ผู้เขียน หัวข้อ: งบ1.5ล้าน ระหว่างD segmentมือ1กับPremium carมือ2  (อ่าน 9632 ครั้ง)

ออฟไลน์ Rock795

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 172
งบ1.5ล้าน ระหว่างD segmentมือ1กับPremium carมือ2
« เมื่อ: ตุลาคม 21, 2014, 18:32:35 »
เริ่มเรื่องเลยนะครับสมัยผมเรียนมหาลัยรถที่ผมใช้ก็จะใช้แต่hatchbackตอนนี้ผมจบมาได้ซักระยะนึงแล้วและผมก็ได้มาเริ่มงานที่บริษัทพ่อผม
โดยที่เป็นเซลล์วิ่งในกรุงเทพ-ชานเมืองและออกต่างจังหวัดบ้างโดยเฉลี่ยวันละประมาณ100กม.
แต่เรื่องมีอยู่ว่าพ่อผมเห็นรถที่ผมใช้มีแต่รถhatchbackซึ่งแต่ละคันนั้นผมก็จับแต่งแทบทุกคัน :P
ซึ่งพ่อผมบอกว่ามันไม่สุภาพและพ่อผมก็บอกว่ารถที่คนเป็นเซลล์เขาใช้กันส่วนใหญ่ต้องเป็นรถsedanหรือรถยนต์ที่ดูน่าเชื่อถือ
โดยพ่อผมให้งบมา1.5ล้านให้เลือกรถอะไรก็ได้แต่มีข้อแม้ว่าต้องเป็นรถsedanเท่านั้น
โดยรถที่ผมดูไว้ก็จะมี2ประเภทด้วยกัน
1.D segmentก็จะมีAccord2.4 Teana2.5ที่ไม่เอาCamryเพราะซ้ำกับพี่ชายผม
2.Premium carที่ผมดูไวก็จะมีอยู2ตัวเป็นW211 กับE60

ปล.ผมเป็นคนเท้าหนักไปหน่อยครับถ้าออกต่างจังหวัดหรือบนทางด่วน มอเตอร์เวย์ก็เหยียบประมาณ160-180ได้ครับ
02' 528 iA E39
10' 525ise E60
13' Swift  GLX
16' Fortuner 2.8V 4WD

ออฟไลน์ Zephyrs

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 915
Re: งบ1.5ล้าน ระหว่างD segmentมือ1กับPremium carมือ2
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2014, 18:36:08 »
E60 ตอนนี้แกว่งอยู่ราวๆ 1m บวกลบประมาณแสนนิดหน่อย เช่นเดียวกับ W211 แสดงว่ามีงบ 5 แสนในการบำรุง...

ถ้าวิ่งออกตจวบ่อยขนาดนั้น + รับมือค่าน้ำมันไหว + พอรู้จักช่างนอกศูนย์บ้าง ก็เล่นได้ครับ 5 แสนผมว่า(น่าจะ)เอาอยู่ (E60 ถ้าไม่เจอแจ็คพอตอย่างเกียร์หรือแอร์พังก็เอาอยู่
แต่ผมไม่แน่ใจ W211 ว่าจะจุกจิกระดับไหน..)

แต่ถ้าไม่รู้จักช่างนอกศูนย์... ผมว่า D-Seg น่าจะเอาอยู่มากกว่านะ

ออฟไลน์ burutrad

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,168
Re: งบ1.5ล้าน ระหว่างD segmentมือ1กับPremium carมือ2
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2014, 18:36:31 »
ใช้รถเยอะแนะนำรถญี่ปุ่นดีกว่าครับ

ออฟไลน์ CJ.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,944
Re: งบ1.5ล้าน ระหว่างD segmentมือ1กับPremium carมือ2
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2014, 19:47:53 »
D-seg ป้ายแดงครับ มีเงินทอน ไม่ต้องกังวลหรือรับภาระหนักเบาต่างๆด้วยครับ
2005 Jaguar XJ Super V8
2005 Mercedes-Benz C230 Kom. Sports Coupe
2011 Aston Martin DBS
2013 Jaguar XJL 5.0 V8 Portfolio
2017 Lexus RX200t Premium
2019 Honda CR-V 2.4S
2019 Bentley Continental GT W12
2021 Lexus IS300h Luxury
2021 Mercedes-Benz GLE 350de 4MATIC Exclusive
2021 Porsche 911 Carrera S

