ผู้เขียน หัวข้อ: ถามคนใช้ D-segment เครื่อง2000 รู้สึกคิดผิดไหมที่ไม่ซื้อ 2400  (อ่าน 17095 ครั้ง)

....แบบอารมณ์ประมาณว่ามันอืด ไม่ทันใจ รู้งี้กัดฟันเอาเครื่อง 2400 ดีกว่า

หรือคิดว่าซื้อ 2000 เพียงพอแล้ว


ออฟไลน์ dht_tubes

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,641
    • อีเมล์
ถ้าเรารู้สไตล์การขับของตัวเองอยู่แล้วว่าเป็นแบบ ปรู๊ดปร๊าด แต่ยังซื้อ ก็ต้องบอกว่าคิดผิดครับที่ซื้อ

แต่มองอีกด้าน ก็แลกมากับความประหยัดตามซีซี ที่น้อยกว่า ก็คิดซะว่าแลกกันครับ

เร็ว แรง ประหยัด (มากๆ) มันเป็นอะไรที่คู่ขนานกันครับ

ออฟไลน์ pulsar

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 93
นอกจากประหยัดแล้ว ราคาก็มีส่วนในการตัดสินใจครับ เทียบ 2.0 กับ 2.5 Top ทั้งคู่ ซื้อมาร์ชได้คันนึงเลย

ออฟไลน์ adminope

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 91
2000 ส่วนไหญ่มันไม่มีพวกระบบกันลื่น vsc tsc or something

ผมว่า ผมคิดผิดนะ แค่300k เอง เทียบความปลอดภัย
มันก็แล้วแต่ความคุ่มค่าของoption นะเวลานั้นด้วย บางทีอยากซื้อรุ่น top ก็ซื้อไม่ได้ ดูโง่ๆไป

ออฟไลน์ GUDJA-MAN

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,649
ตอบในฐานะคนได้ใช้ แต่ไม่ได้ควักกระเป๋าจ่ายนะครับ

ผมมองว่า 2.0 มันประหยัดได้แค่เงินในกระเป๋า
แต่อัตราสิ้นเปลือง มันก็ไม่ได้ประหยัดกว่ากันซะเท่าไหร่

ในทางกลับกัน ถ้าขับต่างจังหวัด ยิง ยาวๆ แช่ 140-150
จังหวะ ช่วงเร่งแซง ที่ความเร็วสูงกว่านี้
คนที่เท้าหนัก ขับแล้ว แอบอึดอัดครับ เพราะมันขึ้นช้า (แต่คนปกติทั่วไปคงไม่ใช่ปัญหา)

ถ้าย้อนกลับไปได้ คง(ยุ)ให้ซื้อ 2.4 ไปเลย

ออฟไลน์ gundam126

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 722
    • อีเมล์
ผมมีแคมรี่เครื่อง2000อยู่(ต้องรอตัวไมเนอร์เชนจ์เท่านั้นเพราะจะคุ้มค่า) สำหรับผมไม่ได้คิดผิดนะ เพราะผมไม่ขับรถเร็ว ระบบมากมายไม่ได้ต้องการจนอยากไปได้ขนาดนั้น  มีรถไว้ขับชิวๆ เงินส่วนต่างเอาไว้เติมน้ำมันได้ มันอยู่ที่ความต้องการและลักษณะการใช้รถของแต่ละคนมากกว่า แถมคันล่าสุดก็ซิตี้ปี2012ก็ไม่ได้ขับเร็วเหมือนกัน ส่วนถ้าจะบ้าพลังผมจะไปใช้ฟอร์จูนเนอร์มากกว่า เลยไม่ได้คิดมากอะไรกับคันนี้ล่ะมั้ง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 30, 2012, 17:34:04 โดย gundam126 »

ออฟไลน์ Wayfarer-R

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,563
***ความเห็นส่วนตัว***

 ถ้าต้องการเครื่อง 2000 เป็นผมจะไปซื้อ C segment ตัวท็อปครับ เลือกยี่ห้อไหนก็ได้ที่ชอบ ได้ออปชั่นสูงสุดของยี่ห้อนั้นๆ กำลังเครื่องกับขนาด และน้ำหนักตัวถัง สมดุลกัน แต่ถ้าจะซื้อ D segment จะกัดฟันเพิ่มไปเอา 2.4 ครับ ตามนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 30, 2012, 18:36:25 โดย marcovic9 »

