ขอแชร์ประสบการณ์จากผู้ใช้รุ่น กคร. มาทั้ง 2 ตัว (C220, E220)
C220 ใช้มาตั้งแต่ปี 1997 ครับ ฟองสบู่กำลังแตกอย่างเร้าใจพอดี (ถึงปัจจุบันขับน้อยกว่า 200,000 กิโล)
ปัญหาหลักๆที่เจอ
- สายไฟย่อยสลายตามธรรมชาติ ต้องเปลี่ยนทุก 5 ปี
- ยางรองเครื่อง 8xxx บาท เปลี่ยนทุก 5 ปี
- แอร์จุกจิกบ้าง มาเป็นพักๆ ปีที่ 3-4 จำได้ว่าค่าซ่อมเกิน 3 หมื่น
- กรองอากาศกรองแอร์อุดตันเป็นว่าเล่น
- ช่วงล่างมีปัญหาประปราย เปลี่ยนบุ๊ชปีกนกบ่อยจนจำชื่อได้
- สุดท้ายเปลี่ยนยกชุด ใช้ โช้ค Bilstein มา 3-4 ปีแล้ว โอเคแล้ว (แต่หลังจากเปลี่ยนแล้วได้ใช้น้อยมาก)
- ลูกลอยกับเกน้ำมันพัง เปลี่ยนไปอีก 8xxx บาท
- วิ่งนอกเมืองก็ยังกินน้ำมัน 8-9 โลลิตร แต่ก่อนลิตรละ 13-15 บาทก็ไม่มีปัญหาอะไร ช่วงนี้ เหอ เหอ
- ผ้าบุหลังคายวบหล่นลงมา
- มีน้ำรั่วที่หลังคาและจากท่อระบายน้ำข้างหน้าฝากระโปรงเข้ามาในตัวรถ 2-3 ครั้ง
- กุญแจรีโมทเปิดประตูไม่ได้ เลยทำให้สตาร์ทไม่ได้ โดยไม่เกี่ยวกับเรื่องแบทหมด 4-5 ครั้ง
(ซึ่งเป็นสาเหตุให้ผมปลดระวางเอาไปจอดไว้บ้านคุณพ่อ)
ถ้าไม่นับปัญหาข้างบน ส่วนตัวคิดว่าเป็นรถที่คุ้มค่าคันนึงในสมัยนั้น
ช่วงล่างนุ่ม(ไปนิด)ขับสบาย เครื่องโอเค แต่ไม่แรง
เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด โลกเก่าไปนิด วิ่ง 120 รอบเกิน 3000
ส่วน E220 ได้เป็นมรดกมาจากบ้านแฟน
ติดแก๊ซLPGมาหลายปีแล้ว ไม่มีปัญหาจุกจิกกวนใจอย่างเห็นได้ชัด
ช่วงล่างหนึบหนักแน่นกว่าอย่างรู้สึกได้ เครื่องรู้สึกว่าเร่งได้ดีกว่า
(อันนี้ไม่เข้าใจว่าทำไม เครื่องก็น่าจะเป็นตัวเดียวกัน E น่าจะหนักกว่าพอสมควร)
ภายในตกแต่งรู้สึกถึงอายุที่มากกว่า C220 อย่างเห็นได้ชัด แต่ความรู้สึกในการขับขี่ผมว่า E220 ดีกว่าเยอะ
CE รู้สึกว่า share platform กับ E น่าจะดีพอกัน ราคาก็ไม่ตก หน้าตา Classic สุดๆ (แต่ C ดูหล่อลงตัวกว่า
(รุ่นหลังของ CE = CLK รู้สึกจะ Share platform กับ C Class ถ้าจำไม่ผิด)
C240 ตัวนอกก็เคยได้ยินว่าเลิศกว่า C220 พอสมควร
สรุป E220 > C220 ส่วนถ้ามีงบไปถึง CE ก็น่าสน แต่ถ้าจะเลือก C ลองดู 240 เปรียบเทียบครับ
ปัจจุบัน ผมใช้ Honda City ครับ 555