ผู้เขียน หัวข้อ: ยางธรรมดา VS ยาง Run Flat เรื่องเดิม ๆ แต่น่าจะประเด็นใหม่  (อ่าน 40656 ครั้ง)

ออฟไลน์ a-k-e

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 167
เผอิญตอนนี้ถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนยางให้ BMW X3 แล้วครับ
เรื่องงบไม่สำคัญ ประเด็นคือ ความปลอดภัยและความสะดวกสบาย
แน่นอนว่า RFT จุดขายคือ ถ้ายางแตกในป่าเขา ต่างจังหวัด ก็ลาก ๆ สังขารไปได้อีกเป็นร้อยกิโล
แต่ก็ต้องทนกับความแข็งกระด้างของยาง รวมถึงอายุใช้งานที่สั้นกว่ายางธรรมดาขนาดเท่า ๆ กัน (จากประสบการณ์ตรง)
จะว่าไป พูดตรง ๆ นะ ยาง RFT ถ้ายางรั่วหรือแตก ต่อให้วิ่งได้ก็จริงอยู่
แต่ feeling การขับขี่ บอกเลยว่าที่ความเร็ว 60 ก็รู้สึกอยากจะจอดเพราะกลัวยางจะกระจุยกระจายแล้วล่ะ

ส่วนยางธรรมดา ข้อดีคือ นุ่มสบาย ไม่แข็งโป๊กเหมือน RFT
แต่ถ้าใช้แล้ว อย่าง BMW ไม่มียางอะไหล่นะ ถ้าอยากปลอดภัยก็ต้องหายางอะไหล่ใส่ท้ายไปด้วย
ถ้าไม่พกไป ยางรั่วยังพอมีชุดซ่อม แต่ถ้ายางฉีกแตก คงต้องจอดรอความช่วยเหลือกันตรงนั้น

จริง ๆ ก็ตัดสินใจเอา Run Flat แล้วล่ะ Potenza s001 RFT เส้นละ 13,500 ไม่ก็คง Pirelli P Zero ตัวเดิม 17,500

แต่พอมาคิดดูอีกที ...

ถ้าใช้ Run Flat ข้อดีของมันอย่างเดียวคือ เกิดซวยไปยางแตกในถิ่นทุรกันดารนั่นแหละ
แต่ถามว่า ถ้ามันเกิดเหตุการณ์อย่างนั้นจริง ประคองรถเข้าตัวเมืองได้ ... ถามหน่อย แล้วมันจะมียางรุ่นนี้ให้เปลี่ยนเรอะ ?
ขนาดในกรุงเทพ ร้านยางดัง ๆ ยางพวกนี้ยังต้องสั่งต้องรอ แล้วร้านต่างจังหวัดจะมีให้เหรอ
ถ้าเป็นทริปท่องเที่ยวจะทำอย่างไร เรื่องรอ 2-3 วันน่าจะเป็นไปไม่ได้ สุดท้ายคงไม่แคล้วต้องซื้อยางธรรมดามาใส่แทน
หรือถ้าไม่ต้องเปลี่ยน จะซ่อมแล้วไง ร้านใหญ่พอมีอุปกรณ์ถอดยาง RFT หรือเปล่า ปะแล้วก็ต้องกลับมาเปลี่ยนเส้นใหม่
แล้วก็กลับไปซื้อยาง RFT มาเปลี่ยนใหม่ เสียอีก 2 ต่อ

ในขณะที่ถ้าใช้ยางธรรมดา แค่หาที่ปะได้ ก็จบ หรือถ้ายางเสียเลย ก็ซื้อใหม่ น่าจะหาง่ายกว่าแน่ ๆ
ทั้งยางในขนาดที่ต้องการ และร้านที่สามารถจัดการเปลี่ยนหรือซ่อมให้ได้ ยังไงก็ง่ายกว่าใช้ยาง RFT
ซึ่งไม่ว่าจะในกรณีใด ๆ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจะน้อยกว่าหรือเท่ากับในกรณีใช้ยาง RFT ไม่มีมากกว่าแน่นอน
ผมเลยมองว่า จริง ๆ แล้ว ยาง RFT ไปเจ๊งที่ต่างจังหวัด ถึงแม้จะปลอดภัย แต่มันจะทำให้ชีวิตวุ่นวาย ทริปล่มพินาศ มากกว่าใช้ยางธรรมดาหรือเปล่า
โอกาสที่จะได้ใช้คุณประโยชน์จริง ๆ คือได้ขับต่อท่ามกลางป่าเขาในคืนเดือนมืด หรือขับหนีโจรที่ 80 km/hr ผมว่ามัน % น้อยมาก ๆ

