ผมมีความเห็นว่าเราไปโฟกัสกับคำว่า 14.7:1 มากเกินไปครับ
ตัว o2 sensor จะตรวจจับปริมาณออกซิเจนที่หลงเหลือจากการเผาไหม้ แล้วส่งสัญญาณ 0-1 โวลในกรณีที่เป็น narrowband
0-5 โวลในกรณี wideband ไปยัง ECU เพื่อปรับค่าการจ่ายน้ำมันให้มันหนาขึ้นหรือบางลง
ซึ่งชุด kit E85 ที่ติดๆ กันอยู่ในท้องตลาดทุกวันนี้ ทำตัวเหมือนพิคกี้แบค
ต่อคล่อมตรงสัญญาณหัวฉีดเพื่อปรับจ่ายน้ำมันให้หนาขึ้น ยกหัวฉีดนานขึ้นนั้นเอง เพราะ E85 เองให้พลังงานต่อปริมาตรน้อยกว่าเบนซิน
พอฉีดเข้าในห้องเผาไหม้ ออกซิเจนที่เผาไหม้ออกมาเป็นไอเสียผ่านมาสัมผัสกับ o2 sensor ในปริมาณที่ปกติ หรือใกล้เคียงของเดิมมาก
ค่าของ Kit E85 จะตั้งไว้ตายตัว ยกเว้นบางยี่ห้อที่ปรับค่าการจ่ายน้ำมันได้ตามน้ำมันที่เติมเข้าไป
ตัว ECU รถเองก็สามารถที่จะปรับแก้ค่าการจ่ายน้ำมันได้ในกรณีที่ชุด kit จ่ายหนาไปหรือบางในในช่วงของรอบเครื่อง
มันเลยทำให้ไฟเครื่องไม่โชว์ พล่ามมาซะยาว ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครเข้าใจสิ่งที่ผมพยายามอธิบายรึเปล่า ฮ่าฮ๋า
การที่ ecu มันจะสั่งให้ หัวฉีดปรับ ลด/เพิ่ม การฉีดน้ำมัน จนได้ค่าที่เหมาะสม เนี่ย
มันน่าจะมี ค่าอ้างอิง ค่านึง(หรือช่วงนึง) ที่เอาไว้ check ดูผลของการฉีดน้ำมัน ว่า ณ เวลานั้น มันฉีดน้ำมันได้ พอดี รึยัง
( เหมือนต้องมี ครูระเบียบ เอาไว้ ตรวจการบ้านการฉีดน้ำมัน
ซึ่งครูระเบียบนั้น น่าจะเป็น ค่า AFR ซักค่านึง หรือช่วงนึง )
ซึ่งในที่นี้ ผมว่า ecu มันน่าจะเอาค่า AFR ที่ได้จาก O2 sensor มาใช้ check ผลของการฉีดจ่ายน้ำมัน ว่าฉีดน้ำมันได้พอดีรึยัง
เช่น ถ้า O2 sensor มันอ่านค่า AFR ได้บางเกินไป มันก็จะสั่งให้หัวฉีดฉีดน้ำมันเพิ่ม
ถ้า O2 sensor มันอ่านค่า AFR ได้หนาเกินไป มันก็สั่งให้หัวฉีดฉีดน้ำมันลดลง )
คือค่าของ AFR ไม่ต้องเป็น 14.7:1 ก็ได้ แต่มันก็น่าจะมีค่าซักค่านึง
ซึ่งค่าของ AFR ตรงนี้ ผมว่ายังไงก็ไม่น่าจะครงกับ ค่า AFR ที่เหมาะสมสำหรับ E85
(ในกรณี รถเดิมๆ ที่ไม่ได้โฆษณาว่าเติม E85 ได้นะครับ +วิ่งในช่วง closed loop + มีแต่ O2 sensor ไม่มี ethanol sensor )
ปล ผมอาจจะเข้าใตผิดหมดเลยก็นะครับ มาแลกเปลี่ยนกัน
น้ำมันเบนซินต้องจ่าย 14.7:1 เพื่อให้ได้พลังงาน 10 (อันนี้สมมุติตัวเลขให้เข้าใจง่ายๆ) ส่วน E85 ต้องฉีดมากขึ้นถึงจะได้พลังงานเท่ากับเบนซิน ถ้าฉีดที่ 14.7:1 มันก็บางไปตามที่เจ้าของกระทู้เข้าใจ จึงต้องฉีดหนาขึ้น ส่วนผสมเลยเป็น 9.9:1
ส่วน ECU มันจะปรับค่าการจ่ายน้ำมันเป็นอย่างไร มันไม่ได้มาดูที่ค่า A/F Ratio แต่มันดูที่ค่าแลมด้า ที่ O2 Sensor ส่งข้อมูลมาต่างหาก ซึ่งค่าตัวนี้มันจะอ้างอิงกับ 14.7 นั้นแหละครับ จ่ายมากขึ้น หรือน้อยลง ต้องได้แลมด้าเท่ากับ 1 หรือใกล้เคียง (ในความเป็นจริงทำได้แค่ใกล้เคียง) อย่าลืมว่าสัญญาณที่ส่งออกมาจาก O2 Sensor นั้นเป็น 0-1 โวลต์ ไม่ได้เป็นตัวเลข a/f ratio ผมเลยอยากให้ลืมเรื่องนี้ไปก่อนเพราะเดี๋ยวมันจะตีกันเองซะเปล่าๆ ค่าแลมด้า 1 อาจจะเท่ากับ 14.7:1 น้อยกว่าหรือมากกว่าก็คงมีตารางการปรับแก้ที่ fix ค่ามาจากโรงงานแล้ว
