สวัสดีครับปกติก็จะอ่านแต่รีวิวของคนอื่นเขา วันนี้ขอลุกมาทำรีวิวให้คนอื่นได้อ่านบ้างเป็นการตอบแทนครับ
![:)](https://community.headlightmag.com/Smileys/flat_emoji/smiley.gif)
ที่มาที่ไปของผมคือ เป็นแฟนประจำติดตามอ่านบทความคุณจิมมี่มานานแล้วตั้งแต่สมัยยังอยู่เว็บต้องห้าม ทุกวันนี้ผมมาเรียนต่ออยู่ที่อังกฤษหลังจากทำงานมาเกือบ 5 ปีที่เมืองไทย ระหว่างที่มาเรียนต่ออยู่นี้ก็ได้มีโอกาสเช่ารถขับเที่ยวในที่ต่างๆ และหลายๆคันก็เป็นรถที่ไม่มีขายในไทย หรือกำลังจะเข้าไทยครับ รีวิวผมจะเป็นไปในลักษณะการท่องเที่ยวเช่าขับ ไม่เน้นรายละเอียดเทคนิคมากมายนักนะครับ อย่างอัตราเร่งผมไม่ได้จับเวลามาเพราะเกรงเรื่องกฎหมายกับกล้องจับความเร็วที่นี่ครับ ผมจะเปรียบเทียบกับรถที่ผมใช้อยู่ก่อนจะมาเรียนต่อแล้วกันครับ นั่นก็คือ Toyota Corolla Altis 1.6G รุ่นปี 2009 และ Toyota Prius TRD Sportivo 2011 นะครับ และเนื่องจากเป็นการเช่ารถขับเที่ยว จึงจะสอดแทรกสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้ไปมาให้ได้รับชมกัน เผื่อจุดประกายทริปในฝันกันบ้างนะครับ
![:)](https://community.headlightmag.com/Smileys/flat_emoji/smiley.gif)
โดยรถที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังวันนี้คือ
Vauxhall Astra 1.6 M/T "Design" ตัวรองล่างสุดที่มีขายในอังกฤษครับ แปะป้ายราคาเอาไว้ที่ £14,805 (ราว 8 แสนบาทไทย)
![](https://farm3.staticflickr.com/2917/13931563186_7615a8c072_c.jpg)
และอีกคันคือ Vauxhall Astra Sport Tourer 2.0 CDTi A/T "Design" เกรดรองล่างสุดเหมือนกัน สนนราคา £16,400 (ราวๆ 855,000 บาท)
![](http://www.futurevehicleleasing.co.uk/Assets/Images/Cars/Vauxhall/vauxhall-astratour-ext-01.jpg)
คนไทยอาจจะคุ้นกับยี่ห้อ Opel มากกว่า ซึ่งพอมาขายในอังกฤษกับไอร์แลนด์จะใช้ชื่อ Vauxhall แทนครับ และต่างกันแค่นั้น สำหรับรูปถ่ายเนื่องจากไม่ได้คิดว่าจะทำรีวิวทีแรก เลยมีรูปถ่ายเองไม่มากครับ โดยเฉพาะคัน Sport Tourer ไม่ได้ถ่ายเก็บไว้เลย จึงอาจจะขอใช้รูปประกอบจากอินเตอร์เน็ทแทนครับ
รายละเอียดตัวรถAstra 1.6 -
http://www.vauxhall.co.uk/vehicles/vauxhall-range/cars/new-astra/features-and-specifications/trims-models.htmlAstra 2.0 -
