ผู้เขียน หัวข้อ: รบกวนถามพี่แพน และพี่ๆ เรื่องอุด EGR วีโก้หน่อยครับ  (อ่าน 49411 ครั้ง)

ออฟไลน์ AMG GT

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,961
อย่าอุดเลยครับ ถ้าอยากจะอุดจริงๆลองไป เดินใกล้รถที่ อุด EGR ดูครับแล้วจะรู้เลยว่าเป็นยังไง  อีกอย่างรถเครื่องมันล้างได้ครับ ไม่กี่พัน แต่ร่างกาย ล้างและซ่อมไม่ได้นะ  :)

ออฟไลน์ Ji.Cl.

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 680
    • อีเมล์
อันติส แคมรี่ วีออส ยารีส วิ่งเต็มกทม. ไม่มีระบบ EGR อย่าไปอยู่ใกล้นะครับ

มังกรทอง รถโดยสาร รถแดง  ไม่มี EGR คนก้ใช้กันทั่วบ้านทั่วเมือง เครื่องวิ่งกันเป็นล้าน กม.

 :o

ใครตอบผมได้บ้างครับว่าทำไมรถพวกนี้ไม่มี EGR แต่วิ่งเต็มกทม.

ผมยังไม่เคยเห็นค่ามลพิษที่เป็นเอกสารอ้างอิงได้เลย

ถ้ารัฐเข็มงวดจริงๆ ทำไม่นำเครื่องมือตรวจสอบนี้เข้ามาเป็นมาตรฐาน

ของการต่อภาษีรถแต่ละคันด้วยละครับ

ส่วนตัวผมมีดีเซล 3 คัน ไม่อุดสักคัน
ขอตอบในมุมของผู้ใช้เบนซินนะครับ โคโรน่า หน้ายักษ์ของผม จดปี 2533

ตอนไปตรวจสภาพรถ ก็ยังเคยถามที่อู่ว่าทำไมรถผมยังผ่าน เพราะไม่มีอุปกรณ์ไอเสียเลย เค้าก็ยื่นเอกสารให้ดูครับ

รถเบนซินที่จดปี 2536 ลงไป จะใช้ค่ามาตรฐานขั้นต่ำในการตรวจ ตรอ. คนละค่ากับมาตรฐานที่จะใช้กับรถปี 2537 ขึ้นไป

ซึ่งเทียบกันค่าต่อค่าแล้ว รถรุ่นเก่ากว่าที่ว่านี้จะใช้เกณฑ์ไอเสียเป็น 3 เท่าของรถรุ่นใหม่

เท่าที่จำค่าได้คือค่า CO ซึ่งจะต้องไม่เกิน 200 ppm สำหรับรถปี 37 ขึ้นไป แต่ไม่เกิน 600 ppm สำหรับรถปี 36 ลงมา



การพัฒนามาตรฐานมลพิษไอเสีย ต้องบังคับกับรถที่ผลิตขึ้นแต่ละยุคสมัยให้สอดคล้องกันครับ

ถ้ารถสมัยใหม่พัฒนาขึ้น ถ้าไม่พัฒนากฎบังคับตามไป บ้านเมืองก็ไม่ต้องพัฒนา

แต่ถ้ากฎที่ออกมาบังคับย้อนหลังให้รถเก่าทุกคันในยุคนั้นไปติดแคต ติดอีจีอาร์ มันก็ไม่เป็นธรรมกับผู้ใช้รถ

(มันเป็นตรรกะเดียวกับการที่ไม่ออกกฎหมายบังคับใช้ย้อนหลังครับ)

จึงใช้เกณฑ์สองมาตรฐานแบบที่กล่าวมานี่ล่ะครับ เพราะรถเก่าจะค่อยๆ หายไปจากถนนเอง



คิดว่ากรณีเดียวกันนี้ก็น่าจะเกิดกับดีเซลด้วย แต่ถ้ารถใหม่ๆ แล้วอุด พออายุอานามครบ 7 ปี ตรวจ ตรอ ไม่น่าผ่านครับนอกจากยัดเงิน

ถ้าต้องการหลักฐานผมจะไปค้นใบผลตรวจสภาพปีล่าสุดมาให้ดูครับ (ถ้าคุณตอบกลับมาว่าอยากเห็นนะ)



แล้วก็เครื่องเบนซินบางรุ่นก็มี EGR ครับ แต่จริงๆ มันไม่จำเป็นต้องมี เพราะเบนซินมีอัตราส่วนกำลังอัดต่ำ การเผาไหม้ไม่ร้อนเท่าดีเซล

NOx จะเกิดเฉพาะเมื่อการเผาไหม้ร้อนจัด ซึ่งเครื่องดีเซลที่เผาไหม้ร้อน พอมี EGR คอยยัดขยะเข้าไปก็จะช่วยให้ห้องเผาไหม้เย็นลง

NOx ก็จะลดลง แต่เบนซินซึ่งไม่ร้อนเท่า ไม่มี NOx อยู่แล้ว มีไอ้นี่ไปก็ไม่ค่อยช่วยครับ ตัวลดมลพิษสำคัญของเบนซินคือแคตอย่างเดียว

ออฟไลน์ rut191

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,212
ผมแนะนำอย่างนี้แล้วกันนะคับ
ถ้าคนอยุ่ต่างจังหวัดไม่เจอรถติดอุดไปก็เท่านั้นแหละคับเพราะมันปิดเมื่อรอบสูง
ส่วนคนทีอยุ่ในเมืองถ้าใช้รถเยอะสัก2แสนโลต้องโดนแน่ๆ
วิธีแก้ปัญหา
1.เติมหอยตัวท๊อป (เขม่าน้อยลงจิงๆนะ)
2.ถ่ายน้ำมันเครื่องบ่อยๆสัก7-8พันพอ
3.รอMazda diesel sky active ดีเซลกำลังอัดต่ำที่ผ่านมาตรฐานยูโร6 โดยไม่มีegr
(ข้อ3นี้เกี่ยวกันไหมเนี่ย- -)

ออฟไลน์ dht_tubes

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,636
    • อีเมล์
อ่านดู ก็สรุปได้ว่าแต่ละท่านก็มีวิธีคิดที่แตกต่างกันไป ตามสภาพแวดล้อมที่เจอ

ของแบบนี้ ถ้าเราคุยกันบนพื้นฐาน ถูกใจ ก็ออกความเห็นกันได้หลากหลายไปครับ ตามสะดวก

แต่.........ถ้าเปลี่ยนเป็น ถูกต้อง มั่งหล่ะ...... มันก็ต้องคุยกันอีกแบบนึงครับ

มุมมองผม เรื่องพวกนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเค้าก็ต้องทำหน้าที่ของตน เช่น ต่อไป การคำนวนพิกัดภาษีนั้น จะขึ้นอยู่กับการคายไอเสียของรถแต่ละคัน แต่ละรุ่น  ภาครัฐก็ทำหน้าที่ของตนไป อะไรที่ไม่เข้มงวดก็ต้องแก้ไขให้ดี

ถ้าค่ายรถคิดหาวิธีลดไอเสียให้ได้มาตรฐานที่สากลยอมรับกันได้ และก็ผลิตมาขายเรา ในพิกัดที่เสียภาษีต่ำกว่าคนอื่นที่ทำไม่ได้ แต่ก็แลกกับเงินทุนที่ลงเพิ่มไป ก็เท่ากับเราเอาเปรียบสภาพแวดล้อมและส่วนรวมน้อยลง ก็เก็บเงินเราน้อยลงตาม ซึ่งก็แฟร์ใช่มั๊ยครับ

แล้วถ้ากลับกันท่านที่ว่าไม่มีดีกว่า ต้องจ่ายแพงกว่า ก็น่าจะแฟร์หรือไม่

ผมว่ามันขึ้นอยู่กับเรายึดอะไรเป็นหลักมากกว่าครับ ถ้ายึดหลักเดียวกัน ใครคิดผิด หรือ ถูก ผมว่ามองออกได้ไม่ยากครับ

ส่วนตัวผมก็เป็นพวกไม่อุดครับ

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,089
อ่านดู ก็สรุปได้ว่าแต่ละท่านก็มีวิธีคิดที่แตกต่างกันไป ตามสภาพแวดล้อมที่เจอ

ของแบบนี้ ถ้าเราคุยกันบนพื้นฐาน ถูกใจ ก็ออกความเห็นกันได้หลากหลายไปครับ ตามสะดวก

แต่.........ถ้าเปลี่ยนเป็น ถูกต้อง มั่งหล่ะ...... มันก็ต้องคุยกันอีกแบบนึงครับ

มุมมองผม เรื่องพวกนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเค้าก็ต้องทำหน้าที่ของตน เช่น ต่อไป การคำนวนพิกัดภาษีนั้น จะขึ้นอยู่กับการคายไอเสียของรถแต่ละคัน แต่ละรุ่น  ภาครัฐก็ทำหน้าที่ของตนไป อะไรที่ไม่เข้มงวดก็ต้องแก้ไขให้ดี