ส่วนรถโรงงานที่มีแต่ O2 sensor แล้วบอกว่าเติม E85 ได้ แบบนี้ผมว่าไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ เพราะเติมผสมกันแบบนี้ ECU น่าจะอยากรู้ส่วนผสมว่ามี ethanol มากน้อยเพียงใด เพื่อปรับค่าไฟจุดระเบิดให้เหมาะสมกับเชื้อเพลิงที่ป้อนเข้าไป ไม่งั้นมันก็ไม่ต่างอะไรกับรถที่บอกว่าเติม E85 ได้ แต่เติมเข้าไปเฉยๆ ถามว่าเติมได้มั๊ย มันก็ขึ้นอยู่กับว่า ECU รถนั้นๆ สามารถปรับแก้ค่าได้ช่วงกว้างหรือแคบเท่าไหร่ ถ้าปรับแก้ได้แคบๆ ไฟเช็คเอนจิ้นก็จะโชว์ ปรับแก้ได้กว้างก็อาจจะไม่โชว์ เพราะสั่งจ่ายน้ำมันเพิ่มได้ เพื่อรักษาแลมด้าให้เท่ากับ 1 ส่วนการปรับองศาไฟจุดระเบิด ผมไม่แน่ใจนักว่า ECU มันจะปรับค่าไปด้วยได้หรือไม่ในกรณี ECU เดิมๆ ของรถ
ปล. จากความคิดผมล้วนๆ อย่าเชื่อก่อนจะได้ศึกษา
ปล. 2 ผมชอบกระทู้แนวนี้จัง มันทำให้ได้คิด ให้ต่อยอดความคิด ได้พัฒนาสมอง ^^
เรื่อง O2 sensor อ่านค่าเป็น lambda เนี่ย ผมก็งงตึ๊บเหมือนกันครับ
เพราะบางแหล่งบอกให้ดูจาก lambda แต่ทำไมจูนเน่อ ถึงดูจาก AFR (เพราะในตารางจูนเน่อ เห็นใช้แต่ค่า AFR ทั้งนั้น)
>>>> ข้ามไปอ่าน สีแดง ย่อหน้าสุดท้ายเลยก็ได้ครับ แล้วค่อยย้อนมาอ่าน ความเป็นมาเป็นไป ข้างบน เท่าที่ผมสรุปเอาเอง (เพิ่งไป google แล้วเอามาข้อมูลยำๆๆ ) ได้ประมาณนี้ครับ
ข้อมูลที่ O2 sensor อ่านได้ มันจะออกมาเป็นข้อมูลดิบๆเลย คือได้ออกมาเป็นหน่วย volt
แล้วที่นี้ มันจะเอาค่า volt ที่อ่านได้ ไปเทียบว่า volt เท่านี้นะ มันเท่ากับกี่ lambda
เช่น O2 sensor อ่านค่าดิบๆออกมาได้ 2.375 volt มันก็จะเอาค่า 2.375 volt ไปเทียบตารางดู ว่ามันเท่ากับกี่ lambda
(ของยี่ห้อนี้ 2.375 volt จะเท่ากับ 1.008 lambda ตามตารางในรูปครับ)
(ซึ่ง O2 sensor แต่ละยี่ห้อ ค่าที่ใช้ก็อาจจะไม่เท่ากัน
เช่น 2.375 volt ของ ยี่ห้อ A อาจจะเท่ากับ 1.008 lambda ,แต่ถ้าเป็น 2.375 volt ของยี่ห้อ B อาจจะเท่ากับ 1.100 lambda
นอกจากนี้ยังมีเรื่อง wide band O2 sensor กับ short band O2 sensor อีก
ซึ่งรุ่นที่ยกตัวอย่างในตารางนี้ เป็น wide band O2 sensor ครับ
จะเห็นว่า ค่า volt ที่มันอ่านได้เนี่ย มัน wide band สมชื่อเลย ก็คือ อ่านได้ตั้งแต่ 0 volt ไปจนถึง 4.250 volt)
http://www.performancetrucks.net/forums/tuning-diagnostics-electronics-wiring-161/equivalence-ratio-wideband-518559/ แล้วทีนี้ พอได้ค่า lambda ออกมาแล้ว มันจะแปลงค่า lambda ให้เป็น ค่า AFR ได้ยังไง ?
