ผู้เขียน หัวข้อ: มีคำถาม 2-3 ข้อ เรื่องเคลือบแก้วครับ....  (อ่าน 36396 ครั้ง)

ออฟไลน์ MoJo-JoJo

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 206
ถามเลยแล้วกัน...

1.รถใหม่ กับ รถที่ขับไปแล้วเลย2-3ปี จับมาเคลือบแก้ว ได้ผลต่างกันมั้ยครับ? เยอะมั้ยครับ?
(คือในความคิดผม รถใหม่เคลืบเลยก็รักษาหน้าสีหน้าๆสวยๆไว้แต่แรกเลย
แต่หากไปเคลือบหลัง 2-3ปี เหมือนเราคืนชีวิตให้สีรถ เหมือนทำสีใหม่ + สร้างเกาะป้องกันให้มันไปด้วยเลย
เหมือนได้รถใหม่นานขึ้น 3 ปี)

2. การล้างรถที่เคลือบแก้ว กับ ไม่เคลือบแก้ว มีความเหมือนหรือต่างกันอย่างไรครับ?
(เคลือบแก้วต้องใช้น้ำยาพิเศษมั้ย เพราะไม่งั้นจะลอกเคลือบแก้วออกหรือเปล่า?
หรือล้างง่ายกว่า เพราะเคลือบมาแล้ว ล้างง่าย เงาวับตลอดเวลา)

3.มีหลายคนบอก wax ฉ่ำและเงาและสวยกว่าเคลือบแก้ว จริงหรือไม่?
แล้วในเรื่องของความยาวนานของความเงาในแต่ละครั้งที่ล้างหล่ะ?
(คือผมเคยลงแวกซ์มันก็เงานะ แต่ก็เงาแป๊ปเดียว แต่เคยเห็นรถเพื่อนที่เคลือบมา
เงาทุกครั้งที่พบเจอเลยก็ว่าได้ ทั้งๆที่พอเดินเข้าไปใกล้ๆรถ กลับเห็นผุ่นเกาะจำนวนมาก (รถสีขาวด้วยนะเออ))

ขอความรู้ด้วยนะครับ....ตัดสินใจว่าจะเสียเงินทีเดียว หรือ ไปอาบน้ำให้มันบ่อยๆดี อยู่ครับ ... ^^

ปล. หวังว่าคำถามคงไม่ซ้ำใครนะครับ และหวังว่าจะมีประโยชน์กับชาว HLM ครับ

ออฟไลน์ JIRATH

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,782
    • อีเมล์
Re: มีคำถาม 2-3 ข้อ เรื่องเคลือบแก้วครับ....
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มกราคม 31, 2013, 03:45:28 »
1. รถสองสามปีอาจจะมีรอยเยอะกว่าแล้วต้องเตรียมผิวมากกว่ารถใหม่ ผลงานออกมาผมคิดว่าไม่แตกต่างกันเยอะครับ
เพราะว่าแค่ขัด รถก็ดูใหม่แล้ว

2. อันนี้ผมว่าแล้วแต่ตัวเคลือบแก้วนั้นๆครับ เคยใช้ของ C-Quartz ก็ใช้น้ำยาล้างรถธรรมดา ล้างเสร็จผิวรถลื่น + เงา อันนี้ชอบครับ

3. เทียบกันแล้วผมว่าเคลือบแก้วผมมันออกแนวใสๆ แต่ผมใส่แวกซ์ลงไปทับ ผลงานออกมาสวยครับ

** ทั้งนี้ทั้งนั้น ของผมลงเองอยู่ได้ประมาณ 1 ปีแล้วมันก็ค่อยๆหายไป ผมเลยมานั่งลงแวกซ์ธรรมดาเหมือนเดิมดีกว่า  :D :D

ปล. รูปรถผมสีดำเคลือบแก้วครับ
2008 Mazda CX-9 (SOLD)
2008 BMW X5 3.0si E70 (SOLD)
2010 Volkswagen CC R-Line (SOLD)
2014 Subaru BRZ Limited (SOLD)
2016 Subaru STi (SOLD)
2016 Honda Accord Sport
2016 BMW 328d F31 Xdrive
2015 Lexus CT200h F-Sport
2006 BMW 330i E90 6M/T