ถ้าค่ายรถคิดหาวิธีลดไอเสียให้ได้มาตรฐานที่สากลยอมรับกันได้ และก็ผลิตมาขายเรา ในพิกัดที่เสียภาษีต่ำกว่าคนอื่นที่ทำไม่ได้ แต่ก็แลกกับเงินทุนที่ลงเพิ่มไป ก็เท่ากับเราเอาเปรียบสภาพแวดล้อมและส่วนรวมน้อยลง ก็เก็บเงินเราน้อยลงตาม ซึ่งก็แฟร์ใช่มั๊ยครับ

แล้วถ้ากลับกันท่านที่ว่าไม่มีดีกว่า ต้องจ่ายแพงกว่า ก็น่าจะแฟร์หรือไม่

ผมว่ามันขึ้นอยู่กับเรายึดอะไรเป็นหลักมากกว่าครับ ถ้ายึดหลักเดียวกัน ใครคิดผิด หรือ ถูก ผมว่ามองออกได้ไม่ยากครับ

ส่วนตัวผมก็เป็นพวกไม่อุดครับ
+1ครับ

ส่วนตัวผมมองว่า  คนอื่นจะทำไม่ถูกไม่ควร ไม่เหมาะ ก็เรื่องของเขา ไม่จำเป็นว่าเราต้องได้อย่างเขา   คนอื่นอุด รถดีขึ้นจริง ผมก็ยอดไม่อุดได้
ผมว่าบางทีเราก็ต้องยอมเสียบเปรียบบ้างครับ ไม่งั้นโลกนี้คงอยู่ยาก เพราะไม่มีใครยอมใคร

ออฟไลน์ Neobi

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 7
ขอบคุณพี่ๆ ทุกคนมากครับผม สำหรับคำแนะนำ ทุกๆคำ 
ฟังขนาดนี้แล้ว คงไม่อุด ดีกว่า เปลี่ยนเป็นทำความสะอาด ทั้งระบบใหม่ แทน  ขอบคุณมากครับผม

ออฟไลน์ decptt

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,572
ผมอ่านเมนท์ทั้งหลาย ก็ดีใจนะครับ ว่าสมาชิก HLM หลายๆท่าน และเป็นส่วนมาก
ยังรัก และเคารพสิทธิของผู้อื่น
แต่ก็ยังเสียใจกับสมาชิกบางท่าน ที่ คิดถึงตัวเองเป็นหลัก

ขอบคุณครับ และดีใจที่อยู่ในสังคม HLM  :D
รักษ์โลก รักเพื่อนมนุษย์ กันนะครับ ชีวิตเรา ชีวิตครอบครัว ชีวิตผู้อื่น มีค่าเท่ากันหมดครับ

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,041
แคท คือ เนื้อร้าย
egr ไม่อุดเครื่องจะเป็นมะเร็ง
คุณไม่อุดegrวิ่งมาขนาดนี้ก็เปิดดูละกันครับ
เครื่องเป็นมะเร็งชัดๆน่าจะเกือบระยะสุดท้ายแล้วด้วย
ล้างยังงัยก็ไม่เหมือนเดิมแล้วมันเหมือนเข้าเส้นแล้วละ ทำจัยอย่างเดียวแล้วแคทละยังอยู่ไหม
เรื่องแคทกรองไอเสีย สำหรับผมนะซีเรียสมาก
ถึงกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยละ ถ้าไม่ได้ตัดออก
รถที่ซื้อใช้ทุกคันรถใหม่ออกจากโชว์รูมก่อนถึงบ้าน
ผมเข้าร้านท่อตัดแคทก่อนเลยสบายใจละ
ไม่สนวารันตี3ปีช่างมันตัดทิ้งแล้วเราสบายใจ
เครื่องไม่อั้นไม่ร้อน ถ้ากระบะก็อุดEGRด้วยเลย
vigoผมก็ตัดแคทอุดEGRตั้งแต่วันแรกที่รับรถ
จนทุกวันนี้จัดเต็มวิ่งจะ13วิละไม่เคยมีปัญหาเลย
ญาติกันออกมาแต่ไม่ตัดไม่อุดแบบที่ผมแนะนำ
ใช้เดิมๆปัญหาสารพัดเร่งไม่ออกกินน้ำมันวูบดับ
สุดท้ายขายไปแล้ว แคทมันเหมือนเนื้อร้ายเราตัดทิ้ง
ยิ่งเร็วยิ่งดีต่อสุขภาพเครื่องครับ เชื่อผมตัดทิ้งเลย

ไม่สนใจสุขภาพปอดตัวเองที่มันจะหาอะไหล่มาเปลี่ยนแทนเครื่องรถคุณไม่ได้บ้างเลยหรือครับ?

ถ้า Catalytic Converter เป็นเนื้อร้ายจริง
ทำไม กฎหมาย Muskee Act ของ California จึงบังคับให้มีการติดตั้งมันเข้าไปตั้งแต่ยุค 1973 ละครับ?

เว็บของเรา มีจุดยืนชัดเจนที่จะไม่สนับสนุนให้มีการอุด EGR แต่อย่างใดทั้งสิ้น
แม้จะรู้ว่า มันม่ีผลดีต่อเครื่องยนต์มากขึ้น

แต่เรามองเห็นแล้วว่า ผลร้ายที่จะเกิดขึ้นต่อโลก มันยิ่งมากมายยิ่งกว่าเดิม


เหตุผล ทั้งข้อดีข้อเสีย หลายท่าน ข้างบนนี้ได้บอกไปแล้ว

ตอนแรกเคยมีคนติงว่าเขาเป็นเล่นๆ พูดเล่นๆ
แต่นี่คงจริงจังครับ

ออฟไลน์ นครอัญมณี

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,181
    • นครอัญมณี
    • อีเมล์
อุด EGR เครื่องจะแรงขึ้นนิดหนึ่ง เฉพาะรอบต่ำ หรือ ออกตัวครับ (คือช่วงที่ EGR ทำงาน)
นอกนั้นแรงเท่าเดิม (โปรดใช้เครื่องมือวัด อย่าใช้ความรู้สึกวัด)

เขาสร้าง EGR มาเพื่อความประหยัดเชื้อเพลิง และความสะอาดของอากาศที่ปล่อยออกมา

การอุด EGR จะทำให้เครื่องยนต์จ่ายน้ำมันน้อยลง (ผสมบาง) ในขณะที่รอบต่ำ หรือออกตัว
แต่จะทำให้เครื่องยนต์ร้อนขึ้นมาก หลายพันองศาเซลเซียส มีผลเสีย ตามมา มากมาย
เห็นได้ชัดคือ แคทเตอร์ไลติก ละลาย เพราะไอเสียที่ปล่อยออกมาร้อนมาก
ไปคิดต่อเองก็แล้วกันครับว่าเครื่องยนต์ร้อนมากกว่าเดิมแล้ว อะไรในเครื่องยนต์ จะเสียหายตามมาบ้าง

คุณจะเชื่อช่าง ปวช. ปวส. ตามอู่ บ้านๆ
หรือจะเชื่อ วิศวกร ที่สร้างเครื่องยนต์ให้กับบริษัทระดับโลก


รักรถมาก
รักครอบครัวมากกว่า
รักชาติ-ศาสน์-กษัตริย์มากที่สุด

ออฟไลน์ myalexxp

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 829
อุด EGR เครื่องจะแรงขึ้นนิดหนึ่ง เฉพาะรอบต่ำ หรือ ออกตัวครับ (คือช่วงที่ EGR ทำงาน)
นอกนั้นแรงเท่าเดิม (โปรดใช้เครื่องมือวัด อย่าใช้ความรู้สึกวัด)

เขาสร้าง EGR มาเพื่อความประหยัดเชื้อเพลิง และความสะอาดของอากาศที่ปล่อยออกมา

การอุด EGR จะทำให้เครื่องยนต์จ่ายน้ำมันน้อยลง (ผสมบาง) ในขณะที่รอบต่ำ หรือออกตัว
แต่จะทำให้เครื่องยนต์ร้อนขึ้นมาก หลายพันองศาเซลเซียส มีผลเสีย ตามมา มากมาย
เห็นได้ชัดคือ แคทเตอร์ไลติก ละลาย เพราะไอเสียที่ปล่อยออกมาร้อนมาก
ไปคิดต่อเองก็แล้วกันครับว่าเครื่องยนต์ร้อนมากกว่าเดิมแล้ว อะไรในเครื่องยนต์ จะเสียหายตามมาบ้าง

คุณจะเชื่อช่าง ปวช. ปวส. ตามอู่ บ้านๆ
หรือจะเชื่อ วิศวกร ที่สร้างเครื่องยนต์ให้กับบริษัทระดับโลก




โหยยย โคตรจะดูถูกช่างเค้ามากนะครับ วันหลังถ้าเอารถเข้า 0 ขอคุยกะวิศวะกรโรงงานประกอบรถไปเลย

ไม่ต้องคุยกะช่างที่เค้าซ่อมรถให้หรอก

ถ้าคิดแบบนี้ เจ้าของอุปกรณ์ตกแต่งรถหรือร้านค้าขายทั้งหลายก็โดนด้วยสิครับ (บางคนจบแค่ป4.แต่เป็นเฒ่าแก่)

เปลี่ยนล้อ เปลี่ยนยาง เปลี่ยนเบรก เปลี่ยนโช๊ค เปลี่ยนหลอดไฟ ยัดเทอร์โบ ใส่กล่อง ดันราง

ทำท่อ ทำเฮดเดอร์น้อยคนจะไม่ตัดแคทออก และอื่นๆอีกมากมายที่ คุณ วิศวะกร เค้าคิดว่าดีกับรถ แล้วเราเปลี่ยนกันทำไม?