พอคิดอย่างนี้ ตัวเลือกยางนุ่มสบายอย่าง Turanza GR100 หรือ s001 ตัวธรรมดา ก็เข้ามา

คืออยากจะอธิบายให้เห็นภาพมากกว่านี้แหละ แต่คิดว่าคงเข้าใจกันแล้ว
ตัดเรื่องราคาออกไปเลยครับ เอาเรื่องความสบายของตัวยาง และความสะดวกสบายในการจัดการเวลาเกิดปัญหาเท่านั้น
เคยมีใครมีประสบการณ์แบบนี้บ้างเปล่าครับ ขอความเห็นหน่อย ว่าชั่งน้ำหนักกันอย่างไรบ้าง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 09, 2014, 19:53:01 โดย a-k-e »

ออฟไลน์ swan

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 901
ของผมถอดรันแฟลตทิ้งไปปีกว่าแล้วครับ แรกๆก็คิดหนักเหมือน จขกท เหมือนกัน แต่ตอนนี้ใช้ยางธรรมดาแล้ว เคยมีปัญหาโดนตะปูตำไปสามแผลหลังเปลี่ยนได้อาทิตย์เดียว เป็นตะปูตอกคอนกรีตขนาดน่าจะ 4 นิ้ว ที่ล้อหลังทั้งสองข้าง ยางธรรมดามันก็ไม่ได้รั่วจนลมหมดในทันที ยกเว้นยางระเบิด หลังโดนตะปูตำผมก็ยังวิ่งไปได้เกือบร้อยกิโล วิ่งข้ามจังหวัดด้วย เนื่องจากไม่มีร้านปะยาง ระหว่างทางก็จอดรถดูบ่อยๆ กลัวว่าถ้ายางแบนมากแล้วยางและล้อจะเสียหาย แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ลมรั่วออกช้ามากๆ พยายามขับรถอย่าเร็วมาก จนถึงร้านยางให้เค้าถอดปะให้ แค่นี้ก็เรียบร้อย

ครั้งที่สอง ระหว่างทางจากภูเก็ตมา กทม ก็ รั่วอีก ผมต้องวิ่งจากพังงาผ่านเขาสก(กะว่ามาทางลัด) จนมาถึงเส้นทางหลัก สายเอเชีย ระยะทางน่าจะเกินกว่า 50 กม กว่าจะเจอร้านยาง ให้เค้าปะให้ สรุปว่า ยางธรรมดาก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด หากโดนตะปูตำก็ยังวิ่งได้อีกไกลโดยที่ยางก็ไม่เสียหาย แต่อย่าเพิ่งถอดวัคถุที่ตำล้อออกจนกว่าจะถึงร้านปะยางแค่นั้นเอง ทุกวันนี้ผมมีปั๊มลมไฟฟ้าขนาดเล็กติดรถไว้ หากลมรั่วก็เติม แล้ววิ่งไปหาร้านยาง รับรองวิ่งข้ามจังหวัดได้สบายๆครับ ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด แถมยางธรรมดาได้ความนุ่มเป็นของแถมอีกด้วย

ออฟไลน์ udis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,674
ถ้าเทียบเฉพาะ S001 กับ S001 RFT จากเว็บ bridgestone เอง
ความกระด้างตัว RFT ด้อยกว่าแต่ก็ไม่ได้มากนะครับ


จากเว็บรีวิวยาง http://www.tyrereviews.co.uk/
S001 ดีกว่า S001 RFT ในถนนแห้ง ควบคุมได้ดีกว่า หนึบกว่านิดหน่อยครับ
http://www.tyrereviews.co.uk/Tyre/Bridgestone/Potenza-S001.htm
http://www.tyrereviews.co.uk/Tyre/Bridgestone/Potenza-S001-RFT.htm

