ผู้เขียน หัวข้อ: น้ำมันเครื่องอะไรดีครับ  (อ่าน 49698 ครั้ง)

ออฟไลน์ mick

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,547
น้ำมันเครื่องอะไรดีครับ
« เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2014, 19:29:14 »
ขอแยกคำถามเป็น 2 ข้อ

1.น้ำมันเครื่องเทพๆ ที่ดีกว่า mobil 1 ที่เคยได้ยินเช่น Redline อะไรพวกนี้ ดีกว่าจริงไหมครับ ด้านไหน รอบวิ่งเร็วขึ้น หรือ ปกป้องมากขึ้น หรือ ระยะทางได้นานขึ้น และมียี่ห้ออะไรบ้างครับ/ซื้อได้ที่ไหน

2. น้ำมันเครื่องสำหรับเบนซ์ดีเซลใช้ยี่ห้ออะไรดีครับ

ขอบคุณมากๆครับ

ออฟไลน์ ceberos

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 780
    • อีเมล์
Re: น้ำมันเครื่องอะไรดีครับ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2014, 19:48:14 »
ภาวนาให้เจอน้ำมันเครื่องแท้ ที่ไม่ใช่ไปโดนกรองมาก็พอแล้วครับ

ถ้ารถไม่ได้มีประสิทธิภาพที่มากมายใส่ของดีเกินไป ก็เหลือเสียเงินในส่วนที่ไม่ได้ใช้ฟรีครับ 

mobil shell valvoline หรือที่ไม่แพงก็พอครับ

ออฟไลน์ popdemonic

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 190
  • I'm Back!
Re: น้ำมันเครื่องอะไรดีครับ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2014, 20:01:02 »
แนะนำว่าให้มองเรื่อง เบอร์ความข้นใส ของน้ำมันเครื่องเป็นหลักให้มากกว่ายี่ห้อครับ คนไทยชอบติดแบรนด์ครับ
หาเบอร์ที่ถูกต้อง และยี่ห้อที่มีขายน่าไว้วางใจก็พอแล้วครับ ยกเว้นน้ำมันเครื่องปตท ผมอคติของผมคนเดียว
อันนี้ไม่มีเหตุผล มารองรับครับ แต่ผมเคยใช้แล้วผมว่า มันตกมาตรฐาน

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
Re: น้ำมันเครื่องอะไรดีครับ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2014, 20:43:01 »
ขอแยกคำถามเป็น 2 ข้อ

1.น้ำมันเครื่องเทพๆ ที่ดีกว่า mobil 1 ที่เคยได้ยินเช่น Redline อะไรพวกนี้ ดีกว่าจริงไหมครับ ด้านไหน รอบวิ่งเร็วขึ้น หรือ ปกป้องมากขึ้น หรือ ระยะทางได้นานขึ้น และมียี่ห้ออะไรบ้างครับ/ซื้อได้ที่ไหน

2. น้ำมันเครื่องสำหรับเบนซ์ดีเซลใช้ยี่ห้ออะไรดีครับ

ขอบคุณมากๆครับ

1. บริษัท Exxon เคยฟ้องบริษัทน้ำมันยี่ห้อAmsoil ที่โฆษณาว่าคุณสมบัติของMobil 1 ด้อยกว่า Amsoil แล้ว Exxon ชนะคดีครับ คือ ตอนนี้ใครบอกว่า Mobil 1 ด้อยกว่า พี่แกฟ้องหมด Redline เองก็ไม่กล้าบอกว่าดีกว่า

ปัญหานิดนึง คือน้ำมันเครื่องที่ขายบ้านเรา มีสูตรเดียวที่ผลิตจาก America คือ Mobil 1 5W-30 ที่ไม่เหมาะกับรถอุณหมิน้ำมันเครื่องเกิน 150 องศาสูตร 0W-40 มี Additive เยอะ และBase oil หลากหลาย แต่ก็ไม่ใช่ตัวเดียวกับที่่ขายอเมริกาครับ

ข้อเสียของพวก Redline, Motul ที่ทำให้มันด้อยกว่า MOBIL 1 คือ เขาเน้นใส่ Ester มากไป

ESTER โดยตัวมันเอง มีคุณสมบัติดีมากครับ หล่อลื่น ทนความร้อน เกาะผนังสูบได้ดีแม้อุณหภูมิสูง แต่มันแพ้ความชื้น พอชื้นหน่อย มันกลายเป็นกรด กัดซีลยางต่าง ๆในเครื่อง ทำให้ซีลแข็ง เรียกว่า เหมาะกับรถแข่ง ใส่ปุ๊ปวิ่งเสร็จ ถ่ายทิ้ง

Mobil 1, Caltex Havoline, Shell Ultra สามยี่ห้อนี้ ก็มี Esterครับ แต่ใส่น้อย หน่อย และเน้น Additive ต่าง ๆกันไป บอกได้เลยว่าเหนือกว่าพวกยี่ห้อที่ไม่มีโรงแยกน้ำมันของตัวเองแน่ ๆ

2. เรื่องยี่ห้อนั้น ดูการใช้งานดีกว่าครับ ถ้าคุณเน้นงานทั่วไป ใช้ยาว หลายเดือนกว่าจะครบหมื่นกิโลเมตร ใช้พวก Mobil, Caltex, Shell, Valvoline ครับ พวกนี้อยู่ในกลุ่มใช้งานได้ดีอันดับต้น ๆ อยู่แล้ว

แต่ถ้าเน้นขับกุ๊งกิ๊ง ใช้อะไรก็ได้ แป๊ปเดียวก็ถ่ายออก

ขับเร็ว เน้นรุนแรง ให้เลือกเบอร์หนา สูตร Racing ครับ เช่น -50 ของยี่ห้อต่าง ๆ จะบอกว่า ปตท Racing 5W-50 นั้นดีเกินราคาครับ แต่ด้อยกว่าMobil 1 5W-50 นิดเดียว

ไอ้ที่ไม่แนะนำให้ใช้นาน ๆ คือ  ELF, Penzoil, Pulzar, BP Castrol, Duckhams, HKS, SONOCO พวกนี้ น้ำมันอายุสั้น ทนความร้อนไม่ได้เรื่องบางสูตร ด้อยกว่าปตท อีกครับ

RED Line, Motul ถ้าได้ใช้ แนะว่าถ้าใช้รถทุกวัน อย่าเกินเดือน ไม่จำกัดระยะทางให้ถ่ายออก น้ำมันดี แต่เจอความชื้นกับอากาศบ้านเราไม่ไหวจริงๆ

ทั้งหมด เป็นความเห็นส่วนตัวผม โปรดใช้วิจารณญาณ

ออฟไลน์ Sinplug

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 419
    • https://www.facebook.com/groups/4G64Club
    • อีเมล์
Re: น้ำมันเครื่องอะไรดีครับ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2014, 21:36:39 »
ขอแยกคำถามเป็น 2 ข้อ

1.น้ำมันเครื่องเทพๆ ที่ดีกว่า mobil 1 ที่เคยได้ยินเช่น Redline อะไรพวกนี้ ดีกว่าจริงไหมครับ ด้านไหน รอบวิ่งเร็วขึ้น หรือ ปกป้องมากขึ้น หรือ ระยะทางได้นานขึ้น และมียี่ห้ออะไรบ้างครับ/ซื้อได้ที่ไหน

2. น้ำมันเครื่องสำหรับเบนซ์ดีเซลใช้ยี่ห้ออะไรดีครับ

ขอบคุณมากๆครับ

1. บริษัท Exxon เคยฟ้องบริษัทน้ำมันยี่ห้อAmsoil ที่โฆษณาว่าคุณสมบัติของMobil 1 ด้อยกว่า Amsoil แล้ว Exxon ชนะคดีครับ คือ ตอนนี้ใครบอกว่า Mobil 1 ด้อยกว่า พี่แกฟ้องหมด Redline เองก็ไม่กล้าบอกว่าดีกว่า

ปัญหานิดนึง คือน้ำมันเครื่องที่ขายบ้านเรา มีสูตรเดียวที่ผลิตจาก America คือ Mobil 1 5W-30 ที่ไม่เหมาะกับรถอุณหมิน้ำมันเครื่องเกิน 150 องศาสูตร 0W-40 มี Additive เยอะ และBase oil หลากหลาย แต่ก็ไม่ใช่ตัวเดียวกับที่่ขายอเมริกาครับ