http://www.vauxhall.co.uk/vehicles/vauxhall-range/cars/new-astra-sports-tourer/overview.htmlรายละเอียดทริปคร่าวๆหลังจากตัดสินใจมาเรียนต่อ ก็เลือกมาเรียนตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2556 ในคอร์สปรับพื้นฐานภาษาก่อนเพื่อหาเพื่อน และเที่ยวครับ (คือไม่เน้นเรียนว่างั้น 555) หลังจบคอร์สภาษา จะมีเวลาว่าง 2 อาทิตย์ให้ได้เที่ยวกัน จึงจัดทริปสองทริปครับ ทริปแรกเดินทางลงทางตอนใต้ของอังกฤษ ซึ่งสวยมากๆครับ แนะนำว่าถ้ามีโอกาสมาเที่ยวอังกฤษแล้วขับรถเองลองดูบริเวณที่ชื่อ Cornwall ซึงอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะอังกฤษครับ ตัวอย่างที่เที่ยวก็เช่น (วงเล็บด้านหลังคือที่อยู่นะครับ ก๊อปแปะใน Google Map ได้เลย)
Cape Cornwall (Penzance, Cornwall TR19 7NN UK)
![](https://scontent-b-lhr.xx.fbcdn.net/hphotos-prn2/l/t1.0-9/1235187_10201117657237142_1827731481_n.jpg)
Land's End หรือสุดเขตแดนอังกฤษครับ ซ้ายสุดของประเทศเลย (Penzance, Cornwall TR19 UK)
![](https://fbcdn-sphotos-b-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash3/t1.0-9/544558_10201117660917234_736096901_n.jpg)
Minack's Theater (ไปแวะถ่ายรูปแต่ไม่ได้เข้าไปครับ เลยไม่มีรูปด้านใน ใช้รูปจากอินเตอร์เน็ทแทนนะครับ) (Porthcurno Penzance, Cornwall TR19 6JU United Kingdom)
![](http://www.porthcurnofarmholidays.com/wp-content/gallery/out-and-about-1/minack-theatre-l.jpg)
St Michael's Mount (ไม่ได้ไปแวะเพราะเกิดปัญหาขึ้นกับรถครับ แต่น่าไปมากๆ เป็นปราสาทกลางทะเล น้ำลงแล้วเดินไป/ขับรถไปได้ พอน้ำขึ้นต้องนั่งเรือข้ามฟากครับ) (Marazion, Cornwall TR17
UK)
![](http://www.firstlightclick.com/image_collection/var/albums/Countries/UK/St%20Michaels%20mount,%20Cornwall.jpg?m=1380322230)
ทริปนี้ไปกัน 9 คนเลยเช่ารถไปสองคันครับ คือเจ้า Astra 1.6 ซึ่งเป็นเครื่องเบนซินธรรมดา 115 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 155 Nm @ 4,000 rpm ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และอีกคันคือ Astra Tourer 2.0 CDTi ดีเซลหายใจธรรมดา 165 แรงม้า ที่ 4,000 rpm และ แรงบิดสูงสุด 350 Nm มาตั้งแต่ 1750-2500 rpm คัน Tourer นี้เช่ามาไว้บรรทุกกระเป๋าเป็นหลักครับเพราะสาวๆในทริปปาเข้าไป 6 คน มีผู้ชายแค่ 3 คน เลยได้ทดลองขับเจ้าหนู Astra ที่หลากหลายขึ้นครับ โดยเช่าจาก Enterprise ในราคาประมาณ 20-30 ปอนด์ต่อวันครับ (ขออภัยที่จำราคาไม่ได้ครับ สองคันนี้ราคาต่างกัน 10 ปอนด์ต่อวัน คัน Tourer จัดอยู่ในคลาสที่ใหญ่กว่าครับ) สิ่งที่คุณต้องใช้ก็มีแค่ใบขับขี่ไทย พาสปอร์ทและบัตรเครดิตครับ การเช่าขับไม่ยุ่งยากมากนัก จองผ่านเว็บ ไปรับรถ เชคสภาพดีๆก่อนรับรถออกมาและจดบันทึกทุกอย่างที่เป็นตำหนิไว้ด้วยนะครับ (สำคัญมาก)