Progressiveness

http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php?topic=31886.0

progressiveness หมายถึงช่วงระหว่างที่ยางยังคงมี grip อยู่ไปจนถึงตอนที่เริ่มสไลด์หรือหมด grip ครับ
คะแนนยิ่งสูงหมายถึงช่วงเปลี่ยนนี้มีอาการชัดเจนกว่า ทำให้ควบคุมได้ง่ายกว่า
ยางบางตัว grip สูงแต่คะแนน progressiveness ต่ำเพราะเวลาจะหลุดแล้วจะไม่มีการเตือนที่ดีหรือพอหมด grip แล้วหลุดเลย

credit : IS2000

http://forums.hexus.net/automotive/29106-what-makes-good-tyre.html

A progressive tyre, regardless of how good is out-and-out grip is, is hugely desireable.
A tyre that gradually gives way at the limit and comes back into grip in a controllable manner.
Combined with predicability this allows a driver to play on the edge of adhesion without having an upset.
In an emergency such as wet braking or swerving while braking a progressive brake-away will allow the driver to maintain maximum stopping/avoidance AND maintain enough grip to be pro-active in a situation rather than a passenger.

credit : Vimeous

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 09, 2014, 21:11:13 โดย udis »

ออฟไลน์ TRcdi

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 670
ผมมีความตั้งใจแน่วแน่  วิ่งครบ 40,000 KM.  จะเปลี่ยนเป็นยางธรรมดา

แต่ผมคงต้องหายางอะไหล่ติดรถ    เพราะวิ่งต่างจังหวัด เข้าตรอกซอกซอย

ป่าเขาลำเนาไพรเป็นประจำ      ตะปูตำไม่กลัว  แต่กลัวยางฉีกครับ





ออฟไลน์ imachi

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 73
e90 ผมก็ตัดสินใจเปลี่ยนเป็นยางธรรมดา  แล้วก็ซื้อปั้มลม+น้ำยาปะยาง ติดรถไว้   ฉุกเฉินก็ อัดลมเข้าไปเยอะๆ แล้วก็วิ่งต่อไปหาร้านปะเอา

ออฟไลน์ IncarRus

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,519
    • อีเมล์
ตามที่ผมเข้าใจ,,, สำหรับ RFT , เรื่องขับต่อ หาร้านยาง ในคืนเดือนมืด ไม่ใช่เรื่องหลักนะคับ

RFT ประเด็นหลัก,,, น่าจะเป็น การควบคุมรถ เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันกับยาง ขณะใช้ความเร็ว
.... RFT เสียการทรงตัว,,, น้อยกว่ายางธรรมดามาก, ลดความเสี่ยงที่จะลงข้างทางได้มากกว่า
....มากขนาดที่ว่า,,, ยุโรปกำลังศึกษา เพื่อจะเป็นให้ RFT เป็นยางมาตรฐานไปเลย

ส่วนประเด็นเสียตัง 2 ต่อ,,, ผมเห็นด้วยกับ จขกท. คับ, ตอนนี้ สำหรับบ้านเรา คงลำบากหน่อย
....ถ้าเป็นผม,,, ก็คงเลือกที่จะใช้ยางธรรมดามากกว่า (อย่างน้อยก็ตอนนี้)

ออฟไลน์ a-k-e

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 167
ตามที่ผมเข้าใจ,,, สำหรับ RFT , เรื่องขับต่อ หาร้านยาง ในคืนเดือนมืด ไม่ใช่เรื่องหลักนะคับ

RFT ประเด็นหลัก,,, น่าจะเป็น การควบคุมรถ เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันกับยาง ขณะใช้ความเร็ว
.... RFT เสียการทรงตัว,,, น้อยกว่ายางธรรมดามาก, ลดความเสี่ยงที่จะลงข้างทางได้มากกว่า
....มากขนาดที่ว่า,,, ยุโรปกำลังศึกษา เพื่อจะเป็นให้ RFT เป็นยางมาตรฐานไปเลย

