ผู้เขียน หัวข้อ: อยากถามความเห็นเพื่อนๆหากอยากเป็นดีลเลอร์รถช่วงนี้ค่ายไหนน่าสนใจครับ  (อ่าน 3705 ครั้ง)

ออฟไลน์ charlse

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 241
ตอนแรกมองๆเจ้าตลาดอย่าง toyota honda. ไว้แต่ลองหาๆข้อมูลดูถ้าจะยาก + จังหวัดผมดีลเลอร์เก่าแข็งมาก
ตอนนี้ที่มองๆก็มี BMW ซึ่งชอบเป็นการส่วนตัว (Benz มีผู้ใหญ่ที่รู้จักทำอยู่แล้ว) แต่ลองค้นๆดูก็ไม่พบข้อมูล ไม่ทราบว่าเขามีแผนจะขยายสาขาเพิ่มไหมครับ เพราะได้ยินแบรนด์พวกนี้ยากมาก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 05, 2014, 17:04:20 โดย charlse »
MB S300 Bluetec Hybrid
MB Viano 3.0
Porsche Cayenne Diesel

ออฟไลน์ H3T

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,721
    • อีเมล์
 ชอบแบบไหนหล่ะครับ
  เน้นพื้นฐานดี การแข่งขันสูง เติบโตค่อยๆเป็นค่อยไป มั่นคง แต่ลงทุนสูง ก็แบรนด์ใหญ่ๆได้เลย
  ชอบแบรนด์น้องใหม่ มีแววดีในอนาคต ลงทุนต่ำ รับความเสี่ยงระยะสั้นได้ ระยะยาวน่าสนใจ ลองพิจารณา
    รออีกหน่อย VW ครับ
    ถ้าอยากทำเลย เสี่ยงน้อยหน่อย Suzuki
    ถ้ารับความเสี่ยงได้มาก Siac CP

ออฟไลน์ cherubian

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 143
Ford ครับ

เพราะถ้าทำ Toyota แล้วขับฟอร์ดมันจะดูไม่น่าเชื่อถือ

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,089
ผมว่า Mitsu น่าสนครับ

เพราะกว่าคุณจะวางแผน เตรียมการ ก่อสร้าง ต่างๆนานาเสร็จ ป่านนั้น Mitsu ก็ออกรุ่นใหม่ทั้ง ไทรทัน ปาเจโร่ Mirage/Attrage Minor   แลนเซอร์(ด้ว่ยป่าวไม่รู้)
หรือไม่ก็ Ford เพราะยังมีแนมโน้วแย่ง Market Share ได้อีกเยอะครับ ถ้าอนาคตปรับปรุง   Nissan ก็ยังน่าสน
ถ้าเป็นรถยุโรป ตอนนี้ผมว่า Volvo น่าสนสุดครับ

แต่
Toyota ในช่วงปีหน้า ไม่มีอะไรให้ลุ้นละ มีแต่ Minor กันไป  รอช่วงวีโก้/ฟอร์จูนเนอร์ใหม่มา   ฮอนด้าก็หมดแมกซ์แล้ว 
Suzuki ก็มีแค่สวิฟ แถมยอดก็ค่อยๆหด ปีหน้าคงมีเรื่องคนบ่นซูซูกิเยอะขึ้นแน่ๆ เพราะเริ่มต้องซ่อม แต่อะไหล่แม่งก็รอนาน แถมคู่แข่งเต็มไปหมด  รถใหม่ไอ่ Celerio อะไรซักอย่างก็ไม่มีใครมอง
Mazda ก็เปิดตัวไปหมดแล้ว ไม่มีอะไรจะเรียกความสนใจได้เท่าไรแล้ว  และรถทรง Kudo ด้วยความที่มันสวยจัด  พอผ่านไปซักปี ผมว่ามันจะดูไม่น่าตื่นเต้นอะไรแล้วล่ะครับ






ออฟไลน์ ghia

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 346
  • the power of bear
    • อีเมล์
ต้องถามก่อนครับว่า"ทำไมถึงอยากค้ารถ"

