ที่ความเร็วคงที่เอง ก็ไม่ใช่ว่าเครื่องยนต์ไม่ต้องออกแรงนะครับ
เป็นจุดที่สมดุลระหว่าง แรงขับ กับ แรงต้าน
ในความเป็นจริงแล้ว ปริมาณการใช้เชื้อเพลิงไม่ได้แปรตามรอบเครื่องเพียงอย่างเดียวครับ
ในรถคันเดียวกัน ที่รอบเครื่องเดียวกัน,เกียร์เดียวกัน,ความเร็วเดียวกัน , และล็อคอัพจับเรียบร้อย
ก็ยังมีปริมาณการใช้เชื้อเพลิงไม่เท่ากันครับ ตามสภาพโหลด
ยกตัวอย่างที่เห็นชัดๆเช่น ขับขึ้นเนินชันไม่เท่ากัน 4 องศา กับ 10 องศา
รถที่มีแถบแสดงอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจริง ณ ขณะนั้นๆ
ก็จะแสดงแถบอัตราสิ้นเปลือง(ในกรอบสีเขียว)ไม่เท่ากัน
ในรูปเป็นของรถ Jazz ภาพที่ถ่ายตอนวิ่งหาไม่เจอครับ
นั่นคือจะเห็นได้ชัดเจนแล้วว่าปริมาณการใช้เชื้อเพลิงนั้น
อย่างน้อยๆ ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับรอบเครื่องเพียงอย่างเดียวแน่ๆ
ต้องมีปัจจัยอื่นๆเพิ่มขึ้นมา แต่ที่แน่ๆอย่างหนึ่ง โหลด จะภายในหรือภายนอก มีผลด้วย
โดยในความเป็นจริงแล้วมันยังมีอีกหลายเงื่อนไขปัจจัย จึงเป็นเหตผล
ที่ต้องมีการพัฒนากล่อง ECU ให้ฉลาดและซับซ้อนขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับเงื่อนไขต่างๆ
ซึ่งกล่องของเกียร์ออโต้กับเกียร์ธรรมดาเองนั้นก็อาจจะมีการปรับจูนที่แตกต่างกัน
------------------------------------------------------------------------------------------
ไม่ว่าจะระบบส่งกำลัง น้ำหนักตัวรถ แรงต้านการหมุนของล้อ และชิ้นส่วนต่างๆของระบบส่งกำลัง
แรงกด และอะไรต่างๆจิปาถะ มีแนวโน้มที่จะทำให้รถเกียร์ออโต้ต้องแบกภาระมากกว่า
ก็ควรที่จะกินมากกว่า รายละเอียดที่ลึกกว่านี้รอผู้รู้มาให้ข้อมูลดีกว่านะครับ
ทีนี้ตามที่ผมเข้าใจ ในเรื่อง ทำไมรอบเครื่องต่ำกว่าแต่ดันกินน้ำมันมากกว่าได้
(ถ้าผมเข้าใจผิดยังไงช่วยท้วงด้วย ช่วยกันแก้นะครับ)
แม้ว่าที่ความเร็วเดียวกัน AT จะใช้รอบเครื่องต่ำกว่า MT
แต่ในการหมุน ทุกๆสองรอบนั้น
เฉลี่ยแล้ว รถ AT มักจะต้องใช้น้ำมันมากกว่า รถ MT
ซึ่งในระยะทางที่วิ่งเท่ากัน ใครจะกินกว่าใคร ก็มาวัดเอาที่ ปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ว่ากี่ลิตร
ก็ต้องมาดูผลคูณระหว่างรอบเครื่องที่หมุนไป กับ ปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้เฉลี่ยในการหมุนแต่ละรอบ
MT รอบสูงกว่า แต่ปริมาณเชื้อเพลิงแต่ละรอบต่ำกว่า
AT รอบต่ำกว่า แต่ปริมาณเชื้อเพลิงแต่ละรอบสูงกว่า
คูณกันออกมาแล้ว ใครจะมากใครจะน้อยก็ต้องมาดูตรงนี้
โดยมาก
ผลจากเชื้อเพลิงที่มากกว่า มักมีผลมากกว่ารอบเครื่องที่ต่ำลง
จึงน่าจะทำให้สรุปแล้วคูณกันออกมา AT ก็ยังคงกินกว่า MT ในช่วงความเร็วที่เราทดสอบ
-------------------------------------------------------------------------------------------
ยกตัวอย่างการคำนวณ แบบหยาบๆนะครับ
ถ้าระยะทางที่จะเดินทางคือ 300 km เอาแบบวิ่งลอยตัวนิ่งๆ ได้ความเร็ว 100 km/h แล้วเริ่มวัดกัน
สมมุติว่า
รถ MT วิ่งด้วยอัตราเร็ว 100 km/h ใช้รอบเครื่อง 3000 รอบ/นาที
รถ AT วิ่งด้วยอัตราเร็ว 100 km/h ใช้รอบเครื่อง 2500 รอบ/นาที
นั่นคือ รถทั้งสองคัน จะใช้เวลาในการวิ่งระยะทาง 300 km นี้
= [ระยะทาง]/[อัตราเร็ว] = 300/100 = 3 ชั่วโมง
คิดเป็นนาทีก็จะเท่ากับ 180 นาที
นั่นคือในระยะทาง 300 km ซึ่งใช้เวลาวิ่ง 180 นาทีนั้น
รถ MT เครื่องจะหมุนไปทั้งหมด
= 3000x180 = 540,000 รอบ
รถ AT เครื่องจะหมุนไปทั้งหมด
= 2500x180 = 450,000 รอบ
---------------------------------------------------------------------------
ตรงนี้จะเห็นว่า ระยะทาง 300 km เหมือนกัน
รถ MT เครื่องต้องหมุนมากกว่าตั้งเยอะ จะประหยัดกว่า AT ได้ยังไง ?
---------------------------------------------------------------------------
แต่ถ้าด้วยเงื่อนไขในการวิ่งแบบที่ว่า ถ้าเกิดว่า
รถ MT เกิดจะใช้น้ำมัน เฉลี่ยแล้ว 0.000037037 ลิตร/รอบ
รถ AT เกิดจะใช้น้ำมัน เฉลี่ยแล้ว 0.000055556 ลิตร/รอบ
นั่นคือในระยะทาง 300 km นี้
รถ MT ใช้น้ำมันไปประมาณ 0.000037037x540,000 = 20 ลิตร ---> คำนวณออกมาได้ 300/20 = 15 km/L
รถ AT ใช้น้ำมันไปประมาณ 0.000055556x450,000 = 25 ลิตร ---> คำนวณออกมาได้ 300/25 = 12 km/L
จากตัวอย่างนี้ ก็จะพบว่า รถ AT กินกว่าทั้งๆที่รอบเครื่องมันน้อยกว่า ได้เหมือนกันครับ