ส่วนประเด็นเสียตัง 2 ต่อ,,, ผมเห็นด้วยกับ จขกท. คับ, ตอนนี้ สำหรับบ้านเรา คงลำบากหน่อย
....ถ้าเป็นผม,,, ก็คงเลือกที่จะใช้ยางธรรมดามากกว่า (อย่างน้อยก็ตอนนี้)

จริง ๆ ผมก็นึกถึงจุดนี้เหมือนกันครับ
แต่อีกความคิดนึง นอกจากเรื่อง % ความเสี่ยง ซึ่งไม่เอามาคิดละกัน 0.01% ถ้ามันจะเกิดก็อาจจะถึงเสียชีวิตได้
ก็คือเรื่องว่า ในรถที่ใช้ RFT อย่าง BMW หรือ MB เค้าก็มีระบบ TPMS มาให้อยู่แล้ว ซึ่งมันก็เตือนทันทีที่รถสูญเสียแรงดันลมยาง
อีกอย่างระบบควบคุมรถอย่าง Stability Control ก็มี ถึงจะเป็นเวลาไม่มาก แต่ก็ช่วยให้คนขับตัดสินใจได้อย่างทันท่วงที ว่ามีปัญหาเกิดขึ้น

ข้อดีของ RFT ผมเจอมาแล้ว
ตอนที่ระบบมันเตือนว่ายางรั่ว คือมันรั่วแบบลมออกหมดเลย
บอกตรง ๆ ว่า ณ เวลานั้น แทบไม่รู้สึกเลยว่ามีความผิดปกติของสมดุลเกิดขึ้น ต้องใช้เวลาซักหลายวินาที
แต่กว่าจะถึงเวลาที่สมดุลผิดปกติ ก็เป็นเวลาที่เราลดความเร็วลงมาอยู่ในระดับปลอดภัยแล้ว

เผอิญว่าไม่เคยมีประสบการณ์ว่าหากเป็นยางธรรมดา ที่วิ่งอยู่บนระบบของ BMW หรือ MB จะเป็นอย่างไร (แต่ก็ไม่อยากลอง)
ถ้าพอรู้ทั้ง 2 อย่าง ก็น่าจะพอช่วยตัดสินใจอะไรได้บ้าง
ผมว่าเรื่องลมรั่วคงไม่เป็นปัญหาในการเปรียบเทียบ RFT กับ ยางธรรมดา
แต่อย่างยางแตกหรือยางฉีก ประเภทสูญเสียลมกระทันหันที่ความเร็วซัก 100-140 น่าจะเอามาคิดเป็นปัจจัยหลัก

ผมก็เลยคิดว่า OK ถึงแม้ว่าประเด็น RFT ปลอดภัยกว่า มันจริงแท้แน่นอน
แต่ค่าส่วนต่างความเสี่ยงที่น้อยมาก ๆ นี้ เป็นข้อดีที่จะกลบข้อด้อยของ RFT เมื่อเปรียบเทียบกับยางธรรมดาได้หรือเปล่า
ผมมองว่าความครอบคลุมของอุปกรณ์ตรวจเช็ค และการให้บริการในเมืองไทย ยังตามเทคโนโลยีนี้ไม่ทัน
เลยมองว่า สุดท้ายแล้วข้อดีของ RFT จะเอาข้อเสียหลัก ๆ ไม่อยู่ ซึ่งก็คือ

- ยางรั่วแล้วถูกแนะนำให้เปลี่ยน ไม่ให้ซ่อม (แต่ยางธรรมดาซ่อมได้ปะได้) เปลี่ยนแล้วจะมีปัญหากับยางอีกข้างรึเปล่า จะต้องเปลี่ยนคู่หรือเปล่า
- หากมีปัญหาที่ต่างจังหวัด หากค่อนข้างชนบท หาร้านซ่อมยาก (ยางธรรมดาเข้าได้ทุกร้าน)
- เปลี่ยนยางใหม่ยิ่งยากขึ้นไปอีก (ยางธรรมดาคนใช้เยอะ โอกาส spec เดียวกันเจอก็มากกว่า)