งานออกแบบภายใน ภายนอกอย่างที่บอกไปแล้วตอนแรกคือ ไม่ได้คิดเผื่อเอาไว้ว่าจะทำรีวิว จึงไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้มากมายนักครับ โดยเฉพาะภายในที่ผมถ่ายมาแต่เป็นรูปคู่กับแฟนที่ไม่เห็นแผงแดชบอร์ดมากนัก เลยขอใช้รูปจากอินเตอร์เน็ทแทนจะดีกว่า แฮ่ๆ
![:P](https://community.headlightmag.com/Smileys/flat_emoji/tongue.gif)
Astra จัดเป็นรถที่แม้จะมีอายุอานามล่วงเข้าปีที่ 4 ในการทำตลาดแล้ว ใกล้จะเปลี่ยนโฉมเต็มที แต่มันก็ยังเป็นรถที่ดูดีอยู่ โดยเมื่อเทียบกับเพื่อนๆบนถนนในอังกฤษด้วยกันแล้ว Astra เป็นรถที่ดูดีกว่าอีกหลายๆคันในมุมมองของผมนะครับ ด้านในการออกแบบภาพรวมถือว่าสวย และดูล้ำยุค แม้จะผ่านมา 4 ปีแล้วก็ตาม คันที่ผมขับไม่มีจอ infotainment สีๆแบบในรูปนะครับ แต่เป็นจอแสดงข้อมูลรถสีส้มแทน (อารมณ์เดียวกับ Teana รุ่นแรก) ซึ่งก็แสดงข้อมูลสำคัญๆครบถ้วน ทั้งเรื่องอุณหภูมิภายนอกภายใน ข้อมูลเพลง หรือสถานีวิทยุที่เปิดอยู่ จอใหญ่อ่านง่าย ที่มาตรวัดตรงกลางยังมีจอแสดงข้อมูลเล็กๆ เช่นพวก trip meter ต่างๆ วัดความเร็วรถ แสดงข้อมูลการขับขี่ในหลากหลายโหมด และ setting ตัวรถก็อยู่ตรงนี้ด้วยเช่นกัน มาตรวัดมีตัวเลขขนาดเล็กไปนิด แต่ก็ยังอ่านได้ง่าย ด้านหน้ารถบริเวณรอบฐานเกียร์และข้างประตูคนขับกับคนนั่งหน้า จะมีการตกแต่งด้วยไฟ ambient light สีแดง จะสว่างขึ้นพร้อมกับไฟหรี่ ให้บรรยากาศสปอร์ทในยามค่ำคืนได้ดีครับ ภายในของทั้งสองรุ่นเหมือนกันยังกับแกะ ต่างแค่อีกคันเป็นคันเกียร์อัตโนมัติเท่านั้น
![](http://photos.evo.co.uk/images/front_picture_library_UK/dir_635/car_photo_317725_25.jpg)
เส้นสายของ Astra ทั้งสองคัน ออกแนวสะอาดตา ดูดี ตามสไตล์รถยุโรป และน่าจะสวยได้อีกนานกับดีไซน์แบบนี้ โดยเฉพาะคัน 1.6 ที่เป็น Hatchback ดูลงตัวมากๆ ทุกเส้นสายดูสอดรับและประสานต่อกัน ท้ายรถจุสัมภาระได้ 351 ลิตรแบบไม่พับเบาะลง กะประมาณแล้วใหญ่กว่าท้ายรถ Prius อยู่ไม่มากนัก ถือว่าค่อนข้างเล็กไปนิดนึง
![](https://farm8.staticflickr.com/7394/13925931606_a39abafd11_c.jpg)
![](https://farm8.staticflickr.com/7429/13925939151_a04f49cde4_c.jpg)
