ผู้เขียน หัวข้อ: มาคิดความคุ้มค่าและค่าน้ำมันเล่น ๆ ของ F30 ระหว่าง 320i vs 320d จากมาตรฐานการทดสอบของพี่จิมมี่ครับ  (อ่าน 15263 ครั้ง)

ออฟไลน์ beerrl

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,672
    • อีเมล์
ผมว่าถ้าใช้รถไม่นานแล้วเปลี่ยน ไปที่ 320i ดีกว่าครับ
เพราะ จ่ายเงินน้อยกว่า ขับดีพอกัน
แต่ถ้าขับนาน ไม่เปลี่ยนรถง่ายๆ ดีเซลคือคำตอบครับ
Volvo 850GLT
Honda odyssey
Toyota Camry hybrid
Suzuki swift eco
Hyundai tucson crdi
Nissan Xtrail 2.0V 4wd
Honda Civic FC 1.8EL

ออฟไลน์ Monn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,806
หากไปรื้อดูผมเคยโพสไปแล้วหละประมาณนี้
สำหรับผม คำนวนจากจากใช้งานจริงของตัวเอง จะใช้ถึง 5 ปีกว่า ถึงจะคุ้มทุน และส่วนตัวชอบเสียงเครื่องเบนซินมากกว่า
ปัจจัยมันหลากหลายมากๆ สุดท้าย ความคุ้มความชอบ แล้วแต่ชอบจริงๆ
ผมเลือก 320i เพราะถูกกว่าและเครืองเงียบกว่า

เวลารถติด ดีเซลก็ได้ข่าว ไม่ประหยัดเท่าไหร่นะ เพราะหากคุณ Jimmy วัดได้ต่างกัน 20.7 กับ 16.9 เท่ากับ ดีเซลประหยัดกว่า 20%
หากในเมือง เบนซิน 10 โลลิตร ดีเซล น่าจะ 12 โลลิตร

แต่อย่าลืมว่าเมื่อไหร่เลิกสนับสนุนก็ตัวใครตัวมัน เพราะเมืองนอกดีเซลแพงกว่าเบนซินนะ

ส่วนตัวผมคิดว่ากว่าจะเลิกสนับสนุนคงต้องรอไม่อุ้ม LPG ก่อนหล่ะครับ เห็นว่าจะไม่อุ้มก็เลิกไม่ได้ซักที
ส่วนดีเซลพวกเกี่ยวกับระบบข่นส่งก็ยังใช้กันมากจะเลิกอุ้มคงอีกนาน พอดีขายทิ้งไปก่อนแล้วหล่ะครับ หุหุ

ส่วนตัวผมคิดว่าเป็นไปได้นะที่จะเลิกอุ้มดีเซล เพราะภาคขนส่งก็จะถูกดันไป NGV เท่านั้นเอง นอกจากนั้นยังมีวิธีอื่นๆที่จะเอามาใช้แกล้งรถหรูดีเซลที่ไม่ได้อยู่ในภาคขนส่งอีกเยอะ ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นภาษี ขึ้นค่าต่อทะเบียนรายปี ฯลฯ

แต่ผมมองว่ามันยังไม่ใช่อนาคตอันใกล้(แต่ก็ไม่แน่) ยังไงก็ต้องจัดการกับ LPG ให้ได้ก่อน ถ้า LPG ผ่านฉลุย ดีเซลยิ่งไม่ยากเลยครับ ทางออกในภาคขนส่งมันมีอยู่ละ ทำ NGV ให้เยอะกว่านี้อีกหน่อยปิดเกมดีเซลได้สบายเลย ฮา

ตามนี้เลย เขาจะมาให้เน้น ngv ผมว่าหากเลิกอุ้ม รถบรรทุกก็เหมือนถูกบังคับ และหากมองจริงๆ นอกจากกระบะ ผมว่ารถใหญ่ไป ngv เยอะแล้วนา
S3 - F30
X1 - E84

ออฟไลน์ zeb80

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 413
320i ติดแก๊สโลด ดีเซลยังยอมแพ้เบย  ;D

ขับ f30 อย่างหล่อเลี้ยวเข้าปั๊มแก๊สคงดูพิลึก  555+

ออฟไลน์ Alcatraz

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,608
    • อีเมล์
คุณเอาอัตตราสิ้นเปลืองของ เบนซิน 95 มาใช้กับน้ำมันผสมอย่าง e20 ได้ยังไง ถึงเวลาถ้าใช้ e20 อย่างเก่งก็ได้ 15 กิโลลิตร