ข้อเสียของพวก Redline, Motul ที่ทำให้มันด้อยกว่า MOBIL 1 คือ เขาเน้นใส่ Ester มากไป

ESTER โดยตัวมันเอง มีคุณสมบัติดีมากครับ หล่อลื่น ทนความร้อน เกาะผนังสูบได้ดีแม้อุณหภูมิสูง แต่มันแพ้ความชื้น พอชื้นหน่อย มันกลายเป็นกรด กัดซีลยางต่าง ๆในเครื่อง ทำให้ซีลแข็ง เรียกว่า เหมาะกับรถแข่ง ใส่ปุ๊ปวิ่งเสร็จ ถ่ายทิ้ง

Mobil 1, Caltex Havoline, Shell Ultra สามยี่ห้อนี้ ก็มี Esterครับ แต่ใส่น้อย หน่อย และเน้น Additive ต่าง ๆกันไป บอกได้เลยว่าเหนือกว่าพวกยี่ห้อที่ไม่มีโรงแยกน้ำมันของตัวเองแน่ ๆ

2. เรื่องยี่ห้อนั้น ดูการใช้งานดีกว่าครับ ถ้าคุณเน้นงานทั่วไป ใช้ยาว หลายเดือนกว่าจะครบหมื่นกิโลเมตร ใช้พวก Mobil, Caltex, Shell, Valvoline ครับ พวกนี้อยู่ในกลุ่มใช้งานได้ดีอันดับต้น ๆ อยู่แล้ว

แต่ถ้าเน้นขับกุ๊งกิ๊ง ใช้อะไรก็ได้ แป๊ปเดียวก็ถ่ายออก

ขับเร็ว เน้นรุนแรง ให้เลือกเบอร์หนา สูตร Racing ครับ เช่น -50 ของยี่ห้อต่าง ๆ จะบอกว่า ปตท Racing 5W-50 นั้นดีเกินราคาครับ แต่ด้อยกว่าMobil 1 5W-50 นิดเดียว

ไอ้ที่ไม่แนะนำให้ใช้นาน ๆ คือ  ELF, Penzoil, Pulzar, BP Castrol, Duckhams, HKS, SONOCO พวกนี้ น้ำมันอายุสั้น ทนความร้อนไม่ได้เรื่องบางสูตร ด้อยกว่าปตท อีกครับ

RED Line, Motul ถ้าได้ใช้ แนะว่าถ้าใช้รถทุกวัน อย่าเกินเดือน ไม่จำกัดระยะทางให้ถ่ายออก น้ำมันดี แต่เจอความชื้นกับอากาศบ้านเราไม่ไหวจริงๆ

ทั้งหมด เป็นความเห็นส่วนตัวผม โปรดใช้วิจารณญาณ
ชัดเจนเลยครับ ขอบคุณครับ
"ผมก็แค่กะบะเบนซิล''4G64 Turbo  แรงม้า XXX Max. Torque 618 N/m''  
Facebook: 4G64 Club Thailand/4G64T Club Thailand

ออฟไลน์ AkE

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,405
Re: น้ำมันเครื่องอะไรดีครับ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2014, 09:10:24 »
ขอแยกคำถามเป็น 2 ข้อ

1.น้ำมันเครื่องเทพๆ ที่ดีกว่า mobil 1 ที่เคยได้ยินเช่น Redline อะไรพวกนี้ ดีกว่าจริงไหมครับ ด้านไหน รอบวิ่งเร็วขึ้น หรือ ปกป้องมากขึ้น หรือ ระยะทางได้นานขึ้น และมียี่ห้ออะไรบ้างครับ/ซื้อได้ที่ไหน

2. น้ำมันเครื่องสำหรับเบนซ์ดีเซลใช้ยี่ห้ออะไรดีครับ

ขอบคุณมากๆครับ

1. บริษัท Exxon เคยฟ้องบริษัทน้ำมันยี่ห้อAmsoil ที่โฆษณาว่าคุณสมบัติของMobil 1 ด้อยกว่า Amsoil แล้ว Exxon ชนะคดีครับ คือ ตอนนี้ใครบอกว่า Mobil 1 ด้อยกว่า พี่แกฟ้องหมด Redline เองก็ไม่กล้าบอกว่าดีกว่า

ปัญหานิดนึง คือน้ำมันเครื่องที่ขายบ้านเรา มีสูตรเดียวที่ผลิตจาก America คือ Mobil 1 5W-30 ที่ไม่เหมาะกับรถอุณหมิน้ำมันเครื่องเกิน 150 องศาสูตร 0W-40 มี Additive เยอะ และBase oil หลากหลาย แต่ก็ไม่ใช่ตัวเดียวกับที่่ขายอเมริกาครับ

ข้อเสียของพวก Redline, Motul ที่ทำให้มันด้อยกว่า MOBIL 1 คือ เขาเน้นใส่ Ester มากไป

ESTER โดยตัวมันเอง มีคุณสมบัติดีมากครับ หล่อลื่น ทนความร้อน เกาะผนังสูบได้ดีแม้อุณหภูมิสูง แต่มันแพ้ความชื้น พอชื้นหน่อย มันกลายเป็นกรด กัดซีลยางต่าง ๆในเครื่อง ทำให้ซีลแข็ง เรียกว่า เหมาะกับรถแข่ง ใส่ปุ๊ปวิ่งเสร็จ ถ่ายทิ้ง

Mobil 1, Caltex Havoline, Shell Ultra สามยี่ห้อนี้ ก็มี Esterครับ แต่ใส่น้อย หน่อย และเน้น Additive ต่าง ๆกันไป บอกได้เลยว่าเหนือกว่าพวกยี่ห้อที่ไม่มีโรงแยกน้ำมันของตัวเองแน่ ๆ

2. เรื่องยี่ห้อนั้น ดูการใช้งานดีกว่าครับ ถ้าคุณเน้นงานทั่วไป ใช้ยาว หลายเดือนกว่าจะครบหมื่นกิโลเมตร ใช้พวก Mobil, Caltex, Shell, Valvoline ครับ พวกนี้อยู่ในกลุ่มใช้งานได้ดีอันดับต้น ๆ อยู่แล้ว

แต่ถ้าเน้นขับกุ๊งกิ๊ง ใช้อะไรก็ได้ แป๊ปเดียวก็ถ่ายออก

ขับเร็ว เน้นรุนแรง ให้เลือกเบอร์หนา สูตร Racing ครับ เช่น -50 ของยี่ห้อต่าง ๆ จะบอกว่า ปตท Racing 5W-50 นั้นดีเกินราคาครับ แต่ด้อยกว่าMobil 1 5W-50 นิดเดียว

ไอ้ที่ไม่แนะนำให้ใช้นาน ๆ คือ  ELF, Penzoil, Pulzar, BP Castrol, Duckhams, HKS, SONOCO พวกนี้ น้ำมันอายุสั้น ทนความร้อนไม่ได้เรื่องบางสูตร ด้อยกว่าปตท อีกครับ

RED Line, Motul ถ้าได้ใช้ แนะว่าถ้าใช้รถทุกวัน อย่าเกินเดือน ไม่จำกัดระยะทางให้ถ่ายออก น้ำมันดี แต่เจอความชื้นกับอากาศบ้านเราไม่ไหวจริงๆ

ทั้งหมด เป็นความเห็นส่วนตัวผม โปรดใช้วิจารณญาณ
ขอบคุนข้อมูลนะคับ แบบนี้รถผมใช้ 5w-30 ของ mobil 1 มา 20,000 โลแล้ว ผมว่าก้โอเคนะคับ มันจะมีปัญหาเรื่องความร้อนมั้ยคับ

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
Re: น้ำมันเครื่องอะไรดีครับ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2014, 10:00:12 »
.... แบบนี้รถผมใช้ 5w-30 ของ mobil 1 มา 20,000 โลแล้ว ผมว่าก้โอเคนะคับ มันจะมีปัญหาเรื่องความร้อนมั้ยคับ

ปัญหาของ การใช้น้ำมันเครื่อง 5W-30 สูตรนี้ มันไม่ได้เลวร้ายอะไรในระยะทาง 2 แสนกิโลเมตรแรกครับ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ได้สังเกตหรอกว่าผนังลูกสูบสึกหรอไปแล้วเท่าไหร่