พูดไปแล้ว ก็เหมือนมีคำตอบให้ตัวเองกลาย ๆ
แต่ใจจริง ๆ ก็ยังไม่ค่อยกล้าจะออกจาก RFT เปลี่ยน spec ของศูนย์ซักเท่าไหร่ 555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 09, 2014, 22:04:30 โดย a-k-e »

ออฟไลน์ champ1234

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 93
ปัญหาที่ผมเจอมายาง RFT หาร้าน ปะยาง ยากมากขนาดในกรุงเทพ

ออฟไลน์ Marverick

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 276
    • อีเมล์
ยางชุดต่อไปของผมก็คงจะไม่ใช่ run flat ครับ

ออฟไลน์ shikimaru

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,313
    • อีเมล์
เผอิญตอนนี้ถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนยางให้ BMW X3 แล้วครับ
เรื่องงบไม่สำคัญ ประเด็นคือ ความปลอดภัยและความสะดวกสบาย
แน่นอนว่า RFT จุดขายคือ ถ้ายางแตกในป่าเขา ต่างจังหวัด ก็ลาก ๆ สังขารไปได้อีกเป็นร้อยกิโล
แต่ก็ต้องทนกับความแข็งกระด้างของยาง รวมถึงอายุใช้งานที่สั้นกว่ายางธรรมดาขนาดเท่า ๆ กัน (จากประสบการณ์ตรง)
จะว่าไป พูดตรง ๆ นะ ยาง RFT ถ้ายางรั่วหรือแตก ต่อให้วิ่งได้ก็จริงอยู่
แต่ feeling การขับขี่ บอกเลยว่าที่ความเร็ว 60 ก็รู้สึกอยากจะจอดเพราะกลัวยางจะกระจุยกระจายแล้วล่ะ

ส่วนยางธรรมดา ข้อดีคือ นุ่มสบาย ไม่แข็งโป๊กเหมือน RFT
แต่ถ้าใช้แล้ว อย่าง BMW ไม่มียางอะไหล่นะ ถ้าอยากปลอดภัยก็ต้องหายางอะไหล่ใส่ท้ายไปด้วย
ถ้าไม่พกไป ยางรั่วยังพอมีชุดซ่อม แต่ถ้ายางฉีกแตก คงต้องจอดรอความช่วยเหลือกันตรงนั้น

จริง ๆ ก็ตัดสินใจเอา Run Flat แล้วล่ะ Potenza s001 RFT เส้นละ 13,500 ไม่ก็คง Pirelli P Zero ตัวเดิม 17,500

แต่พอมาคิดดูอีกที ...

ถ้าใช้ Run Flat ข้อดีของมันอย่างเดียวคือ เกิดซวยไปยางแตกในถิ่นทุรกันดารนั่นแหละ
แต่ถามว่า ถ้ามันเกิดเหตุการณ์อย่างนั้นจริง ประคองรถเข้าตัวเมืองได้ ... ถามหน่อย แล้วมันจะมียางรุ่นนี้ให้เปลี่ยนเรอะ ?
ขนาดในกรุงเทพ ร้านยางดัง ๆ ยางพวกนี้ยังต้องสั่งต้องรอ แล้วร้านต่างจังหวัดจะมีให้เหรอ
ถ้าเป็นทริปท่องเที่ยวจะทำอย่างไร เรื่องรอ 2-3 วันน่าจะเป็นไปไม่ได้ สุดท้ายคงไม่แคล้วต้องซื้อยางธรรมดามาใส่แทน
หรือถ้าไม่ต้องเปลี่ยน จะซ่อมแล้วไง ร้านใหญ่พอมีอุปกรณ์ถอดยาง RFT หรือเปล่า ปะแล้วก็ต้องกลับมาเปลี่ยนเส้นใหม่
แล้วก็กลับไปซื้อยาง RFT มาเปลี่ยนใหม่ เสียอีก 2 ต่อ