ออฟไลน์ kruttha

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 23
หากไปรื้อดูผมเคยโพสไปแล้วหละประมาณนี้
สำหรับผม คำนวนจากจากใช้งานจริงของตัวเอง จะใช้ถึง 5 ปีกว่า ถึงจะคุ้มทุน และส่วนตัวชอบเสียงเครื่องเบนซินมากกว่า
ปัจจัยมันหลากหลายมากๆ สุดท้าย ความคุ้มความชอบ แล้วแต่ชอบจริงๆ
ผมเลือก 320i เพราะถูกกว่าและเครืองเงียบกว่า

เวลารถติด ดีเซลก็ได้ข่าว ไม่ประหยัดเท่าไหร่นะ เพราะหากคุณ Jimmy วัดได้ต่างกัน 20.7 กับ 16.9 เท่ากับ ดีเซลประหยัดกว่า 20%
หากในเมือง เบนซิน 10 โลลิตร ดีเซล น่าจะ 12 โลลิตร

แต่อย่าลืมว่าเมื่อไหร่เลิกสนับสนุนก็ตัวใครตัวมัน เพราะเมืองนอกดีเซลแพงกว่าเบนซินนะ

ส่วนตัวผมคิดว่ากว่าจะเลิกสนับสนุนคงต้องรอไม่อุ้ม LPG ก่อนหล่ะครับ เห็นว่าจะไม่อุ้มก็เลิกไม่ได้ซักที
ส่วนดีเซลพวกเกี่ยวกับระบบข่นส่งก็ยังใช้กันมากจะเลิกอุ้มคงอีกนาน พอดีขายทิ้งไปก่อนแล้วหล่ะครับ หุหุ

ส่วนตัวผมคิดว่าเป็นไปได้นะที่จะเลิกอุ้มดีเซล เพราะภาคขนส่งก็จะถูกดันไป NGV เท่านั้นเอง นอกจากนั้นยังมีวิธีอื่นๆที่จะเอามาใช้แกล้งรถหรูดีเซลที่ไม่ได้อยู่ในภาคขนส่งอีกเยอะ ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นภาษี ขึ้นค่าต่อทะเบียนรายปี ฯลฯ

แต่ผมมองว่ามันยังไม่ใช่อนาคตอันใกล้(แต่ก็ไม่แน่) ยังไงก็ต้องจัดการกับ LPG ให้ได้ก่อน ถ้า LPG ผ่านฉลุย ดีเซลยิ่งไม่ยากเลยครับ ทางออกในภาคขนส่งมันมีอยู่ละ ทำ NGV ให้เยอะกว่านี้อีกหน่อยปิดเกมดีเซลได้สบายเลย ฮา

ตามนี้เลย เขาจะมาให้เน้น ngv ผมว่าหากเลิกอุ้ม รถบรรทุกก็เหมือนถูกบังคับ และหากมองจริงๆ นอกจากกระบะ ผมว่ารถใหญ่ไป ngv เยอะแล้วนา
8)

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,866
  • *** HLM.COM ***
ผมว่านะ แล้วแต่คนชอบเลย แล้วแต่งบ แล้วแต่ความเห็นส่วนตัว

ไอเรื่อง i กับ d ใน f30 เนี่ย เป็น100กระทู้ละมั้ง  ;D ;D ;D

ผมว่าอยู่ที่คนชอบครับ บางคนก็ชอบดึง งบเยอะ ใช้รถเยอะ ก็ไป D

บางคน งบจำกัดบ้าง ไม่จำกัดบ้าง ชอบเงียบ ลากยาวๆได้ เสียงหวานๆ ก็ไป i

ส่วนผมสาวกเบนซินอยู่ละครับ แต่ถ้าใน f30 ผมชอบ d มากกว่า i

แต่พอรีวิว 320i และ 328i คลอดออกมาเท่านั้นแหละ คดีพลิก 555+

ออฟไลน์ keangac

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 184
ไม่ขอออกความเห็น แต่จะบอกจากประสบการณ์ละกันครับ  

        320D  
ขับแล้วกล้าเหยียบครับ เพราะ เหยียบยังไงก็ยังประหยัด หรือจะรถติด มันก็ประหยัด (ถึงราคาส่วนต่างจากเบนซินจะเยอะก็ยังกล้าเหยียบ) เวลาไปไหนไกลๆ ไปหมดเติมน้ำมันแล้วชิวครับ