ส่วนรุ่น Tourer ท้ายยาวนั้น สัดส่วนอาจจะดูไม่ลงตัวเท่ารุ่น Hatchback แต่มันก็ไม่ได้ดูแย่แต่อย่างใด จัดเป็นรถ Tourer / Estate / Station Wagon ที่ดูลงตัวดีมากคันหนึ่งเท่าที่เคยพบเห็นมา และที่สำคัญ ความยาวที่ดูเหมือนเพิ่มมาไม่มากนั้น แต่ทำให้พื้นที่วางของใหญ่โตสะใจมาก สัมภาระของสาวๆทั้ง 6 คนในทริปนั้น ยัดลงไปได้อย่างไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ขนาดความจุห้องสัมภาระด้านหลังนั้นคือ 500 ลิตร ใหญ่กว่าท้ายของ Altis อยู่ในระดับที่รู้สึกได้ และที่สำคัญมันสูงกว่า ทำให้การซ้อนของในแนวสูงทำได้อย่างง่ายดาย ทั้งสองรุ่นมีขอบห้องสัมภาระที่เรียบเสมอในระดับเดียวกับขอบกันชนท้าย ทำให้การ load ของขึ้นนั้นสะดวกมาก และอยู่ไม่สูงจนลำบากในการยกของขึ้นลงจากท้ายรถ
![](http://www.autoplenum.de/Bilder/P/p0512374/OPEL/OPEL-Astra-2-0-CDTI-DPF-Sports-Tourer--2012-.jpg)
![](http://www.opel-accessories.com/app_get/getImage?image_id=ASSTAS11_I01_713_SIZE4&app_name=ace_gme&width=-1&height=-1)
ทั้งสองคันมีเครื่องเสียงมาตรฐานที่เล่นซีดีได้ คุณภาพเสียงปานกลาง ไม่ดีมากนัก พอฟังไหว ผมว่าของเดิมติดรถ Prius ดูจะดีกว่าพอสมควร เบาะนั่งของทั้งคู่นั้น บุผ้าอย่างดีมาให้ นั่งสบายมาก แม้บางชิ้นอาจจะดูสากๆไปบ้าง แต่สามารถหลับในรถได้อย่างมีความสุข ระยะวางขามีขนาดไล่เลี่ยกับ Corolla Altis รุ่นที่เพิ่งตกรุ่นไป
สมรรถนะรถรถทั้งสองคันนี้ มีบุคลิกที่แตกต่างกันค่อนข้างมาก เนื่องจากคันหนึ่งแรงกว่าแต่เป็น A/T อีกคันแรงน้อยกว่าแต่เป็น M/T เริ่มจากคัน 1.6 เบนซินพ่วงเกียร์กระปุกกันก่อน การขับขี่ในเมืองมีความคล่องตัวดีมาก เกียร์กระชับเข้าง่าย ไม่สับสน คลัชไม่แข็งสู้เท้ามากจนเมื่อย อัตราเร่งตีนต้นอืดไปบ้าง ไม่พุ่งปรู๊ดปร๊าดหากเทียบกับ Altis 1.6 A/T 2009 ซึ่งจะมาทันใจกว่ามาก แต่สำหรับการขับในเขตเมืองของอังกฤษ (ไม่ใช่เมืองใหญ่มากนัก รถไม่ได้เยอะมาก) ถือว่าทำได้คล่องตัวในระดับที่น่าพอใจ พวงมาลัยมีน้ำหนักที่กำลังดี เซ็ทมาให้เบาในความเร็วต่ำ และหนักขึ้นในความเร็วสูง ระยะฟรีน้อย ค่อนข้างแม่นยำ ช่วงล่างสามารถใช้ความเร็วได้จนถึงระดับ 160 km/hr โดยที่ยังไม่รู้สึกว่ารถมันลอย นิ่งมากๆ ทำได้ดีกว่าของพรีอุสอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้หนีกันมาก อัตราเร่งแซงทำได้กลางๆ ความรู้สึกที่ได้ไม่แตกต่างไปจาก Altis 1.6 A/T ที่ผมใช้เท่าไหร่นัก แค่ต้องสับเกียร์ช่วย
ส่วนรุ่น Tourer 2.0 A/T นั้น แม้ว่าจะมีเรี่ยวแรงมากกว่าพอสมควร แถมแรงบิดมหาศาล แต่ด้วยขนาดที่ยาวเพิ่มขึ้น ทำให้รู้สึกถึงความไม่คล่องตัวเมื่อขับเข้าเมือง และต้องเปลี่ยนเลน หรือเข้าวงเวียน (ซึ่งมีเยอะมากๆในอังกฤษ) ให้ความรู้สึกเหมือนรถมันยาวมากๆ พวงมาลัยเซ็ทมาค่อนข้างจะเบาทั้งในความเร็วต่ำและความเร็วสูง แม้จะขับเร็วขึ้นแล้ว ก็ยังไม่รู้สึกว่ามันตึงมือขึ้นเหมือนรุ่น 1.6 