ขายรถยนต์คันนึงไม่ได้กำไรเยอะอย่างที่หลายคนคิด

บางยี่ห้อ บางรุ่น แทบจะเหลือกำไรแค่พอจ่าย ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเงินเดือนพนักงานแค่นั้นเองครับ


ดีลเลอร์รถยนต์ค่อนข้างจะแตกต่างจากดีลเลอร์สินค้าชนิดอื่นอยู่เหมือนกันครับ

สินค้าชนิดอื่น สำหรับสินค้า1ชิ้น คุณก็จะขายของได้1ครั้งสำหรับสินค้าชิ้นนั้น

แต่กับรถยนต์ไม่ใช่แบบนั้น

รถยนต์1คัน คุณจะสามารถ"ขาย"ได้อย่างน้อยถึง 11 ครั้ง ในรถยนต์คันเดียวกัน

นอกจากขายรถแล้ว คุณจะต้องขาย"บริการ"ให้กับลูกค้าด้วย

นั่นหมายความว่าคุณต้องมีความอดทนพอที่จะดูแลลูกค้ารายเดิมไปอีกอย่างน้อย 3ปี หรือ 100,000 กม. แล้วแต่ว่าระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน

เพราะกำไรที่จะทำให้ดีลเลอร์อยู่ได้อย่างแท้จริงแล้วมันมาจาก"ฝ่ายบริการ"หลังการขาย


ถ้าลูกค้าพอใจในบริการก็จะทำให้เกิดการซื้อซ้ำ ได้ลูกค้าที่มีความภักดีต่อบริษัทของเรา

เคยมีคนมาเล่าให้ฟังเหมือนกันครับ.....

มีลูกค้าระดับเจ้าสัวคนหนึ่งแกใช้รถะดับ 10,000,000 ล้านบาท

วันดีคืนร้ายรถยนต์เกิดเป็นอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ รถเสียอยู่กลางถนน

แกก็โทรมาเม๊งใส่ศูนย์บริการ ทางศูนย์ก็ส่งรถยกไปเอารถคันที่ว่าเข้ามาตรวจสอบ

พร้อมทั้งส่งรถระดับ 5,000,000 บาทไปรับแกเข้ามาที่ศูนย์บริการด้วย

พอแกมาถึง ผจก.ศูนย์บริการก็ออกไปต้อนรับ

เชื่อมั๊ยครับว่าสิ่งแรกที่ท่านเจ้าสัวทำคืออะไร

ปากุญแจรถใส่หัว ผจก.จนเลือดซิบ แล้วยืนด่าดังลั่นศูนย์ เพียงเพราะไม่เอารถระดับ 10,000,000 บาทไปรับแก

เพราะแค่นั้นแกถึงกับเลิกซื้อรถยี่ห้อนี้กับดีลเลอร์นั้นไปเลย แล้วย้ายไปซื้อกับอีกดีลเลอร์หนึ่ง


กลับมาเรื่องของเรากันต่อครับ

ถ้าคุณเลือกยี่ห้อรถที่เป็นเจ้าตลาด สิ่งหนึ่งที่คุณจะสบายใจได้ คือ เมื่อคุณเปิดปุ๊บก็จะมีรถมาเข้าศูนย์บริการปั๊บ

