ผู้เขียน หัวข้อ: ++ เตรียมอนุมัติ Eco Car Phase 2 ขยายเครื่องยนต์ 1,600 ซีซี กินน้ำมัน 20 กิโลเมตรต่อลิตร +++  (อ่าน 23626 ครั้ง)

ออฟไลน์ baddream11

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 792
เรามีมาตรฐานด้านความประหยัด แต่ไม่มีมาตรฐานด้านความปลอดภัย
มันก็ไม่น่ายาก ทำไงก็ได้ให้รถเบาที่สุด  :-\

ออฟไลน์ MystogaN

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,476
เมื่อไม่นานมานี้บีเอมมีเครื่อง 3สูบ 1.5 เทอโบรุ่นใหม่ออกมาด้วยหละ ;)

ออฟไลน์ jztang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,721
  • Born To Race
ขออะไรก้ได้ ขอให้มาทีเถอะ อยุ่ไม่ไหว น้ำมันแพง รถกินน้ำมันหนักก

ออฟไลน์ Nlight

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 764
  • พิมพ์ผิดประจำ
รึเราจะได้ยล Prius C ประกอบไทย  8)

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,089
ฤๅ คนไทยจะได้ใช้เครื่องดีเซลในเก๋งเล็กเป็นครั้งแรก ?

ออฟไลน์ ぼくは"P.P."です

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 690
เมื่อไม่นานมานี้บีเอมมีเครื่อง 3สูบ 1.5 เทอโบรุ่นใหม่ออกมาด้วยหละ ;)
เคยเห็นในคลิปแล้วครับ
เสียงหวานคล้ายๆเครื่อง6สูบเรียงเลยทีเดียว :o
เอามายัดใส่ 1 Series แล้วขายเลยดีไหม? ;D
Great Handling = Great Car

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
อยากได้ชอบมาก  ;)

sylphy ก็เข้าสิครับ(ตัวถังถัดไปนะครับ)

ออฟไลน์ น้องน้ำหวาน

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 244
  • ไม่ไหวจะพูด
    • อีเมล์
ฤๅ คนไทยจะได้ใช้เครื่องดีเซลในเก๋งเล็กเป็นครั้งแรก ?



มีตั้งนานแล้วค่ะ -..-
มาดีตอบดี มาเกรียน แม่จะเอาให้เนียนกว่าถอนขน

ช่วงนี้ หวานเบื่อ ข้าวโพดอบ....... กินแล้วคิดฟันค่ะ

ออฟไลน์ Nyquist

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,031
เห็นของเดิมมันมีเงื่อนไขอื่นเพิ่มเติมด้วยนะครับ ที่รถคันนั้นจะเป็น eco car ได้เช่น

1. มีอัตราการใช้น้ำมัน ไม่เกิน 20 กิโลเมตร/ลิตร
2. เป็นรถที่ได้มาตรฐาน Emission ตาม Euro4
3. เป็นรถที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไม่เกิน 120 กรัม/กิโลเมตร
4. เป็นรถที่มีมาตรฐานความปลอดภัย UNECE Reg.94. Rev.0, และ UNECE Reg.95. Rev.0
5. เป็นรถยนต์ที่มีขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 1,300 cc สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน และ 1,400 cc สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล

และข้อสำคัญคือ
ทางบริษัทผู้ผลิต Eco Car ต้องสามารถผลิตให้ได้ 1 แสนคันภายในปีที่ 5 และลงทุนในการผลิตอย่างน้อย 5 พันล้านบาท

ออฟไลน์ madboy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,352
    • อีเมล์
E85 กับ 20 กม,/ลิตร ผมว่ามันคงยากมากเลยนะนั่น  ;D

ออฟไลน์ superden

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,268
    • อีเมล์
20 โล/ลิตร + e85   ;D ;D แต่อีกนานเลย
ผมว่า การทำได้20 โล ต่อ ลิตร สำหรับรถยุคปัจจุบัน มันไม่ยากแล้ว และถ้าออกกฏนี้เวลาทดสอบเขาคงใช้น้ำมันเบนซิล  ไม่น่าจะทดสอบโดยe85 แต่การใช้e85 ได้เป็นออฟชั่นเสริมที่สามารถเติมได้
สรุปคือ รถคันใดเครื่องไม่เกิน1600 ซีซี วิ่งได้ประหยัด20โล ต่อ ลิตร  ก็คงจะเข้าข่ายeco carและถ้าเติมe85ได้ ถือเป็นออฟชั่นที่ได้ลดภาษีลงอีก ล่อให้ผู้ผลิตสนใจลงทุนในไทย ภาษีมันต่ำกว่าที่อื่น 
ผมเข้าใจแบบนี้นะ