ออฟไลน์ SignifeR

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,953
  • Impreza Type GDG WRX
    • ร้านหนังสือผ้าสำหรับเด็ก IGGY BOOK
    • อีเมล์
Re: มีคำถาม 2-3 ข้อ เรื่องเคลือบแก้วครับ....
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มกราคม 31, 2013, 07:20:58 »
เมื่อวานผมได้คุยกับ"เจ้าพ่อ" ในวงการครับ

ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจก่อนว่าทำไมญี่ปุ่นถึงมีนวัตกรรมเคลือบแก้ว

เหตุผลคือ ที่ญี่ปุ่นเองไม่ได้มีร้านคาร์แคร์มาบรรจงล้างรถแบบบ้านเราครับ
การเคลือบแก้ว จะทำให้ผิวชั้นนอกสุดของรถคือบนชั้นเคลียร์โค้ต แข็งแรงขึ้นมากกกก
ช่วยให้การดูแลรักษารถทำได้ง่าย คือฉีดน้ำล้างๆๆๆๆๆ แล้วเช็ดก็สะอาด หรือป้องกันเรื่องมลพิษ หรือพวกขี้ตกต่างๆไม่ให้เกาะ
และปกป้องชั้นเคลียร์โค้ต นั่นคือ วัตถุประสงค์ของเคลือบแก้ว

เคลือบแก้วที่ดีไม่ได้ดูที่เลเยอร์ว่าต้องหนากี่ไมครอน (อันนี้คนไทยชอบเอามาโฆษณาหนาแบบนู่นแบบนี่)
จริงๆแล้วเคลือบแก้วต้องบางและแข็งมากๆ ถึงจะเป็นเคลือบแก้วที่ดี เพื่อนผมว่ามางั้น
เพราะยิ่งหนาก็ยิ่งเหมือนรถมีกระจกหนาๆมาครอบไว้มันจะทำให้รถเห็นสีที่สวยงามของรถได้อย่างไร ?
และเคลือบแก้วที่หนามากๆ ถ้ามีอะไรมากระแทก กรณีเกิดการแคลก จะแก้ไขอย่างไร?
ถ้าทำรถเก่ามาไม่ดี แล้วเคลือบแก้วที่ทำมาไม่ดีพอ เกิดรอยแคลก แตกเป็นทางยาว จะแก้ไขอย่างไร ?

อันนี้คือคำถามที่ ร้านทำเคลือบแก้ว เขาฝากไว้ เพราะเขาเองก็บอกว่า ถ้าคุณมีเวลา ว่างมากพอ การเคลือบสีจะทำให้รถเงากว่าเคลือบแก้วครับ
เพราะคนที่เคลือบแก้ว จะพบว่าส่วนมากไม่มีเวลาดูแลรถ ทำงานเยอะ เลยเคลือบแก้วเพื่อปกป้องสีรถ จากสิ่งที่บอกข้างบนอ่ะ
จริงๆแล้วแทบไม่ได้เกี่ยวกับความเงางามของรถเลยด้วยซ้ำไป

แต่ทำไมร้านชอบเชียร์ ???

เพราะมันทำให้ร้านเขาได้สองเด้ง....คือ
1. เวลารถลูกค้ามาร้านมาล้างปกติ เสียเงินเท่ากัน ร้านทำงานง่ายเพราะฉีดๆๆๆ น้ำก็แทบสะอาดแล้ว
2. ขายน้ำยาเคลือบสีได้อีกต่อ....เพราะถ้าลูกค้าอยากเงาๆ สวยๆ ฉ่ำๆ ก็ต้องเคลือบสีทับไปบนเคลือบแก้วอยู่ดี (และเคลือบง่ายกว่ารถธรรมดาที่ไม่ได้เคลือบแก้วด้วย...)

นี่คือเหตุผล ส่วนการขายเคลือบแก้ว เพื่อนผมบอกว่า แม่ง..อารมณ์ล้วนๆ ครับ

ดังนั้นท่านที่จะเคลือบแก้วแล้วคิดว่ารถจะเงาเว่อร์ๆ ฉ่ำเยิ้มกันตลอดเวลา คิดใหม่นะครับ เทคโนโลยีนี้ไม่ได้ช่วยเรื่องนี้เลยครับ
เพราะที่เราเห็นว่ามันเงาเยิ้ม สวยสดใส ส่วนมากคือ ความใส่ใจในขั้นตอนเตรียมผิวครับ......