ออฟไลน์ NONT4477

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 9,851
  • Let the SKYFALL
คิดถูก คิดผิด คุ้ม ไม่คุ้มขึ้นกับความต้องการและลักษณะการใช้งานของบุคคลนั้นๆครับ
Top Gear's Biggest FAN!!! (IN MY House)
I'm NAC1701  ^ ^

ออฟไลน์ beerrl

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,672
    • อีเมล์
อยู่ที่การขับขี่มากกว่าครับ
ถ้าขับในเมือง ขับเรื่อยๆ ทำความเร็วปรกติ ตามกฎหมาย ไม่เกิน 120 เครื่อง 2000cc เหลือๆแล้วครับ

แต่ถ้าเราเคยลองขับเครื่อง 2400 2500 หรือ เครื่องใหญ่กว่า รวมถึงรถ c segment เครื่อง 2000 แล้วเปรียบเทียบกับรถของเรา. อันนี้ รู้สึกแตกต่างแน่ ความไม่ทันใจ ความอืด ของรถเครื่อง 2000cc ใน d segment จะออกมา
ยิ่งเวลาเดินทาง ตจว ในถนน 2 เลน ต้องแซงแบบกระชั้นชิด อันนี้ เครื่องใหญ่ได้เปรียบชัดเจน ขับไม่เหนื่อย ไม่ต่องลุ้นมาก

ดังนั้น ผมว่าอยู่ที่การใช้เป็นหลัก รวมถึง นิสัยการขับขี่ของเรา ดีกว่าครับ
แต่สำหรับเมืองไทย รถเครื่องเล็กมักจะถูกตัด option ออกทั้งเรื่องความปลอดภัย ความสบาย เลยทำให้การตัดสินใจซื้อไม่ใช่แค่เรื่องเครื่องเพียงอย่างเดียว สำหรับผม ถ้าจ่ายไหว เครื่องใหญ่ก็ย่อมดีกว่าเครื่องเล็ก เพราะ เราได้รถขับสนุก รวมถึงระบบความปลอดภัยที่มากกว่า และ option ที่เยี่ยมกว่า
Volvo 850GLT
Honda odyssey
Toyota Camry hybrid
Suzuki swift eco
Hyundai tucson crdi
Nissan Xtrail 2.0V 4wd
Honda Civic FC 1.8EL

ออฟไลน์ Tonge

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 670
เป็นรถของน้า camry รุ่นที่แล้วตัว2.0G น้าใช้มาสักพักเริ่มบ่นว่ามันอืด เร่งแซงไม่ไหว คันต่อไปเลือกเครื่องใหญ่แน่นอน

ออฟไลน์ koruru

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 765
    • อีเมล์
เอาจริงๆเลย d segment รุ่นพื้นฐานมันก็เครื่อง 2.4/2.5 หมดอะครับ มีแต่ประเทศไทยนี่แหละใช้เครื่อง 2.0
ต่างประเทศ รุ่นหลักก็คือเครื่อง 2.4/2.5 กันหมดแล้ว และก็มีเครื่อง 3.5 เป็นรุ่นแรง

แต่คนไทยเหมือนจะเอาภาพลักษณ์อย่างเดียว ไม่สนอย่างอื่น และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆด้วย
ผู้ผลิตเขาวิจัยมาแล้ว เลยมีเครื่อง 2.0 เข้ามาทำตลาด ตั่งแต่นั้นเป็นต้นมา และก็ประสบความสำเร็จซะด้วยสิ
d segment บางรุ่นด้วยที่เครื่อง 2.0 ขายดีกว่า 2.4/2.5

แต่เอาจริงๆ เครื่อง 2.0 มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะ
อัตราเร่งมันก็พอๆกับพวก b segment 1.5 ทั่วๆไปในท้องตลาด

ดังนั้น เครื่อง 2.0 ใน d segment มันเหมาะสำหรับขับในเมืองมากกว่าครับ เช่นเดียวกับ b segment 1.5 ที่เน้นขับในเมือง

ออฟไลน์ WhoIsI

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 112
ตอบในฐานะคนได้ใช้ แต่ไม่ได้ควักกระเป๋าจ่ายนะครับ