ออฟไลน์ superden

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,268
    • อีเมล์
20 km/l ขอให้มันวิ่งแบบใช้งานปกติ เหอ  ในเมืองต่างจังหวัดอะ
รถผม มิราจทำได้นะ ขับช่วงหน้าหนาวที่เชียงใหม่ ขับไปทำงาน สันกำแพง ไปถึง มช.ทุกวัน  ตอนเช้าผมไม่เปิดแอร์(หนาวอยู่แล้วไม่ต้องเปิด) ช่วง ธ.ค.-ม.ค. หนึ่งถังทำได้20 กม/ ลิตร แย่หน่อยก็ได้17กว่าโล/ลิตรตั้งแต่ซื้อรถมาผมทำบันทึกการเติมน้ำมันไว้ตลอด 
ตอนนี้หน้าฝนแล้ว เปิดแอร์ตลอด ทำได้18กม/ ลิตร ขับแบบปกติ ไม่เน้นประหยัดอะไร

ดังนั้นผมว่า20 โล ลิตร ทำได้แน่นอน แต่ต้องรถไม่ติดมาก ทุกวันนี้ระยะทางขับไปทำงาน23 กม. ผมใช้เวลาวิ่งราว35นาที บางครั้งไปเส้นอ้อมเมือง30กิโล ใช้เวลา40นาที

ออฟไลน์ lexus

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,236
คหสต.จะว่าไปโครงการeco carมันก็make senseกว่ารถคันแรก1แสนนะ อย่างน้อยมันก็ทำเพื่อให้รถประหยัดน้ำมันขึ้น

แต่จะเอาถนนที่ใหนวิ่งคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ

จะหาที่จอดรถยากขึ้นขนาดใหนคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ

ทุกวันนี้รถบนถนนเยอะขึ้นมาก ปัญหารถติดหนักขึ้น และที่จอดรถที่หายากขึ้น

ออฟไลน์ kong_za

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 10
อยากได้ดีเซลเทอร์โบเล็กๆ มาลงรถเก๋งขนาดเล็กบ้างครับ

ออฟไลน์ boybkk

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 110
ประหยัดยังไงเดี๋ยวคนซื้อมาก็ติดแก๊สอีกแน่นอน

ออฟไลน์ nodano

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 161
อัยยะรถ 1600 เพื่อประหยัดน้ำมัน

ออฟไลน์ Moshimaru

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 81
    • new altis
20 กมต่อลืตร ฝันไปป่าวในเมื่อถนนไม่มีให่วิ่งเหอะๆ ไปแก้ปัญหารถติดก่อนเถอะ  ค่อยมาคิดเรื่องนี้เพราะตอนนี้แทบจะจอกรถบนถนนให่กินน้ำมันเฉยๆแล้ววววว

ออฟไลน์ ทาโก๊ะยากิ

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 85
กว่าเเต่ละค่ายจะผลิตรถพวกนี้ออกมา ประชันความประหยัด กันก็คงได้เวลาเปลี่ยนมือจากรถคันเเรกพอดี ผู้บริโภคจะได้มีตัวเลือกรถประหยัดน้ำมันเยอะขึ้นอีก

ออฟไลน์ gratter

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 41
    • อีเมล์
มุมมองผมนะ คนในเมืองหันมาใช้รถเล็กกันมากขึ้นมากกว่ารถใหญ่ จะได้ประโยชน์หลายเรื่อง ทั้งเรื่องของค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือน เรื่องของมลภาวะของประเทศ เรื่องของอัตราการใช้พลังงาน เรื่องของทรัพยากรที่ต้องใช้(รถเล็กก็ใช้น้อยกว่ารถใหญ่เกือบทุกอย่าง) แต่ที่ยังทำไม่ได้ต้องบอกว่าส่วนหนึ่งยังเป็นเรื่องของค่านิยม ทั้งเรื่องขนาดของตัวรถ ยี่ห้อ ขนาดเครื่อง ขนาดอีโคบู้ส 1.0 ของฟอร์ด ยังมองกันไม่เห็นหัว ในขณะที่ความแรงของมัน 1.8 มีเสียว


ออฟไลน์ superden

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,268
    • อีเมล์
20 กมต่อลืตร ฝันไปป่าวในเมื่อถนนไม่มีให่วิ่งเหอะๆ ไปแก้ปัญหารถติดก่อนเถอะ  ค่อยมาคิดเรื่องนี้เพราะตอนนี้แทบจะจอกรถบนถนนให่กินน้ำมันเฉยๆแล้ววววว
ผมคิดว่าปัญหานี้มันเกิดเฉพาะใน กทม เป็นที่1เลย จังหวัดอื่น ติด แต่ติดไม่มาก และอาจจะติดเฉพาะช่วงเทศกาลเท่านั้น
ดังนั้นการสร้างรถมาเพื่อให้ประหยัด ในอัตรา20 กม./ลิตร ในแบบที่วิ่งธรรมดาๆ รถไม่ติด ถ้าทำได้ผมว่ามันก็ดีแล้ว เหมาะแล้ว
ส่วน รถติด(โดยเฉพาะที่ กทม.) นั้นคงต้องแก้ด้วยระบบอื่น เ่ช่นstart  stop หรือรถไฟฟ้า หรือรถไฮบริดจ์

ออฟไลน์ F.I.P.G.