และไอ้ขั้นตอนเตรียมผิว รถบ้านๆ ที่ไม่ได้เคลือบแก้วจะทำให้ได้ระดับนั้น ย่อมทำได้อยู่แล้วครับ....เข้าคอร์ส WET LOOK ไม่เกิน 3,000
ก็ได้เงาระดับนั้นแล้ว แค่เราไม่ได้ความแข็งแกร่งจากชั้นฟิล์มของเคลือบแก้วแค่นั้นแหละ

และ....เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ชั้นฟิล์มของเคลือบแก้วที่ไหนดีไม่ดี ???

เพื่อนผมบอกว่า ก็ต้องดูระยะยาวครับ 1 ปีขึ้น 2 ปีขึ้น ว่ารถยังเหมือนวันแรกที่เราทำเคลือบแก้วหรือไม่....
ผมเลยสรุปได้ว่า ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์เคลือบแก้วครับ...
In Garage Subaru Impreza GDG WRX  y2008 // Nissan March 1.2E y2011

ออฟไลน์ pongisra

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,459
Re: มีคำถาม 2-3 ข้อ เรื่องเคลือบแก้วครับ....
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มกราคม 31, 2013, 08:19:26 »
เมื่อวานผมได้คุยกับ"เจ้าพ่อ" ในวงการครับ

ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจก่อนว่าทำไมญี่ปุ่นถึงมีนวัตกรรมเคลือบแก้ว

เหตุผลคือ ที่ญี่ปุ่นเองไม่ได้มีร้านคาร์แคร์มาบรรจงล้างรถแบบบ้านเราครับ
การเคลือบแก้ว จะทำให้ผิวชั้นนอกสุดของรถคือบนชั้นเคลียร์โค้ต แข็งแรงขึ้นมากกกก
ช่วยให้การดูแลรักษารถทำได้ง่าย คือฉีดน้ำล้างๆๆๆๆๆ แล้วเช็ดก็สะอาด หรือป้องกันเรื่องมลพิษ หรือพวกขี้ตกต่างๆไม่ให้เกาะ
และปกป้องชั้นเคลียร์โค้ต นั่นคือ วัตถุประสงค์ของเคลือบแก้ว

เคลือบแก้วที่ดีไม่ได้ดูที่เลเยอร์ว่าต้องหนากี่ไมครอน (อันนี้คนไทยชอบเอามาโฆษณาหนาแบบนู่นแบบนี่)
จริงๆแล้วเคลือบแก้วต้องบางและแข็งมากๆ ถึงจะเป็นเคลือบแก้วที่ดี เพื่อนผมว่ามางั้น
เพราะยิ่งหนาก็ยิ่งเหมือนรถมีกระจกหนาๆมาครอบไว้มันจะทำให้รถเห็นสีที่สวยงามของรถได้อย่างไร ?
และเคลือบแก้วที่หนามากๆ ถ้ามีอะไรมากระแทก กรณีเกิดการแคลก จะแก้ไขอย่างไร?
ถ้าทำรถเก่ามาไม่ดี แล้วเคลือบแก้วที่ทำมาไม่ดีพอ เกิดรอยแคลก แตกเป็นทางยาว จะแก้ไขอย่างไร ?

อันนี้คือคำถามที่ ร้านทำเคลือบแก้ว เขาฝากไว้ เพราะเขาเองก็บอกว่า ถ้าคุณมีเวลา ว่างมากพอ การเคลือบสีจะทำให้รถเงากว่าเคลือบแก้วครับ
เพราะคนที่เคลือบแก้ว จะพบว่าส่วนมากไม่มีเวลาดูแลรถ ทำงานเยอะ เลยเคลือบแก้วเพื่อปกป้องสีรถ จากสิ่งที่บอกข้างบนอ่ะ
จริงๆแล้วแทบไม่ได้เกี่ยวกับความเงางามของรถเลยด้วยซ้ำไป

แต่ทำไมร้านชอบเชียร์ ???