ก่อนอื่นต้องทราบก่อนว่า
น้ำมันแต่ละชนืดเนี่ย มันจะมี ค่าคงที่ อยู่ค่านึงครับ เรียกว่าค่า Stoichiometric AFR (แต่อย่าไปจำชื่อมันเลยครับ จำแค่ว่าเป็น "ค่าคงที่ของน้ำมันแต่ละชนิด" ก็แล้วกัน ง่ายดี )
ยกคัวอย่างเช่น (ดูจากตารางข้างล่างเลยครับ)
-น้ำมัน E0 (ซึ่งก็คือน้ำมันล้วนๆ ไม่มี ethanol ปน) จะมีค่าคงที่ เท่ากับ 14.7
-น้ำมัน E85 จะมีค่าคงที่ เท่ากับ 9.9
แล้วทีนี้ มันก็เอา "ค่า lambda" มาคูณกับ "ค่าคงที่ของน้ำมันแต่ละชนิด(ค่า Stoichiometric AFR) "
จากสูตร คำนวณ " Actual AFR = Lambda * Stoichiometric AFR "
ผลลัพธ์ที่ได้ ก็จะออกมาเป็น "ค่า AFR ที่แท้จริง ณ เวลานั้นๆ (actual AFR )" ครับ ตัวอย่างสุดท้ายรวบยอดเลยนะครับ เพื่อความเข้าใจ
สมมติว่า wide band O2 sensor รุ่นนั้น อ่านค่าดิบๆได้เท่ากับ 2.375 volt
ซึ่งพอเอาค่า 2.375 volt ไปเทียบกับตารางแล้ว มันได้เท่ากับ 1.008 lambda แล้วเราก็ใช้ค่า 1.008 lambda นี้ ไปแทนค่าในสูตร Hightlight จะอยู่ตรงนี้ครับ จากสูตร คำนวณ " Actual AFR = Lambda * Stoichiometric AFR "
-ถ้าเราใช้น้ำมัน E0 (ซึ่งค่าคงที่ของน้ำมัน E0 มันเท่ากับ 14.7 )
เพราะฉะนั้น ค่า actual AFR ณ ตอนนั้น จะเท่ากับ 1.008 * 14.7 = 14.8176 : 1 นั่นเอง ซึ่งเป็นค่า AFR ที่เหมาะสำหรับ น้ำมัน E0 -แต่ถ้าเราใช้น้ำมัน E85 (ซึ่งค่าคงที่ของน้ำมัน E0 มันเท่ากับ 9.9)
เพราะฉะนั้น ค่า actual AFR ณ ตอนนั้น จะเท่ากับ 1.008 * 9.9 = 9.9792 : 1 นั่นเอง ซึ่งเป็นค่า AFR ที่เหมะาสำหรับ น้ำมัน E85 สรุปก็คือ อย่าไปยึดกับ 14.7:1 (ในกรณีของ น้ำมัน E0) หรือ 9.9 :1 ( ในกรณีของน้ำมัน E85) เลย
ยึดติดกับค่า 1 lambda (คือ กี่ lambda ก็แล้วแต่ ) จะดีกว่า
คือ ถ้า ecu ของรถ มันยึดที่ค่า 1 lambda ซะก็หมดเรื่อง (แต่ก็ไม่ทราบเหมือนกัน ว่าจริงๆแล้ว มันยึดค่า lambda หรือค่าอะไรกันแน่ )
ทีนี้ไม่ว่าเติมน้ำมันอะไร ecu ก็ปรับการฉีดน้ำมันให้พอดี จนทำให้ค่าที่ O2 sensor มันอ่านได้ เท่ากับ 1 lambda (จะกี่ volt ก็แล้วแต่) แค่นี้ก็หมดเรื่องแล้ว
(คือถ้ายึดค่า AFR 14.7 : 1 มันก็จะดีสำหรับ น้ำมัน E0 ล้วนๆ เท่านั้น แต่กลายเป็นว่าบางเกินไป สำหรับ E85
แต่ถ้ายึดที่ 1 lambda ปุ๊ป - พอเติม E0 มันก็ปรับให้เข้าหา 1 lambda ของ EO ซึ่งก็คือ AFR = 14.7 :1 ซึ่งเป็นค่า AFR ที่เหมาะสม สำหรับ E0
- พอเติม E85 มันก็ปรับให้เข้าหา 1 lambda ของ E85 ซึ่งก็คือ AFR = 9.9 : 1 ซึ่งเป็นค่า AFR ที่เหมะาสม สำหรับ E85 อะไรทำนองนั้น )
อันนี้พูดถึงกรณีของรถบ้านๆ วิ่งในช่วง closed loop ไม่ได้จูน ปรับการฉีดน้ำมัน เพื่อให้ได้ AFR ค่าใดค่าหนึ่ง เพื่อเค้น perfomance นะครับ ปล ผมอาจจะเข้าใจผิดหมดเลยทั้งดุ้นก็ได้นะครับ อันนี้พูดจริงๆจากใจ ไม่ได้ประชด
ข้อมูลส่วนใหญ่ เอามาจากเว็บนี้ครับ
http://www.ultra-gauge.com/customer_support/knowledgebase.php?article=29