        320I
ขับชิวๆอวดหล่อ รับส่งแฟน  ถ้าจะเหยียบ จะDelay 5วิ  เพราะอัตรการกินน้ำมันของเครื่องเบนซิน มันจะต่างกันเยอะมาก ในตอนช่วงเหยียบกับรถติด เข็มน้ำมันจะลงอย่างเห็นได้ชัด และเวลาคนชวนไปไหนไกลๆ ก็จะคิดว่ามันไกล  ถึงจะบอกว่าประหยัด มันอาจประหยัดตอนวิ่งในเมืองชิวๆ แต่ถ้าเจอรถติดกับตอนเหยียบ ผมมั่นใจ ว่า 320I จะกินน้ำมันกว่านี้มากอยู่ เพราะคุณ Jimmy รีวิวไว้ ขณะขับรถ 110 KM/H แต่ถ้าใช้ชีวิตจริง รถติดๆ ออกตัวบ่อยๆ  ช่วงที่รถจะกินน้ำมันมากสุด คือ ช่วงออกตัว และช่วงเร่งเครื่อง

สรุปสั้นๆครับ  ดีเซล       คิดหนักครั้งเดียวตอนซื้อ  ไปไหนไกลๆ หรือ รถติดๆ ก็ยังชิว
                    เบนซิน     ชิวตอนซื้อ  เวลาใช้งานจริงจะเครียดกว่าเบนซิน ไม่กล้าไปไหนไกลๆ รถติดที เครียดที ถึงจะถูกกว่า แต่ เราไม่ได้เติมน้ำมันครั้งเดียว เราเติมเป็น
                                   100รอบนะครับ  

  ผมยอมจ่ายหนักครั้งเดียว เพราะผมรู้สึกว่าไม่ต้องมาเครียดในการเติมน้ำมันหลายๆครั้งครับ    

                                                            มันเป็นเพราะอารมณ์ความรู้สึกของคนทั้งนั้นครับ


      

ออฟไลน์ ぼくは"P.P."です

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 690
ปักใจแล้วครับ320iนี่หละ ;D
เหลืออย่างเดียว...ไปลองขับ
Great Handling = Great Car

ออฟไลน์ Larry

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 562
ยังไม่สนเรื่องสิ้นเปลืองซินะผม สนแต่ความแรง ฮ่าฮ๋า

320d ตอนออกมาทีแรก ชอบมาก เพราะดึงแรงฝัดๆ

แต่ตอนนี้เห็นบอก 328i มันแรงกว่า เอ๊ะ น่าสนแฮ่ะ!

ออฟไลน์ Ty ESC

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,786
จากการใช้งานจริงมา5000กม
320iเฉลี่ยจริงได้7.5-8โลลิตร
เส้นสาทร บางนา สำโรง ชลบุรี ระยอง

ทางไกลจริงๆได้10กว่าๆโลลิตรครับ
ขับ120อัพ ยันสุดติ่งตามที่ถนนอำนวยแต่ไม่ปาดไม่จี้โล่งถึงกดบนบูรพาวิถี

เทียบแล้วประหยัดกว่าc200w204stdนิดหน่อย
เสียงลมเสียงยางดังกว่ามาก

ออฟไลน์ Koong

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 993
ไม่ขอออกความเห็น แต่จะบอกจากประสบการณ์ละกันครับ  

        320D  
ขับแล้วกล้าเหยียบครับ เพราะ เหยียบยังไงก็ยังประหยัด หรือจะรถติด มันก็ประหยัด (ถึงราคาส่วนต่างจากเบนซินจะเยอะก็ยังกล้าเหยียบ) เวลาไปไหนไกลๆ ไปหมดเติมน้ำมันแล้วชิวครับ

        320I
ขับชิวๆอวดหล่อ รับส่งแฟน  ถ้าจะเหยียบ จะDelay 5วิ  เพราะอัตรการกินน้ำมันของเครื่องเบนซิน มันจะต่างกันเยอะมาก ในตอนช่วงเหยียบกับรถติด เข็มน้ำมันจะลงอย่างเห็นได้ชัด และเวลาคนชวนไปไหนไกลๆ ก็จะคิดว่ามันไกล  ถึงจะบอกว่าประหยัด มันอาจประหยัดตอนวิ่งในเมืองชิวๆ แต่ถ้าเจอรถติดกับตอนเหยียบ ผมมั่นใจ ว่า 320I จะกินน้ำมันกว่านี้มากอยู่ เพราะคุณ Jimmy รีวิวไว้ ขณะขับรถ 110 KM/H แต่ถ้าใช้ชีวิตจริง รถติดๆ ออกตัวบ่อยๆ  ช่วงที่รถจะกินน้ำมันมากสุด คือ ช่วงออกตัว และช่วงเร่งเครื่อง

สรุปสั้นๆครับ  ดีเซล       คิดหนักครั้งเดียวตอนซื้อ  ไปไหนไกลๆ หรือ รถติดๆ ก็ยังชิว
                    เบนซิน     ชิวตอนซื้อ  เวลาใช้งานจริงจะเครียดกว่าเบนซิน ไม่กล้าไปไหนไกลๆ รถติดที เครียดที ถึงจะถูกกว่า แต่ เราไม่ได้เติมน้ำมันครั้งเดียว เราเติมเป็น
                                   100รอบนะครับ  

