ผมมีกระบะบรรทุก 2 คันเป็นกระบะตอนเดียวทั้งคู่ครับ ฟังของผมแล้วไปพิจารณาก็แล้วกันครับ
1. Isuzu DMax Platinum 2.5 บรรทุกปกติ 1.5-2.5ตัน บรรทุก 3-4ตัน ประมาณ 7-14 ครั้งต่อเดือน
เป็นกระบะพื้นเรียบต่อตู้สูง(คล้ายรถไปรษณีย์แต่สูงกว่า) ใช้บรรทุกน้ำมันหล่อลื่น และอะไหล่รถยนต์ Maximumของการบรรทุก น้ำมันขนาด 18ลิตร บรรจุได้ 224ถังต่อคัน ประมาณ 4032กิโลกรัม
ใช้เพลาเดิม กระทะผ่า(เหล็กหล่อ) ยาง205R14 มิชลินXCD หรือไม่ก็บริชสโตน LEO (ตอนนี้ใช้ 215R14 แต่ไม่เวิร์ค เพราะเกินซุ้มล้อ บรรทุกหนักแล้วขูดกับยาง)
เปลี่ยนช้อคอัพเป็น ช้อคอัพแก๊สของมอนโร(รุ่นบรรทุกหนักพิเศษ) ใช้มา3ปี ไม่มีปัญหา (เคยใช้ช้อคอัพน้ำมัน 1.5ปีรั่ว และขับขึ้นเขาลงเขาไม่มั่นใจเพราะมันโคลง) เสริมแหนบโค้งประมาณ 7ตัว แหนบไม้คานอีก 3 ตัว วิ่งทำเวลาจะได้เกิน 120 เวลาบรรทุกหนัก แต่เสียว
โตงเตงแหนบเปลี่ยนเป็นเ7นิ้ว เพราะเวลาบรรทุกหนัก หน้าจะได้ไม่ลอยมากและไฟหน้า จะไม่ส่องรถที่สวนมา
กินน้ำมันประมาณ 3.5-4บาทต่อกิโลเมตร ค่าน้ำมันประมาณ 30.8 บาทต่อลิตร วิ่งเดือนละ 2-3000กิโล
2. Mitsubishi Triton 2.4 LPG หลังคาสูง(รถส่งของที่หลังคาจะยื่นไปที่หัวรถ) มีซุ้มล้อ ถังอยู่ที่ยางอะไหล่ ส่วนยางอะไหล่ ไว้ในส่วนหลังคาที่ยื่นออกมา ใช้เพลาเดิม ช้อคอัพแก๊สมอนโร เสริมแหนบเหมือนdmax ล้อกระทะผ่า ยาง 215R14 ไม่ติดซุ้มล้อ เพราะบรรทุกได้แค่ 2.5-3ตัน (พื้นไม่เรียบ การวางของจึงมีข้อจำกัด) โตงเตง7นิ้ว
บรรทุกปกติ 1.5-2ตัน บรรทุกหนักสุด3.2ตัน แต่ไม่บ่อย
กินLPG+น้ำมัน ได้ประมาณ 2.7-3.0บาทต่อกิโลเมตร ค่าแก๊ส 14.9บาท/ลิตร น้ำมันใช้ 91 ประมาณ 40บาทต่อลิตร (เติมน้ำมัน 2เดือนครั้ง) วิ่งเดือนละ 2-3000กิโล
ถ้าถามส่วนตัว ผมแนะนำ เครื่องดีเซลครับ เพราะประหยัดกว่ากันแค่กิโลละไม่ถึง 1 บาท แต่ ดีเซลบรรทุกของหนักกว่า และdmax เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ซ่อมแอร์ (ตอนที่ออก แอร์จากโรงงานยังไม่มี จึงเป็นแอร์ที่ศูนย์ติดให้) เปลี่ยนวิทยุ เพราะเป็นวิทยุจากจีนแดง ใช้ 2ปีปุ่มก็หลุดรุ่ยแล้วอ่ะ และก็เปลี่ยนลูกปืนล้อไป 1ชุด เพราะไปเปลี่ยนผ้าเบรคที่ค็อกพิท แล้วเขาอัดล้อแน่นไป ทำให้ลูกปืนแตกเวลาบรรทุกหนักๆ
ใช้DMAX มา 3ปีแล้วไม่มีปัญหาอย่างอื่นอีกแล้วครับ(ซื้อปี 52 ผ่อน4ปี หมดเดือนธันวา56แล้วครับ)