ถามว่าใช้ได้ไหม ใช้ได้ครับ ทางบริษัทน้ำมันเขาจะใช้คำว่า Gradually Damage ถ้า HTHS Below 2.6

HTHS เขาวัด ที่ 150 องศา

เราเอามาใช้ในเมืองไทย มันเกิน 150 ไปเยอะแล้วครับ (บนผนังสูบนะ) รถในไทยพอกาศภายนอกแตะ 30 องศา ผนังสูบจะไปอยู่แถว ๆ 180 -250 องศาครับ

คนที่ใช้น้ำมันเครื่องเบอร์ต่ำกว่า 40 กับอากาศบ้านเรา ถ้าเปิดเครื่องออกมาดูผนังสูบ ที่ 10,000 ชั่วโมง โดยประมาณ จะเห็นรอยขีดข่วนมากกว่ารถที่ใช้เบอร์ 40 ขึ้นไป ถ้าถามว่ามันส่งผลต่อประสิทธิภาพเครื่องยนต์รึเปล่า อันนี้บอกได้เลย มันน้อยมากจนรู้สึกได้ยากจากคนธรรมดา ถ้าไม่วัดกันละเอียดด้วยแรงอัดในสูบ ไม่รู้แน่ ๆ ซึ่งต้องใช้เครื่องมือวัดกันเลยทีเดียว

ผมอ้างอิงจากชั่วโมงทำงานของเครื่อง เพราะระยะทางของแต่ละคันอาจจะเกิดจากการใช้งานที่ต่างกันครับ

เบอร์ 0W-20 ที่ใช้ในไทยก็เหมือนกัน ถามว่ามีกี่คนที่ใช้รถเกิน 2 แสนโลแล้วผ่าเครืื่อง ? ส่วนใหญ่ขายรถกันไปก่อน ซึ่งก็ไม่แปลกที่คนชอบพูดว่า 2 แสนโลเครื่องหลวมแล้วปรกติ ซึ่ง จริง ๆ มันไม่ปรกตินะครับ มันควรใช้ได้เป็นล้านกม. เลยด้วยซ้ำไป

ถ้าคุณเคยดูโฆษณาของ MOBIL, CASTROL เมื่อสิบกว่าปีก่อน เขาจะมีรถที่่ใช้แต่ยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่งของบริษัทเหล่านี้ ว่าใช้ได้ถึงล้านกม. โดยไม่ต้องฟิตเครื่อง (เน้นเป็นรถแท๊กซี่ รถสาธารณะ) ในยุคนั้นเขาไม่มีเบอร์ 20 กัน ครับ ใช้เบอร์ 30 ในเมืองหนาว เบอร์ 40 เมืองร้อน แต่พอมายุกการผลิตน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ ให้ใช้งานได้ทุกอุณหภูมิ (หมายถึงทุกอุณหภูมิของประเทศยุโรป อเมริกา ที่เย็นกว่า แห้งกว่าไทย) เขาก็เน้นการผลิตเบอร์ 20 จำนวนมาก และพยายามให้ใช้ได้ทั่วโลก เพื่อจะได้ต้นทุนถูกกำไรดี เพราะยังงัยประเทศเหล่านั้นที่เป็นผู้ผลิตน้ำมัน ก็ใช้รถกัน 4-5 ปีเปลี่ยนคันแล้วซะส่วนใหญ่ เน้นขายน้ำมันส่งผุ้ผลิตรถยนต์เสียมากกว่า พวกกลุ่ม Retail ก็ต้องรับกรรม เอา 0W-20 ไปขายด้วย

เบอร์ 0W-20 คงมีแต่รถHybrid ที่วิ่งใน New York หรือเมืองหนาว ๆ เท่านั้นที่จะใช้แล้วเกิดประโยชน์มากที่สุด ส่วนเมืองไทย ยังงัยคุณก็หนีกฎ Rheologyไม่พ้น ใช้เบอร์หนาไว้ ก็ย่อมดีกว่าในอากาศที่ร้อนกว่า
http://www.api.org/~/media/Files/Certification/Engine-Oil-Diesel/Whats-New/9-DAP-Understanding-Lubricant-Requirements-of-Hybrid-Electric-Vehicles-DClarke-Infineum-USA.pdf




ข้อมูลหลายอย่าง หาอ่านพิสูจน์ได้ และพิสูจน์แล้วด้วยองค์กรใหญ่ ๆ ครับ จาก API.ORG เลย ถ้าตรงไหนที่ผมเอามา แล้วคุณว่ามันผิด ไม่ต้องมาท้วงผมครับ เอาไปท้วงที่ api.org โน่นครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 26, 2014, 10:02:20 โดย jaesz »

ออฟไลน์ AkE

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,405
Re: น้ำมันเครื่องอะไรดีครับ
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2014, 10:44:07 »
.... แบบนี้รถผมใช้ 5w-30 ของ mobil 1 มา 20,000 โลแล้ว ผมว่าก้โอเคนะคับ มันจะมีปัญหาเรื่องความร้อนมั้ยคับ

ปัญหาของ การใช้น้ำมันเครื่อง 5W-30 สูตรนี้ มันไม่ได้เลวร้ายอะไรในระยะทาง 2 แสนกิโลเมตรแรกครับ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ได้สังเกตหรอกว่าผนังลูกสูบสึกหรอไปแล้วเท่าไหร่

ถามว่าใช้ได้ไหม ใช้ได้ครับ ทางบริษัทน้ำมันเขาจะใช้คำว่า Gradually Damage ถ้า HTHS Below 2.6

HTHS เขาวัด ที่ 150 องศา

เราเอามาใช้ในเมืองไทย มันเกิน 150 ไปเยอะแล้วครับ (บนผนังสูบนะ) รถในไทยพอกาศภายนอกแตะ 30 องศา ผนังสูบจะไปอยู่แถว ๆ 180 -250 องศาครับ

คนที่ใช้น้ำมันเครื่องเบอร์ต่ำกว่า 40 กับอากาศบ้านเรา ถ้าเปิดเครื่องออกมาดูผนังสูบ ที่ 10,000 ชั่วโมง โดยประมาณ จะเห็นรอยขีดข่วนมากกว่ารถที่ใช้เบอร์ 40 ขึ้นไป ถ้าถามว่ามันส่งผลต่อประสิทธิภาพเครื่องยนต์รึเปล่า อันนี้บอกได้เลย มันน้อยมากจนรู้สึกได้ยากจากคนธรรมดา ถ้าไม่วัดกันละเอียดด้วยแรงอัดในสูบ ไม่รู้แน่ ๆ ซึ่งต้องใช้เครื่องมือวัดกันเลยทีเดียว

ผมอ้างอิงจากชั่วโมงทำงานของเครื่อง เพราะระยะทางของแต่ละคันอาจจะเกิดจากการใช้งานที่ต่างกันครับ

เบอร์ 0W-20 ที่ใช้ในไทยก็เหมือนกัน ถามว่ามีกี่คนที่ใช้รถเกิน 2 แสนโลแล้วผ่าเครืื่อง ? ส่วนใหญ่ขายรถกันไปก่อน ซึ่งก็ไม่แปลกที่คนชอบพูดว่า 2 แสนโลเครื่องหลวมแล้วปรกติ ซึ่ง จริง ๆ มันไม่ปรกตินะครับ มันควรใช้ได้เป็นล้านกม. เลยด้วยซ้ำไป

ถ้าคุณเคยดูโฆษณาของ MOBIL, CASTROL เมื่อสิบกว่าปีก่อน เขาจะมีรถที่่ใช้แต่ยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่งของบริษัทเหล่านี้ ว่าใช้ได้ถึงล้านกม. โดยไม่ต้องฟิตเครื่อง (เน้นเป็นรถแท๊กซี่ รถสาธารณะ) ในยุคนั้นเขาไม่มีเบอร์ 20 กัน ครับ ใช้เบอร์ 30 ในเมืองหนาว เบอร์ 40 เมืองร้อน แต่พอมายุกการผลิตน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ ให้ใช้งานได้ทุกอุณหภูมิ (หมายถึงทุกอุณหภูมิของประเทศยุโรป อเมริกา ที่เย็นกว่า แห้งกว่าไทย) เขาก็เน้นการผลิตเบอร์ 20 จำนวนมาก และพยายามให้ใช้ได้ทั่วโลก เพื่อจะได้ต้นทุนถูกกำไรดี เพราะยังงัยประเทศเหล่านั้นที่เป็นผู้ผลิตน้ำมัน ก็ใช้รถกัน 4-5 ปีเปลี่ยนคันแล้วซะส่วนใหญ่ เน้นขายน้ำมันส่งผุ้ผลิตรถยนต์เสียมากกว่า พวกกลุ่ม Retail ก็ต้องรับกรรม เอา 0W-20 ไปขายด้วย

