ถ้าถนนที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นพื้นราบ
แล้วมีโอกาสได้ขับตอนถนนโล่งพอที่จะเปิดใช้ cruise control ได้ยาวๆ
เช่นขับตอนเช้ามืด หรือขับตอนดึกๆที่รถไม่มาก
รถที่มี cruise จะประหยัดและสะดวกดีครับ
แต่ในตอนกลางวันอาจจะเจอเส้นทางที่ใช้ cruise ได้ยาวๆยากหน่อยครับ
พวกช้าแช่ขวา ขวางเลนมีอยู่เยอะครับซ้ายก็ไปไม่ได้ขวาก็ไปไม่ได้
เปิดใช้ cruise ได้นิดเดียวก็ต้องเบรค รอจังหวะหาช่องเร่งแซง
แล้วก็ต้องมาเริ่มต้น cruise กันใหม่ ทำให้ต่างกับกดคันเร่งเองไม่มาก
และถ้าเส้นทางเป็นทางเรียบ สลับกับเิินินเยอะๆ
ที่ความเร็วเฉลี่ยพอๆกัน เปิด cruise อาจกินกว่า
เพราะมันจะไม่อลุ้มอล่วย พยายามที่จะรักษาความเร็วค่าที่เซตไว้ในช่วงความเร็วแคบๆ
เช่นเซต cruise ไว้ที่ 100 km/h
พอเวลาที่ขึ้นเนินก็ระบบก็จะพยายามเร่งเครื่องไว้ เพื่อรักษาความเร็วไม่ให้ตก
ช่วงลงเนินก็ไม่ค่อยยอมปล่อยไหลให้ความเร็วเกินกว่าค่าที่เซตไว้ไปมากนัก
ในทางกลับกันถ้าขับเอง
ตอนที่ขึ้นเนินอาจจะยอมให้ึความเร็วตกบ้างเล็กน้อย
เช่นวิ่งมา 100 แล้วขึ้นเินินมายอมให้ึความเร็วลดลงนิดหน่อยอาจจะสุดเนินที่ความเร็วเหลือ 90
แล้วพอตอนลงเนินค่อยเอาคืนก็ปล่อยมันไหลเกิน 100 ไปบ้าง
ลงไปสุดทางราบ ที่อาจจะเป็นความเร็วซัก 110
แล้วจึงค่อยๆขับต่อบนทางราบ โดยความเร็วค่อยๆลดความเร็วลงมา 100
แบบนี้เฉลี่ยแล้ว ก็จะผ่านเนินไปด้วยความเร็วประมาณ 100 เหมือนกัน แต่ประหยัดกว่า
ดังนั้น cruise ไม่ได้หมายความว่าจะประหยัดน้ำมันกว่าเสมอไป
ต้องขึ้นอยู่กับสภาพเส้นทางที่เราใช้จริงอยู่ด้วย