ส่วนTriton LPGจากศูนย์ คอมแอร์เจ๊ง (เพราะรถไปชนมาและมาเคลมประกันกับศูนย์ มันไม่เปลี่ยนให้ ใช้ไปก็เลยเจ๊ง แต่เขาก็ยังให้ในรับประกันอยู่ครับ ฟรี) ท่อแก๊สแตกลายงา (เปลี่ยนให้ฟรี) ลูกปืนพวงมาลัยแตก (เคลมฟรีครับ และโชคดีที่มันไม่ล็อคกลางทาง ปัญหานี้เป็นจริงๆครับ ไม่คิดว่าจะเกิดกับผม) ซื้อมาปี 53 ไม่มีภาระหนี้ครับ อย่างอื่น ไม่มีอะไรที่ต้องซ่อมครับ วิทยุติดรถเป็นโซนี่ โอเคแล้วเล่นจากแฟลชไดรว์ด้วย
ถ้าหลังคาเตี้ย และอยากประหยัด ผมก็แนะนำ Triton 2.4LPG อยู่ดีครับ เพราะคิดว่า น่าจะประหยัดกว่ารถที่ต้านลมเพราะหลังคาสูง และน่าจะประหยัดกว่ารถผมด้วย และรวมถึงการวิ่งในทางราบภาคกลาง
แต่ถ้าบรรทุกหนักบ่อยๆ และหลังคาสูงต้านลม ผมแนะนำดีเซลครับ (รวมถึงการขึ้นเขาด้วยครับ)
เรื่องการบรรทุกของเจ้าของกระทู้ ถ้าแค่ 1.8 ตัน ล้อเดิมเอาอยู่ครับ เปลี่ยนยางเป็นยางบรรทุกอย่าง Leo XCD ก็พอครับ ลมยาง45psi ก็เหลือๆครับ เสริมแหนบตัว 2 อีกข้างละตัวก็พอครับ (เสริมมากกว่านี้ แข็งเกิน) แหนบไม้คาน ข้างละ 1 ก็พอ แต่ถ้ากลัวเพิ่มเป็นข้างละ 2 ก็ได้ เพราะ ไม่ได้ทำให้รถเปล่าแข็งขึ้น แต่แนะนำเสริมโตงเตงเป็น 5-6นิ้วครับ เวลาวิ่งกลางคืน ไฟจะไม่เชิดขึ้นมากครับ เวลาบรรทุกของ และเวลาตีรถเปล่า ก็ไฟจะไม่ต่ำเกินไป แต่ช้อคอัพ แนะนำให้เปลี่ยนคู่หลังเป็นช้อคอัพแก๊สครับ แล้วท่านจะจับความรู้สึกได้ครับว่า มันนิ่งขึ้นอย่างมาก
แนะนำรถมือหนึ่งเท่านั้นครับ เพราะท่านจะไม่ต้องมาจุกจิกเรื่องต่างๆ
แนะนำช่วงประกัน 80000กิโล ควรเข้าศูนย์นะครับ เพราะการรับประกันช่วยท่านได้ในเวลาเกิดปัญหาครับ ตัวอย่าง เช่นลูกปืนพวงมาลัยtritonของผมแตกไงครับ
และตอนช่างข้างนอกอัดล้อเข้าไปให้ผมแน่นเกินไป เวลาเข้าศูนย์เขาก็ไม่รับเคลมนะครับ
ปล. ผมเป็นร้านขายส่งอะไหล่รถยนต์เอง ผมยังเข้าศูนย์เพื่อเอารับประกันเลยครับ
ปล.2 แต่ถ้าหมดประกันเมื่อไหร่ ผมออกจากศูนย์ 100%เหมือนกันคับ
ถ้ารถเดิมๆ ยังไม่ได้เปลี่ยนอะไร Triton ช่วงล่างเจ๋งกว่า มากมายครับ
ถ้าเปลี่ยนช้อคอัพหลังเป็นแก๊ส และบรรทุกแล้ว Triton เป็นต่อ DMax นิดเดียวครับ
โดยส่วนตัว ผมชอบความไม่จุกจิกของ DMax ชอบช่วงล่าง ความนิ่ง Triton
เวลาบรรทุก ชอบตีนต้นเครื่องดีเซล เพราะเบนซินต้องเร่งเยอะครับ
ชอบLPG เพราะประหยัดกว่า กิโลละเกือบ1บาท ถ้าท่านวิ่ง 5000กิโล ก็ได้ค่าผ่อนรถครึ่งหนึ่งแล้วนะครับ วิ่งมากประหยัดมากครับ
รถกระบะถ้าอยากให้นิ่ม บรรทุกของสัก 200-500กิโลครับ แล้วทุกอย่างจะนิ่ง จะนิ่ม ครับ (อันนี้เรื่องจริงนะ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ อิอิอิ)