อันนี้ผม ประสบการณ์ ทั้งฮา ทั้งเซ็ง และเป็นอุทาหรณ์ สำหรับใครหลายๆคน
คือ ขับรถไปบ้านญาติ ไปงานอะไรสักอย่าง ก็ดื่มพอประมาณ ถึงเวลา5ทุ่มกว่าจะเที่ยงคืน ก็ขอตัวลากลับ
พอขับรถมาได้สักระยะ เกิดอาการปวดฉี่ขึ้นมา เพราะอยู่ในงาน ดื่มแต่เบียร์ แต่ไมไ่ด้เมานะ ก็ลงไปฉี่ครับ
ติดเครื่องไว้ ไมไ่ด้ดับ ด้วยความที่ปวดจนทนไม่ไหวแล้ว จอดฉี่แมร่งกลางป่านี่แหละมืดๆหน่อย ไม่มีคน
ฉี่เสด ก็เดินกลับมาที่รถ จะเปิดประตูเลย เฮ้ย แมร่ง ชิบหายแล้ว ประตูล๊อค!!! แมร่ง สาด งานเข้าแล้วกุ
เยดเข้ทำไงดีว่ะ โอ้ย มึนๆเพลียๆอยากกลับไปนอนโครตๆ ยืน พยายามเปิดประตูรถอยู่ประมาณ10-15นาที
จากที่มึนๆ ก็หายเกลี้ยง พร้อมเหงื่อโชก (มือถือก็อยุ่ในรถ ประมาณว่ากุตายแน่ๆ มืดก็มืด แถมกลางป่า)
จนปวดฉี่ มาอีกรอบเดินไปข้างๆรถ แล้วฉี่ อีกรอบ พอใกล้จะฉี่เสด อ้าวเฮ้ย ...กระจกหน้าต่าง ด้านคนนั่ง
เปิดเอาไว้จะเป็นคืบ เอ้า กุ อะไร ยังไง ... จากนั้นก็เอื้อมมือไปปลดล๊อค แล้วเข้าประตูฝั่งคนนั่ง แล้วขยับตัว
มานั่งฝั่งคนขับ แล้วจับพ่วงมาลัย แล้ว หัวเราะ ก๊ากๆๆๆ โง่ที่สุดเลย กุ .....และหลังจากวันนั้น ถ้าผมปวดฉี่
ถ้าไม่ดับเครื่องผมจะเปิดกระจกรถไว้และเช็คให้แน่ใจก่อนว่าเปิดกระจก หรือ ถ้าไม่รีบมาก็ดับเครื่องแล้วดึงกุญแจ
ใส่กระเป๋ากางเกงไปด้วยทุกครั้ง ....ถือว่าเป็นอุทาหรณ์ เตือนเพื่อนๆสมาชิกไว้ละกันครับ ผมยังเคราะห์ดี
ถ้าเกิด ไม่เปิดกระจกไว้แล้ว ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงดี มือถือก็อยุ่ในรถ จะโบกรถให้เขาช่วย ยามดึกดื่นเขาคงไม่อยากจอดกัน
หรือบางพื้นที่รถสัญจรน้อย มันจะยิ่งเสี่ยงและเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน