนะนำว่าต้องเงินเย็น และต้องศึกษารายล่ะเอียดของบริษัทที่เราต้องการให้มากๆ ครับ
และถ้าลงทุนเกิน 300,000$ ควรทำประกันความเสื่ยงด้านค่าเงินไว้ด้วยครับ
สุดท้าย ทำในธุรกิจที่คุณอยากทำมันจริงๆ ครับ เราจะทำมันได้ดีที่สุด ขอให้โชคดีครับ  :)



Entropy

ขอให้เปิดได้ดั่งใจหวังนะครับ และให้เป็นดีลเลอร์ที่เป็นที่พึ่งที่ดี สำหรับของลูกค้าของคุณให้ได้นะครับ เป็นกำลังใจให้



yossapatiso

ผมว่าธุรกิจDealerรถยนต์ มันค่อนข้างเหมาะกับคนเงินเหลือๆมากกว่านะครับ คือมันมีธุรกิจที่มันทำเงินได้มากกว่านี้ในทุนพอๆกัน แล้วก็ความมั่นคงพอๆกัน จริงๆอยากให้ไปในแนวผลิต(ทั้งสินค้าและบริการ)เองมากกว่าครับ เพราะแบบนี้มันขึ้นกับบริษัทแม่ตลอดเลยครับ มันคุมหัวเรือเองไม่ได้อะครับ

ถ้าอยากสร้างจริงๆอย่าเอาToyotaเลยครับ คือมันเยอะมาก ต้องสร้างจุดเด่นครับ ผมว่าFordน่าจะดีนะครับ ต้องบริการดีๆครับ ข้อเสียคือลูกค้าส่วนมากขยาดไปแล้ว ;D ;D
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 07, 2012, 21:26:15 โดย yossapatiso »



SignifeR

อ่อ....ที่จริงเขาเคยทำงานให้โตโยต้านี่เอง พยายามศึกษาโชว์รูมเพื่อนบ้านระแวกใกล้เคียงทำเลที่จะเปิดด้วยนะครับ
ว่าเป็นของใคร แล้วคุยได้มั๊ย เพราะโชว์รูมหลายๆที่ ก็คอนเนคกัน เพราะบางทีก็ต้องอาศัยกันและกันพอสมควร
เวลารถขาด หรือรถเกินโควต้า
In Garage Subaru Impreza GDG WRX  y2008 // Nissan March 1.2E y2011



kasuya

ขนาดเจ๊เกียวมีเงินระดับหมื่นล้าน ยังไปขอเปิดจาก TMT ไม่ได้เลยครับ แกขั้นเปิดโชว์รูมรถได้เกือบทุกค่าย ยกเว้น Toyota นิแหละครับที่แกเอาไม่ได้



NINENOI

ผมว่า Suzuki กับ Mazda น่าสนใจกว่านะครับ ค่ายใหญ่ไม่ค่อยสนใจดีลเลอร์เล๊กๆนะครับ
ถ้าเราซื้อของที่ไม่จำเป็น สุดท้ายเราต้องขายของที่จำเป็น



dht_tubes

อีกเรื่องนึงนะครับ ลองไปคุยๆ กับเจ้าของดีลเลอร์ดู

ไม่มีใครอยากทำศูนย์บริการนักหรอกครับ
เราๆท่านๆ อาจมองว่า โอเคนะ รายได้ดีจัง แต่ลองหาข้อมูลดูครับ

ไม่ว่าพี่โต อี เช อะไรก็ตาม

ถ้าขายแต่รถได้ ไม่ต้องโดนบังคับทำศูนย์บริการ

เชื่อได้ครับว่า เกิน 90% เป็นอย่างนั้น



decptt

ถ้าท่านชอบงานด้านรถยนต์จริงๆ นอกจากการเป็นดีลเลอร์รถแล้ว ผมบอกทางเลือกให้อีกสักหน่อยครับ
1. ศูนย์บริการแบบค็อกพิท ,บี-ควิ๊ก ที่เปลี่ยนยาง ทำช่วงล่าง
2. คาร์แคร์ พร้อมเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง
3. ศูนย์ซ่อมรถอิสระ (ไม่ใช่อู่รถนะ) ทำให้เป็นมาตรฐาน อาทิ Bosch เป็นต้น
4. อู่ หรือศูนย์บริการทั่วๆไป
5. พวกเฉพาะทาง เช่น สำนักแต่งรถ โมดิฟาย เป็นต้น

ประมาณนี้ครับ สิ่งเหล่านี้เป็นงานเกี่ยวกับรถยนต์ แต่ไม่ได้ขายรถยนต์เป็นคันๆครับ

อ้อ ถ้าชอบดีลเลอร์ขายรถ ลองดูพวก
1. รถใหญ่ เช่น Hino Fuso Volvo ^^
2. รถมือสอง ทำให้ได้มาตรฐานคล้าย Toyota Sure อะไรประมาณนี้ครับ

เอาใจช่วยครับ



MoO Cnoe

ไม่รู้ว่าตรีเพชร อีซูซุเป็นยังไง
แต่รู้ว่าปริมาณรถบนท้องถนนช่างเยอะเหลือเกิน
อีกทั้ง ยอดขายแต่ละเดือน สูงอยู่ไม่น้อย

ลองดูเป็นอีกทางเลือกแล้วกันครับ



Fly to dream

ขายฟอร์ดควบมาสด้าเลยครับ  ;) ;) ;) แบบนี้มีหลายที่เลยในไทยหาช่างดีๆไว้เยอะๆ เชื่อว่าชาวฟอร์ดจะแห่ไปที่นั่น ;D ;D ;D
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย



SignifeR

ถ้าท่านชอบงานด้านรถยนต์จริงๆ นอกจากการเป็นดีลเลอร์รถแล้ว ผมบอกทางเลือกให้อีกสักหน่อยครับ
1. ศูนย์บริการแบบค็อกพิท ,บี-ควิ๊ก ที่เปลี่ยนยาง ทำช่วงล่าง
2. คาร์แคร์ พร้อมเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง
3. ศูนย์ซ่อมรถอิสระ (ไม่ใช่อู่รถนะ) ทำให้เป็นมาตรฐาน อาทิ Bosch เป็นต้น
4. อู่ หรือศูนย์บริการทั่วๆไป
5. พวกเฉพาะทาง เช่น สำนักแต่งรถ โมดิฟาย เป็นต้น

ประมาณนี้ครับ สิ่งเหล่านี้เป็นงานเกี่ยวกับรถยนต์ แต่ไม่ได้ขายรถยนต์เป็นคันๆครับ

อ้อ ถ้าชอบดีลเลอร์ขายรถ ลองดูพวก
1. รถใหญ่ เช่น Hino Fuso Volvo ^^
2. รถมือสอง ทำให้ได้มาตรฐานคล้าย Toyota Sure อะไรประมาณนี้ครับ

เอาใจช่วยครับ

เข้าท่าๆ คล้ายๆ ศูนย์ทางเลือก รับรถได้ทุกค่ายก็ดีนะครับ  สิ่งสำคัญคือ เรื่องการบริหาร "คน" มากกว่า
In Garage Subaru Impreza GDG WRX  y2008 // Nissan March 1.2E y2011