ส่วนอัตราเร่งแซงนั้นทำได้ดีคล้ายๆกับรถ D-Segment ตัวแรงบ้านเราแม้จะบรรทุกมาเต็มพิกัดแล้วก็ตาม คือกดเป็นมา แต่เกียร์อัตโนมัติไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่ คิดช้า ตอบสนองช้า ไม่งั้นการเร่งแซงน่าจะทำได้ประทับใจกว่านี้มากๆ ส่วนเรื่องช่วงล่างการทรงตัว รู้สึกว่าเซ็ทออกมาแนวครอบครัวมากกว่าคัน 1.6 เวลาขับแล้วคิดว่าถ้าไม่มีน้ำหนักถ่วงท้ายรถเอาไว้ รถอาจจะรู้สึกลอยๆไม่มั่นคงเท่ากับ 1.6 ที่ความเร็วสูง โดยทั่วไปช่วงล่างคล้าย Altis 1.6 A/T ของผมอยู่พอสมควร คือเกาะถนนดีในระดับใช้การได้ แต่พอขับเร็วมากๆ มันจะเริ่มรู้สึกเบา เพราะเซ็ทมาให้นั่งสบายเลยอาจจะนุ่มไปนิด โคลงไปหน่อย พวงมาลัยก็เบาๆคล้ายกันอีกต่างหาก
อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจดไว้บนกระดาษตอนทำบัญชีค่าใช้จ่ายแล้วก็ทำหายไปในที่สุด แต่ยังพอจำตัวเลขได้คร่าวๆครับ
ทั้งสองคันวิ่งบนเส้นทางเกือบจะเหมือนกัน ยกเว้นแค่วันหนึ่ง ที่คัน 1.6 ต้องพาเข้าอู่ไปถ่ายน้ำมันออกเนื่องจากน้องคนที่สลับกันไปขับคันนั้นเข้าใจว่าเป็นดีเซลเหมือนคัน 2.0 ที่เขาขับตอนแรก จึงเติมดีเซลกรอกลงไป (ทั้งๆที่หัวจ่ายมันเสียบไม่ได้ก็ยังพยายามกรอก 555
![;D](https://community.headlightmag.com/Smileys/flat_emoji/grin.gif)
) แต่ก็แปลกใจมากที่มันสามารถวิ่งแบบเบนซินปนกับดีเซลมาอย่างละเกือบครึ่งถังมาได้ตั้งไกลเกือบ 300km แบบรู้สึกได้ชัดเจนว่าแรงหายไปเยอะ ก่อนที่มันจะสตาร์ทไม่ติดในวันรุ่งขึ้น (ถึงเป็นที่มาของรูปด้านบนที่จอดเปิดกระโปรงหน้ารถอยู่ด้านหน้าโรงแรม Premier Inn เพราะหาสาเหตุ เนื่องจากทีแรกถามน้องคนที่เติมน้ำมันแล้วเค้าไม่ยอมบอกว่าเติมอะไรลงไป) สุดท้ายจึงพาเข้าไปล้างถัง เสียค่าล้างไปเกือบ 200 ปอนด์ และต้องไปเติมใหม่อีก 50 ปอนด์เต็มถัง ระหว่างรอจึงเหลือแต่คัน 2.0 และไปเช่า Hyundai i10 ขับแทน 1 วัน คัน 2.0 จึงวิ่งไกลกว่าอยู่ราวๆ 20 km เศษๆในวันที่ต้องจอดอีกคันไว้ที่อู่ (โชคดีที่ไม่ได้ขับไปไหนไกลจากอู่มาก)
กระนั้นก็ตาม ตลอดเส้นทางรวมทั้งสิ้นเป็นระยะทางเกือบ 1,250 km นี้ ทั้งสองคันทำอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 13-14 km/l สำหรับ Astra 1.6 เบนซิน (ไม่นับถังที่เติมผิดช่วง 300 km นั้น ถ้าหากนับตัวเลขจะเหลือ 11-12km/l) และ 15-16 km/l สำหรับ Astra Tourer 2.0 ดีเซล โดยความเร็วเฉลี่ยจะอยู่ราวๆ 60 mph (บนถนนหลวงปกติจะจำกัดความเร็วที่ 70 mph แต่มีบางช่วง 50 mph และบางช่วงที่ไม่จำกัดก็กดไปที่ 80-90 mph) ถือว่ารุ่นดีเซลทำตัวเลขได้ดีมากๆ เพราะจำนวนน้ำมันที่เติมกลับก็ต่างกันชัดเจน (เสียดายที่ทำกระดาษที่จดหายไป ลืมตัวเลขแล้วครับ ขออภัยด้วย)