แล้วของที่เปลี่ยนออกเอาไปไว้ไหน

มันก็ต้องทิ้งหรือผ่านกระบวนการรีไซเคิล สูญเสียทรัพยากรกันไปอีก

แต่งเสร็จขับซิ่งผลานน้ำมัน เทสรถ เอามาคุยโม้กะเพื่อนฝูง


บางคนน้ำมันเครื่องเค้าให้เปลี่ยนที่ 15000 กม.

ก็ดันมาเปลี่ยน 5 พันมั้งละ กลัวเครื่องพัง แบบนี้โลกไม่สวยแล้วครับ

แล้วแท๊กซี่อัลติสที่วิ่งเต็มบ้านเต็มเมืองไม่มี EGR  ทำไมไม่เดือดร้อนกันละครับสูดดมกันทั้งเมือง

หรืออาจจะบอกว่ามันเป็นเครื่องยนต์เบนซิน มลพิษน้อย กว่าดีเซล น้อยแต่จำนวนรถมีมาก

มลพิษมันก็ต้องมากตามสิครับ

จะรักโลกกัน ก็รักมันให้สุดๆสิครับ เรื่องแต่งรถหลายคนในนี้อาจโดนเต็มๆ

คงไม่โกรธกันนะครับที่ผมเอาความจริงมาพูด






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 06, 2013, 08:21:55 โดย myalexxp »

ออฟไลน์ need4speed

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 55
ผมขอร่วมแจมด้วยนะครับ เพราะเท่าที่อ่านดูยังไม่มีประเด็นที่ผมได้ข้อมูลมา ต้องยกความรู้ทั้งหมดนี้ให้กับ อ. ศิริบูรณ์ เนาว์ถิ่นสุข ที่ถ่ายทอดความรู้นี้ไว้ให้ลูกๆ หลานๆ

ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจกับเรื่อง Lean-Burn กับ Rich-Burn ก่อน Lean-Burn แปลกันง่ายๆ ก็คือส่วนผสมบาง ตั้งแต่ 14.7:1 ขึ้นไป
หมายความว่าในห้องเผาไหม้มีอากาศ (ที่ติดไฟได้) 14.7 กรัม ต่อ 1 กรัมของน้ำมันเพื่อรอจุดสันดาป อันนี้สำหรับเครื่องที่ใช้เชื้อเพลิงแบบก๊าซโซลีนนะครับ
ถ้าน้อยกว่านี้ก็ Rich-Burn
 
ผมขอยกตัวอย่างในเครื่องดีเซลแล้วกัน เพราะในเครื่องยนต์ดีเซล เป็น Lean-Burn โดยธรรมชาติอยู่แล้ว ในรอบเดินเบาฉีดน้ำมันเข้าไปนิดเดียว ก็ได้ม้านิดเดียว
เพราะมีการเผาไหม้น้อย ควันดำไม่มี ฉีดน้ำมันมากขึ้นอีก ก็เผาไหม้ได้มากขึ้น มีแรงดันลูกสูบมากขึ้น แรงม้าก็มากขึ้น ถ้าฉีดน้ำมันเพิ่มขึ้นไปอีก
เผาไหม้จนออกซิเจนที่มีอยู่หมดเกลี้ยงก็ได้แรงม้าสูงสุดเท่าที่เครื่องนั้นทำได้
แต่ถ้ายังฉีดน้ำมันเพิ่มเข้าไปอีก แต่ออกซิเจนหมดไม่เหลือแล้ว ก็มีควันดำออกมาทางท่อไอเสีย อย่างที่นักจูนลูกทุ่งชอบใช้ตาดู ใช้จมูกดม ถ้ามีควันดำแสดงว่าแรงได้ที่
แต่นั่นคือใช้เชื้อเพลิงเกินความจำเป็นเพราะไม่มีออกซิเจนเหลือให้เผาไหม้แล้ว

แต่อย่าเป็นห่วงไปครับ ยังโชคดีที่เครื่องยนต์มันมีสมอง (ECU) มันจะใช้ค่าแลมด้าในท่อไอเสียเป็นตัวตัดสิน ถ้ามากกว่า 1.0 แสดงว่า Lean-Brun
คือมีอ๊อกซิเจนค้างอยู่ในท่อไอเสียจำนวนหนึ่ง แต่ถ้าค่าแลมด้าน้อยกว่า 1.0 แสดงว่า Rich-Brun ครับ ซึ่งจริงๆ
ในการทำงานของเครื่องยนต์ก็สามารถ Lean-Burn และ Rich-Burn ได้ อยู่ที่การตั้งโปรแกรมให้เรียกแรงม้าออกมาในช่วงไหน และขนาดไหน

สรุปง่ายๆ Lean ก็ประหยัด ถ้า Rich ก็แรงจะว่าอย่างนั้นก็คงได้

แต่ข้อเสียของ Lean-Brun ก็คือเรื่องความร้อนครับ เมื่อส่วนผสม Lean หมายความว่ามีออกซิเจนมากจนเหลือเฟือ เมื่อเกิดการเผาไหม้จะมีความร้อนสูง
เป็นความร้อนที่เกิดขึ้นในรอบสันดาปนั้นๆ นอกจากนั้นยังเผาไหม้ได้ช้าอีกด้วย ไฟอาจแล่บออกจากวาล์วไอเสีย เพราะวาล์วไอเสียเปิดแล้วยังเผาไหม้ไม่หมด
ถ้าส่วนผสม Lean มากๆ เครื่องยนต์ที่ว่าทนว่าอึด โดยเฉพาะวาล์วไอเสียนี่ถ้าระบายความร้อนไม่ดีมันก็นรกดีๆ นี่เอง

วิธีแก้ก็คือ การนำไอเสียที่วิ่งออกไปแล้วให้ย้อนกลับมาในห้องเผาไหม้ ในการเผาไหม้รอบต่อไป ไอดีก็จะผสมกับไอเสีย (ซึ่งไม่มีออกซิเจน)
ที่ป้อนกลับเข้ามาจากรอบที่แล้วไปแทนที่อ๊อกซิเจนบางส่วนเผาไหม้แล้วอุณหภูมิจะไม่สูงเกินไป หรือเรียกว่า Exhaust Gas Recirculation (EGR) นั่นแหละครับ

เพราะฉะนั้นที่บอกว่าอุด EGR แล้วเครื่องทนขึ้น ก็คงได้คำตอบแล้วนะครับ

แล้วไอ้ที่ว่าประหยัดขึ้นนี่คงคิดไปเองเพราะเมื่อเครื่องไม่ต้องการแรงม้า (อยู่ในรอบเดินเบา) จะ Lean จนมีออกซิเจนเหลือออกมามาก
เครื่องก็สั่งให้ฉีดน้ำมันเพิ่มเข้าไปอีกซึ่งมันเสียทิ้งไปเสียเปล่าๆ (ในกรณีที่อุด EGR)
 
แต่ควรจะแรงขึ้นเพราะเครื่องจะสั่งน้ำมันเข้าไปรอเผาไหม้อยู่เพิ่มขึ้น

เรื่อง Oxides of Nitrogen ผมคงไม่เขียนถึงนะครับ เพราะมีคนเขียนอยู่เยอะแล้ว เรื่องโลกสวยนี่พูดยาก ถ้าเทียบรถดีเซลที่อุด EGR
กับแท็กซี่ติดแก๊ซส่วนผสมปาเข้าไป 16:1 นี่ คิดดูว่าใครปล่อยมลพิษมากกว่ากัน แท็กซี่อยู่ในเมือง รถกระบะบางครั้งวิ่งในป่า ผมว่าก็ช่างเขาเถอะ