ออฟไลน์ @MIN

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 475
  • Life is beautiful
Re: งบ1.5ล้าน ระหว่างD segmentมือ1กับPremium carมือ2
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2014, 19:56:29 »
ตามโจทย์ที่ให้มา  ถ้าเป็นผม เลือก accord 2.4 ครับ   รถใหม่ ใช้ยาว 5 ปี สบายๆ

รถมือสอง ภายนอกอาจดูดี แต่ไม่รู้ว่าเครื่องหลวมหรือเปล่าครับ  เพราะต้องใช้สักพักนึง ถึงจะรู้ครับ
เพื่อนผม ใช้ e39 เคยเครื่อง heat จนควันขึ้น .. แล้วใช้ไปสักพัก สรุปเครื่องหลวม กินน้ำมันเครื่อง ... มันขายทิ้งเลย  ใครได้ไปโคตะระซวย .. ต้องไป overhaul ใหม่หมด

ถ้าจะเล่น มือสอง ให้ดูว่ามี book service หรือเปล่า... 
ถ้ามี เอาทะเบียนรถ ไปเช็คกับศูนย์ ดูว่า เคยซ่อมมา มากน้อยแค่ไหน ...
แต่ถ้าไม่มี .. ไม่ควรซื้อครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 21, 2014, 20:01:31 โดย benzmylove »
I have enough of making money. Now I want to make time.

ออฟไลน์ View

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,889
  • -SIXFLOOR-
    • อีเมล์
Re: งบ1.5ล้าน ระหว่างD segmentมือ1กับPremium carมือ2
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2014, 20:02:50 »
-E60 ตัวนี้ยังไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ ภาพรวมมันยังไม่ค่อยโอ
-W211 เหมือนเคยได้ยินว่าปัญหาเยอะ ไม่รู้นะครับเท็จจริงอย่างไร แค่เคยได้ยินมาหนะครับ
-Accord 2.4 ตัวนี้สมรรถนะ OK ประหยัดที่สุดในกลุ่ม พวงมาลัยเบาไปนิดหน่อย นั่งค่อนข้างสบายเลยทีเดียว ตัวนี้น่าสนครับ ศูนย์ดีด้วย
-Teana 2.5 ตัวนี้สมรรถนะดีครับ ช่วงล่าง OK พวงมาลัยน้ำหนักกำลังดี แต่กินน้ำมันอยู่ดี ศูนย์เยอะอยู่ครับ

ในความคิดเห็นของผมๆเล็ง Accord 2.4 กะ Teana 2.5 ครับผม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 21, 2014, 20:04:30 โดย View »
2013 Honda City 1.5V
2013 Chevrolet Trailblazer 2.8 LTZ 4WD

ออฟไลน์ choomodify

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,634
Re: งบ1.5ล้าน ระหว่างD segmentมือ1กับPremium carมือ2
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2014, 20:05:07 »
D SEG ป้ายแดงไปก่อนเลยครับ รอให้โตกว่านี้ ความรับผิดชอบมากกว่านี้ ค่อยซื้อ Premium ใหม่ๆ มาขับก็ยังไม่สาย ตามนี้เลยนะค้าบบบบ

ออฟไลน์ peterW

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 580
Re: งบ1.5ล้าน ระหว่างD segmentมือ1กับPremium carมือ2
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2014, 20:49:51 »
ถ้าคุณ ชอบอันไหน ก็เลือกอันนั้นเลยครับ  