ผมมองว่า 2.0 มันประหยัดได้แค่เงินในกระเป๋า
แต่อัตราสิ้นเปลือง มันก็ไม่ได้ประหยัดกว่ากันซะเท่าไหร่

ในทางกลับกัน ถ้าขับต่างจังหวัด ยิง ยาวๆ แช่ 140-150
จังหวะ ช่วงเร่งแซง ที่ความเร็วสูงกว่านี้
คนที่เท้าหนัก ขับแล้ว แอบอึดอัดครับ เพราะมันขึ้นช้า (แต่คนปกติทั่วไปคงไม่ใช่ปัญหา)

ถ้าย้อนกลับไปได้ คง(ยุ)ให้ซื้อ 2.4 ไปเลย

ตามนี้เลย
2.0 ไม่ได้ประหยัดน้ำมันกว่า ดูเหมือนจะกินกว่าซะด้วยซ้ำ
ถ้าเงินถึงก็ 2.4 ไปเลยครับ ถ้าซื้อมาแล้วก็ใช้ต่อไป

ออฟไลน์ Skyline

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 390
อยู่ที่ลักษณะการใช้งานของเเต่ละคนครับ เเต่ถ้าเลือกได้ผมเลือก 2.4 เก็บเงินเพิ่มอีกนิด คุ้มกว่าครับ เรื่องความประหยัด ความเเรง

ออฟไลน์ Eddy5659

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,619
ผมใช้ Camry 2.0G extremo ครับ
ถามว่าะสียดายมั๊ยที่เลือก ตอนนี้รูสึกครับ เพราะผมมีลูกแฝด น่าจะซื้อ SUV

แต่ถ้าเทียบกับเครื่อง 2.4/2.5 คำตอบคือไม่ครับ แค่นี้ก็เพียงพอกับการใช้ชีวิตแล้ว
ผมใช้รถในเมืองเป็นส่วนใหญ่ วิ่งซักพักก็เจอไฟแดงแล้ว ออกนอกเมืองหรือต่างจังหวัด ก็ใช้ความเร็วประมาณ 120-140
ซึ่ง 2.0 ก็เพียงพอ นอกจากนั้นคนนั่งด้วยคือแฟน และคุณแม่ผม การขับรถของผมจึงเป็นแบบไหลตามจังหวะรถ มีช่วงแซงได้ก็แซง
ไม่มุด ไม่ปาด ไม่กระชาก ยิ่งถ้าเอาลูกชายทั้งสองไปด้วยแล้ว ยิ่งต้องขับให้นิ่งที่สุด ดังนั้น 2.0 ก็เกินพอ แต่สิ่งที่เหนือกว่า c-seg คือห้องโดยสาร
ที่กว้างกว่า สะบายกว่า นิ่มกว่า การเก็บเสียงดีกว่า สุนทรีย์ในการเดินทางก็ดีกว่า เรื่องภาพลักษณ์นั้นผมไม่สนใจหรอกครับ
ผมมองว่าคนขับ d-seg ไม่ได้เหนือกว่าคนอื่นๆเขาเท่าไหร่เลย c-seg ตัวท๊อป หรือกระบะบางตัว ก็ราคาเท่า d-seg 2.0 แล้ว
2007 Toyota Vios
2009 Toyota Hilux Vigo
2010 Toyota Camry
2011 Ford Ranger
2011 Isuzu Dmax
2011 Toyota Hilux Vigo
2015 Ford Ranger
2015 Ford Everest 2.2 Titanium
2015 Ford Everest 3.2 Titanium+
2016 Toyota Hilux Revo 2.4 J m/t (5 คันจะที่รัก)
2017 BMW 320d iconic

ออฟไลน์ Q

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 153
ถ้าเงินไม่ใช่ปัญหา 2.4 แต่ส่วนใหญ่เงินจะเป็นปัญหา
น่ะสิ
ตอนนี้ผมไม่ได้ใช้ d-segment นะ
แต่ผมก็คิดอยู่ว่าถ้าจะซื้อ 2.0 จะเป็น  d-segment หรือ  c-segment ดี

methus zaa

  • บุคคลทั่วไป
ไม่ผิดครับ ดีใจซะอีก โอเคซื้อรุ่น2.4 อาจจะได้ออปชั่นความปลอดภัยเพิ่มเข้ามา ออปชั่นดีกว่านี้ แต่จะบอกให้ความปลอดภัยมันช่วยเราได้จริง แต่ถ้าเราประมาทอะไรก็ช่วยเราไม่ได้ครับ นอกจากสติเท่านั้น แล้วอีกอย่างตังที่เหลือเก็บตังค์ไว้เติมน้ำมัน ซื้อของแต่ง หรือเพิ่มนู้นนี่ดีกว่าอีก