ยาวไปก็ขออภัยนะครับ พยายามย่อได้เท่านี้จริงๆ

ออฟไลน์ dht_tubes

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,636
    • อีเมล์
ผมขอร่วมแจมด้วยนะครับ เพราะเท่าที่อ่านดูยังไม่มีประเด็นที่ผมได้ข้อมูลมา ต้องยกความรู้ทั้งหมดนี้ให้กับ อ. ศิริบูรณ์ เนาว์ถิ่นสุข ที่ถ่ายทอดความรู้นี้ไว้ให้ลูกๆ หลานๆ

ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจกับเรื่อง Lean-Burn กับ Rich-Burn ก่อน Lean-Burn แปลกันง่ายๆ ก็คือส่วนผสมบาง ตั้งแต่ 14.7:1 ขึ้นไป
หมายความว่าในห้องเผาไหม้มีอากาศ (ที่ติดไฟได้) 14.7 กรัม ต่อ 1 กรัมของน้ำมันเพื่อรอจุดสันดาป อันนี้สำหรับเครื่องที่ใช้เชื้อเพลิงแบบก๊าซโซลีนนะครับ
ถ้าน้อยกว่านี้ก็ Rich-Burn
 
ผมขอยกตัวอย่างในเครื่องดีเซลแล้วกัน เพราะในเครื่องยนต์ดีเซล เป็น Lean-Burn โดยธรรมชาติอยู่แล้ว ในรอบเดินเบาฉีดน้ำมันเข้าไปนิดเดียว ก็ได้ม้านิดเดียว
เพราะมีการเผาไหม้น้อย ควันดำไม่มี ฉีดน้ำมันมากขึ้นอีก ก็เผาไหม้ได้มากขึ้น มีแรงดันลูกสูบมากขึ้น แรงม้าก็มากขึ้น ถ้าฉีดน้ำมันเพิ่มขึ้นไปอีก
เผาไหม้จนออกซิเจนที่มีอยู่หมดเกลี้ยงก็ได้แรงม้าสูงสุดเท่าที่เครื่องนั้นทำได้
แต่ถ้ายังฉีดน้ำมันเพิ่มเข้าไปอีก แต่ออกซิเจนหมดไม่เหลือแล้ว ก็มีควันดำออกมาทางท่อไอเสีย อย่างที่นักจูนลูกทุ่งชอบใช้ตาดู ใช้จมูกดม ถ้ามีควันดำแสดงว่าแรงได้ที่
แต่นั่นคือใช้เชื้อเพลิงเกินความจำเป็นเพราะไม่มีออกซิเจนเหลือให้เผาไหม้แล้ว

แต่อย่าเป็นห่วงไปครับ ยังโชคดีที่เครื่องยนต์มันมีสมอง (ECU) มันจะใช้ค่าแลมด้าในท่อไอเสียเป็นตัวตัดสิน ถ้ามากกว่า 1.0 แสดงว่า Lean-Brun
คือมีอ๊อกซิเจนค้างอยู่ในท่อไอเสียจำนวนหนึ่ง แต่ถ้าค่าแลมด้าน้อยกว่า 1.0 แสดงว่า Rich-Brun ครับ ซึ่งจริงๆ
ในการทำงานของเครื่องยนต์ก็สามารถ Lean-Burn และ Rich-Burn ได้ อยู่ที่การตั้งโปรแกรมให้เรียกแรงม้าออกมาในช่วงไหน และขนาดไหน

สรุปง่ายๆ Lean ก็ประหยัด ถ้า Rich ก็แรงจะว่าอย่างนั้นก็คงได้

แต่ข้อเสียของ Lean-Brun ก็คือเรื่องความร้อนครับ เมื่อส่วนผสม Lean หมายความว่ามีออกซิเจนมากจนเหลือเฟือ เมื่อเกิดการเผาไหม้จะมีความร้อนสูง
เป็นความร้อนที่เกิดขึ้นในรอบสันดาปนั้นๆ นอกจากนั้นยังเผาไหม้ได้ช้าอีกด้วย ไฟอาจแล่บออกจากวาล์วไอเสีย เพราะวาล์วไอเสียเปิดแล้วยังเผาไหม้ไม่หมด
ถ้าส่วนผสม Lean มากๆ เครื่องยนต์ที่ว่าทนว่าอึด โดยเฉพาะวาล์วไอเสียนี่ถ้าระบายความร้อนไม่ดีมันก็นรกดีๆ นี่เอง

วิธีแก้ก็คือ การนำไอเสียที่วิ่งออกไปแล้วให้ย้อนกลับมาในห้องเผาไหม้ ในการเผาไหม้รอบต่อไป ไอดีก็จะผสมกับไอเสีย (ซึ่งไม่มีออกซิเจน)
ที่ป้อนกลับเข้ามาจากรอบที่แล้วไปแทนที่อ๊อกซิเจนบางส่วนเผาไหม้แล้วอุณหภูมิจะไม่สูงเกินไป หรือเรียกว่า Exhaust Gas Recirculation (EGR) นั่นแหละครับ

เพราะฉะนั้นที่บอกว่าอุด EGR แล้วเครื่องทนขึ้น ก็คงได้คำตอบแล้วนะครับ

แล้วไอ้ที่ว่าประหยัดขึ้นนี่คงคิดไปเองเพราะเมื่อเครื่องไม่ต้องการแรงม้า (อยู่ในรอบเดินเบา) จะ Lean จนมีออกซิเจนเหลือออกมามาก
เครื่องก็สั่งให้ฉีดน้ำมันเพิ่มเข้าไปอีกซึ่งมันเสียทิ้งไปเสียเปล่าๆ (ในกรณีที่อุด EGR)
 
แต่ควรจะแรงขึ้นเพราะเครื่องจะสั่งน้ำมันเข้าไปรอเผาไหม้อยู่เพิ่มขึ้น

เรื่อง Oxides of Nitrogen ผมคงไม่เขียนถึงนะครับ เพราะมีคนเขียนอยู่เยอะแล้ว เรื่องโลกสวยนี่พูดยาก ถ้าเทียบรถดีเซลที่อุด EGR
กับแท็กซี่ติดแก๊ซส่วนผสมปาเข้าไป 16:1 นี่ คิดดูว่าใครปล่อยมลพิษมากกว่ากัน แท็กซี่อยู่ในเมือง รถกระบะบางครั้งวิ่งในป่า ผมว่าก็ช่างเขาเถอะ

ยาวไปก็ขออภัยนะครับ พยายามย่อได้เท่านี้จริงๆ


ข้อมูลดีๆ มีมาให้อ่านศึกษา และช่วยให้เราสามารถเลือกบนข้อมูลที่เป็นความรู้ เป็นข้อเท็จจริง ไม่ใช่ความเชื่อที่ไม่มีข้อมูลรองรับ ส่วนใครจะเลือกแบบไหน ไม่ว่ากันครับ

อ่านแล้วได้รู้อะไรๆ เพิ่มขึ้นอีก ขอขอบคุณมากๆครับ

ออฟไลน์ LimitedEdition

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,410
อุด EGR เครื่องจะแรงขึ้นนิดหนึ่ง เฉพาะรอบต่ำ หรือ ออกตัวครับ (คือช่วงที่ EGR ทำงาน)
นอกนั้นแรงเท่าเดิม (โปรดใช้เครื่องมือวัด อย่าใช้ความรู้สึกวัด)

เขาสร้าง EGR มาเพื่อความประหยัดเชื้อเพลิง และความสะอาดของอากาศที่ปล่อยออกมา

การอุด EGR จะทำให้เครื่องยนต์จ่ายน้ำมันน้อยลง (ผสมบาง) ในขณะที่รอบต่ำ หรือออกตัว
แต่จะทำให้เครื่องยนต์ร้อนขึ้นมาก หลายพันองศาเซลเซียส มีผลเสีย ตามมา มากมาย
เห็นได้ชัดคือ แคทเตอร์ไลติก ละลาย เพราะไอเสียที่ปล่อยออกมาร้อนมาก
ไปคิดต่อเองก็แล้วกันครับว่าเครื่องยนต์ร้อนมากกว่าเดิมแล้ว อะไรในเครื่องยนต์ จะเสียหายตามมาบ้าง

คุณจะเชื่อช่าง ปวช. ปวส. ตามอู่ บ้านๆ
หรือจะเชื่อ วิศวกร ที่สร้างเครื่องยนต์ให้กับบริษัทระดับโลก




โหยยย โคตรจะดูถูกช่างเค้ามากนะครับ วันหลังถ้าเอารถเข้า 0 ขอคุยกะวิศวะกรโรงงานประกอบรถไปเลย

ไม่ต้องคุยกะช่างที่เค้าซ่อมรถให้หรอก

ถ้าคิดแบบนี้ เจ้าของอุปกรณ์ตกแต่งรถหรือร้านค้าขายทั้งหลายก็โดนด้วยสิครับ (บางคนจบแค่ป4.แต่เป็นเฒ่าแก่)

เปลี่ยนล้อ เปลี่ยนยาง เปลี่ยนเบรก เปลี่ยนโช๊ค เปลี่ยนหลอดไฟ ยัดเทอร์โบ ใส่กล่อง ดันราง

ทำท่อ ทำเฮดเดอร์น้อยคนจะไม่ตัดแคทออก และอื่นๆอีกมากมายที่ คุณ วิศวะกร เค้าคิดว่าดีกับรถ แล้วเราเปลี่ยนกันทำไม?

