ผู้เขียน หัวข้อ: สอบถามเรื่องสตาร์ท City กับยางรถค่ะ  (อ่าน 7864 ครั้ง)

ออฟไลน์ Chanissara

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 488
  • ใครจะรักเราเท่าพ่อแม่ไม่มี... ^_^
สอบถามเรื่องสตาร์ท City กับยางรถค่ะ
« เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2013, 22:56:33 »
รบกวนสอบถามผู้รู้นะค่ะ รบกวน 2 เรื่องค่ะ

1.คือ City โฉมปัจจุบันใช้มาได้สองปีนิดๆ เวลาสตาร์ทรถรู้สึกว่าเหมือนมันไม่มีแรงสตาร์ท มันชอบตะกุกตะกักเหมือนไฟไม่ค่อยเข้า บางครั้งต้องบิด 2-3 รอบกว่าจะติด มันไม่ลื่นเหมือนตอนใช้ Mazda 2 ค่ะ ไม่แน่ใจว่าเพราะแบตมันเล็กเพราะเวลาติดเครื่องเปิดไฟสังเกตุได้ว่าไฟตกตลอดเวลารอบเครื่องขึ้น (หรืออะไรประมาณนั้น) หรือเพราะไดสตาร์ทรุ่นนี้ไม่ดีหรือมันเสื่อมเร็วหรือยังไงค่ะ มีวิธีแก้ไขมั้ยค่ะ? (จริงๆแล้วรู้สึกว่ามันเป็นแบบนี้มานานแล้ว แต่กลัวว่าอนาคตไปไหนไกลๆแล้วมันสตาร์ทไม่ติด.... ซวยตายเลย -_-") .... **น้ำกลั่นเติมตลอดค่ะ...

2.ยางรถล้อหน้าเพิ่งรั่วเพราะโดนตัวน็อตตำคาล้อ ไปปะมาที่ B Quick เคยอ่านในเน็ตเค้าว่าสตรีมร้อนจะทำให้ยางบวม แต่ที่ B Quick เค้าสตีมเย็น เค้าบอกว่าดีสุด เสียไป 250 บาท อยากถามว่าตัวสตีมเย็นนี่โอเคสำหรับที่ปะล้อรั่วมาหรือป่าวค่ะ กลัวไปไหนไกลๆแล้วยางรั่วซึมอีก โดยเฉพาะรั่วแถวเปลี่ยวๆไม่มีบ้านคนเนี่ยซิ... ซวยอีก กลัวโจร & กลัวผี ^0^....

ขอบคุณค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 22, 2013, 23:01:33 โดย Chanissara »

ออฟไลน์ kez

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,586
Re: สอบถามเรื่องสตาร์ท City กับยางรถค่ะ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2013, 23:14:05 »

  แบตน่าจะถึงอายุแล้ว   ก็ลองเข้า 0 check ดูด้วย ถ้ายังอยู่ในประกัน

  ถ้ามันไม่รั่วแล้วก็จบ

ออฟไลน์ Narak-Man

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 183
Re: สอบถามเรื่องสตาร์ท City กับยางรถค่ะ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2013, 23:25:29 »
ใช้Cityเหมือนกัน  อาการที่ว่าแบตเตอรี่คงเสื่อมแล้วคับ(ปกติ1ปี)  แนะนำเปลี่ยนใหม่ใส่แบต45wattไปเลย อาการไฟหน้าตกน่าจะลดลง(ถ้าไฟหน้าไม่สว่างแนะนำ Philip X-treme สว่างขึ้นเยอะแต่กินไฟเท่าเดิม ;D )  ส่วนปะยางไม่ทราบคับ(ยางติดรถ2ปีก็เก่าละน้า ไปซื้อยางมือ2แบบถอดป้ายแดงมาใส่น่าจะปลอดภัยกว่า 4เส้นประมาณ5-6พัน)

ออฟไลน์ The Godfather

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 127
Re: สอบถามเรื่องสตาร์ท City กับยางรถค่ะ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2013, 23:54:46 »
ใช้มาสองปีถ้ายังไม่เคยเปลี่ยนแบต ก็น่าจะแบตเสื่อมสภาพ ครั้งหน้าเปลี่ยนแบตแล้วหมั่นเติมน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับด้วยน่ะครับ ปล.แต่รถของตัวเองไม่เคยดูเลย ฮ่าาาาาาาาาา อิๆ ^_0