เพราะมันทำให้ร้านเขาได้สองเด้ง....คือ
1. เวลารถลูกค้ามาร้านมาล้างปกติ เสียเงินเท่ากัน ร้านทำงานง่ายเพราะฉีดๆๆๆ น้ำก็แทบสะอาดแล้ว
2. ขายน้ำยาเคลือบสีได้อีกต่อ....เพราะถ้าลูกค้าอยากเงาๆ สวยๆ ฉ่ำๆ ก็ต้องเคลือบสีทับไปบนเคลือบแก้วอยู่ดี (และเคลือบง่ายกว่ารถธรรมดาที่ไม่ได้เคลือบแก้วด้วย...)

นี่คือเหตุผล ส่วนการขายเคลือบแก้ว เพื่อนผมบอกว่า แม่ง..อารมณ์ล้วนๆ ครับ

ดังนั้นท่านที่จะเคลือบแก้วแล้วคิดว่ารถจะเงาเว่อร์ๆ ฉ่ำเยิ้มกันตลอดเวลา คิดใหม่นะครับ เทคโนโลยีนี้ไม่ได้ช่วยเรื่องนี้เลยครับ
เพราะที่เราเห็นว่ามันเงาเยิ้ม สวยสดใส ส่วนมากคือ ความใส่ใจในขั้นตอนเตรียมผิวครับ......

และไอ้ขั้นตอนเตรียมผิว รถบ้านๆ ที่ไม่ได้เคลือบแก้วจะทำให้ได้ระดับนั้น ย่อมทำได้อยู่แล้วครับ....เข้าคอร์ส WET LOOK ไม่เกิน 3,000
ก็ได้เงาระดับนั้นแล้ว แค่เราไม่ได้ความแข็งแกร่งจากชั้นฟิล์มของเคลือบแก้วแค่นั้นแหละ

และ....เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ชั้นฟิล์มของเคลือบแก้วที่ไหนดีไม่ดี ???

เพื่อนผมบอกว่า ก็ต้องดูระยะยาวครับ 1 ปีขึ้น 2 ปีขึ้น ว่ารถยังเหมือนวันแรกที่เราทำเคลือบแก้วหรือไม่....
ผมเลยสรุปได้ว่า ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์เคลือบแก้วครับ...


ชัดเจนมาก ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันครับ

ออฟไลน์ MoO Cnoe

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,487
    • อีเมล์
Re: มีคำถาม 2-3 ข้อ เรื่องเคลือบแก้วครับ....
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มกราคม 31, 2013, 09:10:21 »
ส่วนตัวผมว่า เวลาล้าง ให้เคลือบสีด้วยทุกครั้ง
น่าจะโอเคกว่าเคลือบแก้วนะครับ

ยกเว้นว่ารถสีดำ อันนี้เคลือบแก้วน่าจะโอเคกว่า
เพราะเห็นรอยขนแมวง่ายมาก เคลือบแก้วน่าจะช่วยได้ดี

ทีนี้ผมงบไม่ถึงขนาดนั้น เลยขอ ล้าง+เคลือบสี ทุกครั้งดีกว่าครับ
(รถผมสีดำ)

ออฟไลน์ ocgolf

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 48
Re: มีคำถาม 2-3 ข้อ เรื่องเคลือบแก้วครับ....
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มกราคม 31, 2013, 10:42:09 »
เมื่อวานผมได้คุยกับ"เจ้าพ่อ" ในวงการครับ

ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจก่อนว่าทำไมญี่ปุ่นถึงมีนวัตกรรมเคลือบแก้ว

เหตุผลคือ ที่ญี่ปุ่นเองไม่ได้มีร้านคาร์แคร์มาบรรจงล้างรถแบบบ้านเราครับ
การเคลือบแก้ว จะทำให้ผิวชั้นนอกสุดของรถคือบนชั้นเคลียร์โค้ต แข็งแรงขึ้นมากกกก
ช่วยให้การดูแลรักษารถทำได้ง่าย คือฉีดน้ำล้างๆๆๆๆๆ แล้วเช็ดก็สะอาด หรือป้องกันเรื่องมลพิษ หรือพวกขี้ตกต่างๆไม่ให้เกาะ
และปกป้องชั้นเคลียร์โค้ต นั่นคือ วัตถุประสงค์ของเคลือบแก้ว

เคลือบแก้วที่ดีไม่ได้ดูที่เลเยอร์ว่าต้องหนากี่ไมครอน (อันนี้คนไทยชอบเอามาโฆษณาหนาแบบนู่นแบบนี่)
จริงๆแล้วเคลือบแก้วต้องบางและแข็งมากๆ ถึงจะเป็นเคลือบแก้วที่ดี เพื่อนผมว่ามางั้น