แล้วของที่เปลี่ยนออกเอาไปไว้ไหน

มันก็ต้องทิ้งหรือผ่านกระบวนการรีไซเคิล สูญเสียทรัพยากรกันไปอีก

แต่งเสร็จขับซิ่งผลานน้ำมัน เทสรถ เอามาคุยโม้กะเพื่อนฝูง


บางคนน้ำมันเครื่องเค้าให้เปลี่ยนที่ 15000 กม.

ก็ดันมาเปลี่ยน 5 พันมั้งละ กลัวเครื่องพัง แบบนี้โลกไม่สวยแล้วครับ

แล้วแท๊กซี่อัลติสที่วิ่งเต็มบ้านเต็มเมืองไม่มี EGR  ทำไมไม่เดือดร้อนกันละครับสูดดมกันทั้งเมือง

หรืออาจจะบอกว่ามันเป็นเครื่องยนต์เบนซิน มลพิษน้อย กว่าดีเซล น้อยแต่จำนวนรถมีมาก

มลพิษมันก็ต้องมากตามสิครับ

จะรักโลกกัน ก็รักมันให้สุดๆสิครับ เรื่องแต่งรถหลายคนในนี้อาจโดนเต็มๆ

คงไม่โกรธกันนะครับที่ผมเอาความจริงมาพูด


สิ่งที่ผมเกลียดมากอย่างนึง ก็คือการยกเรื่องความไม่ดีอย่างอื่น
มาเพื่อหักล้างกับความไม่ดีที่ตนเลือกทำ แล้วก็บอกว่า
ทีคนอื่นทำอย่างโน้นอย่างนี้อีกตั้งเยอะแยะ จะมาบ่นเรื่องนี้ได้ยังไงกัน?

กระทู้นี้คุยกันเรื่องอุด EGR ดีหรือไม่ ถูกหรือผิด สมควรหรือไม่สมควร

ผมว่ามันชัดเจนอยู่ในตัวมันอยู่แล้วครับ ว่าการเอาระบบนำไอเสียกลับมาเผาไหม้ใหม่ออก
มันสร้างมลพิษมากขึ้น สร้าง NOx ออกมามากขึ้น ถ้าเราทราบอย่างนี้แล้ว
ถามว่า การไปอุดมัน มันเป็นเรื่องสมควรมั้ย? ตอบเรื่องนี้ให้ได้ก็จบครับ

และมันไม่เกี่ยวว่าคนอื่นสารพัดจะแต่งรถ จะตัดแคท จะทำสารพัดให้สร้างมลพิษเพิ่ม
เรื่องเหล่านั้นก็ไม่ถูกต้องเหมือนกัน แต่ไม่ได้หมายความว่า คุณจะยืนหยัดผลักดันให้
การอุด EGR เป็นเรื่องที่ถูกต้องและสมควรทำ เพียงเพราะคนอื่นแต่งรถมันไม่ถูกครับ

ออฟไลน์ Jxxx

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 489
อันติส แคมรี่ วีออส ยารีส วิ่งเต็มกทม. ไม่มีระบบ EGR อย่าไปอยู่ใกล้นะครับ

มังกรทอง รถโดยสาร รถแดง  ไม่มี EGR คนก้ใช้กันทั่วบ้านทั่วเมือง เครื่องวิ่งกันเป็นล้าน กม.

 :o

ใครตอบผมได้บ้างครับว่าทำไมรถพวกนี้ไม่มี EGR แต่วิ่งเต็มกทม.

ผมยังไม่เคยเห็นค่ามลพิษที่เป็นเอกสารอ้างอิงได้เลย

ถ้ารัฐเข็มงวดจริงๆ ทำไม่นำเครื่องมือตรวจสอบนี้เข้ามาเป็นมาตรฐาน

ของการต่อภาษีรถแต่ละคันด้วยละครับ

ส่วนตัวผมมีดีเซล 3 คัน ไม่อุดสักคัน

ผมตอบได้ครับ ที่พวกนี้ไม่มี EGR ด้านนอกให้เห็น เพราะใช้ internal EGR ครับ พวกนี้ต้องมักจะต้องมี Variable Valve Timing ครับ

Usually, an engine recirculates exhaust gas by piping it from the exhaust manifold to the inlet manifold. This design is called external EGR. A control valve (EGR Valve) within the circuit regulates and times the gas flow. Some engines incorporate a camshaft with relatively large overlap during which both the intake valve and the exhaust valve are open, thus trapping exhaust gas within the cylinder by not fully expelling it during the exhaust stroke. A form of internal EGR is used in the rotary Atkinson cycle engine.

http://en.wikipedia.org/wiki/Exhaust_gas_recirculation#EGR_implementations

SkyActiv-G ตัว 2.0/2.5 ก็ไม่มี external EGR ครับ  แล้วผ่าน emission Euro5/PZEV ด้วยครับ

แต่ตัว SkyActiv-G 1.3 ที่อยู่ใน Demio ตัวปัจจุบัน มีครับ แล้วเป็น Cooled EGR ด้วย (เพราะทำ header 4-2-1 ไม่ได้ ไม่มีที่พอ)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 06, 2013, 10:15:53 โดย Jxxx »

ออฟไลน์ myalexxp

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 829
อุด EGR เครื่องจะแรงขึ้นนิดหนึ่ง เฉพาะรอบต่ำ หรือ ออกตัวครับ (คือช่วงที่ EGR ทำงาน)
นอกนั้นแรงเท่าเดิม (โปรดใช้เครื่องมือวัด อย่าใช้ความรู้สึกวัด)

เขาสร้าง EGR มาเพื่อความประหยัดเชื้อเพลิง และความสะอาดของอากาศที่ปล่อยออกมา

การอุด EGR จะทำให้เครื่องยนต์จ่ายน้ำมันน้อยลง (ผสมบาง) ในขณะที่รอบต่ำ หรือออกตัว
แต่จะทำให้เครื่องยนต์ร้อนขึ้นมาก หลายพันองศาเซลเซียส มีผลเสีย ตามมา มากมาย
เห็นได้ชัดคือ แคทเตอร์ไลติก ละลาย เพราะไอเสียที่ปล่อยออกมาร้อนมาก
ไปคิดต่อเองก็แล้วกันครับว่าเครื่องยนต์ร้อนมากกว่าเดิมแล้ว อะไรในเครื่องยนต์ จะเสียหายตามมาบ้าง

คุณจะเชื่อช่าง ปวช. ปวส. ตามอู่ บ้านๆ
หรือจะเชื่อ วิศวกร ที่สร้างเครื่องยนต์ให้กับบริษัทระดับโลก




โหยยย โคตรจะดูถูกช่างเค้ามากนะครับ วันหลังถ้าเอารถเข้า 0 ขอคุยกะวิศวะกรโรงงานประกอบรถไปเลย

ไม่ต้องคุยกะช่างที่เค้าซ่อมรถให้หรอก

ถ้าคิดแบบนี้ เจ้าของอุปกรณ์ตกแต่งรถหรือร้านค้าขายทั้งหลายก็โดนด้วยสิครับ (บางคนจบแค่ป4.แต่เป็นเฒ่าแก่)

เปลี่ยนล้อ เปลี่ยนยาง เปลี่ยนเบรก เปลี่ยนโช๊ค เปลี่ยนหลอดไฟ ยัดเทอร์โบ ใส่กล่อง ดันราง

ทำท่อ ทำเฮดเดอร์น้อยคนจะไม่ตัดแคทออก และอื่นๆอีกมากมายที่ คุณ วิศวะกร เค้าคิดว่าดีกับรถ แล้วเราเปลี่ยนกันทำไม?

แล้วของที่เปลี่ยนออกเอาไปไว้ไหน

มันก็ต้องทิ้งหรือผ่านกระบวนการรีไซเคิล สูญเสียทรัพยากรกันไปอีก

แต่งเสร็จขับซิ่งผลานน้ำมัน เทสรถ เอามาคุยโม้กะเพื่อนฝูง


บางคนน้ำมันเครื่องเค้าให้เปลี่ยนที่ 15000 กม.