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 116
เรียนคุณ HOMY

ถ้าเราลองมาวิเคราะห์เล่นๆ คุณโฮมี่คิดว่า แบรนด์ใดจะเข้าร่วมโครงการนี้บ้างครับ

ส่วนตัวผมคิดว่าก็น่าจะเป็นผู้เล่นที่มีอยู่ในตลาดที่กระโดดขึ้นขบวนแรกไม่ทัน อย่าง
เชพ ฟอร์ด มาสด้า(มั้ง) โดยผมคิดว่าน่าจะส่ง A-Seg มาต่อสู้ไม่มากก็น้อย หรือถ้าอารมณ์ดี
อาจจะเอา B-Seg มาขาย แล้วพยายามจะสร้างช่วงราคาใหม่ เพื่อเปิดทางให้กับอีกโมเดลนึง
เหมือนที่กำลังจะเกิดขึ้นกับ มาร์ช และ สวิฟ ที่เริ่มจะยกระดับตัวเอง

แล้ว VW ละพอจะมีแนวโน้มบ้างไหม เห็นวนๆแถวภูมิภาคเราหลายครั้งหลายคราละ....
แบรนด์นี้ผมมองว่าเรื่องเทคโนโลยีเครื่องยนต์ไม่น่าจะมีปัญหาเลยสบายมาก แต่ส่วนซัพไทยละ
สามารถรองรับความต้องการต่างของค่ายนี้ได้หรือยัง?

รบกวนด้วยครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 25, 2013, 00:21:18 โดย F.I.P.G. »

JONNY

  • บุคคลทั่วไป
คงเปิดโอกาสให้แบนรด์จีนแดงด้วยครับ ที่ข่าวว่าแห่กันมาลงทุนที่ประเทศไทยที่ผ่านมา

ออฟไลน์ HOMY_DEMIO

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,821
    • อีเมล์
เรียนคุณ HOMY

ถ้าเราลองมาวิเคราะห์เล่นๆ คุณโฮมี่คิดว่า แบรนด์ใดจะเข้าร่วมโครงการนี้บ้างครับ

ส่วนตัวผมคิดว่าก็น่าจะเป็นผู้เล่นที่มีอยู่ในตลาดที่กระโดดขึ้นขบวนแรกไม่ทัน อย่าง
เชพ ฟอร์ด มาสด้า(มั้ง) โดยผมคิดว่าน่าจะส่ง A-Seg มาต่อสู้ไม่มากก็น้อย หรือถ้าอารมณ์ดี
อาจจะเอา B-Seg มาขาย แล้วพยายามจะสร้างช่วงราคาใหม่ เพื่อเปิดทางให้กับอีกโมเดลนึง
เหมือนที่กำลังจะเกิดขึ้นกับ มาร์ช และ สวิฟ ที่เริ่มจะยกระดับตัวเอง

แล้ว VW ละพอจะมีแนวโน้มบ้างไหม เห็นวนๆแถวภูมิภาคเราหลายครั้งหลายคราละ....
แบรนด์นี้ผมมองว่าเรื่องเทคโนโลยีเครื่องยนต์ไม่น่าจะมีปัญหาเลยสบายมาก แต่ส่วนซัพไทยละ
สามารถรองรับความต้องการต่างของค่ายนี้ได้หรือยัง?

รบกวนด้วยครับ

ถ้าตามข่าวที่ออกอาจจะมี 4 ค่ายเข้าร่วมเพิ่ม

คงหนีไม่พ้น มาสด้า ฟอร์ด และเชฟโรเลต

ส่วนเบอร์สุดท้าย คงไม่ใช่ฮุนได เพราะฮุนไดเขาอ้างว่าจะสร้างโรงงานต่อเมื่อมีจำนวนประชากรที่มากกว่าไทย แต่ลืมจำนวนแล้วครับ

สำหรับ VW ผมว่าก็เป็นปัญหาเพราะ ยอดขาย 1 แสนคันภายในปีที่ 5 นี่ ยังนึกไม่ออกเลยว่าส่งไปขายที่ไหนบ้าง?