ในขณะที่ถ้าใช้ยางธรรมดา แค่หาที่ปะได้ ก็จบ หรือถ้ายางเสียเลย ก็ซื้อใหม่ น่าจะหาง่ายกว่าแน่ ๆ
ทั้งยางในขนาดที่ต้องการ และร้านที่สามารถจัดการเปลี่ยนหรือซ่อมให้ได้ ยังไงก็ง่ายกว่าใช้ยาง RFT
ซึ่งไม่ว่าจะในกรณีใด ๆ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจะน้อยกว่าหรือเท่ากับในกรณีใช้ยาง RFT ไม่มีมากกว่าแน่นอน
ผมเลยมองว่า จริง ๆ แล้ว ยาง RFT ไปเจ๊งที่ต่างจังหวัด ถึงแม้จะปลอดภัย แต่มันจะทำให้ชีวิตวุ่นวาย ทริปล่มพินาศ มากกว่าใช้ยางธรรมดาหรือเปล่า
โอกาสที่จะได้ใช้คุณประโยชน์จริง ๆ คือได้ขับต่อท่ามกลางป่าเขาในคืนเดือนมืด หรือขับหนีโจรที่ 80 km/hr ผมว่ามัน % น้อยมาก ๆ

พอคิดอย่างนี้ ตัวเลือกยางนุ่มสบายอย่าง Turanza GR100 หรือ s001 ตัวธรรมดา ก็เข้ามา

คืออยากจะอธิบายให้เห็นภาพมากกว่านี้แหละ แต่คิดว่าคงเข้าใจกันแล้ว
ตัดเรื่องราคาออกไปเลยครับ เอาเรื่องความสบายของตัวยาง และความสะดวกสบายในการจัดการเวลาเกิดปัญหาเท่านั้น
เคยมีใครมีประสบการณ์แบบนี้บ้างเปล่าครับ ขอความเห็นหน่อย ว่าชั่งน้ำหนักกันอย่างไรบ้าง

คำตอบแทบจะชัดเจนในคำถามแล้วครับ ผมยังหาข้อดีจาก rft นอกจากเรื่องปลอดภัยเวลายางระเบิดไม่ได้เลย ไม่ใช่รั่วนะซึ่งโอกาสแทบไม่เจอ ในสุพรรณที่ปะ rft ได้ยังไม่มีเลยครับ

ออฟไลน์ Emrio

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 37
ขอบคุณทุกท่าน ได้ข้อคิดดีเพียบเลย


ออฟไลน์ Emrio

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 37
สงสัยอย่างใครเป็นเหมือนผมมั่งครับ

ตั้งแต่ใช้ยางธรรมดามา แต่ละชุดนี่ใช้ยันดอกเกือบหมดบางคันผม 6-7 ปีไม่เปลี่ยนยางไม่เคยเลยระเบิด

พอมาใช้ RFT ใส่ F10 ใช้แค่ประมาณหมื่นกว่ากิโล เจอหลุมระเบิด 2 เส้นหน้าหลัง

ล่าสุด420 ผม 7 พันโลเอง ระเบิดอีกเส้น

สงสัยว่ายางมันพังง่ายหรือว่าผมขับไม่ดี งงมาก

เส้นละ 24000 เห็นราคาและจะเป็นลม

ชุดต่อไปคงต้องเป็นยางธรรมดาแล้ว

ออฟไลน์ w212cdi

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 718
จาก สภาพการใช้งานที่ตั้งมา ผมคิดว่า จะใช้ยาง ธรรมดา หรือ rft ยังไง ก็ควรมียางสำรองติดรถแน่นอน เพราะเส้นทางวิ่งนั้นมีเข้าป่าหรือส่วนที่เป็น off road
ข้อดี ข้อด้อย ของยางประเภท ธรรมดา หรือ rft ก็มีผู้อธิบายไว้ด้านบนแล้วครับ

ขอแนะนำดังนี้ ผมใช้ยาง ธรรมดา มียางสำรอง แต่ผมพกปั๊มลมไฟฟ้าเพิ่มด้วย เนื่องจากบางครั้งลมออก แต่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนยาง (ขี้เกียจ) ผม จะใช้วิธีสูบลม เข้าไปเยอะหน่อยแล้ววิ่งหาที่ปะยางครับ และยาง 1 ชุด ผมใช้ ประมาณ 40,000 กม ก็เปลี่ยนแล้ว

ปัจจุบันผมใช้ bs soo1 ธรรมดา ถือว่าเงียบดีเมื่อเทียบกับยาง sport ตัวอื่น