ก็ดันมาเปลี่ยน 5 พันมั้งละ กลัวเครื่องพัง แบบนี้โลกไม่สวยแล้วครับ

แล้วแท๊กซี่อัลติสที่วิ่งเต็มบ้านเต็มเมืองไม่มี EGR  ทำไมไม่เดือดร้อนกันละครับสูดดมกันทั้งเมือง

หรืออาจจะบอกว่ามันเป็นเครื่องยนต์เบนซิน มลพิษน้อย กว่าดีเซล น้อยแต่จำนวนรถมีมาก

มลพิษมันก็ต้องมากตามสิครับ

จะรักโลกกัน ก็รักมันให้สุดๆสิครับ เรื่องแต่งรถหลายคนในนี้อาจโดนเต็มๆ

คงไม่โกรธกันนะครับที่ผมเอาความจริงมาพูด


สิ่งที่ผมเกลียดมากอย่างนึง ก็คือการยกเรื่องความไม่ดีอย่างอื่น
มาเพื่อหักล้างกับความไม่ดีที่ตนเลือกทำ แล้วก็บอกว่า
ทีคนอื่นทำอย่างโน้นอย่างนี้อีกตั้งเยอะแยะ จะมาบ่นเรื่องนี้ได้ยังไงกัน?

กระทู้นี้คุยกันเรื่องอุด EGR ดีหรือไม่ ถูกหรือผิด สมควรหรือไม่สมควร

ผมว่ามันชัดเจนอยู่ในตัวมันอยู่แล้วครับ ว่าการเอาระบบนำไอเสียกลับมาเผาไหม้ใหม่ออก
มันสร้างมลพิษมากขึ้น สร้าง NOx ออกมามากขึ้น ถ้าเราทราบอย่างนี้แล้ว
ถามว่า การไปอุดมัน มันเป็นเรื่องสมควรมั้ย? ตอบเรื่องนี้ให้ได้ก็จบครับ

และมันไม่เกี่ยวว่าคนอื่นสารพัดจะแต่งรถ จะตัดแคท จะทำสารพัดให้สร้างมลพิษเพิ่ม
เรื่องเหล่านั้นก็ไม่ถูกต้องเหมือนกัน แต่ไม่ได้หมายความว่า คุณจะยืนหยัดผลักดันให้
การอุด EGR เป็นเรื่องที่ถูกต้องและสมควรทำ เพียงเพราะคนอื่นแต่งรถมันไม่ถูกครับ

กลับไปอ่านข้อความของผมให้ดีๆ ผมมีดีเซล 3 คัน ไม่อุดสักคัน

และมีข้อความไหนผมสนับสนุนให้อุด EGR

 

ส่วนเรื่องแต่งรถ ใครจะทำหรือไม่ทำมันก็สิทธ์ของเค้า เรื่อง EGR มันก้สิทธ์ของเค้า

เพราะทุกเรื่องที่ทำล้วนเพิ่มมลพิษทั้งสิ้น

ผมแค่สงสัยว่าเอกสารที่มันจับต้องได้หรือค่าที่วัดได้มันมีที่ไหน ทำไมไม่ทำให้มันเห็นผลชัดเจน

แสดงให้เห็นข้อเสียไปเลย

แบบนี้ก็เถียงกันไม่รู้จักจบจักสิ้น

ออฟไลน์ Ji.Cl.

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 680
    • อีเมล์
โดยปกติ ตามหลักสิทธิของความเป็นมนุษย์ การออกกฎหมายใหม่ จะไม่ให้บังคับใช้ย้อนหลัง เพราะอาจเกิดการกลั่นแกล้งกันได้

เช่น ปี 2559 ปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต เขาก็ไม่เรียกเก็บรถเก่าย้อนหลัง ด้วยเหตุผลทางมนุษยธรรม ที่เข้าใจได้ไม่ยาก

รถคันไหน ผลิตขึ้นในช่วงที่บังคับใช้มลพิษระดับใด ก็ควรได้ใช้ค่ามาตรฐานนั้นไปจนกว่าจะเลิกใช้

การออกมาตรฐานไอเสียใหม่โดยไปบังคับย้อนหลังให้รถเก่าๆ ติดอุปกรณ์ไอเสียเพิ่ม มันไม่เป็นธรรมกับเขาเช่นกัน

เพราะรถคันนั้นได้รักษาสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มที่เท่าที่มาตรฐานในวันที่ออกรถบังคับใช้ รถเก่าที่ใช้ค่ามาตรฐานไอเสียสูงๆ ก็จะค่อยๆ ปลดระวางออกไปเอง

รถคันนั้น ผ่านมาตรฐานไอเสียที่บังคับใช้ในวันที่เขาซื้อแล้ว จู่ๆ ไปบอกว่าของเขาเป็นพวกทำลายโลก ไม่ถูกครับ เพราะผู้ซื้อไม่มีเจตนาเช่นนั้น

แต่รถใหม่ ที่ได้รับการสร้างให้มลพิษต่ำ แต่เราไปเพิ่มมลพิษให้มัน อันนี้เจ้าของส่อเจตนาชัดเจน



ตอนไปตรวจสภาพรถ ตรอ. เพื่อต่อทะเบียนประจำปี คุณสามารถถามช่างที่อู่ เพื่อยืนยันคำพูดนี้ของผมได้ ว่ารถเก่าปี 36 ลงไปกับรถใหม่ปี 37 ขึ้นมา ใช้คนละมาตรฐาน

มาตรการนี้ ทำมานานมากแล้ว และชัดเจนมาตั้งแต่แรกที่ทำ เพียงแต่การประชาสัมพันธ์ไม่ดีนัก



อีกอย่างคือ การออกแบบรถ วิศวกรขาซิ่ง คิดว่าเขาไม่อยากออกแบบรถให้มันมีสมรรถนะสูงๆ หรือครับ

แต่เขาต้องพิจารณาความจำเป็นด้านอื่น รถที่ยอดขายสำคัญกว่าความสะใจ ต้องคำนึงถึงต้นทุน มาตรฐาน ลักษณะการใช้งานของคนส่วนใหญ่ด้วย

ดันราง เพิ่มโบ ก็ต้องเพิ่มเหล็ก เพิ่มต้นทุน ถ้าทำแบบนี้มากๆ รถจะเป็นรถที่ขายแบบเน้นสะใจและตำนาน เป็นหลัก เช่น วีออส เทอร์โบ เมื่อเกือบสิบปีก่อน

ประสบความสำเร็จล้นหลามในคำวิจารณ์และเป็นตำนาน แต่ยอดขายเท่าหางอึ่ง เป็นแรร์ไอเท่มในตลาดปัจจุบันครับ



เรื่องสุดท้าย ขอขอบคุณที่ยังย้ำเตือนจุดยืนที่ไม่สนับสนุนและไม่คัดค้านเรื่องการอุด EGR แต่ทรรศนะของผมคือ การอุดอีจีอาร์ และการโมรถ ดูคล้ายกับการชุมนุมการเมืองนะครับ

สิทธิส่วนบุคคล ที่เบียดเบียนผู้อื่น ในลักษณะที่ "สามารถเลี่ยงการเบียดเบียนได้ แต่ไม่ยอมเลี่ยง" ซึ่งต่างจากการ "ไม่สามารถเลี่ยงการเบียดเบียนได้" ครับ

ตราบใดก็ตามที่การเบียดเบียน ไม่สร้างความเดือดร้อนเกินขอบเขตก็ไม่ถือว่าเป็นการผิดกฎหมายอยู่ดี แต่ก็ทราบไว้แก่ใจ... นะครับ

หากการแต่งรถ โดยอ้างว่ามลพิษฉันยังน้อยกว่ารถเก่าคันนั้น คันโน้น คันนี้ บ้านเมืองก็ไม่ต้องพัฒนาไปไหนแล้วครับ

ออฟไลน์ Xenix

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 130
ตรรกะง่ายๆ ที่ทุกคนก้คิดได้
จิตสำนึกต่อส่วนรวมของตัวบุคคล

ปล. ช่วงนี้กระทู้โมรถ แต่งแรง เยอะขึ้นมาก (มากขึ้นกว่าในช่วง1ปีหลังที่ผมติดตามอ่านที่นี่) และเดือดเกือบทุกครั้ง ขอให้ทุกฝ่ายใจเย็นๆ เน่อคับบ

ออฟไลน์ BG

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 61

แล้วแท๊กซี่อัลติสที่วิ่งเต็มบ้านเต็มเมืองไม่มี EGR  ทำไมไม่เดือดร้อนกันละครับสูดดมกันทั้งเมือง


จากเอกสารของ UN อันนี้ (http://www.unep.org/transport/pcfv/PDF/PubLowSulfurPaper.pdf) ตาราง2.1 หน้า 11
บอกว่า ตามมาตรฐานของ Euro และ Japan การปลดปล่อย NOx ของรถยนต์ดีเซล ให้ปล่อยได้สูงกว่าเบนซินประมาณ 3 เท่าตัวมาโดยตลอด
ก็พอบอกคร่าวๆ ได้ว่า NOx ของรถดีเซลปัจจุบันสูงกว่าเบนซินประมาณ 3 เท่า