ทำให้พอมีรายได้มาเลี้ยงดูบริษัทในระดับหนึ่ง

แต่คุณก็ต้องเจอกับการแข่งขันที่สาหัสมากมาย

เจอกฎข้อบังคับมหาศาล

เจอการลงทุนที่สูงลิ่ว

ตอนนี้ถ้าจะเปิดยี่ห้อหลัก T H N ยังไม่รวมค่าที่ก็น่าจะมีซัก 100-200 ล้าน

นี่ยังไม่รวมเงินที่ต้องเตรียมไว้ซื้อรถยนต์มาขาย อะไหล่มาสต็อค

2อย่างที่ว่าก็น่าจะอีกประมาณ 40 - 60 ล้าน อยู่ที่ว่าคุณจะบริหารสต็อคได้ดีขนาดไหน

สมมุติว่าใช้เงินซัก 150 ล้านบาท ค่าดอกเบี้ยก็วันละ 30,000 บาทแล้วครับ


ถ้าเป็นแบรนด์ระดับรองลงมา ก็น่าจะมีประมาณ 40 - 60 ล้านบาทสำหรับการลงทุน

ค่าสต็อคอีกประาณ 10 - 30 ล้าน


ส่วนจะเลือกยี้ห้ออะไรมาขายนั้น ลองเข้าไปคุยกับตัวเจ้าหน้าที่เค้าก่อนดีกว่าครับ

ส่วนใหญ่พอคุยกันแล้วเค้าก็จะหาคนที่มีวิสัยทัศน์ไปในทางเดียวกัน


อีกอย่างหนึ่งคือ พื้นที่นั้นมีความจำเป็นที่จะต้องเปิดโชว์รูมเพิ่มขึ้นหรืเปล่า

ทุกยี่ห้อย่อมอยากขยายเครือข่ายครับ เพียงแต่เค้าก็ต้องดูว่ามันมีความเป็นไปได้ขนาดไหนที่ ธุรกิจจะสามารถอยู่รอดได้




รถยนต์มันมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เดี๋ยวก็มีรุ่นใหม่ออกมาอยู่เรื่อยๆ ตามห้วงเวลาที่เหมาะสมของ"กันและกัน"

ดังนั้นเรื่องผลิตภัณฑ์ที่จะนำมาขาย บ.แม่เค้าย่อมต้องพยายามส่งสินค้าลงตลาดอยู่แล้วครับ

???????????? ??????????? ????????????????? ????????????????????? ??????????????????? ???????????????? ?????????????????????? ???????????????????? ???????????????? ???????????????? ????????????????? ??????????????????

ออฟไลน์ pamoch88

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 132
ถ้ามีทำเลดี ทุนหนาพอ  ก็ เล่น T  ตัวเดียวจบ กินยาวตลอดชาติครับ
แต่ถ้า ที่ดินต้องเช่า ทุนต้องกู้ ก็ ลำบากครับ

ออฟไลน์ rut191

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,212
ผมว่าmazdaน่าจะดีนะครับ ผมทำงานออกต่างจังหวัดบ่อย toyotaกับIsuzu ศูนย์ใหญ่มีไปยันอำเภอใหญ่ๆเกือบทุกอำเภอเลยนะครับ
ไม่รู้ว่าถ้าจะเปิดเฉพาะฝ่ายขายอย่างเดียวได้ก็น่าลองนะครับ เห็นบางที่ตามอำเภอเล็กๆก็มีตึก2ห้องก็ขายได้แล้ว(แต่ไม่รู้เขามีสาขาใหญ่อีกที่รึป่าวนะครับ)

JONNY

  • บุคคลทั่วไป
เห็นดีลเลอร์เจ้าอื่นโดดมาจับฟอร์ดเยอะเลยครับ
สินค้าก็มีสิ้งใหม่เทคโนใหม่ๆป้อนตลาดมากในอนาคตอันใกล้

มาสด้า ก็เรื่อยๆ แต่สินค้าอาจยังไม่น่สตื่นเต้นเท่าฟอร์ด

เซพ อย่าคิดเลย

อีซูสุ ตลาดใกล้วายเต็มที ที่มีอยู่ พ่อค้าก็เยอะเต็มที สินค้าก็ไม่หลากหลาย โอกาสคู่แข่งมาแย่่งส่วนแบ่งยอดตลอดเวลา