ควรเช่ารุ่นนี้ขับเมื่อไหร่?เมื่อมีโปรโมชั่นส่วนลด....ฮาาาา รถรุ่น Hatchback 1.6 นี้เหมาะกับการพาผู้โดยสาร 3-4 คนเดินทางไกล และมีสัมภาระไม่เยอะมากนัก ซึ่งผมกลับมาเช่าจาก Enterprise อีกครั้งนึงในอีกทริปที่ขึ้นไปเที่ยวทางตอนเหนือของประเทศอังกฤษกับผู้โดยสารอีกสองคนรวมเป็น 3 คน มีกระเป๋าเดินทางใบเล็ก 2 ใบและเป้ trekking ใบใหญ่อีกใบ แล้วยังเหลือที่ไว้วางของอื่นๆได้ท้ายรถอีกไม่มากนัก ถ้าไม่คิดมากเรื่องอัตราสิ้นเปลืองของ 1.6 M/T ที่ทำได้กลางๆ ไม่ได้ประหยัดจนต้องมอบโล่ให้ คุณจะได้รถที่ขับเอาสนุกพอได้บ้าง ขับง่าย คล่องตัว ขนาดกระทัดรัด เกียร์กระชับส่งกำลังได้ดี ช่วงล่างเนียน หนึบ นั่งสบายทุกความเร็ว ตัวเลือกอื่นที่น่าสนใจก็จะมี Ford Focus ที่นั่งไม่สบายเท่าเพราะคับแคบกว่า แต่ก็มีสมรรถนะที่ดีกว่า และประหยัดมากกว่าครับ
![](https://farm8.staticflickr.com/7427/13949049485_69b01c30bd_c.jpg)
รุ่น 2.0 Tourer จะเหมาะมากถ้าหากคุณมีผู้โดยสารที่เป็นสาวๆแฟชั่น ต้องพกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ติดตัวไปด้วยแม้จะเป็นทริปแค่ 4 วันก็ตาม เลือกคันนี้ไปไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะขนาดท้ายรถที่ใหญ่โตมโหฬารสามารถจุตู้เฟอร์นิเจอร์ของพวกเธอได้แบบไร้กังวล แถมเรี่ยวแรงดี ประหยัดน้ำมัน เสียตรงที่มันโยนไปเล็กน้อย พวงมาลัยเบา อาจทำให้การขับทางไกลจะเมื่อยล้าได้ง่ายๆ และเกียร์ที่ไม่ฉลาดจะทำให้รู้สึกหงุดหงิดได้บ้าง
![](http://www.motorparks.co.uk/upload/authority/bb1347354914937.jpg)
=================================
ครั้งหน้าจะเป็นคิวของ Audi A5 Sportback แบบสั้นๆ จากนั้นจะเป็น Toyota RAV4 2014 และ Nissan Qashqai (X-Trail) 2014 ครับผม คอยติดตามอ่านกันนะครับ
![;)](https://community.headlightmag.com/Smileys/flat_emoji/wink.gif)
สำหรับการรีวิวครั้งแรกถ้าผิดพลาดประการใดขออภัยครับ สงสัยอะไรถามเพิ่มเติมไว้ได้ครับ ถ้าแวะเข้ามาจะมาตอบให้ครับผม
![:)](https://community.headlightmag.com/Smileys/flat_emoji/smiley.gif)
ขอบคุณครับ
Terng
สงวนลิขสิทธิ์ภาพถ่ายที่เป็นของผมทุกใบ ลิขสิทธิ์ของภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ทเป็นของเจ้าของภาพนั้นๆ บทความที่เขียนรวมถึงรูปประกอบหากจะนำไปเผยแพร่ต่อ รบกวนบอกกันสักนิด และให้เครดิตกันก็พอครับผม ![;)](https://community.headlightmag.com/Smileys/flat_emoji/wink.gif)