ออฟไลน์ oreo_san

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 80
    • อีเมล์
ตอนที่ผมใช้ C-segment  ใช้เครื่อง 1600  แล้วมีผู้โดยสารเต็มคัน  ในจังหวะที่อยากจะเร่งแซง โคตะระ อึดอัดมาก  คิดว่าแล้วทำไมไม่ซื้อเครื่อง 2000 ซะตั้งแต่แรก
แต่พอเปลี่ยนมาใช้ D-segment  ผมเลยไม่กล้าซื้อเครื่อง2000  กลัวจะเจอปัญหาเดิม  จึงซื้อแต่ตัวที่เป็นรุ่นทอปสุด เครื่องแรงที่สุด เท่าที่รุ่นนั้นมี  จึงซื้อเครื่อง2400
และเครื่อง3000   ไม่กล้าเลือกซื้อเครื่อง 2000 กลัวจะรู้สึกคิดผิดอีกซ้ำสอง  ;D

ออฟไลน์ HYDE--

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,643
    • อีเมล์
ตอนจะซื้อ Accord แม่ผมก็เกือบเอาตัว 2.0 แ้ล้วแหล่ะ

แต่ผมรู้ว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ก็เลยตัดปัญหา โดยการบอกเค้าว่า

มีเพื่อนไปลอง Accord 2.0 มา่ เค้าบอกโคตรอืด เค้าเลยอัพเป็น 2.4 ตัวล่าง ปรากด ดีขึ้นเยอะ

ก็เลยรอดตัวไปครับ ทุกวันนี้ แฮปปี้มากกะ Accord 2.4 คิดไม่ผิดเลยจริงๆ

ส่วนตัวผม ถ้างบไม่ถึง D-segment 2.4 ผมจะไปเล่น C-segment ตัวทอปแทน ดีซะอีก ได้สมรรถนะเต็มๆ ออฟชั่นเต็มๆ
เพราะรู้ตัวว่า ขับนอกเมืองเยอะกว่า และ ขับเร็ว
แต่ถ้าไม่ได้ขับเร็ว D-segment 2.0 ก็โอเคอยู่หรอก
เพราะถึงมันไม่แรง แต่ไม่ได้ขนาดวิ่งไม่้ออกเหมือนเครื่อง 1.2 ซะหน่อย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 30, 2012, 22:39:45 โดย HYDE-- »

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,051
ตัดสินใจซื้อแล้วจะรู้สึกผิดทำไมครับ

ออฟไลน์ Dr.Pop

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 520
2.0G ขับในเมืองพอใจครับ

แต่พอวิ่ง ตจว ยังมีขัดใจนิดๆ

ออฟไลน์ yod artstu

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,158
ลองให้รถมันค่อยๆเปลี่ยนนิสัยการขับของเราก็น่าจะพอกล้อมแกล้มได้นะครับ
ส่วนตัวขับ ตัว Hybrid ออก ตจว ไกลๆ พออยู่ในเมืองขับ Vios 1500
ก็พอรับกันได้ เนื่องจากรถน้ำหนักเบา พอขับ Freed เท่านั้นหล่ะ

โอ้โฮ รถไรเนี่ยยย ทำไมอืดอย่างงี้
หลังๆยืมรถ Freed พ่อตามาใช้บ่อยๆเข้า
เปลี่ยนนืสัยการขับไปโดยปริยาย
แต่จะเครียดมากเมื่อเร่งแซง....