1. ถ้าเลือกซื้อรถเยอรมันมือสอง (รถยุโรปชาติอื่นไม่น่าเลือกครับ) ก็ต้องรับความเสี่ยงหน่อย แต่ใช้สักสองปี ก็ไม่ขาดทุนเยอะ
เช่น W211 ใช้ 1 ปี ก็คงไม่ขาดทุนเท่าไร  ใช้ 2 ปี อย่างมากก็ 200,000 บาท หรือ น้อยกว่านั้น เพราะ มันตกมากแล้ว
แต่ W211, W203, W220 เป็นรถที่ไม่ทน และ อะไหล่แพงมาก  ส่วน W204,W212, W221 ทนกว่า อะไหล่ถูกกว่า เป็นต้น
ข้อเสียสุดๆ  โชคดี ก็ได้คันที่ดี  อาจจะไม่ต้องซ่อมเลย  เพื่อนผม ซื้อ BMW E60 มา แรกๆ ก็โดนค่าซ่อมไป 60,000 บาท แต่หลังจากนั้น ใช้ไป 2-3 ปี ก็แทบไม่ได้ซ่อมเลย  แต่ถ้าโชคร้าย  เจอคันซ่อมตลอด ก็เซ็งเหมือนกัน

รถเยอรมัน มือสอง ปีใหม่ๆ ที่สภาพดี  ยังไง ผมว่า ก็ยังขับดีกว่า รถญี่ปุ่น D-Segment ป้ายแดง
ไม่เคยเชื่อใครเลยว่า รถญี่ปุ่น จะขับดีเท่า
และ ถ้าพูดถึง ภาพพจน์ รถเยอรมันมือสอง ปีใหม่ คนอื่นๆ ก็ยังดูว่ามันสูงกว่ารถญี่ปุ่นป้ายแดง
แต่ถ้าถามว่า ใครขับสบายกว่า อันนี้ซิ รถญี่ปุ่นมีส่วนครับ
รถเยอรมัน ตอนซื้อ อยากได้ มากกว่า รถญี่ปุ่น
พอใช้ไปซักพัก สลับกับรถญี่ปุ่น รู้สึก อยากขับรถญี่ปุ่นมากกว่า

สำหรับ รถยุโรป ต้องทำใจไว้นะครับ  ไม่ว่ารถใหม่ หรือ มือสอง เพราะ ชิ้นส่วนในรถมันเยอะ และ ออกแบบซับซ้อนมากกว่ารถญี่ปุ่น จึงมีโอกาสเสียมากกว่า แต่แลกมาด้วยการขับขี่ที่ดีกว่า

2. ถ้าเลือกซื้อ รถญี่ปุ่นป้ายแดง D-SEG ต้องใช้สัก 4 ปี ถึงเริ่มคุ้ม เพราะ ปีแรก กับ ปีที่สอง จะขาย ขาดทุนอย่างน้อย 3-4 แสนขึ้นไป เช่น
แคมรี่ แอคคอร์ด เทียน่า 2.0 ราคา 1,300,000 บาท ใช้ 1 หรือ 2 ปี ไม่ชอบ จะขาย ก็ต้องขายที่ราคา 900,000-1,000,000 บาท ไม่งั้นใครจะซื้อ
ถ้าใช้ 4 ปี ก็จะเหลือ 700,000 - 800,000 บาท  ( 2.0 ขาดทุนไป 600,000 บาท )
ส่วน รุ่น 2.4 หรือ 2.5 เวลาซื้อ ซื้อมา 1,5000,000-1,800,000 บาท (แตกต่างกัน 200,000-500,000 บาท) แต่เวลาใช้ไป 4 ปี ราคาขาย จะสูงกว่า 2.0 ไม่เกิน 100,000 บาท หรือ อาจแค่ 30,000 บาทเอง ตอนซื้อแตกต่างกันเยอะมาก  ตอนขาย แตกต่างกันไม่มาก (รุ่น 2.4 หรือ 2.5 ขาดทุนไปถึง 800,000-1,000,000 บาท)

เอาเงินที่ขาดทุน มาเช่ารถแทนพอไหมเนี่ย  ถ้าพอก็ดีนะ จะได้เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ประกันก็ไม่ต้องเสีย Maintainance ก็ไม่ต้องเสีย เบื่อก็เปลี่ยนรุ่นไปเรื่อยๆ