เบอร์ 0W-20 คงมีแต่รถHybrid ที่วิ่งใน New York หรือเมืองหนาว ๆ เท่านั้นที่จะใช้แล้วเกิดประโยชน์มากที่สุด ส่วนเมืองไทย ยังงัยคุณก็หนีกฎ Rheologyไม่พ้น ใช้เบอร์หนาไว้ ก็ย่อมดีกว่าในอากาศที่ร้อนกว่า
http://www.api.org/~/media/Files/Certification/Engine-Oil-Diesel/Whats-New/9-DAP-Understanding-Lubricant-Requirements-of-Hybrid-Electric-Vehicles-DClarke-Infineum-USA.pdf




ข้อมูลหลายอย่าง หาอ่านพิสูจน์ได้ และพิสูจน์แล้วด้วยองค์กรใหญ่ ๆ ครับ จาก API.ORG เลย ถ้าตรงไหนที่ผมเอามา แล้วคุณว่ามันผิด ไม่ต้องมาท้วงผมครับ เอาไปท้วงที่ api.org โน่นครับ


555555 ขอบคุนนะคับ

ออฟไลน์ Larry

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 562
Re: น้ำมันเครื่องอะไรดีครับ
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2014, 13:54:34 »
เครื่อง 1JZ-GTE VVTi ผมใช้ Mobile 1 5w-50 ใช้งานต่างจังหวัด ถือว่าเหมาะสมหรือไม่ครับ

หากเปลี่ยนมาใช้เบอร์ 40 เพื่อประหยัดเงิน จะดีกว่ามั๊ย หรือไปใช้ ปตท. เบอร์ 50 แล้วเปลี่ยนเร็วขึ้นซักเล็กน้อย

ขอความเห็นด้วยครับ

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
Re: น้ำมันเครื่องอะไรดีครับ
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2014, 16:58:03 »
เครื่อง 1JZ-GTE VVTi ผมใช้ Mobile 1 5w-50 ใช้งานต่างจังหวัด ถือว่าเหมาะสมหรือไม่ครับ

หากเปลี่ยนมาใช้เบอร์ 40 เพื่อประหยัดเงิน จะดีกว่ามั๊ย หรือไปใช้ ปตท. เบอร์ 50 แล้วเปลี่ยนเร็วขึ้นซักเล็กน้อย

ขอความเห็นด้วยครับ

ใช้ ปตท ได้ครับ แต่ให้คำนึงถึงชั่วโมงใช้งานเป็นหลัก อย่าเอาเลขกิโลเมตรมาตัดสินการถ่ายน้ำมันเครื่องครับ ของปตท เป็น Group II base ที่ใช้ VI Improvers และก็ใส่ FrictionModifier บวกกับกลุ่มหัวเชื้อเหนียว ซึ่งสามตัวที่ว่ามานี้ อายุมันไม่นานเท่าตัว Base oil เอง เท่าไหร่นัก พอมันเสื่อมสภาพ ก็จะมีอาการทำให้น้ำมันเครื่องโดยรวม เหนียวและข้นขึ้น คุณสมบัติการหล่อลื่นก็จะลดลง

แต่ถ้าถามว่า Mobil 1 ตอนนี้ดีกว่าปตท ขนาดคุ้มเงินไหม ผมก็ต้องตอบว่า ไม่คุ้มครับ ดีกว่าแค่อายุShelf life มันจะยืนกว่า แต่ชั่วโมงทำงานดีกว่าไม่มาก

ถ้าเปลี่ยนใช้ ปตท ถ่ายทุก 250 ชั่วโมงทำงาน หรือ 10000 km ก็ได้ครับว่าอะไรถึงก่อน ประหยัดได้อย่างที่ต้องการครับ มีเงื่อนไขว่าห้ามเกิน 1 ปี

ของ MOBIL 1 โฆษณาไว้ 15000 km แต่ถ้าดูจากBase oil ของเขา ผมว่าก็อยู่ราว ๆ 300 ชั่วโมงทำงาน แต่ตัวนี้อยู่ในเครื่องได้ 1.5-2 ปี โดยไม่มีการใช้งานถึงชั่วโมงจริง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 26, 2014, 16:59:40 โดย jaesz »

ออฟไลน์ ID-4

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 92
    • อีเมล์
Re: น้ำมันเครื่องอะไรดีครับ
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2014, 23:23:48 »
ขอชม คุณ jaesz ข้อมูลของคุณแน่นมาก ทำให้ผมที่ใช้เบอร์ 20 มาตลอด เปลี่ยนใจได้ แนะนำด้วยครับ

1. ถ้าผมจะยังใช้เบอร์ 20 ของ ปตท. ต่อไป จะเป็นอะไรมั้ยครับ ถ้าจะเป็น เป็นเมื่อไหร่
2. ผมจะเปลี่ยน ให้เปลี่ยนไปใช้เบอร์อะไรดีครับ
3. คุณ jaesz ใช้รถอะไรอยู่ แล้วใช้น้ำมันเบอร์อะไรครับ

ผมใช้ Swift ตอนนี้ 20000 กิโล ครับ
ขอบคุณครับ

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
Re: น้ำมันเครื่องอะไรดีครับ
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2014, 11:58:57 »
ขอชม คุณ jaesz ข้อมูลของคุณแน่นมาก ทำให้ผมที่ใช้เบอร์ 20 มาตลอด เปลี่ยนใจได้ แนะนำด้วยครับ

1. ถ้าผมจะยังใช้เบอร์ 20 ของ ปตท. ต่อไป จะเป็นอะไรมั้ยครับ ถ้าจะเป็น เป็นเมื่อไหร่
2. ผมจะเปลี่ยน ให้เปลี่ยนไปใช้เบอร์อะไรดีครับ
3. คุณ jaesz ใช้รถอะไรอยู่ แล้วใช้น้ำมันเบอร์อะไรครับ

ผมใช้ Swift ตอนนี้ 20000 กิโล ครับ
ขอบคุณครับ


1. ก็คงใช้ได้เรื่อย ๆ ครับ ขับไปจนสองแสนกว่าโลมันก็เป็นรอยในลูกสูบ มากน้อยแล้วแต่อุณหภูมิ แต่เป็นแน่ ๆ ครับ สามแสนโลคงได้เห็น หลุมสูบเป้น Oval นิด ๆ แต่คนส่วนใหญ่จะขายรถประมาณ 2 แสนโลนี่ล่ะครับ มันจะเป็นหนักกับคนที่ เท้าหนักนิด ขับในเมืองตลอดเวลา ลากรอบจัด

2.  เบอร์เดิมก็ได้ครับ ไม่ผิดอะไร เพราะผมเดาว่าคุณอาจจะเปลี่ยนรถบ่อย พอสองแสนโลคุณคงไม่เก็บแล้ว (อันนี้ผมเคยอ่านกระทู้รถของคุณว่าใช้ Proton ไปแสนกว่าโล ถ้าไม่ใช่ก็ขออภัยครับ) ถ้าอยากให้เหมาะสมกับสภาพความร้อนของเครื่อง ผมแนะนำ เบอร์ 40  หรือ ถ้ากังวลว่าเครื่องไม่มีแรงพอจะปั๊มน้ำมัน ก็ใช้เบอร์ 30  ซึ่งถ้าถามผม มันไม่ได้กินแรงขนาดนั้นหรอกครับ คุณเอามือกวนน้ำมันเครื่องดูน่าจะเข้าใจ น้ำมันเย็น ๆ เรายังมีแรงกวนเหลือ ๆ ถ้าเครื่องยนต์ไม่มีแรงวิดน้ำมันเครื่องตอนร้อน ๆ ผมก็ไม่รู้จะเรียกเครื่องยนต์นั้นว่าอะไรครับ