ออฟไลน์ Chanissara

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 488
  • ใครจะรักเราเท่าพ่อแม่ไม่มี... ^_^
Re: สอบถามเรื่องสตาร์ท City กับยางรถค่ะ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พฤษภาคม 23, 2013, 00:00:13 »
ขอบคุณทุกความเห็นและคำแนะนำนะค่ะ งั้นรบกวนอีกนิ๊ส สำหรับแบตค่ะ ราคาแบตแบบเติมน้ำกลั่นกับแบบแห้งนี่ราคาประมาณไหนค่ะ แล้วเติมแบบไหนดีสำหรับรถที่เพิ่งเปลี่ยนแบตเป็นครั้งแรก

ขอโทษนะค่ะพอดีไม่มีความรู้เลย .... :P

ออฟไลน์ iKrit

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,730
  • Blue. Just BLUE.
Re: สอบถามเรื่องสตาร์ท City กับยางรถค่ะ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: พฤษภาคม 23, 2013, 04:10:44 »
ถ้าคิดว่าเปลี่ยนแบตแล้วจบ ไม่ต้องเชคระดับน้ำกลั่นอยู่บ่อยๆ รอจนมันหมดอายุใช้งานแล้วเปลี่ยนลูกใหม่ก็เลือกแบบแห้งเลยครับ แต่แพงหน่อย (จริงๆ มันไม่แห้งหรอก เพียงแต่ฝามันปิดสนิทอย่างดี)

แต่ถ้าหมั่นขยันตรวจสภาพรถตัวเองอยู่บ่อยๆ เชคนู่นนี่นั่นไปเรื่อย ไม่กลัวมือเปื้อน ซื้อแบบเติมก็ได้ครับ ถูกกว่าพอสมควร ถ้าของดีหน่อยนี่เผลอๆ แทบไม่ต้องเติมเลยล่ะ
"การไม่มีดราม่าเป็นลาภอันประเสริฐ"
แต่มนุษย์มาม่าบางคนก็ชอบเปิดประเด็นทุกที เอ้อ...แปลก

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,630
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
Re: สอบถามเรื่องสตาร์ท City กับยางรถค่ะ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: พฤษภาคม 23, 2013, 04:33:25 »
1. นั่นคืออาการของ แบ็ตเตอรี กำลังเสื่อมครับ
เป็นปกติ สำหรับรถยนต์ ที่เราอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนแบ็ตเตอรี ทุก 2 ปี
(ยกเว้น รถยนต์ Hybrid ซึ่งแบ็ตเตอรีขับเคลื่อนลูกใหญ่ๆ จะมีอายุอยู่ได้นานพอกับอายุของรถ คือราวๆ 10 ปี ถ้าไม่ขับโหดๆซะก่อน)

ลูกละราวๆ 3,000 บาท โดยประมาณ บวกลบ ถ้าเอาแบ็ตแห้ง ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น แล้วใช้ยาวๆไปเลย แพงขึ้นนิดหน่อยครับ
แต่จะคุ้ม ถ้าใช้รถทุกวัน และไม่ค่อยรู้เรื่องรถมากนัก หรือเพิ่งเริ่มต้นเรียนรู้เรื่องรถยนต์

2. ปะสตีม ถือว่าไว้ใจได้มากที่สุดครับ ไว้ใจได้มากกว่าแบบเอาตัวหนอนยัดเข้าไปในรอยรั่ว
แต่ก็อยู่ที่ฝีมือช่างด้วย สิ่งที่ผมเคยเจอมาคือ ล้อข้างที่ปะด้วยตัวหนอน ลมดันไม่รั่วเท่าไหร่
แต่ข้างที่ปะสตีม ดันรั่ว ก็เจอมาแล้วครับ ดังนั้น ก็ถือว่า ดีครับ ที่จะทำให้เราคอยเช็คลมยาง
ทุกสัปดาห์ เป้นการเตือนตัวเองไปในตัว