เพราะยิ่งหนาก็ยิ่งเหมือนรถมีกระจกหนาๆมาครอบไว้มันจะทำให้รถเห็นสีที่สวยงามของรถได้อย่างไร ?
และเคลือบแก้วที่หนามากๆ ถ้ามีอะไรมากระแทก กรณีเกิดการแคลก จะแก้ไขอย่างไร?
ถ้าทำรถเก่ามาไม่ดี แล้วเคลือบแก้วที่ทำมาไม่ดีพอ เกิดรอยแคลก แตกเป็นทางยาว จะแก้ไขอย่างไร ?

อันนี้คือคำถามที่ ร้านทำเคลือบแก้ว เขาฝากไว้ เพราะเขาเองก็บอกว่า ถ้าคุณมีเวลา ว่างมากพอ การเคลือบสีจะทำให้รถเงากว่าเคลือบแก้วครับ
เพราะคนที่เคลือบแก้ว จะพบว่าส่วนมากไม่มีเวลาดูแลรถ ทำงานเยอะ เลยเคลือบแก้วเพื่อปกป้องสีรถ จากสิ่งที่บอกข้างบนอ่ะ
จริงๆแล้วแทบไม่ได้เกี่ยวกับความเงางามของรถเลยด้วยซ้ำไป

แต่ทำไมร้านชอบเชียร์ ???

เพราะมันทำให้ร้านเขาได้สองเด้ง....คือ
1. เวลารถลูกค้ามาร้านมาล้างปกติ เสียเงินเท่ากัน ร้านทำงานง่ายเพราะฉีดๆๆๆ น้ำก็แทบสะอาดแล้ว
2. ขายน้ำยาเคลือบสีได้อีกต่อ....เพราะถ้าลูกค้าอยากเงาๆ สวยๆ ฉ่ำๆ ก็ต้องเคลือบสีทับไปบนเคลือบแก้วอยู่ดี (และเคลือบง่ายกว่ารถธรรมดาที่ไม่ได้เคลือบแก้วด้วย...)

นี่คือเหตุผล ส่วนการขายเคลือบแก้ว เพื่อนผมบอกว่า แม่ง..อารมณ์ล้วนๆ ครับ

ดังนั้นท่านที่จะเคลือบแก้วแล้วคิดว่ารถจะเงาเว่อร์ๆ ฉ่ำเยิ้มกันตลอดเวลา คิดใหม่นะครับ เทคโนโลยีนี้ไม่ได้ช่วยเรื่องนี้เลยครับ
เพราะที่เราเห็นว่ามันเงาเยิ้ม สวยสดใส ส่วนมากคือ ความใส่ใจในขั้นตอนเตรียมผิวครับ......

และไอ้ขั้นตอนเตรียมผิว รถบ้านๆ ที่ไม่ได้เคลือบแก้วจะทำให้ได้ระดับนั้น ย่อมทำได้อยู่แล้วครับ....เข้าคอร์ส WET LOOK ไม่เกิน 3,000
ก็ได้เงาระดับนั้นแล้ว แค่เราไม่ได้ความแข็งแกร่งจากชั้นฟิล์มของเคลือบแก้วแค่นั้นแหละ

และ....เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ชั้นฟิล์มของเคลือบแก้วที่ไหนดีไม่ดี ???

เพื่อนผมบอกว่า ก็ต้องดูระยะยาวครับ 1 ปีขึ้น 2 ปีขึ้น ว่ารถยังเหมือนวันแรกที่เราทำเคลือบแก้วหรือไม่....
ผมเลยสรุปได้ว่า ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์เคลือบแก้วครับ...