สรุป ถ้าซื้อมาแล้ว ผมว่าไม่คิดผิดหรอกครับ
เพราะก่อนซื้อต้องคิดมาแล้ว

มองข้ามข้อจำกัดไปดีกว่าครับ ยังไงก็รถเรา
ไม่รู้เป็นแค่อารมณ์อยากหรือเปล่า

เพราะผม ซื้อ Camry Hybrid มาแล้ว ยังคิดอยู่ว่า
ทำไมไม่ซื้อรถที่แรงกว่านี้ เก็บเงินเพิ่มอีก 1 ปีได้ 320d
: )

ออฟไลน์ MystogaN

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,476
ไม่ครับเพราะของผมมี เทอโบ เย้ย :P

ออฟไลน์ Envil

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 294
    • อีเมล์
เคยคิดเรื่องพวกนี้เหมือนกันคับ
เลยมาเลือก 1600Turbo  ;D
เหลือๆ

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,179
ต้องเลือกให้ดีก่อนซื้อครับ


คนแรกมองว่าเงิน 2 แสน เอาไปเติมน้ำมันวิ่งได้หลายกิโล เปลี่ยนยาง เปลี่ยนแบต ต่อประกัน
คนที่สองมองว่า การเพิ่มเงิน 2 แสน แลกกับออฟชั่น ความปลอดภัย เอา 2.4 ไปเลยล่ะกัน
คนที่สามมองว่า ฉันต้องการแค่ภาพลักษณ์และรถขนาดใหญ่เท่านั้น 2.0 ก็พอ
คนที่สี่มองว่า ผมทีนส์หนัก ต้อง 2.4 เท่านั้น กัดฟันเพิ่มอีกหน่อย ผมยอม
คนที่ห้ามองว่า 2.0 พอแล้ว เมื่อก่อนขับรถเก่าๆก็ยังไหว มาขับรถใหม่ 2.0 สบายมาก
คนที่หก มองว่า ฉันไม่สน ขอตัวท๊อปไว้ก่อน

คนที่เจ็ด คนที่แปด มีอีกเรื่อยๆ

คุณเป็นคนแบบไหน??

ออฟไลน์ minitum

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 3
5555+
2000 Turbo ของ BMW มันคนล่ะเรื่องกันนะครับ

ที่บ้านมี Accord 2.0EL อยู่ก็รู้สึกโอเคนะครับกับเครื่องยนต์ แต่ Option มันน๊อยยยจริงๆครับ
520d (F10) 2012
Accord (G8) 2011
Pajero Sport 2.5GT 2WD 2011
Focus 2.0 GDI 2013
CR-V 2.0E (G4) 2013

ออฟไลน์ hutzero

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,561
    • อีเมล์
รถ D-Segment ส่วนใหญ่เครื่อง 2000 อืด และกินน้ำมันกว่า 2400 (ไม่นับรถยุโรปบางรุ่น)

ถ้าจะซื้อ D-Segment เครื่อง 2000 ประเด็นเดียวก็คือ  อยากได้ความสบาย กว้างขวาง
นอกนั้นประเด็นอื่นแพ้ C-Segment ตัว Top ที่ราคาพอๆกัน

ถ้าตอบโจทย์ตัวเองได้ก็คงไม่เสียใจที่ซื้อเครื่อง 2000

ออฟไลน์ Action

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,667
2.0 มันก็ไม่ได้ต่างอะไรจาก 1.8 เท่าไหร่นะ (สมัยนี้ บางยี่ห้อมันก็น่าคิดนะ ทำไมมันพอ ๆ กัน)

เป็นผมนะ จะเล่นพวก 2.4 2.5 แต่ไม่เกิน 3.0 เอาแค่นี้ก็พอและเหลือ ๆ แล้วครับ ;D
ถึงรถผมจะไม่แรง แต่ก็ยังแซงทุกคันไม่เว้น...
Honda Civic 3dr. '96
Chrysler Neo '98
BMW 320i '01
Honda Civic FD 2.0 '06 > Sold
Mazda BT-50 Pro '12

ออฟไลน์ Fly to dream

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,640
ไม่เคยสนรุ่นล่างอยู่แล้วต้องท็อปไม่ต้องไม่ทำอะไรอีก หรือไม่เอาแบรนด์ที่เหนือกว่า 1 ระดับไปเลย  8) 8) 8) ไม่ชอบอะไรที่ไม่ครบ
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย

ออฟไลน์ HYDE--

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,643
    • อีเมล์
ต้องเลือกให้ดีก่อนซื้อครับ