City เติมลมยาง ตามคู่มือก็ได้ แต่ถ้าต้องการให้รถมีช่วงล่างนุ่ขึ้นนิดๆ แต่พวงมาลัยจะหนืดขึ้นนิดหน่อย
เหมาะกับคนชอบขับรถ เติม 30 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว เท่ากันทั้ง 4 ล้อ ครับ แต่ถ้าออกเดินทางไกลบ่อยๆ
วิ่งยาวๆ ใช้ความเร็วสูง เติม 32 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ครับ อาจแข็งขึ้นนิดเดียว ต้องจับความรู้สึกจึงจะพบว่าต่าง


ออฟไลน์ crucifixzz

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 959
Re: สอบถามเรื่องสตาร์ท City กับยางรถค่ะ
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: พฤษภาคม 23, 2013, 05:15:13 »
แบตน้ำมี 2แบบ คือ ธรรมดา กับ maintenance free (MF) ซึ่งถ้าใช้แบบไม่ต้องดูและอะไรมาก็ MF ครึ่งปีดูซักครั้ง แต่ราคาก็จะสูงกว่า ส่วนแบบธรรมดานั้น ร้านแบตบอกว่าทนกว่า MF

ออฟไลน์ NS

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,712
  • การเดินทางครั้งใหม่
Re: สอบถามเรื่องสตาร์ท City กับยางรถค่ะ
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: พฤษภาคม 23, 2013, 09:49:08 »
ใช้ได้ 2 ปีกว่านี่เก่งแล้วครับ สำหรับแบตฯรุ่นนี้ ปกติปีกว่าก็เริ่มอาการไม่ดี ส่วนแบตฯ ใช้แบบกึ่งแห้งก็ได้ครับ ลูกละ 3,000 ขนาด40-45 แอมป์ แต่แบตฯลูกเท่าเดิม (ไม่ต้องถอดถาดรองออก)  ส่วนเรื่องยาง ไม่ต้องกังวลครับ ใช้ไปเถอะ จะปะแบบหนอน แบบสตีมร้อน สตีมเย็น มันไม่ต่างกันมากจนต้องกลัวหรอกครับ หากไม่ขับรถแบบลงสนาม แต่อย่าลืมเติมลมยางอะไหล่นะครับ เอาไว้ซัก 45ปอนด์ละ เช็คลมยางทุกเดือน แค่นี้ก็หายห่วงละครับ
จะเลือกรถหรือเมีย....

...รถสิคร๊าฟ

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,846
  • *** HLM.COM ***
Re: สอบถามเรื่องสตาร์ท City กับยางรถค่ะ
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: พฤษภาคม 23, 2013, 10:28:59 »
1. แบตชัวร์ๆครับ ดูจากอายุรถและอาการ เคยเป็นเหมือนกันครับ


ออฟไลน์ jztang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,722
  • Born To Race
Re: สอบถามเรื่องสตาร์ท City กับยางรถค่ะ
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: พฤษภาคม 23, 2013, 12:43:00 »
เปลี่ยนแบต จบ

ออฟไลน์ Chanissara

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 488
  • ใครจะรักเราเท่าพ่อแม่ไม่มี... ^_^
Re: สอบถามเรื่องสตาร์ท City กับยางรถค่ะ
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: พฤษภาคม 23, 2013, 16:54:19 »
1. นั่นคืออาการของ แบ็ตเตอรี กำลังเสื่อมครับ
เป็นปกติ สำหรับรถยนต์ ที่เราอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนแบ็ตเตอรี ทุก 2 ปี
(ยกเว้น รถยนต์ Hybrid ซึ่งแบ็ตเตอรีขับเคลื่อนลูกใหญ่ๆ จะมีอายุอยู่ได้นานพอกับอายุของรถ คือราวๆ 10 ปี ถ้าไม่ขับโหดๆซะก่อน)

ลูกละราวๆ 3,000 บาท โดยประมาณ บวกลบ ถ้าเอาแบ็ตแห้ง ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น แล้วใช้ยาวๆไปเลย แพงขึ้นนิดหน่อยครับ
แต่จะคุ้ม ถ้าใช้รถทุกวัน และไม่ค่อยรู้เรื่องรถมากนัก หรือเพิ่งเริ่มต้นเรียนรู้เรื่องรถยนต์