  ผมยอมจ่ายหนักครั้งเดียว เพราะผมรู้สึกว่าไม่ต้องมาเครียดในการเติมน้ำมันหลายๆครั้งครับ    

                                                            มันเป็นเพราะอารมณ์ความรู้สึกของคนทั้งนั้นครับ


      



คิดเหมือนกันเลย   บางครั้งตัวเลขจากการทดสอบกับการใช้งานจริง มันก็ต่างกันมากๆ   ถ้าต้องขับแบบใช้งานปกติก มีเบรคมีเร่งมีแซง  มีแนวโน้มว่าอัตราสิ้นเปลืองจะต่างกันมากขึ้น   ยิ่งเป็นคนเท้าหนักลากรอบจะยิ่งเห็นความแตกต่าง   เบนซิลจะกินกว่าเห็นๆ 
กรณีนี้คล้ายๆ การจับเวลา 0-100  ของรถกระบะเกียร์ออโต้ หลายรุ่นเร็วกว่าเกียร์ธรรมดา   แต่พอมาขับใช้งานจริงเวลาต้องเบรค ต้องเร่งตาม เร่งแซง เอาเข้าจริงเกียร์ธรรมดามันไปได้ทันใจกว่า     แต่ถ้าคนขับแบบเรื่อยๆอาจจะไม่รู้สึกอะไร  แต่เวลาที่รีบๆ จะรูสึกได้ทันที

ออฟไลน์ Monn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,806
จากการใช้งานจริงมา5000กม
320iเฉลี่ยจริงได้7.5-8โลลิตร
เส้นสาทร บางนา สำโรง ชลบุรี ระยอง

ทางไกลจริงๆได้10กว่าๆโลลิตรครับ
ขับ120อัพ ยันสุดติ่งตามที่ถนนอำนวยแต่ไม่ปาดไม่จี้โล่งถึงกดบนบูรพาวิถี

เทียบแล้วประหยัดกว่าc200w204stdนิดหน่อย
เสียงลมเสียงยางดังกว่ามาก

สาทร คงโหดน่าดู
ของแฟน วงแหวน พระราม2 แล้วก็ วิทยุ ช่วงรถไม่ติด เติม E20 ได้ 11-12 โล/ลิตร
ทางไกล วิ่งไปกลับแบบไม่ได้วิ่งในเมือง ได้ 14-15 โล/ลิตรครับ แต่ขับไม่เกิน 120 เอง
S3 - F30
X1 - E84

ออฟไลน์ SADAEW

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 181
ผมตีง่าย ๆ น่ะครับ พอเห็นภาพกลม ๆ การขับจริงในน้ำมันส่วนต่าง ๆ หรือสภาพถนนต่าง ๆ สภาพอากาศต่าง ๆ
สภาพรถติดต่าง ๆ ย้ำ!!! นะครับ ผมไม่เอามาเกี่ยว ผมตีกลม ๆ ตามทฤษฏีผม

แจ้งไปข้างต้นแล้วว่าไม่รวมการระเหยของน้ำมันโซฮอล์ที่เยอะกว่า หรือใช้แล้วได้จำนวนกิโลที่น้อยกว่า
ไม่รวมการติดเครื่องอยู่เฉย ๆ ว่าเบนซินจะเปลืองกว่าแค่ไหน ขับจริงในเมืองได้มากเท่าไร ผสมกันในเมืองนอกเมืองจะเป็นไง
เพราะผมบอกแล้วว่าแค่เอาตัวเลข ของพี่จิมมี่มาคำนวณ"เล่น ๆ" ตามทฤษฏีง่าย ๆ นะครับ

ถ้าแต่ละท่านมีคนรู้จักที่ใช้เครื่องนี้อยู่ หรือตัวท่านเองใช้อยู่เลขจริงออกมาแค่ไหน
ก็ลองคำนวณดูเองน่าจะได้ครับ จะลองให้เบนซินห่วยกว่านี้อีกกี่เปอร์เซนต์
ก็ลองคำนวณดูครับ แต่อันนี้เป็นทิศทางการคำนวณของผมคือ เอาตัวเลขจากพี่จิมมี่มาจิ้ม ๆ ดู เฉย ๆ
ย้ำ!!! ว่าไม่สนปัจจัยอื่น ๆ ถ้าต้องการจะคำนวณให้จริงสุด ๆ ไปเลย
ก็เอาตัวเลขผมไปเป็นแค่แนวทาง แล้วไปรวมกับปัจจัยที่แต่ละท่านบอก แล้วไปหาตัวเลขที่เป๊ะ ๆ เอาเองครับ