มิตซูบิชิ ก็ไม่โดดเด่นอะไรในตัวสินค้า

นิสสัน ยอดขายพอได้สินค้าหลากหลาย น่าสนใจอยู่

ฮอนด้า ก็ยังไม่น่าสนใจเท่านิสสัน  ถ้าพูดถึงสินค้าจะทำตลาดอันใกล้

โตโยต้าที่มีอยู่ก็มากมาย แต่ตลาดเขาไม่เคยวาย แบรนด์แข็งแกร่ง ยืนได้อยู่แล้วในบ้านเรา

ฮุนได ก็น่าลองนะสินค้าที่เด่น แต่คนไทยยังไม่เข้าถึง ถ้ามีศูนย์เพิ่ิมอีกหนน่อยจะดี
 
รถเขาจีนเขาก็พร้อมที่จะทำตลาดบ้านเรา เลือกในตัวสินค้าโดดเด่นแวกแนวนิดหนึงผมว่าท้าทายดีเหมือนกัน

บีเอ็มกะเบ๊นก็สดใส  คนไทยมีตังมากขึ้นก็ไฝ่ฝัน
รถยุโรปก็น่าสนแล้วในยุคปัจจุบัน เพราะค่ายนิยมคนไทยยุคนี่ไม่เหมือนยุคก่อน

ออฟไลน์ charlse

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 241
ขอบคุณทุกๆความเห็นมากๆครับ ขอสารภาพว่าที่มีความคิดจะทำนี่เกิดจาก passion ล้วนๆเกี่ยวกับรถและอยากให้มีศูนย์บริการดีๆ
ประกอบกับญาติผมกำลังจะเปิดโชว์รูม MG เพิ่มหลังจากมี Proton แล้วจึงคิดว่ามีโอกาสเป็นไปได้ครับ  :)

ตอนนี้แบรนด์ที่ชื่นชอบและยังไม่มีในจังหวัดผมที่คิดๆคือ
BMW Lexus VW
MB S300 Bluetec Hybrid
MB Viano 3.0
Porsche Cayenne Diesel

ออฟไลน์ Ongszaa

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 809
ขอบคุณทุกๆความเห็นมากๆครับ ขอสารภาพว่าที่มีความคิดจะทำนี่เกิดจาก passion ล้วนๆเกี่ยวกับรถและอยากให้มีศูนย์บริการดีๆ
ประกอบกับญาติผมกำลังจะเปิดโชว์รูม MG เพิ่มหลังจากมี Proton แล้วจึงคิดว่ามีโอกาสเป็นไปได้ครับ  :)

ตอนนี้แบรนด์ที่ชื่นชอบและยังไม่มีในจังหวัดผมที่คิดๆคือ
BMW Lexus VW

จังหวัดไหนครับ  ในภูมิภาคแถวนั้นมี Lexus รึยังครับ
ถ้ายัง Lexus เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก เพราะ เศรษฐีต่างจังหวัดมีเยอะ ถ้าคุณบริการได้เทียบเท่า Lexus รามอินทรา
ที่เวลา Service มาเอารถที่บ้าน ไปรับไปส่ง มีอาหารให้ทานระหว่างรอ เน้น Service เด่นๆ
ลูกค้าต่างจังหวัดบางคนเค้าไม่มีเวลา ไปนั่งเข้าศูนย์ชอบให้คนมาบริการถึงที่
เท่าที่ผมรู้จักคนประเภทนี้ ซื้อรถแบบไม่ต่อราคาเลย แล้วก็ซื้อทั้งบ้านด้วย ไม่สนว่าจะเป็น Benz BMW เพราะเยอรมันทั้งสองบริการไม่โหดเท่า Lexus
ถ้าไม่มี Lexus ในภูมิภาคนั้นๆ หรือ จังหวัดใกล้เคียงไม่มีเลย จะเป็นสิ่งที่ลงตัวมาก

ส่วน BMW ก็เป็นความคิดที่ดี

ส่วน VW ต้องรอบริษัทแม่มาเองแล้วทำราคาดีๆ ผมก็อาจจะไปเล่นเป็นรถแว้นไฮโซก็ได้ 555
'19 BMW 630d GT M Sport[G32]
'24 LOTUS ELETRE R