ถ้าเป็นคนมีเงิน หาเงินได้อยู่เรื่อยๆ เรื่องขาดทุนเยอะ ก็คงไม่ต้องไปสนใจครับ เพราะ หาเงินได้ง่ายมาก อยากเปลี่ยนรถเมื่อไร ก็เปลี่ยน ไม่คิดมาก เต็นท์ตีเท่าไรก็เอาไปเลย

เดี๋ยวนี้ เทรนซื้อรถมือสอง ไม่ว่าจะรถอะไร  คน Generation นี้ เค้าไม่เอาแล้ว ไม่เหมือนสมัยก่อน ยังมีการเลือกว่า จะเอารถยุโรปมือสอง หรือ ญี่ปุ่นป้ายแดงดี
เขาเลือก รถป้ายแดง เท่านั้น ไม่ต้องซ่อม  ซื้อแบบ ซื้อมือถือ samsung iphone  หมดประกัน หรือ เสียต้องซ่อมเกิน 50,000 บาท หรือ ออกรุ่นใหม่ ซื้อใหม่เลย
จะขาดทุนหลายแสนก็ไม่ว่า
แต่ขอ ห้ามซ่อม  เลยแม้แต่นิดเดียว จะอยู่ในประกันซ่อมฟรี หรือ เพิ่งหมดประกันห้าง  
ถ้ายังอยู่ในประกันซ่อมห้าง แล้วมีซ่อมเกิน 2 ครั้ง ไม่หาย ก็จะเอามาประจานในเว็ปทันที
เทรนฮิตเลย

รถญี่ปุ่น ป้ายแดง ไม่ใช่ว่า จะไม่มีซ่อม 100% เหมือนหลายคนคาดหวังนะครับ
ทั้ง  Accord  และ  Teana  ก็มีคนซื้อได้ไม่ถึงเดือน จึงเคสหนักๆ ถึงขนาด ขอเปลี่ยนรถ หรือ ขอคืนเงิน  ก็มีมาแล้วนะครับ
อย่าคาดหวังอะไรมากเกินไป  เพียงแต่ว่า ความเสี่ยงยังต่ำอยู่

ดังนั้น จขกท จะถามเว็ปไหน  99.99%  ผมว่า เขาตอบ รถใหม่ทั้งนั้น แบบไม่ต้องคิดมาก  รวมทั้ง ผม ด้วย  5555

ปล.  ขับเร็ว ก็คงต้องเลือก Teana 2.5 (แต่ในความคิดผม ผมว่า มันไม่สวยเลย ทั้งภายในและภายนอก  ถือซักว่า เอาขับดีเป็นหลัก)
แต่ผมเลือก Accord เพราะ 1.E85  2.ความสวย  ขับดีพอไปวัดไปวาได้ (ขับไม่ค่อยเกิน 140km) ขับไม่ได้แย่ถึงขนาดขับเท่า C-Segment ( ซื้อรถคันเป็นล้าน แต่ขี้เหนียวค่าน้ำมัน 5555 )

สุดท้ายละ  ถ้าขับที่ความเร็ว 160-170 km/h  แช่เป็นเวลา 2 นาทีขึ้นไป บ่อยๆ  รถญี่ปุ่น D-Segment จะขับแล้ว เกร็งเหนือยเครียดไหม  ผมก็ไม่เคยลองนะ  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 21, 2014, 22:42:18 โดย peterW »

ออฟไลน์ Highway Star

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,930
Re: งบ1.5ล้าน ระหว่างD segmentมือ1กับPremium carมือ2
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2014, 21:22:48 »
ถ้าจขกท ดูรถมือสองเป็นรู้แหล่งอะไหล่มีอู่ประจำซื้อยุโรปก็ได้ แต่ถ้าดูรถมือสองไม่เป็นเอะอะอะไรเข้าศูนย์อย่างเดียวซื้อญี่ปุ่นป้ายแดงดีกว่าครับ ไม่จุกจิก