แค่เอื้ออำนวยให้สำหรับบางท่านที่ขี้เกียจจิ้มเครื่องคิดเลขเอง
ส่วนทำไมผมไม่เอาเลขเป๊ะ ๆ ก็นี่มาตรฐานผม ปัดขึ้น ปัดลงแค่นี้
ถ้าต้องการเป๊ะ สุด ๆ ถ้าผมว่างจะ edit ให้ใหม่นะคร้าบทุกท่าน เอาเป๊ะโคตรกันไปเลย

ถ้าจะเอาแบบนั้น ช่วยบอกทีครับว่า E20 ต้องลดลงอีกเท่าไร แก๊ส91 95 ลดลงอีกแค่ไหน
บอกมาเรย เดี๋ยวผมจัดห้ายยยย 555+  :D

แต่จะแก้ให้นะครับว่างพอดี

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 24, 2013, 23:35:01 โดย SADAEW »

ออฟไลน์ Parinceo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,210
จากการใช้งานจริงมา5000กม
320iเฉลี่ยจริงได้7.5-8โลลิตร
เส้นสาทร บางนา สำโรง ชลบุรี ระยอง

ทางไกลจริงๆได้10กว่าๆโลลิตรครับ
ขับ120อัพ ยันสุดติ่งตามที่ถนนอำนวยแต่ไม่ปาดไม่จี้โล่งถึงกดบนบูรพาวิถี

เทียบแล้วประหยัดกว่าc200w204stdนิดหน่อย
เสียงลมเสียงยางดังกว่ามาก

สาทร คงโหดน่าดู
ของแฟน วงแหวน พระราม2 แล้วก็ วิทยุ ช่วงรถไม่ติด เติม E20 ได้ 11-12 โล/ลิตร
ทางไกล วิ่งไปกลับแบบไม่ได้วิ่งในเมือง ได้ 14-15 โล/ลิตรครับ แต่ขับไม่เกิน 120 เอง

สาทรนรกจริงๆครับ

สาทร-ทางด่วน-พญาไท
ขนาดพ้นรันอินแล้ว 320d ยังได้แค่ 10นิดๆ โลลิตรเองครับ
แต่เพิ่งพ้นรันอินมาไม่นาน หวังตัวเลขที่ 12 โลลิตรอยู่ครับ ถ้าใช้ไปอีกซักพัก

ที่จริงผมก็อยากได้เบนซินมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ในยูทูปนี่เสียงเสนาะหูดีจริงๆ แต่คิดแล้วว่า เดี๋ยวเรียนจบอาจจะยึดคุณแม่มาเลย  :P ก็เอาดีเซลไว้แหละครับสบายใจ ;)

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,089
320i ติดแก๊สโลด ดีเซลยังยอมแพ้เบย  ;D

ขับ f30 อย่างหล่อเลี้ยวเข้าปั๊มแก๊สคงดูพิลึก  555+
E-Class เพื่อนผมยังขับรุ่น CNG เลยครับ *-*  

โดยส่วนตัว เห็นเศรษฐีทำตัวขี้เหนียว ผมไม่แปลกใจนะครับ (ไม่งั้นเขาคงไม่รวย)

ป.ล. ผมก็คิดว่า 320i น่าสนกว่าครับ ดีเซลประหยัดกว่าจริง กว่าจะคืนทุน ดีไม่ดี รถพังก่อน
แต่ถ้าอยากจ่ายทีเดียวจบ  ก็เอาส่วนต่างนั่น ซื้อคูปองน้ำมันไปเลยครับ *-*

ออฟไลน์ f1rstgot

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 850
    • อีเมล์
คิดแบบใหม่นะครับ
1. 20d ปัดขึ้นไป 0.02 จาก 20.68 เป็น 20.70 หารกับราคาน้ำมันดีเซล 29.99 บาท จะได้กิโลละ 1.44 บาท คิดว่าใช้รถไปสัก2แสนโล ค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันที่ต้องเติมจะอยู่ที่ 288,000 บาท
2. 20i ปัดขึ้นไป 0.06 จาก 16.94 เป็น 17.00 หารกับราคาน้ำมันเบนซิน95 ลิตรละ 44.35บาท (โชคดีที่คิดราคา44ได้ เพราะก่อนหน้านี้2เดือน นู่นครับ 49บาท/ลิตร) จะได้กิโลละ 2.60 บาท คิดว่าใช้รถไปสัก2แสนโลเท่ากัน ค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันจะอยู่ที่ 520,000 บาท