จะว่าไปน้ำมันเครื่องเบอร์ 20 มันก็มีประโยชน์นะครับ กับรถที่สตาร์ท แล้วดับเครื่อง หรือขับสั้น ๆ แล้วดับเครื่อง มีคนที่ผมรู้จัก ใช้รถวันละ 7 กิโลเมตร บ้านอยู่ห่างโรงเรียนลูก 3.5 โล ขับรถแต่ละครั้งไม่ถึง 10 นาที สองปีขับไป 8.5 พันโล ผมก็แนะนำเบอร์ 20 นะครับ เพราะเครื่องมันไม่ทันร้อนจัด เบอร์ 20 สังเคราะห์แท้ถูกกว่าเขาเพื่อนเลย ยังงัยก็ต้องถ่ายออกทุกปีอยู่แล้วครับ

3. ณ ตอนนี้ ผมใช้รถVW New Beetle เป็นรถประจำตัวครับ น้ำมันเครื่องที่ใช้เบอร์ 40 -50 แล้วแต่ว่าช่วงไหนราคาเบอร์50 ถูกน่ะครับ ผมใช้น้ำมันกึ่งสังเคราะห์ ถ่ายทุก 5 พันโล
คันอื่น ๆที่อยู่ในการดูแลของผม ผมก็ใช้เบอร์ 40 ครับ เพราะมันถูกกว่าเบอร์ 50 ไม่ค่อยได้ขับเอาน้ำมันถูกใส่ไว้ก่อน



GreenG

  • บุคคลทั่วไป
Re: น้ำมันเครื่องอะไรดีครับ
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2014, 12:57:14 »
สอบถามคุณ jaesz ครับ

ถ้าเป็น Eco car อยากใช้รถและให้เครื่องยนต์ใช้ได้นานๆ ควรเป็นเบอร์ไหนดีครับ
ในคู่มือของรถผม (Nissan March) บอกว่าสำหรับประเทศไทยให้ใช้ 10W-30 ครับ
หรือว่าเป็นเบอร์ 10W-40 หรือ 15W-40 จะดีกว่าไหมครับ (ในคู่มือมีเขียนไว้ว่าใช้ได้)

ผมเป็นคนขับรถไม่เร็ว ออกตัวไม่เกิน 2000 รอบ วิ่งโดยเฉลี่ยไม่เกิน 80 (บางครั้งก็ 100-120 บ้างไม่เกินนี่)
รอบโดยทั่วไป คือ 1500-2000 รอบ วิ่งเส้นชานเมืองครับ และใช้รถปีละ 7000-8000 กิโลไม่เกินนี่ครับ

และสอบถามว่า ตอนนี้ น้ำมันเกียร์ CVT NS-2 กับ NS-3 คุณ jaesz มีความคิดเห็นอย่างไรครับ
เพราะมีคนไปเอา NS-3 ผสมกับ NS-2 เดิมใช้และพัง (ไม่มีการฟลัสออก)
และการฟลัดออกก็ดูยากมาก ถ้าทำไม่เป็นก็มีสิทธิพัง

ผมกำลังคิดว่าแบบนี้ จะใช้ NS-2 (นิสสันตอนนี้ไม่ขาย NS-2 แล้วครับมีแต่ NS-3) ดีไหมเพราะหลายๆ เจ้าก็ทำขายครับ เช่น ปตท บางจาก
มีเพื่อนสมาชิกบางคนใช้ตัว ปตท ครับ วิ่งไปสองแสนแล้ว เกียร์ยัง OK เลยครับ

ขอคำแนะนำด้วยครับ ขอบคุณครับ :D
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 28, 2014, 13:13:17 โดย jorpor...GreenG »

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
Re: น้ำมันเครื่องอะไรดีครับ
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2014, 13:45:00 »
สอบถามคุณ jaesz ครับ

ถ้าเป็น Eco car อยากใช้รถและให้เครื่องยนต์ใช้ได้นานๆ ควรเป็นเบอร์ไหนดีครับ
ในคู่มือของรถผม (Nissan March) บอกว่าสำหรับประเทศไทยให้ใช้ 10W-30 ครับ
หรือว่าเป็นเบอร์ 10W-40 หรือ 15W-40 จะดีกว่าไหมครับ (ในคู่มือมีเขียนไว้ว่าใช้ได้)

ผมเป็นคนขับรถไม่เร็ว ออกตัวไม่เกิน 2000 รอบ วิ่งโดยเฉลี่ยไม่เกิน 80 (บางครั้งก็ 100-120 บ้างไม่เกินนี่)
รอบโดยทั่วไป คือ 1500-2000 รอบ วิ่งเส้นชานเมืองครับ และใช้รถปีละ 7000-8000 กิโลไม่เกินนี่ครับ

และสอบถามว่า ตอนนี้ น้ำมันเกียร์ CVT NS-2 กับ NS-3 คุณ jaesz มีความคิดเห็นอย่างไรครับ
เพราะมีคนไปเอา NS-3 ผสมกับ NS-2 เดิมใช้และพัง (ไม่มีการฟลัสออก)
และการฟลัดออกก็ดูยากมาก ถ้าทำไม่เป็นก็มีสิทธิพัง

ผมกำลังคิดว่าแบบนี้ จะใช้ NS-2 (นิสสันตอนนี้ไม่ขาย NS-2 แล้วครับมีแต่ NS-3) ดีไหมเพราะหลายๆ เจ้าก็ทำขายครับ เช่น ปตท บางจาก
มีเพื่อนสมาชิกบางคนใช้ตัว ปตท ครับ วิ่งไปสองแสนแล้ว เกียร์ยัง OK เลยครับ

ขอคำแนะนำด้วยครับ ขอบคุณครับ :D

เบอร์ 30 ก็ใช้ได้ครับ ถ้ามั่นใจว่าอุณหภูมิน้ำมันเครื่อง ไม่เกิน 150 บนผนังสูบ ถามผม? ผมคงใช้เบอร์หนาไว้ก่อนครับ เบอร์หนาไม่ทำให้เครื่องพัง(พิสูจน์ได้ด้วยวิทยาศาสตร์) แต่มีคนบอกทำให้เครื่องอืด ซึ่งมันอืดแน่ครับ ถ้าอุณภูมิภายนอกเหลือต่ำกว่า 20 องศาตลอดเวลา "และ" คนขับใช้แต่ความเร็วต่ำ ๆที่ไม่ทำให้ผนังสูบของเครื่องร้อนเกิน 150 องศา เบอร์ 30 เป็นน้ำมันกลาง ๆครับ ใช้แล้วก็อยู่ในจุดที่เรียกว่า ไม่หลุดจากความเสี่ยงในการทำให้เครื่องยนต์เสียหาย ส่วนเบอร์ 40 ก็ปลอดภัยใแน่ๆ กับการใช้งานที่ว่ามา เว้นแต่ว่าจะสตาร์ทรถตอนเครื่องเย็นเท่านั้นและ วิ่งไป5 นาทีดับเครื่อง  แบบนี้เอาน้ำมันเบอร์อะไรก็ไม่รู้สึกหรอกครับ (ดูกราฟที่แนบมาให้ครับ ถ้าเป็น PCMO API จะตีเส้นไว้ที่ 2.9ครับ)

เรื่องน้ำมัน CVT NS2ผสมกับ NS3 ทำให้เกียร์พัง ผมก็ต้องตอบไม่จริงครับ  มันมีองค์ประกอบเยอะ รถไม่ได้มาอยู่กับผม เกียร์ผมก็ไม่ได้ผ่าพิสูจน์ ตอบไม่ได้ว่าพังเพราะอะไรกันแน่  ถ้าทุกอย่างทำอย่างถูกต้อง  เติมน้ำมันได้ระดับ น้ำมันเกียร์ไม่ปลอมปน คนขับไม่กระทืบ ๆ คันเร่งแล้วเหยียบเบรคไว้ ฯลฯ แล้วมันทำให้เกียร์พัง คงจะมีรถNissan March เกียร์พังเป็นร้อย ๆ พัน ๆ คันแล้วครับ เพราะรุ่นที่ออกปี 10 มันก็มาด้วย NS-2 ทั้งนั้นแล้วพอถ่ายน้ำมันเกียร์ใหม่ ๆ เขาก็ขาย NS3 ให้ทั้งนั้น

