คิดว่าจะได้เห็นกันไหมครับ eco car diesel
BOI เร่งโครงการ Eco Car 2 ขยายกำลังผลิตรถรับโครงสร้างภาษีใหม่
Prev1 of 1Next
คลิกภาพเพื่อขยาย
updated: 03 ก.ย. 2556 เวลา 15:37:28 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) มีมติเมื่อวันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา เปิดให้การส่งเสริมกิจการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล หรือรถยนต์ Eco Car เป็นรุ่นที่ 2 หลังจากที่เปิดให้การส่งเสริม Eco Car รุ่นที่ 1 ในปี 2550 การเปิดให้การส่งเสริมในครั้งนี้เกิดขึ้นจากเหตุผลที่ว่า ต้องการให้ขนาดกำลังการผลิตรถ Eco Car ภายในประเทศสูงเกินกว่า 585,000 คัน/ปีขึ้นไป หลังจาก 3 ปีที่เริ่มโครงการ Eco Car รุ่น 1 ปรากฏมีรถยนต์ประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 100/ปี (เริ่มผลิตรถ Eco Car คันแรกในเดือนมีนาคม 2553)
ทั้งนี้ โครงการผลิตรถยนต์ Eco Car รุ่นที่ 1 มีผู้ผลิตเข้าร่วมเพียง 5 ราย ประกอบด้วย นิสสัน, ฮอนด้า, ซูซูกิ, มิตชูบิชิ และโตโยต้า นับถึงปี 2555 ผู้ผลิตทั้ง 5 รายข้างต้นมีการผลิตรถยนต์ออกมา 6 รุ่น ได้แก่ Nissan March/Nissan Almera, Honda Brio/Honda Brio Amaze, Suzuki Swift และ Mitsubishi Mirage ยกเว้นบริษัทโตโยต้าที่จะผลิต Toyota Yaris Eco Car ออกสู่ตลาดในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ (ตัวเลขการผลิตรถยนต์แต่ละค่ายตามตารางประกอบ)
ประกอบกับกระทรวงการคลังได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์การให้สิทธิลดหย่อนอัตราภาษีมาเป็นรถยนต์ที่มีความ "สะอาด-ประหยัด-ปลอดภัย" มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 ประกอบด้วย 1) รถยนต์ Eco Car ที่มีอัตราการปล่อยก๊าซ Co2 ไม่เกิน 120 กรัม/กม. เสียภาษี 17% 2) รถยนต์ Eco Car ที่มีอัตราการปล่อยก๊าซ Co2 ไม่เกิน 100 กรัม/กม. พร้อมระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน (Active Safety) เสียภาษี 14% และ 3) รถยนต์ Eco Car
ที่มีอัตราการปล่อยก๊าซ Co2 ไม่เกิน 100 กรัม/กม. พร้อมระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน (Active Safety) และสามารถใช้น้ำมัน E85 ได้ จะเสียภาษี 12%โดยการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ครั้งนี้ จะมีผลต่อการแข่งขันของผู้ประกอบการรถยนต์ครั้งสำคัญ
ทั้งผู้ผลิต Eco Car เดิมทั้ง 5 ราย กับ ผู้ผลิตที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ Eco Car ดังนั้น BOI จึงตัดสินใจที่จะเปิดให้มีการส่งเสริมการลงทุนผลิตรถยนต์ Eco Car รุ่นที่ 2 เพื่อเปิดให้ผู้ประกอบการทั้งรายเก่ารายใหม่ทบทวนแผนการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานอย่างเท่าเทียมกัน ภายใต้หลักการที่ว่า ผู้ผลิตรถยนต์ Eco Car รุ่นที่ 1 ยังคงได้รับสิทธิประโยชน์ที่ไม่เสียเปรียบผู้ประกอบการผลิตรถ Eco Car รุ่มที่ 2 ที่กำลังจะเปิดให้การส่งเสริม โดยผู้ผลิตรุ่น 1 สามารถยื่นขอรับการส่งเสริมในการผลิตรถยนต์ Eco Car รุ่นที่ 2 ได้ด้วย