ถูกต้องทุกประเด็นครับ
เสริมให้อีกนิดนึง เคลือบแก้วเป็นการปรับให้พื้นผิวเรียบเช่นเดียวกับคุณสมบัติของกระจก เมื่อผิวเรียบสสารต่างๆที่มากระทบจะกลิ้งออก
ดังนั้นเวลาเช็คเคลือบแก้วเค้าจึงใช้น้ำฉีดดูว่าน้ำวิ่งดีหรือไม่  ถ้าน้ำวิ่งไม่เกาะเป็นคราบถือว่าโอเค

ส่วนที่เคลือบแก้วราคาแพงมากๆก็เนื่องมาจากวิธีการทำที่ยุ่งยาก ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมผิวไปจนถึงการลงน้ำยา
และที่สำคัญการรับประกันที่ยาว 1-3 ปี ก็ว่ากันไปแล้วแต่ยี่ห้อ แล้วแต่ราคา

ออฟไลน์ สมาชิกคนที่2455

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,775
Re: มีคำถาม 2-3 ข้อ เรื่องเคลือบแก้วครับ....
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: มกราคม 31, 2013, 12:48:43 »
ปล. รูปรถผมสีดำเคลือบแก้วครับ

 :o glass coat ตามชื่อเรียกจริงๆ ใสเป็นกระจกเลย

ออฟไลน์ settavut

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 280
  • First
    • อีเมล์
Re: มีคำถาม 2-3 ข้อ เรื่องเคลือบแก้วครับ....
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: มกราคม 31, 2013, 15:16:38 »
รถท่าน JIRATH ใสมาก

สุดยอด  :o
Altis CNG MC 2010
CHR HV HI 2018

ออฟไลน์ cdchn

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 76
Re: มีคำถาม 2-3 ข้อ เรื่องเคลือบแก้วครับ....
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: มกราคม 31, 2013, 18:02:00 »
ดูในรูปตอนแรก ไม่รู้ว่า เป็นรูป สะท้อนจากสี เงาจริงๆ  :o

ออฟไลน์ Zahnarzt

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 280
Re: มีคำถาม 2-3 ข้อ เรื่องเคลือบแก้วครับ....
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: มกราคม 31, 2013, 23:55:54 »
1. รถสองสามปีอาจจะมีรอยเยอะกว่าแล้วต้องเตรียมผิวมากกว่ารถใหม่ ผลงานออกมาผมคิดว่าไม่แตกต่างกันเยอะครับ
เพราะว่าแค่ขัด รถก็ดูใหม่แล้ว

2. อันนี้ผมว่าแล้วแต่ตัวเคลือบแก้วนั้นๆครับ เคยใช้ของ C-Quartz ก็ใช้น้ำยาล้างรถธรรมดา ล้างเสร็จผิวรถลื่น + เงา อันนี้ชอบครับ

3. เทียบกันแล้วผมว่าเคลือบแก้วผมมันออกแนวใสๆ แต่ผมใส่แวกซ์ลงไปทับ ผลงานออกมาสวยครับ

** ทั้งนี้ทั้งนั้น ของผมลงเองอยู่ได้ประมาณ 1 ปีแล้วมันก็ค่อยๆหายไป ผมเลยมานั่งลงแวกซ์ธรรมดาเหมือนเดิมดีกว่า  :D :D

ปล. รูปรถผมสีดำเคลือบแก้วครับ

เกือบมองไม่ออกครับว่า มันคือการถ่ายภาพสะท้อนจากรถ เงาจริงจังเลย

ออฟไลน์ MoJo-JoJo

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 206
Re: มีคำถาม 2-3 ข้อ เรื่องเคลือบแก้วครับ....
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2013, 09:02:34 »
ขอบคุณทุกท่านมากครับ

รถคุณ JIRATH ผมให้คนอื่นดู งง หมดเลย

บอกผม " เงาไงหว่ะ .... ดูมัวๆ "
ผมบอก .... " รถที่เคลือบคันสีดำนะ ดูกระจกข้าง กับ ล้อที่อยู่มุมภาพดิ แล้วไล่มาจะเห็นรถ"
เพื่อนผมนิ่งและบอกว่า " เคลือบแก้วนี่ราคาเท่าไหร่หว่ะ?"

55555555555555555555555555555555555555+

ออฟไลน์ JIRATH

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,782
    • อีเมล์
Re: มีคำถาม 2-3 ข้อ เรื่องเคลือบแก้วครับ....
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2013, 14:36:02 »
ตอนแรกผมเห็นมุมที่ผมถ่ายผมก็ตกใจเหมือนกันครับ เพราะว่าไม่เคยเห็นรถตัวเองเงาแบบนี้มาก่อน

ก็เลยกดชัตเตอร์มาให้ชมกัน แต่ตอนนี้ขายคันนี้ไปแล้วครับ ???

