
DRS และ IPAS
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ในระบบสปอยเลอร์หลังแบบแอคทีฟนั้น มีระบบปีกหลังปรับระดับ DRS หรือ Drag Reduction System ซ่อนอยู่ ซึ่งมีไว้ช่วยในเรื่องแอโรไดนามิคบนทางตรง (หรือควรใช้ในทางตรงขณะเร่งแซง) โดยเมื่อเรียกใช้งานนั้น ปีกหลังที่ยกตัวขึ้นมาจะสามารถปรับองศาปีกได้ต่างหาก โดยไม่เกี่ยวกับระดับความสูง - ต่ำของขาปีก และช่วยลดแรงเสียดทานของอากาศได้อีก 23% ทั้งนี้ระบบ DRS จะถูกยกเลิกการใช้งานทันที เมื่อผู้ขับยกนิ้วออกจากปุ่มที่ก้านซ้ายของพวงมาลัย หรือแตะเบรค
ทำไมจึงควรใช้ในทางตรง? เพราะหากเรายึดหลักการทำงานจากรถ F1 เมื่อเรียกใช้งาน DRS สิ่งต้องแลกไปกับความเร็วที่เพิ่มขึ้นก็คือ แรง downforce ที่ลดลง ซึ่งส่งผลให้ตัวรถยึดเกาะถนนน้อยลงนั่นเอง
ส่วน KERS หรือที่ แมคลาเรน เรียกว่า IPAS - Instant Power Assist System นั้น จะเป็นปุ่มที่อยู่บนก้านทางด้านขวามือของวงพวงมาลัย และก็อย่างที่เรารู้กัน เมื่อเรียกใช้งานด้วยการกดปุ่ม ระบบจะเรียกกำลังเสริมจากมอเตอร์ไฟฟ้าให้อีก 179 แรงม้า PS ในชั่วระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งเรายังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดว่าจะมาให้ต่อเนื่องกี่วินาที?
737 + 179 = 916
แมคลาเรน พัฒนาร่วมกับ Ricardo plc และวางอยู่ใน MP4-12C แต่ได้รับการปรับปรุงระบบระบายความใหม่ เพื่อให้รองรับการใช้งานหนักๆ อย่างต่อเนื่อง กำลังสูงสุดเฉพาะเครื่องยนต์ 737 แรงม้า PS ที่ 7,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 73.3 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที
มอเตอร์ไฟฟ้าน้ำหนักเบาเป็นเทคโนโลยี in-house ของ แมคลาเรน เองล้วนๆ กำลังสูงสุด 179 แรงม้า PS แรงบิดคงที่ 26.4 กก.-ม. เมื่อรวมกำลังทั้งระบบ P1 จะมีกำลังสูงสุด 916 แรงม้า PS และแรงบิดอันมหาศาล 91.7 กก.-ม. ทั้งนี้ แมคลาเรน ให้ข้อมูลว่า เพื่อความเหมาะสมในการใช้งาน ควรใช้น้ำมันเครื่องสูตรพิเศษที่ แมคลาเรน พัฒนาร่วมกับ Mobil 1 เท่านั้น
ชุดแบตเตอรี่แพคไม่มีรายละเอียดของชนิด แมคลาเรน ให้ข้อมูลว่าแบตเตอรี่ทั้งแพครวมแล้วมีน้ำหนักเพียง 96 กก. วางอยู่ด้านหลังแชสซีส์แบบ MonoCage ซึ่งผลิตด้วยคาร์บอนไฟเบอร์เกรดเดียวกับรถ F1 นอกจากนี้ แมคลาเรน ยังติดตั้งพอร์ทชาร์จซ่อนเอาไว้ในห้องเก็บสัมภาระ (ดังนั้นเราเรียก P1 เป็นรถ PHEV ได้) ซึ่งสามารถชาร์จเต็มภายในเวลา 2 ชม. โดยโหมดไฟฟ้าล้วนวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 10 กม. ขึ้นอยู่กับสภาพการขับขี่ และแน่นอนว่าต้องมีระบบชาร์จไฟกลับขณะเบรค/ยกคันเร่งด้วย
credit:motortrivia.com

ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่มาพัฒนาเป็นเครื่องยนต์ในระบบไฮบริด ให้กำลังสูงสุด 903 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุด 900 นิวตันเมตร ส่งลงเกียร์อัตโนมติ คลัทช์คู่ 7 สปีด ตอบสนองในการขับขี่
ถึงจะยังไม่พร้อมจะเปิดตัว อย่างเป็นทางการอย่างจริงจัง แต่ล่าสุด ค่าย Mclaren ก็เผยสมรรถนะที่แท้จริง Mclren P1 ใหม่ ที่เริ่มต่นด้วยการอัตราเร่งระทึกเร้าใจ 0-100 ก.ม./ช.ม. ใน เวลาที่ต่ำกว่า 3 วินาที และ สามารถเร่งถึง 200 ก.ม./ช.ม. ในเวลา ต่ำกว่า 7 วินาที และ ในเวลาเพียง 17 วินาที คุณก็สามารถเร้าใจในความเร็วสูง 300 ก.ม./ช.ม. แต่เมื่อพูดถึง ความเร็วสูงสุดกลับล็อคเอาไว้ที่ 350 ก.ม./ช.ม. ซึ่งถือว่าน้อยกว่าเจ้าตำนาน Mclaren F1 ที่เคยสร้างชื่อเสียงเอาไว้เมื่อหลายปีที่แล้ว ด้วยตัวเลข 386 ก.ม./ช.ม.
อย่างไรก็ดี แม้จะเป็นรถที่มีสมรรนถะในการขับขี่สูงมาก แต่ดูเหมือนว่า Mclaren จะต้องการให้รถคันนี้เป็นตำนานอีกครั้ง ด้วยการผลิตในจำนวนจำกัด เพียง 375 คัน โดยล่าสุดมีการเปิดเผยราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ McLaren P1 ซึ่งจะเริ่มวางจำหน่ายเร็วๆนี้ ในอังกฤษ ในราคา 866,000 ปอนด์สเตอร์ริง หรือคิดเป็นเงินไทยที่ 47 ล้านบาท (ยังไม่รวมภาษีต่างสำหรับการนำเข้าและจดทะเบียน )
credit:http://auto.sanook.com/5173/mclaren-p1-%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%AE%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A5%E0%B8%B3%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88/