ที่แน่นอนที่ีสุดคือ NS2 NS3 มันคือน้ำมันพื้นฐานชนิดเดียวกัน โดย NS3 จะมี Additive สังเคราะห์ที่ดีกว่า ทั้งสองตัวเป็น Synthetic base อยู่แล้วครับ 90% ของส่วนผสมมันเหมือนกัน และ Additive ที่ผสมลงไปก็ถูกนำไปใช้ในเกียร์ยี่ห้อดัง ๆ อย่าง BENZ, MINI, VW, HONDA, MITSUBISHI อยู่แล้ว

ผมก็เคยเห็น March  ที่มีการใช้งานถึง 2.5 แสนกิโลเมตร มาแล้ว ด้วยน้ำมันเกียร์ NS-3, PTT, Valvoline, Honda CVTF เอาไปเติมใน Nissan ก็ไม่เห็นพังกันนะครับ ถ่ายออกก้นอ่าง แล้วก็เติมที่รูก้านวัดนั่นแหละครับ

มีผ่านตาแว็บ ๆ กับUser คนนึงในนี้ที่บอกว่าน้ำมันเกียร์ NS2- NS3 มีปัญหา ตอนนี้ไม่เห็นแล้วครับ ผมก็เข้าไปตอบสูตรน้ำมันเหมือนกัน ถ้าเจ้าตัวเอามาโพสท์อีก จะขอตอบให้ละเอียดแบบLecture ให้ฟังก็แล้วกันครับ

เรื่องคู่มือรถ ถ้าจะอ้างอิงเอาอะไรที่นอกเหนือจากวิธีใช้โดยทั่วไป ผมคงไม่ รอให้บริษัทรับประกัน Powertrain 10ปี 2 แสนกิโลเมตรให้ผม ผมถึงจะเชื่อคู่มือและทำตามทุกอย่างเลยครับ

รูปภาพโดย Chevron ครับ credit at the bottom of this page.

Note to the owner of the document: If this document is under NDA, please, notifiy me via [email protected]. I will remove asap.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 28, 2014, 14:01:26 โดย jaesz »

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
Re: น้ำมันเครื่องอะไรดีครับ
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2014, 14:49:43 »
ขอบคุณครับ

คุณ jaesz

ก่อนหน้านี่ ผทแอบลังเลมาก น้ำมันเครื่องสังเคราะห์สมัยนี้ ราคาถูกลง โดยเฉพาะพวก 0W-20 และ 5W-30 ไม่ถึงพันเยอะมาก

แต่จากข้อมูล

ผมคง play safe 10W-40 ดีกว่าครับ เพราะเดิมคันเก่าผมก็ใช้ 40 มาตลอด เครื่องก็ทนทานดีครับ

และคงเปลี่ยนที่ 5000-7000 กิโลแต่ไม่เกิน 1 ปีครับ

น่าจะใช้กึ่งสังเคราะห์ ของ ปตท ครับ :D


ออฟไลน์ olympicplus

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 22
Re: น้ำมันเครื่องอะไรดีครับ
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2014, 17:02:36 »
เน้นดูที่เบอร์น้ำมันเครื่องดีกว่า จะบอกว่าน้ำมันเครื่องตัวนั้นเหมาะกับรถเรา
ส่วนตัวคิดว่าไม่มีน้ำมันเครื่องที่ดีที่สุด เพียงแต่น้ำมันเครื่องตัวไหนจะเหมาะกับเราที่สุดมากกว่า
ส่วนใหญ่ใช้เบอร์ 30 ของ ปตท.

ช่วงมีตังค์ก็สังเคราะห์แท้ ลากยาวหมื่นโลค่อยเปลี่ยน
ช่วงไม่มีเงินก็กึ่งสังเคราะห์ วิ่งครบ 5 พันโลก็เปลี่ยน แต่จะสังเคราะห์แท้ หรือกึ่งสังเคราะห์มีคุณภาพพอกัน
แล้วแต่ความสะดวกของผู้ใช้เลย

ออฟไลน์ ID-4

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 92
    • อีเมล์
Re: น้ำมันเครื่องอะไรดีครับ
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2014, 23:50:22 »
ขอชม คุณ jaesz ข้อมูลของคุณแน่นมาก ทำให้ผมที่ใช้เบอร์ 20 มาตลอด เปลี่ยนใจได้ แนะนำด้วยครับ

1. ถ้าผมจะยังใช้เบอร์ 20 ของ ปตท. ต่อไป จะเป็นอะไรมั้ยครับ ถ้าจะเป็น เป็นเมื่อไหร่
2. ผมจะเปลี่ยน ให้เปลี่ยนไปใช้เบอร์อะไรดีครับ
3. คุณ jaesz ใช้รถอะไรอยู่ แล้วใช้น้ำมันเบอร์อะไรครับ

ผมใช้ Swift ตอนนี้ 20000 กิโล ครับ
ขอบคุณครับ


1. ก็คงใช้ได้เรื่อย ๆ ครับ ขับไปจนสองแสนกว่าโลมันก็เป็นรอยในลูกสูบ มากน้อยแล้วแต่อุณหภูมิ แต่เป็นแน่ ๆ ครับ สามแสนโลคงได้เห็น หลุมสูบเป้น Oval นิด ๆ แต่คนส่วนใหญ่จะขายรถประมาณ 2 แสนโลนี่ล่ะครับ มันจะเป็นหนักกับคนที่ เท้าหนักนิด ขับในเมืองตลอดเวลา ลากรอบจัด

2.  เบอร์เดิมก็ได้ครับ ไม่ผิดอะไร เพราะผมเดาว่าคุณอาจจะเปลี่ยนรถบ่อย พอสองแสนโลคุณคงไม่เก็บแล้ว (อันนี้ผมเคยอ่านกระทู้รถของคุณว่าใช้ Proton ไปแสนกว่าโล ถ้าไม่ใช่ก็ขออภัยครับ) ถ้าอยากให้เหมาะสมกับสภาพความร้อนของเครื่อง ผมแนะนำ เบอร์ 40  หรือ ถ้ากังวลว่าเครื่องไม่มีแรงพอจะปั๊มน้ำมัน ก็ใช้เบอร์ 30  ซึ่งถ้าถามผม มันไม่ได้กินแรงขนาดนั้นหรอกครับ คุณเอามือกวนน้ำมันเครื่องดูน่าจะเข้าใจ น้ำมันเย็น ๆ เรายังมีแรงกวนเหลือ ๆ ถ้าเครื่องยนต์ไม่มีแรงวิดน้ำมันเครื่องตอนร้อน ๆ ผมก็ไม่รู้จะเรียกเครื่องยนต์นั้นว่าอะไรครับ

จะว่าไปน้ำมันเครื่องเบอร์ 20 มันก็มีประโยชน์นะครับ กับรถที่สตาร์ท แล้วดับเครื่อง หรือขับสั้น ๆ แล้วดับเครื่อง มีคนที่ผมรู้จัก ใช้รถวันละ 7 กิโลเมตร บ้านอยู่ห่างโรงเรียนลูก 3.5 โล ขับรถแต่ละครั้งไม่ถึง 10 นาที สองปีขับไป 8.5 พันโล ผมก็แนะนำเบอร์ 20 นะครับ เพราะเครื่องมันไม่ทันร้อนจัด เบอร์ 20 สังเคราะห์แท้ถูกกว่าเขาเพื่อนเลย ยังงัยก็ต้องถ่ายออกทุกปีอยู่แล้วครับ

3. ณ ตอนนี้ ผมใช้รถVW New Beetle เป็นรถประจำตัวครับ น้ำมันเครื่องที่ใช้เบอร์ 40 -50 แล้วแต่ว่าช่วงไหนราคาเบอร์50 ถูกน่ะครับ ผมใช้น้ำมันกึ่งสังเคราะห์ ถ่ายทุก 5 พันโล
คันอื่น ๆที่อยู่ในการดูแลของผม ผมก็ใช้เบอร์ 40 ครับ เพราะมันถูกกว่าเบอร์ 50 ไม่ค่อยได้ขับเอาน้ำมันถูกใส่ไว้ก่อน
ขอบคุณมากครับ ที่ให้ความกระจาง ผมมองอะไรได้ชัดเจนขึ้นมากเลยครับ
กับ Swift (รถเมีย) ผมคงใช้เบอร์ 20 ไปซักระยะ เอาไว้ซัก 50000 โล ค่อยเปลี่ยนเป็นเบอร์ 30 เปลี่ยนถ่ายทุกๆ 10000 กิโล