2. ปะสตีม ถือว่าไว้ใจได้มากที่สุดครับ ไว้ใจได้มากกว่าแบบเอาตัวหนอนยัดเข้าไปในรอยรั่ว
แต่ก็อยู่ที่ฝีมือช่างด้วย สิ่งที่ผมเคยเจอมาคือ ล้อข้างที่ปะด้วยตัวหนอน ลมดันไม่รั่วเท่าไหร่
แต่ข้างที่ปะสตีม ดันรั่ว ก็เจอมาแล้วครับ ดังนั้น ก็ถือว่า ดีครับ ที่จะทำให้เราคอยเช็คลมยาง
ทุกสัปดาห์ เป้นการเตือนตัวเองไปในตัว

City เติมลมยาง ตามคู่มือก็ได้ แต่ถ้าต้องการให้รถมีช่วงล่างนุ่ขึ้นนิดๆ แต่พวงมาลัยจะหนืดขึ้นนิดหน่อย
เหมาะกับคนชอบขับรถ เติม 30 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว เท่ากันทั้ง 4 ล้อ ครับ แต่ถ้าออกเดินทางไกลบ่อยๆ
วิ่งยาวๆ ใช้ความเร็วสูง เติม 32 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ครับ อาจแข็งขึ้นนิดเดียว ต้องจับความรู้สึกจึงจะพบว่าต่าง



ขอบคุณคุณจิมนะค่ะ กระจ่างเลย ขอบคุณคำแนะนำของเพื่อนๆพี่ๆทุกคนด้วยค่ะ ... _/\_

ออฟไลน์ Mike

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,566
Re: สอบถามเรื่องสตาร์ท City กับยางรถค่ะ
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: พฤษภาคม 23, 2013, 20:52:24 »
1. นั่นคืออาการของ แบ็ตเตอรี กำลังเสื่อมครับ
เป็นปกติ สำหรับรถยนต์ ที่เราอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนแบ็ตเตอรี ทุก 2 ปี
(ยกเว้น รถยนต์ Hybrid ซึ่งแบ็ตเตอรีขับเคลื่อนลูกใหญ่ๆ จะมีอายุอยู่ได้นานพอกับอายุของรถ คือราวๆ 10 ปี ถ้าไม่ขับโหดๆซะก่อน)

ลูกละราวๆ 3,000 บาท โดยประมาณ บวกลบ ถ้าเอาแบ็ตแห้ง ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น แล้วใช้ยาวๆไปเลย แพงขึ้นนิดหน่อยครับ
แต่จะคุ้ม ถ้าใช้รถทุกวัน และไม่ค่อยรู้เรื่องรถมากนัก หรือเพิ่งเริ่มต้นเรียนรู้เรื่องรถยนต์

2. ปะสตีม ถือว่าไว้ใจได้มากที่สุดครับ ไว้ใจได้มากกว่าแบบเอาตัวหนอนยัดเข้าไปในรอยรั่ว
แต่ก็อยู่ที่ฝีมือช่างด้วย สิ่งที่ผมเคยเจอมาคือ ล้อข้างที่ปะด้วยตัวหนอน ลมดันไม่รั่วเท่าไหร่
แต่ข้างที่ปะสตีม ดันรั่ว ก็เจอมาแล้วครับ ดังนั้น ก็ถือว่า ดีครับ ที่จะทำให้เราคอยเช็คลมยาง
ทุกสัปดาห์ เป้นการเตือนตัวเองไปในตัว

City เติมลมยาง ตามคู่มือก็ได้ แต่ถ้าต้องการให้รถมีช่วงล่างนุ่ขึ้นนิดๆ แต่พวงมาลัยจะหนืดขึ้นนิดหน่อย
เหมาะกับคนชอบขับรถ เติม 30 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว เท่ากันทั้ง 4 ล้อ ครับ แต่ถ้าออกเดินทางไกลบ่อยๆ
วิ่งยาวๆ ใช้ความเร็วสูง เติม 32 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ครับ อาจแข็งขึ้นนิดเดียว ต้องจับความรู้สึกจึงจะพบว่าต่าง