และในเอกสารเดียวกัน หน้า 21 ย่อหน้าแรก   บอกว่า EGR จะช่วยลด NOx ได้ราว 40-60% !!
แปลว่าถ้ารถกระบะไม่มี EGR จะปล่อย NOx สูงกว่าเบนซินราว 5-6 เท่าตัว   

ดังนั้น แท๊กซี่อัลติสที่วิ่งเต็มบ้านเต็มเมืองไม่มี EGR จึงไม่เดือดร้อนเท่ากับรถดีเซลที่ไม่มี EGR อยู่หลายเท่าตัวเลยครับ


หรืออาจจะบอกว่ามันเป็นเครื่องยนต์เบนซิน มลพิษน้อย กว่าดีเซล น้อยแต่จำนวนรถมีมาก

มลพิษมันก็ต้องมากตามสิครับ

จริงๆ ลำพังตรรกะนี้ก็แย่มากพออยู่แล้ว
แต่ก็ยังไม่แย่เท่าข้อมูลผิดๆ ที่ให้อีก ว่าความจริงแล้วประเทศไทยมีรถยนต์ดีเซล มากกว่ารถยนต์เบนซินหลายเท่าตัวเลยครับ

จะรักโลกกัน ก็รักมันให้สุดๆสิครับ เรื่องแต่งรถหลายคนในนี้อาจโดนเต็มๆ

คงไม่โกรธกันนะครับที่ผมเอาความจริงมาพูด

รักโลกไม่ต้องสุด โลกไม่ต้องสวยก็ได้ เพียงแค่อย่าทำให้โลกเสื่อมมากเกินไปก็พอ
หากคนอื่นขี้ให้โลกเหม็นแล้ว ก็ไม่ใช้ข้ออ้างที่จะให้เราขี้เพิ่มลงไป  ถึงแม้มันจะเหม็นอยู่แล้ว แต่ยังไงเหม็นน้อยก็ยังดีกว่าเหม็นมาก

และผมไม่โกรธแน่ถ้าคุณเอาความจริงมาพูด แต่นี่มันไม่มีความจริงไงครับ
และมันไม่เกี่ยวว่าคุณจะอุด EGR ตัดแคทหรือไม่ เพราะความเห็นที่คุณให้กับสังคม มันทำร้ายยิ่งกว่าคุณจะไปอุดไปตัดของคุณเพียงคนเดียวเสียอีกครับ

ออฟไลน์ BG

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 61

อันติส แคมรี่ วีออส ยารีส วิ่งเต็มกทม. ไม่มีระบบ EGR อย่าไปอยู่ใกล้นะครับ


ข้อมูลเมื่อกี้ยังไม่ชัดว่า NOx ต่างกันเท่าไหร่ เห็นแค่มาตรฐาน Euro
อันนี้น่าจะชัดเจนขึ้น   (http://www.iea-amf.org/content/fuel_information/lpg)  ตาราง 2

NOx   Petrol 0.10,  Diesel 0.80    ดีเซลปล่อย NOx สูงกว่า 8 เท่า

EGR ในเครื่องยนต์ดีเซล จึงมีไว้เพื่อสิ่งนี้ไงครับ
และดังนั้นอันติส แคมรี่ ยาริส วีออส ที่วิ่งเต็มกทม. อยู่ไกล้ได้มากกว่าดีเซล แม้ไม่มี EGR  (ในแง่อันตรายจาก NOx) ครับ

ออฟไลน์ myalexxp

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 829

แล้วแท๊กซี่อัลติสที่วิ่งเต็มบ้านเต็มเมืองไม่มี EGR  ทำไมไม่เดือดร้อนกันละครับสูดดมกันทั้งเมือง


จากเอกสารของ UN อันนี้ (http://www.unep.org/transport/pcfv/PDF/PubLowSulfurPaper.pdf) ตาราง2.1 หน้า 11
บอกว่า ตามมาตรฐานของ Euro และ Japan การปลดปล่อย NOx ของรถยนต์ดีเซล ให้ปล่อยได้สูงกว่าเบนซินประมาณ 3 เท่าตัวมาโดยตลอด
ก็พอบอกคร่าวๆ ได้ว่า NOx ของรถดีเซลปัจจุบันสูงกว่าเบนซินประมาณ 3 เท่า

และในเอกสารเดียวกัน หน้า 21 ย่อหน้าแรก   บอกว่า EGR จะช่วยลด NOx ได้ราว 40-60% !!
แปลว่าถ้ารถกระบะไม่มี EGR จะปล่อย NOx สูงกว่าเบนซินราว 5-6 เท่าตัว   

ดังนั้น แท๊กซี่อัลติสที่วิ่งเต็มบ้านเต็มเมืองไม่มี EGR จึงไม่เดือดร้อนเท่ากับรถดีเซลที่ไม่มี EGR อยู่หลายเท่าตัวเลยครับ


หรืออาจจะบอกว่ามันเป็นเครื่องยนต์เบนซิน มลพิษน้อย กว่าดีเซล น้อยแต่จำนวนรถมีมาก

มลพิษมันก็ต้องมากตามสิครับ

จริงๆ ลำพังตรรกะนี้ก็แย่มากพออยู่แล้ว
แต่ก็ยังไม่แย่เท่าข้อมูลผิดๆ ที่ให้อีก ว่าความจริงแล้วประเทศไทยมีรถยนต์ดีเซล มากกว่ารถยนต์เบนซินหลายเท่าตัวเลยครับ

จะรักโลกกัน ก็รักมันให้สุดๆสิครับ เรื่องแต่งรถหลายคนในนี้อาจโดนเต็มๆ

คงไม่โกรธกันนะครับที่ผมเอาความจริงมาพูด

รักโลกไม่ต้องสุด โลกไม่ต้องสวยก็ได้ เพียงแค่อย่าทำให้โลกเสื่อมมากเกินไปก็พอ
หากคนอื่นขี้ให้โลกเหม็นแล้ว ก็ไม่ใช้ข้ออ้างที่จะให้เราขี้เพิ่มลงไป  ถึงแม้มันจะเหม็นอยู่แล้ว แต่ยังไงเหม็นน้อยก็ยังดีกว่าเหม็นมาก

และผมไม่โกรธแน่ถ้าคุณเอาความจริงมาพูด แต่นี่มันไม่มีความจริงไงครับ
และมันไม่เกี่ยวว่าคุณจะอุด EGR ตัดแคทหรือไม่ เพราะความเห็นที่คุณให้กับสังคม มันทำร้ายยิ่งกว่าคุณจะไปอุดไปตัดของคุณเพียงคนเดียวเสียอีกครับ



เรื่องเครื่องยนต์ดีเซลเยอะกว่าคนเค้าก็รู้กันทั้งโลกครับ

เพราะมันใช้เพื่อการพานิชย์ เข้าออกในตัวเมืองตามเวลาเท่านั้น

ไม่ยังงั้นจะพยุงราคาดีเซลไปเพื่ออะไร

ที่ผมพูดว่ามีน้อยกว่าเพราะแค่ในตัวเมืองที่เราๆท่านๆอยู่กันนี้ เท่านั้น

ถ้าความคิดเห็นของผมมันทำร้ายโลกได้มากขนาดนั้น มากกว่าคนไปอุดหรือตัดแคท

ตรรกะเช่นนี้ หาข้อพิสูจน์ให้ผมด้วยครับว่าผมทำร้ายโลกได้มากกว่าคนอุดหรือตัดแคท

ความคิดของเห็นผมไม่มีข้อไหนสนับสนุนการอุดเลยแม้แต่น้อย

ผมแค่เอาเรื่องการใช้ทรัพยากรที่เกี่ยวข้องกับรถอย่างสิ้นเปลืองมาพูดเท่านั้น

อาจโดนหรือกระทบใครหลายคน

อย่างน้อยผมก็ทำให้โลกแถวบ้านผมสวยด้วยตัวผมเองก็แล้วกันครับ

ไม่ใช่มือถือสากปากถือศิล ไปวันๆ







ออฟไลน์ huhu515

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 109
    • อีเมล์
ขอตอบบ้างละกันนะครับ ผมว่ามีคนตอบคำถามได้ครบทุกข้อที่คุณ myalexxup ถามมาแล้วนี่ครับ เพราะฉะนั้นมันก็เป็นข้อสรุปได้ว่า

-อุด egr ทำให้ไอเสียที่ออกมาจากรถมีความเป็นมลพิษมากกว่าเดิมเกือบสองเท่า
-การอุด egr ทำให้รถแรงขึ้นในความรู้สึก แต่จากการมดสอบจริงและจากการวัดค่าจริง ไม่สามารถสรุปได้
-การอุด egr ทำให้เครื่องยนต์มีอายุการใช้งานที่นานขึ้นในทางทฤษฎี และไม่สามารถหาข้อเท็จจริงได้ในทางปฏิบัติ
-การอุด egr อาจจะทำให้ท่านตรวจสภาพรถยนต์ไม่ผ่าน