นอกจากนี้ การผลิตรถ Eco Car รุ่นที่ 2 ยังเปิดโอกาสให้มีการผลิตรถประหยัดพลังงานที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลที่มีขนาดความจุของกระบอกสูงได้เกินกว่า 1,400 ซีซีเป็นครั้งแรก โดยเงื่อนไขผู้ผลิตรถ Eco Car รุ่นที่ 2 ประกอบไปด้วย
1) ผู้ผลิตจะต้องเสนอแผนงานรวมแบบ Package ประกอบด้วย โครงการประกอบรถยนต์ การผลิตเครื่องยนต์ การผลิต/จัดหาชิ้นส่วน
2) จะต้องมีปริมาณการผลิตไม่น้อยกว่า 100,000 คัน/ปี ตั้งแต่ปีที่ 4 ไปจนถึงปีที่ 6
3) รถยนต์ที่ผลิตเพื่อขายภายในประเทศจะต้องมีคุณสมบัติการประหยัดพลังงาน สิ่งแวดล้อม และความปลอดภัย อาทิ การประหยัดเชื้อเพลิงไม่เกิน 4.3 ลิตรต่อ 100 กม., มาตรฐานมลพิษ Euro 5 ปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากท่อไอเสียไม่เกิน 100 กรัม/1 กม. และการป้องกันผู้โดยสารจากการชนด้านหน้า-ด้านข้างของตัวรถ มีระบบห้ามล้อแบบ ABS และระบบควบคุมรถแบบ ESC
4) จะต้องมีขั้นตอนผลิตชิ้นส่วนหลักของเครื่องยนต์อย่างน้อย 4 ใน 5 ชิ้น ได้แก่ Cylinder Head, Cylinder Block, Crankshaft, Camshaft, Connecting Rod และจะต้องมีขั้นตอน Machinning Cylinder Head, Cylinder Block และ Crankshaft เป็นอย่างน้อย
5) จะต้องมีขนาดการลงทุนของโครงการไม่รวมค่าที่ดิน-ทุนหมุนเวียนของโครงการรวม (Package) ได้แก่ การประกอบรถยนต์, การผลิตเครื่องยนต์, การผลิตชิ้นส่วน ทั้งของตัวเองและผู้ผลิตชิ้นส่วนรวมกันไม่น้อยกว่า 6,500 ล้านบาท
หมุดหมายการประกอบ/ผลิตรถยนต์ของไทย
ปี 2503 BOI เริ่มส่งเสริมให้มีการประกอบรถยนต์ในประเทศด้วยการ "ยกเว้น" ภาษีนำเข้าเครื่องจักร กับลดหย่อนภาษีนำเข้าวัตถุดิบกึ่งหนึ่ง
ปี 2512 งดให้การส่งเสริมการประกอบรถยนต์ เนื่องจากมีผู้ผลิตหลายราย และผู้ผลิตสามารถขยายกำลังการผลิตโดยไม่ได้รับส่งเสริมการลงทุนได้
ปี 2537 BOI เปิดให้การส่งเสริมการลงทุนขึ้นใหม่เพื่อสนับสนุนการส่งออก ด้วยการ "ยกเว้น" หรือ "ลดหย่อน" ภาษีนำเข้าเครื่องจักรตามที่ตั้งโรงงาน (เขต 1-2-3) และ "ยกเว้น" ภาษีเงินได้เฉพาะส่วนการผลิตรถยนต์เพื่อการส่งออก
ปี 2543 ปรับปรุงสิทธิประโยชน์ให้เป็นตามกฎเกณฑ์ขององค์การการค้าโลก (WTO) ด้วยการ "ยกเว้น" หรือ "ลดหย่อน" ภาษีนำเข้าเครื่องจักรตามที่ตั้งโรงงาน แต่ไม่ให้ "ยกเว้น" ภาษีเงินได้ เพื่อไม่ให้ขัดกับหลักเกณฑ์ของ WTO
ปี 2546 BOI ให้การส่งเสริมการผลิตประกอบรถยนต์ที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ โดยให้การส่งเสริมประกอบรถยนต์เป็นลักษณะของ "โครงการรวม (Package)" เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ในลักษณะของ Cluster ที่มีขนาดการลงทุนทั้งผู้ประกอบรถยนต์และผู้ผลิตชิ้นส่วนโดยรวมไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท
ให้ "ยกเว้น" ภาษีนำเข้าเครื่องจักรทุกเขต รวมทั้งผู้ผลิตชิ้นส่วนในโครงการรวม (Package) นั้น ๆ แต่ไม่ให้ได้รับการ "ยกเว้น" ภาษีเงินได้นิติบุคคล
ปี 2548 เริ่มให้การส่งเสริมกิจการประกอบรถยนต์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ (NGV) เพื่อส่งเสริมนโยบายการใช้พลังงานทดแทนของรัฐบาลด้วยการ "ยกเว้น" ภาษีนำเข้าเครื่องจักรกลทุกเขต แต่ไม่ให้ได้รับ "ยกเว้น" ภาษีเงินได้นิติบุคคล
ปี 2550 BOI ให้การส่งเสริมการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (Eco Car) เพื่อให้เกิดการลงทุนสร้างฐาน
การผลิตรถยนต์ประเภทใหม่ที่สอดคล้องกับแนวโน้มอุตสาหกรรม
ยานยนต์โลก มีการกำหนดเงื่อนไขส่งเสริมการลงทุนแบบพิเศษด้วยการ "ยกเว้น" ภาษีนำเข้าเครื่องจักรทุกเขต, "ยกเว้น" ภาษีเงินได้นิติบุคคลทุกเขตเป็นเวลา 8 ปี, ลดหย่อนภาษี
นำเข้าวัตถุดิบไม่เกินร้อยละ 90 และในปีเดียวกันนี้ BOI ยังให้การส่งเสริมการประกอบรถยนต์นั่งส่วนบุคคล เพื่อให้เกิดการสร้างฐานการผลิตรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่มีขนาดการผลิตขนาดใหญ่ ด้วยการกำหนดเงื่อนไขพิเศษ ได้แก่ "ยกเว้น" ภาษีนำเข้าเครื่องจักรทุกเขต กับ "ยกเว้น" ภาษีเงินได้นิติบุคคลทุกเขตเป็นเวลา 5 ปี
ปี 2551 เริ่มนโยบายปีแห่งการลงทุน (2551-2552) เพื่อเร่งรัดการลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน เปิดให้มีการขอรับการส่งเสริมการผลิตรถยนต์โดยสารหรือรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ (NGV) ด้วยการ "ยกเว้น" ภาษีนำเข้าเครื่องจักรทุกเขต (ยกเว้นกรุงเทพฯ), "ยกเว้น" ภาษีเงินได้ เป็นเวลา 8 ปีทุกเขต (ยกเว้นกรุงเทพฯ) โดยไม่กำหนดวงเงินยกเว้นภาษีเงินได้, ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 50 เป็นเวลา 5 ปี, อนุญาตให้หักค่าขนส่ง-ค่าไฟฟ้า-ค่าประปาเป็น 2 เท่า และอนุญาตให้หักค่าติดตั้งหรือก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกร้อยละ 25
ปี 2556 BOI เปิดให้มีการส่งเสริมกิจการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (Eco Car) รุ่นที่ 2 เพื่อมุ่งพัฒนายานยนต์ไทยไปสู่ทิศทาง "Sustainable Mobility" ตามอุตสาหกรรมยานยนต์โลกที่ผลักดันให้รถยนต์มีความสะอาด ประหยัด และปลอดภัย ประกอบกับต้องการขยายกำลังการผลิตรถยนต์ประเภทนี้ให้สูงกว่า 585,000 คัน/ปี ซึ่งเป็นขนาดกำลังการผลิตเดิมของ Eco Car รุ่นที่ 1 อีกทั้งให้สอดคล้องกับการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ด้วย
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1378197169