ออฟไลน์ AkE

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,398
Re: งบ1.5ล้าน ระหว่างD segmentมือ1กับPremium carมือ2
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2014, 21:31:08 »
Accord 2.4 ตัวล่างน่าสนนะคับแต่จิงๆผมแนะนำ 2.0 ก้พอ 2.4 ตัวนี้แทบจะหนี 2.0 ไม่ออกนะคับ ประหยัดได้ 2 แสนเลยแต่ถ้าอยากได้ paddle shift, ไฟ LED, Lane watch ก้เอา 2.4คับ

ออฟไลน์ Pat.Lee

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 961
Re: งบ1.5ล้าน ระหว่างD segmentมือ1กับPremium carมือ2
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2014, 22:04:22 »
ขอเกินงบนิดนึง Honda Accord Hybrid 1.659 ล้านบาท แรงทันใจแน่ๆ ครับ ส่วนอีกคันก็ Teana 2.5 XV นอกคอกหน่อยก็ CX-5 2.5S พอดีผมเห็นเซลก็ใช้ SUV เหมือนกันนะครับ

ส่วนยุโรปมือสองถ้าไม่เก่งเรื่องรถจริงๆ อย่าใช้เลยครับเกรงว่าจะทำเสียงานได้เนื่องจากรถเสีย แต่ถ้าอยากลองผมว่า BMW 320d E90 น่าจะเสี่ยงน้อยครับเพราะว่ารถจะเพิ่งหมด BSI ดังนั้นประวัติการซ่อมบำรุงก็น่าจะเข้าศูนย์มาเรื่อยๆ และเครื่องดีเซลวิ่งเยอะๆ ประหยัดน้ำมันดี
ปล. บางคันยังไม่หมด BSI ราคาไม่ถึง 1.5 ล้านก็มีนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 21, 2014, 22:14:21 โดย Pat.Lee »

ออฟไลน์ aobness

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 693
Re: งบ1.5ล้าน ระหว่างD segmentมือ1กับPremium carมือ2
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2014, 22:25:41 »
เลือก D segment มือ1 ครับ
premium ข้างต้นผมว่าไม่ได้ดูน่าเล่นหรือหรูหราอะไรมากมาย( อาจเพราะรุ้ราคา )
แถมต้องมาปวดหัวกับการซ่อมถ้าเรามีเรียนหรือมีงานทำไม่สนุกแน่กับการยืมรถคนอื่นบ่อยๆ
คหสต นะคร้าบ

ออฟไลน์ Monn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,805
Re: งบ1.5ล้าน ระหว่างD segmentมือ1กับPremium carมือ2
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2014, 22:52:49 »
ผมมองงี้ ในฐานะ ที่แต่งรถมาด้วย ผมว่าคงพอรู้เรื่องรถบ้าง และน่าจะหาอู่นอกได้ไม่ยากมากสมัยนี้ google เพจคลับต่างๆ มากมาย
ยิ่งวิ่ง ตจว. เยอะ และขับรถเร็วขนาด 160-180  บอกตรง premium car ถึงจะมือสอง จะตอบสนองคุณได้มากกว่า การขับ premium กับ d-segment ต่างกันนะครับ ผมใช้มาแล้ว ทั้งคู่ บอกเลย ยิ่งเดิมๆ ยิ่งชัดเจน ใครจะเถียงยังไง ก็ตาม แต่สำหรับผม พอเกิน 140 ไป มันต่างชัดเจน แบบไม่ต้องเอาอะไรมาวัด ยิ่งเร็ว ยิ่งต้องมั่นใจ ยิ่งต้องปลอดภัย ไม่ใช่ว่า d-segment จะไม่ดี แต่ต้องยอมรับ premium car มันดีกว่าจริงๆ ครับ