ขอบคุณทุกท่านมากครับ

รถคุณ JIRATH ผมให้คนอื่นดู งง หมดเลย

บอกผม " เงาไงหว่ะ .... ดูมัวๆ "
ผมบอก .... " รถที่เคลือบคันสีดำนะ ดูกระจกข้าง กับ ล้อที่อยู่มุมภาพดิ แล้วไล่มาจะเห็นรถ"
เพื่อนผมนิ่งและบอกว่า " เคลือบแก้วนี่ราคาเท่าไหร่หว่ะ?"

55555555555555555555555555555555555555+


 :D :D :D แปลกเหมือนกันครับ เมื่อปีก่อนหลังจากทำเคลือบแก้วเสร็จด้วยตัวเอง มีคนทักสองสามคนว่าไปทำอะไรกับรถมา ทำไมเงาดีจัง ก่อนหน้านั้นก็ล้างลงแวกซ์ธรรมดา แต่ไม่เคยถาม
2008 Mazda CX-9 (SOLD)
2008 BMW X5 3.0si E70 (SOLD)
2010 Volkswagen CC R-Line (SOLD)
2014 Subaru BRZ Limited (SOLD)
2016 Subaru STi (SOLD)
2016 Honda Accord Sport
2016 BMW 328d F31 Xdrive
2015 Lexus CT200h F-Sport
2006 BMW 330i E90 6M/T

ออฟไลน์ MoJo-JoJo

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 206
Re: มีคำถาม 2-3 ข้อ เรื่องเคลือบแก้วครับ....
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2013, 14:49:20 »
ตอนแรกผมเห็นมุมที่ผมถ่ายผมก็ตกใจเหมือนกันครับ เพราะว่าไม่เคยเห็นรถตัวเองเงาแบบนี้มาก่อน

ก็เลยกดชัตเตอร์มาให้ชมกัน แต่ตอนนี้ขายคันนี้ไปแล้วครับ ???

ขอบคุณทุกท่านมากครับ

รถคุณ JIRATH ผมให้คนอื่นดู งง หมดเลย

บอกผม " เงาไงหว่ะ .... ดูมัวๆ "
ผมบอก .... " รถที่เคลือบคันสีดำนะ ดูกระจกข้าง กับ ล้อที่อยู่มุมภาพดิ แล้วไล่มาจะเห็นรถ"
เพื่อนผมนิ่งและบอกว่า " เคลือบแก้วนี่ราคาเท่าไหร่หว่ะ?"

55555555555555555555555555555555555555+


 :D :D :D แปลกเหมือนกันครับ เมื่อปีก่อนหลังจากทำเคลือบแก้วเสร็จด้วยตัวเอง มีคนทักสองสามคนว่าไปทำอะไรกับรถมา ทำไมเงาดีจัง ก่อนหน้านั้นก็ล้างลงแวกซ์ธรรมดา แต่ไม่เคยถาม

เคลือบเองนี่มันยากมั้ยครับ กลัวพลาดจัง กลัวเรื่องไม่มีห้องปิด คุมฝุ่นไม่ได้
แล้วเห็นสถามเคลือบแก้วส่วนใหญ่ใช้อบสีกัน ก็เลยสงสัยครับ
ว่าทำเองได้ ราคา 2-3 พันอย่างที่คุณ JIRATH ว่านั้น ถ้าได้ผล ต่างกันไม่ถึง 20% กับ ราคา 3-5 หมื่น

สงสัยต้องมาเริ่ม DIY กันหน่อยแล้ว!!!!!! 55555555555555555555555+

ออฟไลน์ JIRATH

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,782
    • อีเมล์
Re: มีคำถาม 2-3 ข้อ เรื่องเคลือบแก้วครับ....
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2013, 01:29:28 »
หลักๆคือเรื่องการเตรียมผิวครับ เตรียมผิวดีเท่าไหร่ผลงานออกมาสวยเท่านั้น

แล้วก็เคลือบไม่ยากครับ แต่ผมไม่แน่ใจว่าถ้าเมืองไทยอากาศร้อนกว่าที่นี่จะเช็ดยากกว่ารึเปล่า