ผมมี Exora อีกคันนึง ใช้เบอร์ 30 มาตลอด 4 ปี 120000 กิโล เป็นรถผมครับ ยังใช้ได้ดีปกติ ติดแก๊สตอนป้ายแดง
ผมไม่ใช่คนที่เปลี่ยนรถบ่อยๆนะครับ ใช้รถแต่ละคัน นานมากๆๆๆๆๆ คันที่ขายไปเมื่อ 2 ปีก่อน (เพื่อเอาเงินมาซื้อ Swift) ผมใช้มา 18 ปี 800000 กว่ากิโล ผมก็ใช้น้ำมันเครื่องเบอร์ 40 มาตั้งแต่แรก 10000 โลถ่ายทิ้ง รถก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร ที่ขายเพราะจะใช้สิทธิซื้อรถคันแรก และ ตัวถังรถมันเริ่มผุแล้ว

ขอบคุณแนวทางที่ให้ จะเอาไปคิดต่อ อีกทีนึง ครับป๋ม

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
Re: น้ำมันเครื่องอะไรดีครับ
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: กรกฎาคม 29, 2014, 08:38:59 »
น้ำมันเครื่องเบอร์บาง ทั้งเบอร์หน้า และ หลัง ก็ยิ่งเสี่ยงกับการสร้างรอยขีดข่วนนะครับ

เอาแค่เบอร์หน้าบางอย่างเดียว ในขณะที่เบอร์หลังเป็นเบอร์เดียวกัน ก็เห็นแล้วว่ารอยการสึกหรอที่เกิดขึ้นมีขนาดต่างกัน

ในรูปเป็นตัวอย่างของน้ำมันเบอร์ XW-30 จะเห็นว่า ถึงเป็นน้ำมันเบอร์30 เหมือนกัน แต่ถ้าเบอร์หน้าบางกว่าก็สร้างรอยขีดข่วนที่ใหญ่กว่าด้วยครับ อาจจะไม่เห็นผลมากเหมือนเบอร์หลัง แต่ก็อยู่ในระดับที่วัดได้ครับ

ยังงัยเบอร์รวม ๆ หนากว่าก็ปลอดภัยกับเครื่องยนต์สันดาปภายในทั่วๆไปครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 29, 2014, 08:41:11 โดย jaesz »

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
Re: น้ำมันเครื่องอะไรดีครับ
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: กรกฎาคม 29, 2014, 13:56:40 »
น้ำมันเครื่องเบอร์บาง ทั้งเบอร์หน้า และ หลัง ก็ยิ่งเสี่ยงกับการสร้างรอยขีดข่วนนะครับ

เอาแค่เบอร์หน้าบางอย่างเดียว ในขณะที่เบอร์หลังเป็นเบอร์เดียวกัน ก็เห็นแล้วว่ารอยการสึกหรอที่เกิดขึ้นมีขนาดต่างกัน

ในรูปเป็นตัวอย่างของน้ำมันเบอร์ XW-30 จะเห็นว่า ถึงเป็นน้ำมันเบอร์30 เหมือนกัน แต่ถ้าเบอร์หน้าบางกว่าก็สร้างรอยขีดข่วนที่ใหญ่กว่าด้วยครับ อาจจะไม่เห็นผลมากเหมือนเบอร์หลัง แต่ก็อยู่ในระดับที่วัดได้ครับ

ยังงัยเบอร์รวม ๆ หนากว่าก็ปลอดภัยกับเครื่องยนต์สันดาปภายในทั่วๆไปครับ


ขอถามครับถ้าแบบนี้เราใช้ base oil พวก 20w 50 ไปเลยดีไหมครับ เพราะเบอร์หนาๆ มันปกป้องมากกว่านะครับ

ออฟไลน์ Sinplug

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 419
    • https://www.facebook.com/groups/4G64Club
    • อีเมล์
Re: น้ำมันเครื่องอะไรดีครับ
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: กรกฎาคม 29, 2014, 14:29:08 »
ผมสงสัยมานานว่า ใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100 ดีกว่าใช้น้ำมันเครื่องตัวกึ่งหรือธรรมดาแต่เปลี่ยนบ่อยๆ จริงรึเปล่าครับ  และน้ำมันเครื่องสังเคราะห์เบสออยและสารเติมแต่งก็เยอะและดีกว่ากึ่งสะเคราะห์หรือธรรมดา เวลาใช้งานจะสึกหรอน้อยกว่าเมื่อเทียบกับกึ่งหรือธรรมดา
"ผมก็แค่กะบะเบนซิล''4G64 Turbo  แรงม้า XXX Max. Torque 618 N/m''  
Facebook: 4G64 Club Thailand/4G64T Club Thailand

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
Re: น้ำมันเครื่องอะไรดีครับ
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: กรกฎาคม 29, 2014, 14:57:05 »
น้ำมันเครื่องเบอร์บาง ทั้งเบอร์หน้า และ หลัง ก็ยิ่งเสี่ยงกับการสร้างรอยขีดข่วนนะครับ

เอาแค่เบอร์หน้าบางอย่างเดียว ในขณะที่เบอร์หลังเป็นเบอร์เดียวกัน ก็เห็นแล้วว่ารอยการสึกหรอที่เกิดขึ้นมีขนาดต่างกัน

ในรูปเป็นตัวอย่างของน้ำมันเบอร์ XW-30 จะเห็นว่า ถึงเป็นน้ำมันเบอร์30 เหมือนกัน แต่ถ้าเบอร์หน้าบางกว่าก็สร้างรอยขีดข่วนที่ใหญ่กว่าด้วยครับ อาจจะไม่เห็นผลมากเหมือนเบอร์หลัง แต่ก็อยู่ในระดับที่วัดได้ครับ

ยังงัยเบอร์รวม ๆ หนากว่าก็ปลอดภัยกับเครื่องยนต์สันดาปภายในทั่วๆไปครับ


ขอถามครับถ้าแบบนี้เราใช้ base oil พวก 20w 50 ไปเลยดีไหมครับ เพราะเบอร์หนาๆ มันปกป้องมากกว่านะครับ

น้ำมันพื้นฐานแบบธรรมดา มีคุณสมบัติที่ไม่ดีอยู่อย่างนึงก็คือ การแตกตัวที่ค่อนข้างรวดเร็วครับ อย่างในกรณี 20W-50 นั้น พอเราใช้งานไป 3000-5000km ตัวมันจะเหลือViscosity ที่ 100องศาเท่ากับเกรด 20 แต่พอเย็นตัวค่าความหนืด "W" จะล้นscale ครับ  เรียกสั้น ๆ ก็คือ "เย็นเหนียว ร้อนบาง" นั่นเอง เพราะโครงสร้างน้ำมันแตกตัวไปอย่างรวดเร็วครับ เหมือน ๆ พวก ESTER ที่เวลาโดนน้ำแล้วโมเลกุลเพี้ยนไป

และมากกว่านั้น ขออนุญาติยกตัวอย่าง

บริษัทน้ำมันChevron หัวใส ผลิตน้ำมันพื้นฐาน SN500 ได้ ใส่ Friction modifier, VI Improver, และหยอด Group II Synthetic ลงไป5% เพื่อยืดอายุการใช้งานน้ำมันเครื่องพื้นฐานเกิน 5 พันกิโลเมตร (โฆษณาว่า 8 พันกิโลเมตรเลยทีเดียว)  ตัวนี้ Caltex(Chevron) กลับโฆษณาว่าเป็นน้ำมันสูตระรรมดา เพราะเขามีจรรยาบรรณดี  ส่วนตัวกึ่งสังเคราะห์ เขาจะใส่น้ำมัน GroupIII+ 20%  . Caltex เองมี 20W-50 ถึงสองตัว แต่สองตัวนั้นใช้ได้ระยะทางไม่เท่ากันครับเพราะตัวนึงเป็น Dino Oil + VI Improver อีกตัว เป็น Dino+GroupII+Additive 3 ชนิด 

บริษัทไทยยี่ห้อหนึ่ง เรียกการใส่น้ำมันสังเคราะห์5% ว่าเป็น "กึ่งสังเคราะห์" ฮั่นแน่ แล้วโฆษณาว่าใช้ได้ 10,000 Km ถามว่าได้ไหม ได้แน่ ๆ ถ้าวิ่งไม่เกินความเร็วคงที่100 โดยไม่แตะเบรคเลย ตลอดอายุการใช้งาน (งดออกนามบริษัทนะครับ เพราะสูตรน้ำมันบริษัทนี่เขาเปลี่ยนแทบทุกครั้งที่ผมส่งLAB)