1.5 ล้าน E60 สบายเลย  ล่าสุดมีคนในคลับ เพิ่งเอาไปลง เครื่อง 550i น้องๆ m5 งบไม่เกิน 5 แสน แทบลอกคราบ E60 เหลือแต่โครง ตัวรถตอนนี้ หาดีๆ ไม่เกินล้าน จับโมสุดๆ ไม่เกิน 5 แสน ใช้นานๆ 5 ปี ผมว่า สบายนะ
S3 - F30
X1 - E84

ออฟไลน์ mrpich

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,194
  • เฮ้อ...อยากจะเหมาทั้งวง
Re: งบ1.5ล้าน ระหว่างD segmentมือ1กับPremium carมือ2
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2014, 04:18:39 »
ถ้ารับได้กับการซ่อมจุกๆจิกๆอยู่เรื่อยๆ มีเวลาพอ มีรถสำรองใช้และมีอู่ประจำสำหรับซ่อม benz หรือ bmw อยู่แล้ว เลือกทางนี้เลย ขับดีกว่าเทห์ด้วย
แต่ถ้าไม่มีอู่ ไม่มีรถใช้ระหว่าซ่อม ไม่มีเวลาดูแลมัน
ไปรถใหม่ป้ายแดงดีกว่าครับ accord กะ teana รุ่นใหม่ๆก็ขับดีมากแล้วครับ
ถูกใจฮโยยอน-ปลื้มซูยอง-ชื่นชมเจสสิก้า-คิดถึงยูริ-แอบปิ๊งยูนอา-ชอบซอฮยอน-ใฝ่ฝันซันนี่-หลงไหลแทยอน-สุดรักทิฟฟานี่

ออฟไลน์ Poj

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 349
Re: งบ1.5ล้าน ระหว่างD segmentมือ1กับPremium carมือ2
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2014, 07:01:20 »
งบขนาดนี้ มือ 1 เท่านั้นครับ

มือสอง ได้รถไม่ดีมา เสียใจไปหลายปี

ออฟไลน์ yod artstu

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,156
Re: งบ1.5ล้าน ระหว่างD segmentมือ1กับPremium carมือ2
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2014, 08:01:37 »
bmw E60 ที่ปล่อยๆกันอยู่ มีหลายคันเกียร์ใกล้ลาโลกแล้วครับ
อย่าเอาเลยครับ เพราะคันนี้วิ่งงานเป็นหลัก เดี๋ยวรถเสีย
งานจะเสียครับ
เอา D Seg ป้ายแดง ถึงขับไม่ดีเท่า แต่มั่นใจว่าไม่เสียงานแน่ๆ ไม่ผิดนัดลูกค้า
ยังไงก็แต่งช่วงล่าง เปลี่ยนยางดีๆ ผ้าเบรกครับ น่าจะพอช่วยได้บ้างเล็กน้อย
รถเก่า ซื้อมายังไงก็ต้องซ่อมบ่อย
BMW อายุมากๆนี่ถ้าเจ้าของเดิมไม่เปลี่ยนอะไหล่มาดีๆ นี่แจ๊คพอตแตกเกิดเครื่องพัง เกียร์เสียนี่
ยาวเลยครับ ทะลุงบซ่อม

ส่วนตัวขับ camry HV ตัวที่แล้วเดิมๆ ช่วงล่างยังไงก็สู้คุณปู่ E34 ไม่ได้เลย
แต่เรื่องบำรุงรักษานี่คนละเรื่อง :)
: )

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
Re: งบ1.5ล้าน ระหว่างD segmentมือ1กับPremium carมือ2
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2014, 08:49:18 »
ถ้าเป็นผม

ผมคงต้องถามตัวเองก่อนว่ารู้เรื่องรถ ดูรถมือสอง เป็นแค่ไหน

รถมันก็เป็นวัตถุที่เป็นผลพวงจากการออกแบบของมนุษย์ เก่าไปก็มีเสื่อม มีเสียตามเวลาบางคันซ่อมแพงกว่าตอนซื้อมาก็มี รถพวกที่เห็นสภาพใหม่ ๆ จอดในเตนท์ ผมเคยไปดูรถให้คนรู้จัก กว่า 50% มีทั้งรถชนหนัก ตัดหัว เคร่ื่องหลวม ตัวถังเบี้ยว ถ้าไปซื้อมาจะให้ใช้ดี ๆก็ซ่อมอย่างเดียวแน่ ๆ อีก 30% ก็อยู่ในสภาพพอขับได้วิ่งได้ อีกไม่นานก็เสีย สภาพดี ๆ พร้อมใช้ เอาไปขับสบายใจ มีน้อยมากจริง ๆ

มันมีครับ รถเก่าบางคันใช้ไป 10 ปีไม่เคยซ่อมก็มี แต่รถป้ายแดงเคลมศูนย์เป็นปีก็ไม่หาย รถดี ๆ เจ้าของเก่าไม่เดือดร้อนเงิน จะรีบขายเตนท์ไปทำไม ? จอดขายหน้าบ้านติดป้ายขายดีกว่า คนไทยคิดเป็นเปอร์เซนต์ไม่เกิน 20% ที่ขายรถสภาพดี ๆ ไม่เคยชน พร้อมใช้ ไม่ต้องซ่อม แล้วจะเปลี่ยนรถป้ายแดงเล่น ๆ

ดังนั้นเนี่ย รถยุโรปคันละ 3-4 ล้าน ขายเหลือคันละ 1 ล้าน สภาพดี ๆ  ใช้แค่ปีสองปี ถ้ามีจริง ๆ ก็ต้องรีบเอามาใช้ครับ เพราะมันน้อยมาก เจ้าของเบื่ออยากเปลี่ยนรถ เงินเหลือใช้ มันมีน้อยกว่าพวกผ่อนไม่หมดซ่อมไม่ไหวขายทิ้งดีกว่าแน่ ๆ ถึงรถยุโรปจะไม่ได้ซ่อมยากอะไร แต่เวลาหาอู่รู้ใจ หาอะไหล่ราคาถูกมันก็ยากกว่ารถตลาดอย่าง Camry Accord แน่ ๆ

ถ้าตอบตัวเองได้ว่ารับการซ่อมแซมรถมือสองได้แน่นอน ค่อยไปซื้อมือสองมาใช้ครับ ถ้าไม่แน่ใจซื้อมือหนึ่งมีรับประกันก้มหน้าก้มตาใช้รถซ่อมง่าย ๆ ต่อไปดีกว่าครับ

ออฟไลน์ muza

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 849
    • อีเมล์
Re: งบ1.5ล้าน ระหว่างD segmentมือ1กับPremium carมือ2
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2014, 09:41:08 »
ซื้อรถใหม่
ทำ leasing หัก คชจ ให้ บริษัท คุณพ่อเถอะครับ
^^"

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,635
Re: งบ1.5ล้าน ระหว่างD segmentมือ1กับPremium carมือ2
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2014, 09:44:43 »
รถยุโรปมือ 2 ไม่น่าเล่น    คนที่เล่นรถยุโรปส่วนใหญ่มักเป็นเจ้าของกิจการมากกว่าคนทำงานกินเงินเดือน   หรือรถยุโรปคันนั้นเป็นรถประจำตำแหน่ง  มีการซ่อมตามระยะพอหมดประกันอายุรถ 4-5 ปีก็ขายออกไป     คนซื้อมือ 2 ถ้าได้ของดีก็ไดดีไปแต่ก็ต้องรับสภาพได้ว่าต้องมีเก็บซ่อมและถึงเวลาซ่อมมันจะแพงกว่ารถญี่ปุ่นทุกรายการ     แม้กระทั่งการหาอู่ที่รู้ใจเรากับใจรถนี่ โดนกันมาเยอะแล้วสำหรับรถยุโรป ซ่อมถูกของเค้าไม่ถูกของเรา   อีกทั้งรถยุโรปมักจอดอู่มากกว่า 1 วัน คราวถึงเวลาซ่อม   เวลาตรงนั้นในการวิ่งหาลูกค้าสำหรับอาชีพเซลของคุณน่าจะสำคัญกว่าการเล่นรถยุโรป  
ผมเจอลูกค้าที่ซื้อรถยุโรปมือ 2 มาหลายคนแล้ว  เวลาซ่อมมันต้องจ่ายแพง แล้วมักจ่ายไม่ถึง  จ่ายถึงจริงก็เสียดายเงินเปล่า       เลยไม่อยากให้เล่นรถยุโรปมือ 2 ปล่อยไปตามยถากรรมของตัวมันเองตามตลาด