พี่จิมมี่ ครับ ผม City MC SV ยาง 185/55/R16 เดิมๆ เติม ตามสเปค หน้า 32 หลัง 30 แล้วมันก็ซับแรงสะเทือนได้ดี(ดีเท่าที่ซิตี้จะทำได้) แต่ผมเป็นคนขับรถเร็ว ชอบสาดโค้ง

เติม 32/30 แล้วไม่ค่อยมั่นใจ เหมือนมันจะย้วย ยิ่งหน้า 32 นี่ แก้มยางแบนมาก ผมเลย 35 ทั้ง 4 ล้อ รู้สึกถึงแรงสะเทือน จากพื้นถนนเลย แต่ขับแล้ว มั่นใจกว่าเดิม เวลาเข้า

โค้งดีกว่าเดิมนิดนึง "ผมทำถูกมั้ยครับ หรือไม่ควรใส่ 35 " (เวลาเติม 35 จะรู้สึกถึงแรงสะเทือนจากพื้นถนนได้ดี จนคอนโซลสั่น เสียงกร็อปแกรป แก้ยังงัยดีครับ แต่ 32/30 ไม่เป็น เส้นทางเดียวกัน ความเร็วเท่ากัน)
Next Gen Ford Everest 2.0 Titanium+ 4x4
Honda HRV e:HEV RS 22
SUBARU XV 2.0i-P 16
HONDA City SV 12
FORD Ranger Hi Rider 4DR XLT 2.2 TDCi 12
FORD Ranger Hi Rider OpenCab LIMITED 2.5 TDCi 08
ISUZU Dragon Eye SpaceCab SLX 2.8 00
TOYOTA Hilux Mighty X 94
MITSUBISHI Cyclone 94
TOYOTA Hilux Super Star 88

ออฟไลน์ wannachat

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 246
    • อีเมล์
Re: สอบถามเรื่องสตาร์ท City กับยางรถค่ะ
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: พฤษภาคม 24, 2013, 09:57:58 »
รถผม vios แบตเดิม(น้ำ) 45 amp

แบต
-ถ้ารถจอดแดดบ่อยๆ อายุการใช้งานประมาณ  ปีครึ่ง ก็อาจเริ่มมีอาการ
-ถ้าจอดที่ร่ม น้ำกลั่นไม่แห้ง ของผม 2 ปี ครึ่งแล้ว ยังไม่พัง

อาการ ก็คือ จะสตาร์ตติดยาก   เข็มน้ำมันขยับผิดปกติเหมือนไฟอ่อนมาก  นานเข้าก็จะสตาทไม่ติด

------
ส่วน หัวเทียน พวกวีออสเปลี่ยนทุก 40000 โล  แต่รู้สึกว่านิวซิตี้ หัวเทียนจะอิริเดียมนะ เปลี่ยนทุกแสนโล
-----

ถ้าไม่เติมเครื่องเสียงเพิ่ม แนะนำใช้แบตขนาดเท่าเดิม  ดีสุด เพราะ ไม่แพง ไม่หนัก ไม่ต้องชาจไฟเยอะ ไม่กินที่

แบตน้ำ ที่ขอนแก่น ราคา 1750-1850 ไม่รวมเทิร์นของเดิม 100-200  (แต่ไม่รู้ว่าแบบธรรมดาหรือแบบ MF )

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,630
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
Re: สอบถามเรื่องสตาร์ท City กับยางรถค่ะ
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: พฤษภาคม 24, 2013, 12:05:02 »
1. นั่นคืออาการของ แบ็ตเตอรี กำลังเสื่อมครับ
เป็นปกติ สำหรับรถยนต์ ที่เราอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนแบ็ตเตอรี ทุก 2 ปี
(ยกเว้น รถยนต์ Hybrid ซึ่งแบ็ตเตอรีขับเคลื่อนลูกใหญ่ๆ จะมีอายุอยู่ได้นานพอกับอายุของรถ คือราวๆ 10 ปี ถ้าไม่ขับโหดๆซะก่อน)