คนแรกมองว่าเงิน 2 แสน เอาไปเติมน้ำมันวิ่งได้หลายกิโล เปลี่ยนยาง เปลี่ยนแบต ต่อประกัน
คนที่สองมองว่า การเพิ่มเงิน 2 แสน แลกกับออฟชั่น ความปลอดภัย เอา 2.4 ไปเลยล่ะกัน
คนที่สามมองว่า ฉันต้องการแค่ภาพลักษณ์และรถขนาดใหญ่เท่านั้น 2.0 ก็พอ
คนที่สี่มองว่า ผมทีนส์หนัก ต้อง 2.4 เท่านั้น กัดฟันเพิ่มอีกหน่อย ผมยอม
คนที่ห้ามองว่า 2.0 พอแล้ว เมื่อก่อนขับรถเก่าๆก็ยังไหว มาขับรถใหม่ 2.0 สบายมาก
คนที่หก มองว่า ฉันไม่สน ขอตัวท๊อปไว้ก่อน

คนที่เจ็ด คนที่แปด มีอีกเรื่อยๆ

คุณเป็นคนแบบไหน??

คนที่สองค้าบบ แต่ถ้าต้องกัดฟัน ก็คงไปเล่นมือสอง ไม่ก็ C-segment
ยังโสดอะ ไม่ต้องใช้รถใหญ่มากก็ได้

ออฟไลน์ Rung

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 172
คิดผิดตอนใช้ สบายตอนขายครับ
ผิดตอนใช้ ผมซื้อ Accord G8 2.0 ปี2009 ซื้อมา 1.27 ล. ซื้อผ่อนดาวน์ 3 แสนผ่อน  60 งวด ค่างวดต่างกัน 4 พันบาทต่อเดือน ตอนที่ซื้อแฟนจะเอารุ่น 2.4 Top ผมเห็นว่าต่างกันตั้ง 2.8 แสน เสียดายเงินส่วนต่างครับ ผมใช้รถประมาณ 3 ปีครึ่ง วิ่งไป 1 แสนโล ถือว่าใช้งานมากครับ ตอนที่ใช้บางครั้งก็เสียดายเหมือนกันครับ กับอัตราเร่งที่น่าจะดีกว่า น่าจะประหยัด นม. มากกว่า ภายในที่ตกแต่งได้สวยกว่า ล้อแม๊กที่ใส่ล้อได้หน้ากว้างกว่า เกาะถนนได้ดีกว่า (รถผมขอบ 16") แอร์แบ๊คที่มากกว่า อุปกรณ์ความปลอดภัยมากกว่าทุกด้าน(ติดตั้งเพิมไม่ได้ครับ) ที่สำคัญผมอย่างมี DVD ให้ลูกดู จะเปลี่ยนจอ ต้องเปลี่ยนฟร้อนชุดใหญ่ ก็เสียดาย เพราะค่าทำประมาณ 1 แสน ผมเลยซื้อ DVD พกกามา 5 พันมาให้ลูกดูครับ คราวนี้แฟนคอยซ้ำเลยครับ บอกแล้วให้ซื้อรุ่นท๊อป
สบายตอนขาย ตอนเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา พอดีมีรถ 2 คัน ไม่จำเป็นต้องใช้ 2 คัน เก็บG8 ไว้ราคาตกลงทุกวัน เดี๋ยวรุ่นใหม่มาจะเจ็บกว่านี้ ผมปล่อยได้ 8.2 แสน สรุปขาดทุนไปประมาณ 4 แสน ผมใช้ไป 1 แสนโล ตกค่าใช้รถโลละ 4 บาทครับ ถือว่าคุ้มมากๆ กับสิ่งที่รถมอบให้เรา พาไปโกยเงินมาหลายที่ พาครอบครัวเราไปเที่ยวมามากมาย เคยอุบัติเหตุ 1 ครั้ง (ขับ 140 ที่มอเตอร์เวย์ ปล่อยพวงมาลัยไปหยิบขวดน้ำ รถชนบล็อกกันกลางถนน รถแทบไม่เสียหาย แค่ยางระเบิด รอแม๊กพัง ตัวรถแค่เป็นรอยถลอกผมและลูกสาวปลอดถัย)
สรุป ลองตัดสินใจดูครับ ถ้าไม่เดือดร้อนเรื่องเงินเงินทองทอง ก็รุ่นท๊อปเลยครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 31, 2012, 09:42:16 โดย Rung »