สรุป 1 >520,000(20i) - 288,000(20d) = 232,000 ส่วนต่าง 20d ที่แพงกว่า 20i อยู่220,000 คิดออกมาแล้ว20dชนะไปแล้ว 12,000 บาท นี่คิดแค่2แสนโลนะครับ ถ้าเพิ่มไปอีกทีละ1แสนโล 20d ก็จะจ่ายค่าน้ำมันน้อยกว่า20i ถึง 116,000ต่อ1แสนโล ไหนจะราคาขายต่อที่ดีเซลก็ยังแพงกว่าเบนซินอยู่วันยังค่ำแถมยัง2-3แสนด้วยครับ ยังไม่คิดว่าเบนซินเหยียบมากเหยียบลึกเท่าๆกับดีเซลก็ยิ่งกินกว่าดีเซลเยอะขึ้นไปอีกนะครับ  :D

สรุป 2 >วิ่งน้อยปีละไม่ถึง 2หมื่นโล หรือ 2หมื่นโล ไป 20i คุ้มกว่า เพราะปีละ2หมื่นโล 5ปี 1แสนโล ยังไม่หลุดส่วนต่างครับ / วิ่งเยอะ ปีละ4หมื่นโลUp 20d คุ้มกว่าเอาเรื่อง โดยเฉพาะถ้าใช้ยาว 2-3แสนโลUp ไม่ต้องถามเลยครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 24, 2013, 23:12:23 โดย f1rstgot »

ออฟไลน์ SADAEW

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 181
คิดแบบใหม่นะครับ
1. 20d ปัดขึ้นไป 0.02 จาก 20.68 เป็น 20.70 หารกับราคาน้ำมันดีเซล 29.99 บาท จะได้กิโลละ 1.44 บาท คิดว่าใช้รถไปสัก2แสนโล ค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันที่ต้องเติมจะอยู่ที่ 288,000 บาท
2. 20i ปัดขึ้นไป 0.06 จาก 16.94 เป็น 17.00 หารกับราคาน้ำมันเบนซิน95 ลิตรละ 44.35บาท (โชคดีที่คิดราคา44ได้ เพราะก่อนหน้านี้2เดือน นู่นครับ 49บาท/ลิตร) จะได้กิโลละ 2.60 บาท คิดว่าใช้รถไปสัก2แสนโลเท่ากัน ค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันจะอยู่ที่ 520,000 บาท

สรุป 1 >520,000(20i) - 288,000(20d) = 232,000 ส่วนต่าง 20d ที่แพงกว่า 20i อยู่220,000 คิดออกมาแล้ว20dชนะไปแล้ว 12,000 บาท นี่คิดแค่2แสนโลนะครับ ถ้าเพิ่มไปอีกทีละ1แสนโล 20d ก็จะจ่ายค่าน้ำมันน้อยกว่า20i ถึง 116,000ต่อ1แสนโล ไหนจะราคาขายต่อที่ดีเซลก็ยังแพงกว่าเบนซินอยู่วันยังค่ำแถมยัง2-3แสนด้วยครับ ยังไม่คิดว่าเบนซินเหยียบมากเหยียบลึกเท่าๆกับดีเซลก็ยิ่งกินกว่าดีเซลเยอะขึ้นไปอีกนะครับ  :D

สรุป 2 >วิ่งน้อยปีละไม่ถึง 2หมื่นโล หรือ 2หมื่นโล ไป 20i คุ้มกว่า เพราะปีละ2หมื่นโล 5ปี 1แสนโล ยังไม่หลุดส่วนต่างครับ / วิ่งเยอะ ปีละ4หมื่นโลUp 20d คุ้มกว่าเอาเรื่อง โดยเฉพาะถ้าใช้ยาว 2-3แสนโลUp ไม่ต้องถามเลยครับ

อ่าถูกต้องเลยครับ ตีง่าย ๆ ถ้าวิ่งกันเกิน 2แสนโล หลังจากนั้นดีเซลประหยัดกว่าเห็น ๆ
แต่จะวิ่งกันถึงมั้ยก็แล้วแต่ละบุคคลที่จะตัดสินใจล่ะครับ

ออฟไลน์ MystogaN

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,476

ออฟไลน์ kreaninw

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 254
    • อีเมล์
จริงๆผมเชื่อว่าน้อยคนนะครับ ที่จะซื้อมาเติม 95 เพียวๆ หาเติมยากด้วย ฮา อย่างน้อยไม่อี 20 ก็ต้องเจอโซฮอล 95 ธรรมดา

ค่าน้ำมันปกติที่เติมๆกัน คิดกลมๆ โซฮอล 95 ราคาลิตรละ 37 บาท ส่วน 95 ธรรมดาลิตรละ 44 บาท ต่างกันประมาณ 7 บาทต่อลิตรได้ครับ คิดง่ายๆว่าถ้าเติมโซฮอล 95 ตามปกติ จะประหยัดค่าน้ำมันขึ้นมา 15%

