ผู้เขียน หัวข้อ: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"  (อ่าน 14346 ครั้ง)

ออฟไลน์ seamonkey

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 521
Re: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"
« ตอบกลับ #60 เมื่อ: สิงหาคม 25, 2013, 16:26:05 »
คุณพ่อกับคุณแม่ท่านสอนผมไว้ว่า 'ของฟรีไม่มีในโลก อยากได้อะไรก็ต้องทำงานแลก"

ออฟไลน์ Nisika

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 107
Re: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"
« ตอบกลับ #61 เมื่อ: สิงหาคม 25, 2013, 17:50:24 »
ส่วนตัวผมก็มาจากฐานะยากจนทางบ้านก็ ขายนา ขายที่ ขายวัว-ควาย ส่งผมเรียนเพราะต้องการออกจากชีวิตชาวนา ที่ชีวิตแทบสิ้นเนื้อประดาตัว แต่ผมอยากเรียนเกษตรเพราะที่บ้านเป็นเกษตรกรอยากจะแก้ความจน จึงสอบเข้าเกษตร มข. เรียนจนจบปริญญาเอกในระหว่างเรียนก็หันมาเดินตามรอยแนวปราชญ์ ตามรอยพ่อของแผ่นดิน พบว่าเป็นทางออกแก้ปัญหาความยากจน จริงๆผมอยากจะค้าขายเพื่อหาเงินสักก้อนตั้งตัวเพราะทางทุนไม่มีสัญญาผูกพันใดๆ ที่สุดผมก็หันเหชีวิตตัดสินใจเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยและทำค้าขายแนวพอเพียงซึ่งก็มีรายได้ราว 3-4 หมื่นต่อเดือนในปัจจุบันเพราะเป็นแรงงานคนแก่ที่บ้านทำแบบไม่หักโหม เป็นแหล่งเรียนรู้ด้วย ทั้งทำไว้ให้ชีวิตมีข้าว ปลา อาหาร สมบูรณ์ ที่ไม้ไว้ใช้สอย มีชีวิตร่มรื่น ผมเชื่อว่าเงินทองคือสื่อแลกเปลี่ยนไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง หากมีแต่เงินทรัพยากร ดิน น้ำ ป่าไม้ พังพินาศก็ไม่รู้ว่าเงินจะมีไว้ซื้ออะไร ประมาณว่าออกมาทำเองก็คงมีรายได้ราวๆ 8 หมื่น - 1 แสนต่อเดือนกับบรรยากาศชีวิตที่สงบ ร่มเย็น  ตอนนี้ทำงานกับชุมชน ใช้ความรู้ที่เป็นจริงแก้ปัญหาความยากจนของเกษตรกรรายย่อย ผมตั้งใจจะทำงานเพื่อแก้ปัญหาความยากจนครับ คิดว่าทำได้ เพราะชุดความรู้ แนวคิด แนวปฏบัติมีพร้อมที่จะทำงาน มีความพร้อมที่จะเป็นครูและอาจจะเป็นพ่อได้ด้วยครับ  :D
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 25, 2013, 17:58:46 โดย Nisika »

ออฟไลน์ poon japan

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 80
    • อีเมล์
Re: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"
« ตอบกลับ #62 เมื่อ: สิงหาคม 26, 2013, 11:20:05 »
ต่างกรรมต่างวาระ  เรื่อง option ต่างๆ ในชีวิตเนี่ย

บางคนทางสายกลาง  กินบ้าง ใช้ฟุ่มเฟือยบาง  เก็บบ้าง  ดูเหมาะสม

บางคนชอบใช้ชีวิตปริ่มๆ คือใช้ดีที่สุด มากที่สุด เท่าที่จะหาได้  เพราะคิดว่าชีวิตต้องเต็มที่เพราะไม่รู้วันไหนต้องจากโลกนี้ไป กลัวใช้ชีวิตไม้คุ้ม
แต่พวกนี้หากเจอเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นมักตั้งรับไม่ไหวระเนระนาดกันไป

บางคนก็เก็บจนชีวิตไม่เป็นสุข  อะไรก็ฟุ่มเฟือยไปหมด  เช่นแม่ของเราเอง  แต่ก็พอเข้าใจชีวิตผู้หญิงที่ต้องเลี้ยงลูก 2 คน เพียงคนเดียว 
เพราะสามีเสียชีวิตตั้งแต่ลูกยังเด็ก  เราเป็นลูกตอนนี้ก็พยายามทำเต็มที่ให้แม่มีความสูขตามอัตภาพ

เราก็เจอมาทุกแบบแหละ  สรุป พ่อแม่อยากให้ลูกเป็นยังไงก็ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีก่อนในเบื้องต้น  แต่สุดท้างจะได้อย่างที่หวังไหมก็อนาคตไม่มีใครรู้ได้  เป็นพ่อแม่ก็ได้แต่ยอมรับในสิ่งที่ลูกเป็น  และเป็นหลักให้ลูกเมื่อเค้าต้องการที่พึ่ง  ทำได้แค่นี้จริงๆ  ใครได้ลูกดีก็เป็บุญ  ได้ลูกไม่ดีก็เป็นกรรม  แค่นั้น

แต่ถ้าพ่อแม่เป็นแบบอย่าง  หรือสนับสนุนให้ผิดทาง  ลูกจะดีก็คงยากหน่อย

แต่ที่แปลกใจที่ลูกมีความคิดพ่อโทษแม่ว่าไม่สร้างมาให้  หรือกู้ให้มาเรียนมหาลัยแพงๆ เป็นสิ่งผิด
ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าพ่อแม่ปรกติเนีย  เค้าพยามจนถึงที่สุดแล้วงที่จะทำครอบครัวให้ดีที่สุด  ให้ลูกมากที่สุด  ให้ลูกมากกว่าตัวเองด้วยซ้ำ  เพียงแต่ลูกไม่เคยรู้  หรือไม่เคยแม้แต่จะคิดถึงพ่อแม่บ้าง  มองแต่ความต้องการของตัวเองเป็นใหญ่
พ่อแม่กู้มาให้เรียนเพราะคาดหวังว่ามหาลัยแพงจะมีมาตรฐานดี  ลูกจะเก็บเกี่ยวความรู้ได้มากเพื่ออนาคตที่ดี  ที่ทำเนียเพื่อลูกนั่นแหละ  แต่จะรักดี  รักชั่วก็แล้วแต่ลูกจะเลือกเอง  อย่ามาโทษพ่อแม่อย่างเดียว  ได้โปรดหันมามองตัวเองซักหน่อย


ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,866
  • *** HLM.COM ***
Re: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"
« ตอบกลับ #63 เมื่อ: สิงหาคม 26, 2013, 15:38:25 »
ผมว่าควรอยู่กำลูกให้พอดีครับ

อย่ามากไปอย่าน้อยไป

คอยสอนเค้าอยู่ประจำ แต่อย่ามากเกินครับ

ส่วนสังคม ลองให้เค้าคบคนหหลายๆรูปแบบ ต่างฐานะกันไปครับ แล้วก็ช่วยแนะนำเค้า

สักวันเค้าจะรู้สึกได้เอง