แต่ที่สำคัญ อยู่ได้แค่ปีเดียวครับ  ??? ลองคิดดูว่าจะคุ้มจขกทรึเปล่า  ;)
2008 Mazda CX-9 (SOLD)
2008 BMW X5 3.0si E70 (SOLD)
2010 Volkswagen CC R-Line (SOLD)
2014 Subaru BRZ Limited (SOLD)
2016 Subaru STi (SOLD)
2016 Honda Accord Sport
2016 BMW 328d F31 Xdrive
2015 Lexus CT200h F-Sport
2006 BMW 330i E90 6M/T

ออฟไลน์ tukkietui

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 36
Re: มีคำถาม 2-3 ข้อ เรื่องเคลือบแก้วครับ....
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2013, 07:48:00 »

ผมให้ร้านล้างตลอด...........เรืองข้อดีของเคลือบแก้วคือล้างง่ายคงไม่ใช่ตัวแปรที่จะคิด เพราะไม่ได้ล้างเอง

รถผมสีดำ รถใหม่.......เป็นรอยแมวง่าย

มีงบห้าปีต่อการบำรุงสีรถ 30,000 บาท

ผมควรจะเลือกใช้วิธีไหนครับ เคลือบแก้ว หรือ ลงแว๊กส์ หรือ อื่นๆครับ

ออฟไลน์ pongisra

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,459
Re: มีคำถาม 2-3 ข้อ เรื่องเคลือบแก้วครับ....
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2013, 09:40:34 »

ผมให้ร้านล้างตลอด...........เรืองข้อดีของเคลือบแก้วคือล้างง่ายคงไม่ใช่ตัวแปรที่จะคิด เพราะไม่ได้ล้างเอง

รถผมสีดำ รถใหม่.......เป็นรอยแมวง่าย

มีงบห้าปีต่อการบำรุงสีรถ 30,000 บาท

ผมควรจะเลือกใช้วิธีไหนครับ เคลือบแก้ว หรือ ลงแว๊กส์ หรือ อื่นๆครับ


เคลือบแก้วเหมาะกับคนไม่มีเวลาดูแลมากกว่าครับ

ถ้าให้ร้านล้าง และเราไม่เดือดร้อนกับการรอนานๆที่จะลงแว็ก เคลือบสี ผมว่าไม่ต้องเคลือบแก้วครับ

ปีละ 30000นี่ตกเดือนละ 2500 ดูและรถได้ดีระดับนึงเลยครับ แต่อาจจะต้องเสียเวลาหน่อย

ออฟไลน์ MoJo-JoJo

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 206
Re: มีคำถาม 2-3 ข้อ เรื่องเคลือบแก้วครับ....
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2013, 10:13:37 »
คือผมไม่ได้มองเรื่อว่าล้างคาร์แคร์ กับ เคลือบแก้วอันไหนคุ้มกว่าเลยอ่ะครับ
แต่กลับมองที่สิ่งที่ดีที่สุดให้รถ

คือการเคลือบเนี่ยะ ถ้ามันจะอยู่นานกว่าแว็กซ์ ปกป้องนานกว่า
ผมก็พร้อมที่จะเสีย

ในความคิดของผมที่บอกว่าอยากเคลือบ ไม่ได้ตามเทรนด์นะครับ
แต่ถ้าเทคโนโลยีมันพาเราไปเจอสิ่งที่ดีกว่า ผมก็พร้อมที่จะเปิดรับ

มุมมองของผม...
การเคลือบแก้วเหมือนเราใส่เคสมือถือให้กับรถ ให้ความเงา ให้การป้องกันแสงแดด ยูวี ฝุ่นละอองอะไรก็แล้วแต่
ถ้าการลงแว็กซ์ เดือนละครั้ง มันมีอายุ 1 เดือนจริงๆ ผมก็อาจจะสนใจแว็กซ์มากกว่า

คือเท่าที่รู้เนี่ยะ แว๊กซ์เนี่ยะ เคลือบแล้ว เจอฝนถี่ๆ ก็หลุด แต่เคลือบแก้วไม่ (ไม่รู้เข้าใจถูกเปล่า)

ผมมองไปที่ "สิ่งที่ดีที่สุด" ครับ

ยังไงก็ขอคำแนะนำเพื่อนๆ พี่ๆ ชาว HLM ด้วยละกันนะครับ

ปล. แต่ติดฟิล์มใสป้องกันรถ อันนั้นผมรู็สึกไม่ชอบแหะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เหอๆ