ถามว่าถ้าเติมโซฮอล 95 แล้ว จะกินน้ำมันเพิ่มขึ้นถึง 15% รึเปล่า หรือระยะทางที่วิ่งได้จะน้อยลงไปมากกว่า 15% รึเปล่า(เทียบกับเติม 95 ธรรมดา)? ถ้าตัวเลขออกมาต่ำกว่า 15% รุ่นเบนซินก็จะยิ่งคุ้มค่าน้ำมันครับ(ทำให้ดีเซลคืนทุนได้ช้าลง)

ตามหลักแล้ว รถที่ใช้โซฮอล 95 จะกินน้ำมันเพิ่มขึ้น 2.4% เมื่อเทียบกับ 95 ธรรมดา, E20 6%, E85 30% โดยประมาณ อาจขึ้นอยู่กับรถแต่ละรุ่นด้วยครับ พูดง่ายๆครับ ยังไงถ้าคุณเติมน้ำมันตามปกติจริงๆแล้ว ค่าน้ำมันก็จะยิ่งถูกลงอีกมาก เป็นจุดคุ้มให้กับรุ่นเบนซินเหลือๆเลย ไม่ว่าคุณจะกดหรืออะไรก็ตาม

ส่วนที่ผมไม่เอามาคิดคือ ราคาน้ำมันในอานาคต ไม่ว่าจะเบนซินหรือดีเซล เพราะเป็นอะไรที่คาดการณ์ไม่ได้แน่นอน 100% อีกส่วนที่ไม่นำมาคิดคือราคาขายต่อรุ่นดีเซล ที่หลายๆคนบอกว่ายังไงก็ขี่ แต่จุดนั้นที่พูดถึงกัน นั่นหมายความว่าต้องผ่านช่วงที่ดีเซลเริ่มเก็บทุนค่าตัวคืนจากค่าน้ำมันไปแล้ว พูดง่ายๆคือรถต้องวิ่งไปหลายแสนโลเลยทีเดียว และก็ต้องใช้เวลาหลายปี ซึ่งตอนนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้ เช่นถ้าดีเซลเกิดลอยตัวแพงกว่าเบนซินขึ้นมา รับรองได้รุ่นดีเซลราคาขายต่อจะโคตรถูกอย่างมากเลยครับ คือมันบอกอะไรไม่ได้หรอกครับ กว่าจะถึงตอนนั้น ผมรู้อยู่แค่ว่าปัจจุบันราคาดีเซลมันไม่ตรงตามความเป็นจริง มันแค่รอเวลาลอยตัวเท่านั้นเอง เหมือนกับประเทศอื่นๆที่เขาอยู่กันได้แม้ว่าดีเซลจะแพงกว่าเบนซิน ยังมีอีกส่วนที่ยังไม่นำมาคิดคือเรื่องการบำรุงรักษาที่ไม่รู้ว่าเบนซินกับดีเซลอะไรถูกกว่า แต่ผมคิดว่าคงเป็นดีเซลที่ถูกกว่า

จริงๆมองได้หลายมุม คนเลือก i ก็มองว่าแรงเท่ากัน ราคาถูกกว่า 200k เอามาเติมน้ำมันเพลินๆดีกว่า, ส่วนคนเลือก d ก็มองเรื่องราคาขายต่อของ d ในปัจจุบัน บวกกับคิดว่ายังไงดีเซลก็ไม่ลอยแน่ๆ แม้ต้องใช้กันยาวๆกว่าจะคุ้มค่าตัวก็ไม่เป็นไร ผมว่าสรุปมันก็แล้วแต่แหละครับว่าคุณชอบรุ่นไหน ;D
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 25, 2013, 00:53:52 โดย kreaninw »

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,179
รอดู ตัวไฮบริดล่ะกันครับ
อ้างอิงจากพรีอุส ในเมืองรถติดๆ ยังได้ 19 โลลิตร

เครื่องพี่โต + มอเตอร์พลังจิ๋ว ยังได้ขนาดนี้
ลองคิดว่าสุดยอดเครื่องยนต์ของและเกียร์ BMW + ระบบไฮบริด จะประหยัดขนาดไหน