ลูกละราวๆ 3,000 บาท โดยประมาณ บวกลบ ถ้าเอาแบ็ตแห้ง ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น แล้วใช้ยาวๆไปเลย แพงขึ้นนิดหน่อยครับ
แต่จะคุ้ม ถ้าใช้รถทุกวัน และไม่ค่อยรู้เรื่องรถมากนัก หรือเพิ่งเริ่มต้นเรียนรู้เรื่องรถยนต์

2. ปะสตีม ถือว่าไว้ใจได้มากที่สุดครับ ไว้ใจได้มากกว่าแบบเอาตัวหนอนยัดเข้าไปในรอยรั่ว
แต่ก็อยู่ที่ฝีมือช่างด้วย สิ่งที่ผมเคยเจอมาคือ ล้อข้างที่ปะด้วยตัวหนอน ลมดันไม่รั่วเท่าไหร่
แต่ข้างที่ปะสตีม ดันรั่ว ก็เจอมาแล้วครับ ดังนั้น ก็ถือว่า ดีครับ ที่จะทำให้เราคอยเช็คลมยาง
ทุกสัปดาห์ เป้นการเตือนตัวเองไปในตัว

City เติมลมยาง ตามคู่มือก็ได้ แต่ถ้าต้องการให้รถมีช่วงล่างนุ่ขึ้นนิดๆ แต่พวงมาลัยจะหนืดขึ้นนิดหน่อย
เหมาะกับคนชอบขับรถ เติม 30 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว เท่ากันทั้ง 4 ล้อ ครับ แต่ถ้าออกเดินทางไกลบ่อยๆ
วิ่งยาวๆ ใช้ความเร็วสูง เติม 32 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ครับ อาจแข็งขึ้นนิดเดียว ต้องจับความรู้สึกจึงจะพบว่าต่าง



พี่จิมมี่ ครับ ผม City MC SV ยาง 185/55/R16 เดิมๆ เติม ตามสเปค หน้า 32 หลัง 30 แล้วมันก็ซับแรงสะเทือนได้ดี(ดีเท่าที่ซิตี้จะทำได้) แต่ผมเป็นคนขับรถเร็ว ชอบสาดโค้ง

เติม 32/30 แล้วไม่ค่อยมั่นใจ เหมือนมันจะย้วย ยิ่งหน้า 32 นี่ แก้มยางแบนมาก ผมเลย 35 ทั้ง 4 ล้อ รู้สึกถึงแรงสะเทือน จากพื้นถนนเลย แต่ขับแล้ว มั่นใจกว่าเดิม เวลาเข้า

โค้งดีกว่าเดิมนิดนึง "ผมทำถูกมั้ยครับ หรือไม่ควรใส่ 35 " (เวลาเติม 35 จะรู้สึกถึงแรงสะเทือนจากพื้นถนนได้ดี จนคอนโซลสั่น เสียงกร็อปแกรป แก้ยังงัยดีครับ แต่ 32/30 ไม่เป็น เส้นทางเดียวกัน ความเร็วเท่ากัน)

City ของพี่ ก็ชอบเล่นโค้ง และพี่ก็ใส่แค่ 32 เท่ากัน 4 ล้อ แค่นี้ก็พอแล้วเน่อ
เพราะถ้าเจอพื้นถนนลื่นๆ ในโค้ง ด้วยความเร็วเท่ากัน หน้ายางที่จับกับพื้นถนน คือสิ่งสำคัญ
ที่จะช่วยให้รอดจากโค้งได้หรือไม่ คือต้องพอดีๆ เหมาะสม ลมยางไม่มากและไม่น้อยเกินไป

เราไม่มีทางรู้หรอกว่า ในโค้งเดียวกันที่เราใช้ทุกวัน ในวันถัดมา จะมีอะไรหกใส่ อยุ่ในโค้งหรืเปล่า?
เช่นครบน้ำมัน หรือทรายจากรถบรรทุกคันข้างหน้า

เคสนี้ 35 ก็ได้ครับ แต่ในความจริง 32 แหละ พอแล้ว เต็มที่ก็ 33-34