เท่านี้คือข้อเท็จจริงเท่าที่พอจะสรุปได้ เมื่อได้ทราบแล้ว ก็ควรคิดเองได้ว่าจะทำหรือไม่ทำอย่างไร เพราะล้วนแต่เป็นเรื่องของคุณ ตราบใดที่ยังไม่มีกฎหมายมาใช้จับคุณได้!! ส่วนเรื่องว่ารักโลก โลกสวย หรือเอาแต่ประชดประชันคนอื่น ผมว่าเค้ามีสิทธิ์ที่จะรักโลกและที่สำคัญรักตัวเอง

ส่วนถ้าจะให้ผมเอา paper เรื่อง ความเป็น carcinogen ของไอเสียจากรถยนต์ แน่ใจนะครับว่า ถ้าผมหามาให้ดูแล้วทุกคนจะสนใจ เพราะเดี๋ยวก็หลับไปประเด็นเดิม เช่น "คนอื่นอุด เราอุดได้" บ้านนู้นมีรถหกคัน เรามีคันเดียว" "โรงงานยังผลิตมลพิษมากกว่าเลย" "ประหยัดน้ำมัน ช่วยโลกได้ ไอเสียไม่เป็นไร" บลาๆๆๆ

สุดท้าย จะบอกว่า คนที่โดนมลพิษมากที่สุดจากรถ คือผู้ใช้รถและครอลครัวนะครับ ;D

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,089
โห ข้อมูล ความรู้ใหม่ๆทั้งนั้นเลยครับสุดยอด

แต่อย่างว่า คนเราแยกความรู้สึกกับความจริงไม่ออก มันถึงมีคำว่า อุปทาน ครับ

อย่างตอนที่มีอุปกรณ์เพิ่มการโฟลอากาศ คนติดก็บอกแรงขึ้นจริง ตอนหลังโดนแฉ ว่า เป็นแค่กระป๋องโค้กเอามาผ่าๆ ไม่มีผลอะไร
หรือไอ่หม้อน้ำ สกัดไฮโดรเจน ฯลฯ 

มีเยอะแยะไปหมด ช่างก็มั่วได้ออกจะบ่อยครับ ไม่ใช่ว่าที่ทำๆกัน จะถูกต้องไปหมด

ออฟไลน์ Ji.Cl.

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 680
    • อีเมล์
ก็แอบสงสัยว่าทำไมคุณ myalexxp ไม่ยอมโต้ตอบกับผม ข้ามบทผมไปทุกครั้ง รังเกียจอะไรหนักหนาครับ?

ผมไม่ใช่ขี้เมาชวนตีไร้เหตุผล ต้องการโต้ตอบทางข้อมูล แลกเปลี่ยนแนวคิด ทำไมท่านข้ามผมไปทุกที หือ?

ออฟไลน์ LimitedEdition

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,410
myalexxp

คุณไม่อุดก็ดีแล้วครับ และผมคิดว่าที่ไม่มีใครเอาข้อมูลวิชาการเรื่อง EGR มาแปะไว้ที่นี้
ก็เพราะมันใช้มาตั้งยี่สิบกว่าปีแล้ว จนน่าจะเป็นความเข้าใจพื้นฐานว่า EGR ช่วยลดมลพิษ
แต่ถ้าอยากทราบสักหน่อย ใช้ Google หาก็พบข้อมูลตั้งมากตั้งมายแล้ว

http://www.dieselnet.com/tech/engine_egr_sys.php
http://www.truckandenginemanufacturers.org/file.asp?A=Y&F=20040801+The+Use+of+EGR+to+Reduce+Emissions+in+Stationary+Gas+Engines%2Epdf&N=20040801+The+Use+of+EGR+to+Reduce+Emissions+in+Stationary+Gas+Engines%2Epdf&C=documents
http://www.mandieselturbo.com/files/news/filesof15014/5510-0088-00ppr_low.pdf
http://www.epa.gov/smartway/documents/publications/sae-reports/fuel-economy-improvements.pdf

กระบวนการทำงานและส่วนประกอบของ EGR
http://www.ddcsn.com/cps/rde/xbcr/ddcsn/ch6_mbe4000.pdf

เรื่องที่ผมมองว่ามันไม่ถูกต้อง ก็คือทัศนคติและความเข้าใจในคำว่า "สิทธิ" มากกว่า

สิทธิ คือ อำนาจอันชอบธรรม ซึ่งบุคคลทุกคนพึงมีพึงได้ โดยไม่ไปเบียดเบียนคนอื่น

แล้วคุณจะอ้างว่า คนที่ตัดแคท คนที่อุด EGR มันเป็นสิทธิของเขาได้อย่างไรกัน ในเมื่อมันเบียดเบียนคนอื่นครับ?
ผมว่าเลิกเสียทีเถอะ ที่อะไรอะไรเดี๋ยวนี้ ก็อ้างคำว่า "สิทธิ" อ้างคำว่า "น้ำใจ" จนความเป็นระเบียบเรียบร้อยในสังคม
มันแทบจะไม่มีก็เพราะเอาคำนี้มาใช้อย่างพร่ำเพรื่อ ทำเรื่องผิดให้มันกลายเป็นเรื่องถูกไปได้

ตรรกกะอีกอย่างของคุณที่ผมไม่เข้าใจคือ เวลาเราเจอเรื่องที่ผิดหรือไม่ดีในสังคม เราจะไม่สามารถตำหนิได้เลยหรือ?
ถ้าจะตำหนิที ต้องเดินไปตำหนิทุกคนที่ทำผิดในลักษณะเดียวกันทุกทุกคนก่อน จึงจะมีสิทธิออกมาแสดงตัวได้ว่า
ที่พวกคุณทำอยู่น่ะ มันผิดนะ อย่างนั้นหรือครับ?

ผมยังยืนยันความคิดเห็นเดิมของผม ว่ากระทู้นี้คุยเรื่อง EGR การอุดเป็นสิ่งที่ขาดความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างที่สุด
เป็นเรื่องผิดที่ไม่สามารถเปลี่ยนให้เป็นถูกด้วยประการทั้งปวง ส่วนการบังคับใช้ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันนั้น
จะมีประสิทธิภาพหรือไม่อย่างไร มันเป็นเรื่องของกระบวนการและหน่วยงานที่รับผิดชอบ ถ้าหน่วยงานเหล่านั้น
ทำงานได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ ก็ต้องไปแก้ไขที่ตรงนั้น ไม่ใช่จะมาบอกได้ว่า งั้นก็ไม่ต้องอุด EGR สิ
คนอื่นยังทำได้เต็มบ้านเต็มเมือง ชั้นก็ต้องทำได้บ้าง คนอื่นแต่งรถสร้างมลพิษกันเพียบ งั้นตูก็ทำได้

มันเป็นคำพูดของคนที่ไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคมครับ

ออฟไลน์ warez

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 702
คุณ myalexxp

คุณรู้สึกอย่างไร ถ้าคุณกำลังเล่นน้ำริมชายหาดแล้วเจอคนยืนเยื่ยวในระยะสายตาคุณ?
ถ้าคุณไม่ชอบ มีคนไปเตือนเขา เขาก็แค่แสร้งเล่นน้ำแล้วเยี่ยวอีก คราวนี้เยี่ยวใต้น้ำไม่ให้คุณเห็น คุณรู้สึกอย่างไรครับ

กำหนดตัวแปร เยี่ยวเขาทำให้น้ำทะเลในบริเวณที่คุณเล่นเปลี่ยนไปอย่างไร วัดค่าได้ไหม
เยี่ยวเขามีผลกระทบต่อร่างกายคุณในระยะใด สั้น กลาง ยาว อย่างไร จงอธิบาย

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,624
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
ผมบอกตามตรงนะผมมีเพื่อนเป็นช่างอยู่ในศูนย์หลายยี่ห้อ
โต อีสุ นิสสัน มิตซู ช่างในศูนย์นี้ละ อุดegr ทะลวงแคท ให้แต่ไม่ได้บอกเจ้าของรถ
เพื่อตัดปัญหาในระยะยาว ตอนลูกค้าเอารถเข้าเซอร์วิสระยะแรกๆ
ไม่เชื่อลองไปถอดแคท เปิดegrดูใน10คันอย่างน้อย2คันศูนย์จัดการให้เรียบร้อยแล้ว

กรุณาแฉออกมาให้ฟังเลย แล้วระบุมาด้วยว่า ช่างคนไหน ชื่ออะไร โชว์รูมไหน

กูนี่แหละ จะได้ส่งเรื่องให้สำนักงานใหญ่ ของแต่ละค่ายที่กล่าวมา ไปลงโทษตั้งแต่ช่างเพื่อนคุณ
ไปจนถึงเจ้าของดีลเลอร์กันเลยทีเดียว เอาให้ออกจากงานกันให้หมดไปเลย อีพวกทำเกินคำสั่งเนี่ย กชอบนัก!!!