พูดแล้วคิดถึง ดีเซล+ไฮบริด
ซู๊ดดดด ปาก คงมี 22 โลลิตรในเมืองให้เห็นแน่ๆ

ออฟไลน์ Monn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,806
ขัดใจว่า เครื่องดีเซลจะได้ราคาดีกว่าเบนซินแน่ๆ ตอนขายต่อ ใน E90 ผมเชื่อ เพราะไม่ได้มองเบนซินเลย
แต่ N20 นี่เครื่องใหม่ แล้วก็ยังไม่มีมือสอง ผมว่ายังเร็วไปที่จะสรุปนะครับ ว่ารถดีเซลจะได้ราคาดีกว่าเบนซิน
(จริงๆ ก็ต้องดีกว่าแหละเพราะแพงกว่า 2.2แสน) แต่หากแพงกว่ากันแค่แสนเดียว แปลจริงๆ ว่าดีเซลราคาตกกว่าเบนซินนะ อิอิ
เมื่อก่อน เบนซินมันกิน 8-9 โล/ลิตร  มาตอนนี้ มันเป็น 12-13 โล/ลิตร หรือหากเทียบแบบคุณ Jimmy ยิ่งไปกันใหญ่ 16.9 โล/ลิตร

ส่วนตัวผมไม่เชื่อว่าดีเซลจะได้รับความสนใจจากตลาดมากกว่าเบนซินในเครื่องตัวนี้นะ
แล้วรอดูสัก 4-5 ปี อย่างที่ว่าวิ่งไป 2-3 แสนโล คุณคิดว่าเครื่องดีเซลจะดังขึ้นขนาดไหน
แล้วเวลาขายต่อ หากวิ่งมาเท่ากัน สตาร์ทปุ๊ป  ถามจริงๆ คุณเป็นคนซื้อ จะซื้อตัวไหน อันนี้ก็น่าคิดนะครับ
เราคงต้องติดตามต่อไปว่า อนาคต ตอนมือ 2 เครื่องรุ่นนี้ จะเป็นยังไงกัน

แต่แอบแปลกใจ ทำไมตัวต่ำ ไม่เอาดีเซลมาทำมั่ง (ทุกค่ายเลย) แปลว่าเครื่องมันแพงจริงๆ เหรอ  ::)
S3 - F30
X1 - E84

ออฟไลน์ f1rstgot

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 850
    • อีเมล์
ขัดใจว่า เครื่องดีเซลจะได้ราคาดีกว่าเบนซินแน่ๆ ตอนขายต่อ ใน E90 ผมเชื่อ เพราะไม่ได้มองเบนซินเลย
แต่ N20 นี่เครื่องใหม่ แล้วก็ยังไม่มีมือสอง ผมว่ายังเร็วไปที่จะสรุปนะครับ ว่ารถดีเซลจะได้ราคาดีกว่าเบนซิน
(จริงๆ ก็ต้องดีกว่าแหละเพราะแพงกว่า 2.2แสน) แต่หากแพงกว่ากันแค่แสนเดียว แปลจริงๆ ว่าดีเซลราคาตกกว่าเบนซินนะ อิอิ
เมื่อก่อน เบนซินมันกิน 8-9 โล/ลิตร  มาตอนนี้ มันเป็น 12-13 โล/ลิตร หรือหากเทียบแบบคุณ Jimmy ยิ่งไปกันใหญ่ 16.9 โล/ลิตร

ส่วนตัวผมไม่เชื่อว่าดีเซลจะได้รับความสนใจจากตลาดมากกว่าเบนซินในเครื่องตัวนี้นะ
แล้วรอดูสัก 4-5 ปี อย่างที่ว่าวิ่งไป 2-3 แสนโล คุณคิดว่าเครื่องดีเซลจะดังขึ้นขนาดไหน
แล้วเวลาขายต่อ หากวิ่งมาเท่ากัน สตาร์ทปุ๊ป  ถามจริงๆ คุณเป็นคนซื้อ จะซื้อตัวไหน อันนี้ก็น่าคิดนะครับ
เราคงต้องติดตามต่อไปว่า อนาคต ตอนมือ 2 เครื่องรุ่นนี้ จะเป็นยังไงกัน

แต่แอบแปลกใจ ทำไมตัวต่ำ ไม่เอาดีเซลมาทำมั่ง (ทุกค่ายเลย) แปลว่าเครื่องมันแพงจริงๆ เหรอ  ::)

ต้นทุนการผลิตเครื่องยนต์ดีเซลมันแพงกว่าเบนซินอยู่แล้วครับ เอามาทำราคาต่ำสุด คงขายไม่ได้ครับพี่  ;D
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 25, 2013, 10:30:05 โดย f1rstgot »

ออฟไลน์ LimitedEdition

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,410
นับถือในความตั้งใจของ จขกท. ครับ และเป็นประโยชน์มากมาก

ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ TRcdi

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 670
ขอบคุณ จขกท คับ 

ปกติผมเป็นแฟน ดีเซล  แต่พออ่านรีวิวจบ

320i  Base  น่าสนใจมาก!!