ดังนั้นเนี่ย การใช้น้ำมันเกรดธรรมดาถึงเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก เพราะคุณแทบไม่รู้เลยว่าน้ำมันจะเสื่อมเมื่อไหร่กันแน่ครับ

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
Re: น้ำมันเครื่องอะไรดีครับ
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: กรกฎาคม 29, 2014, 15:37:23 »
น้ำมันเครื่องเบอร์บาง ทั้งเบอร์หน้า และ หลัง ก็ยิ่งเสี่ยงกับการสร้างรอยขีดข่วนนะครับ

เอาแค่เบอร์หน้าบางอย่างเดียว ในขณะที่เบอร์หลังเป็นเบอร์เดียวกัน ก็เห็นแล้วว่ารอยการสึกหรอที่เกิดขึ้นมีขนาดต่างกัน

ในรูปเป็นตัวอย่างของน้ำมันเบอร์ XW-30 จะเห็นว่า ถึงเป็นน้ำมันเบอร์30 เหมือนกัน แต่ถ้าเบอร์หน้าบางกว่าก็สร้างรอยขีดข่วนที่ใหญ่กว่าด้วยครับ อาจจะไม่เห็นผลมากเหมือนเบอร์หลัง แต่ก็อยู่ในระดับที่วัดได้ครับ

ยังงัยเบอร์รวม ๆ หนากว่าก็ปลอดภัยกับเครื่องยนต์สันดาปภายในทั่วๆไปครับ


ขอถามครับถ้าแบบนี้เราใช้ base oil พวก 20w 50 ไปเลยดีไหมครับ เพราะเบอร์หนาๆ มันปกป้องมากกว่านะครับ

น้ำมันพื้นฐานแบบธรรมดา มีคุณสมบัติที่ไม่ดีอยู่อย่างนึงก็คือ การแตกตัวที่ค่อนข้างรวดเร็วครับ อย่างในกรณี 20W-50 นั้น พอเราใช้งานไป 3000-5000km ตัวมันจะเหลือViscosity ที่ 100องศาเท่ากับเกรด 20 แต่พอเย็นตัวค่าความหนืด "W" จะล้นscale ครับ  เรียกสั้น ๆ ก็คือ "เย็นเหนียว ร้อนบาง" นั่นเอง เพราะโครงสร้างน้ำมันแตกตัวไปอย่างรวดเร็วครับ เหมือน ๆ พวก ESTER ที่เวลาโดนน้ำแล้วโมเลกุลเพี้ยนไป

และมากกว่านั้น ขออนุญาติยกตัวอย่าง

บริษัทน้ำมันChevron หัวใส ผลิตน้ำมันพื้นฐาน SN500 ได้ ใส่ Friction modifier, VI Improver, และหยอด Group II Synthetic ลงไป5% เพื่อยืดอายุการใช้งานน้ำมันเครื่องพื้นฐานเกิน 5 พันกิโลเมตร (โฆษณาว่า 8 พันกิโลเมตรเลยทีเดียว)  ตัวนี้ Caltex(Chevron) กลับโฆษณาว่าเป็นน้ำมันสูตระรรมดา เพราะเขามีจรรยาบรรณดี  ส่วนตัวกึ่งสังเคราะห์ เขาจะใส่น้ำมัน GroupIII+ 20%  . Caltex เองมี 20W-50 ถึงสองตัว แต่สองตัวนั้นใช้ได้ระยะทางไม่เท่ากันครับเพราะตัวนึงเป็น Dino Oil + VI Improver อีกตัว เป็น Dino+GroupII+Additive 3 ชนิด 

บริษัทไทยยี่ห้อหนึ่ง เรียกการใส่น้ำมันสังเคราะห์5% ว่าเป็น "กึ่งสังเคราะห์" ฮั่นแน่ แล้วโฆษณาว่าใช้ได้ 10,000 Km ถามว่าได้ไหม ได้แน่ ๆ ถ้าวิ่งไม่เกินความเร็วคงที่100 โดยไม่แตะเบรคเลย ตลอดอายุการใช้งาน (งดออกนามบริษัทนะครับ เพราะสูตรน้ำมันบริษัทนี่เขาเปลี่ยนแทบทุกครั้งที่ผมส่งLAB)

ดังนั้นเนี่ย การใช้น้ำมันเกรดธรรมดาถึงเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก เพราะคุณแทบไม่รู้เลยว่าน้ำมันจะเสื่อมเมื่อไหร่กันแน่ครับ

ขอบคุณครับ

เข้าใจชัดเจนมากครับ โดยสรุป ผมว่าตัว 10w 40 กึ่ง น่าจะดีที่สุดครับ ซึ่งจริงๆ มันก็คือธรรมดานั้นแหละครับ  :D

ออฟไลน์ coolpix99

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 238
Re: น้ำมันเครื่องอะไรดีครับ
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2014, 18:59:50 »
1)CASTROL ถ้าเทียบกับ MOBIL ในเรื่องของความคงทนและอายุการใช้งานระยะยาว ตัวไหนดีกว่ากันครับ
2) แล้ว CASTROL ใส่ ESTER เยอะกกว่าโมบิลมัยครับ
3) แล้วระหว่าง mobil 0W-40 กับ  castrol 5w-40 สองตัวนี้อันไหนน่าใช้กว่าครับ และระหว่าง mobil 0w-40 กับ castrol 5w-40 คัวไหนน่าใช้กว่าครับ เพราะเท่าที่ผมเข้าใจคือเบอร์หน้าสูงกว่าก็ดีกว่า แต่ติดที่เป็นของ castrol ซึ่งไม่แน่ใจว่าใช้ระยะยาวแล้วจะปกป้องสู้ mobil ได้มั้ยถึงแม้ว่า mobil มีค่าเบอร์หน้าน้อยกว่าก็ตาม
2014 Mazda CX-5 2.2D
2017 BMW 430i
2020 Nissan Kicks
2021 Mazda CX-8 2.5

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
Re: น้ำมันเครื่องอะไรดีครับ
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2014, 20:30:07 »
1)CASTROL ถ้าเทียบกับ MOBIL ในเรื่องของความคงทนและอายุการใช้งานระยะยาว ตัวไหนดีกว่ากันครับ
2) แล้ว CASTROL ใส่ ESTER เยอะกกว่าโมบิลมัยครับ
3) แล้วระหว่าง mobil 0W-40 กับ  castrol 5w-40 สองตัวนี้อันไหนน่าใช้กว่าครับ และระหว่าง mobil 0w-40 กับ castrol 5w-40 คัวไหนน่าใช้กว่าครับ เพราะเท่าที่ผมเข้าใจคือเบอร์หน้าสูงกว่าก็ดีกว่า แต่ติดที่เป็นของ castrol ซึ่งไม่แน่ใจว่าใช้ระยะยาวแล้วจะปกป้องสู้ mobil ได้มั้ยถึงแม้ว่า mobil มีค่าเบอร์หน้าน้อยกว่าก็ตาม

ถามแบบนี้ ผมตอบไปอาจจะโดนฟ้องร้องได้

ตอบแบบนี้ดีกว่า
รถยนต์ Mercedes Benz ทุกคัน เติม Mobil 1 จากโรงงานครับ และศูนย์เบนซ์ไทย เองก็ให้ใช้ Mobil 1 รวมถึง Porsche ที่แม้ว่าจะอยู่ในกลุ่ม VW ที่ใช้ Castrol ก็เลิกใช้ Castrol แต่ไปใช้ Mobil 1 รวมถึง 370Z etc.. ที่ยี่ห้อรถเคยใช้ Shell, Castrol ก็หนีมาใช้ Mobil 1

ศูนย์รถยนต์ BMW, FORD, CHEVROLET, MAZDA, VW ใช้ Castrol ครับ คุณว่ารถยี่ห้อเหล่านี้ กับรถที่ใช้ Mobil 1 ข้างต้น กลุ่มไหนมีปัญหาที่เกี่ยวกับเครื่องยนต์อันเนื่องมาจากน้ำมันเครื่องจริง ๆ มากน้อยกว่ากัน ?

Google ดูครับ