 ถ้ากรณีนี้ผมอยากให้เล่นป้ายแดงดีกว่า เพราะรถใช้เยอะ รถญี่ปุ่นดีกว่า ซ่อมสบายใจ  เช็คระยะไว  ทำงานเป็นเซลด้วย ภาพลักษณ์รถญี่ปุ่นระดับนี้ถือว่าดีมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปหายุโรปมือ 2 มาเล่น  ปวดหัวเปล่า

ออฟไลน์ 5ume7h

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 887
Re: งบ1.5ล้าน ระหว่างD segmentมือ1กับPremium carมือ2
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2014, 10:37:32 »
D-Segment ญี่ปุ่นมือหนึ่งครับ

Premium Car มือสอง ค่าซ่อมไม่ได้มือสองตาม

ออฟไลน์ BhuBhu

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 214
Re: งบ1.5ล้าน ระหว่างD segmentมือ1กับPremium carมือ2
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2014, 10:43:31 »
งบ 1.5 ล้าน ถ้าจะนำไปหักค่าใช้จ่ายกับบริษัท แนะนำรถ D Seg ครับ

แต่ถ้าพ่อบอกให้เงิน 1.5 ล้าน ไปเลือกเอง ค่าซ่อมเบิกได้
W211 minor change  ปี 2007 ทั้ง  ดีเซล และ NGV น่าสนใจทั้งนั้น แต่ที่สำคัญต้องมีอู่ที่ไว้ใจได้


ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,635
Re: งบ1.5ล้าน ระหว่างD segmentมือ1กับPremium carมือ2
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2014, 11:03:43 »
งบ 1.5 ล้าน ถ้าจะนำไปหักค่าใช้จ่ายกับบริษัท แนะนำรถ D Seg ครับ

แต่ถ้าพ่อบอกให้เงิน 1.5 ล้าน ไปเลือกเอง ค่าซ่อมเบิกได้
W211 minor change  ปี 2007 ทั้ง  ดีเซล และ NGV น่าสนใจทั้งนั้น แต่ที่สำคัญต้องมีอู่ที่ไว้ใจได้


  ถ้าค่าซ่อมเบิกได้หมดแบบนั้นผมเลือกเข้าศูนย์  เปลี่ยนทุกรายการรตามระยะสบายใจกว่าครับ   ผมเคยทำแบบนี้กับรถวอลโว่ของบริษัท   มันใช้ได้สบายใจจริง ๆ นะครับ    เรื่องเงินไม่เกี่ยวเพราะไม่ใช่เงินเรา 

แต่ถ้าต้องเป็นเจ้าของรถเองแล้วต้องจ่ายเงินเองเพื่อนำไปซ่อมรถ   ยังไงผมก็ตัดรถยุโรปทิ้ง  เพราะถ้าซ่อมไม่ถึงไม่เปลี่ยนอะไหล่ตามระยะ ไม่ค่อยดีแน่   อีกทั้งไม่มีรถสำรองใช้นี้กลุ้มเพราะรถยุโรปซ่อมใหญ่ไม่ได้มีแค่วันเดียวเสร็จ     

ออฟไลน์ HYDE--

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,643
    • อีเมล์
Re: งบ1.5ล้าน ระหว่างD segmentมือ1กับPremium carมือ2
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2014, 11:39:02 »
ถ้าวิ่งเฉลี่ย วันละ 100 โล ผมกลับมองว่า มันไม่ได้เยอะเลยนะ
ตอนผมเรียนมหาลัย มีเพื่อนผม ใช้รถยุโรป ขับไปกลับ ธรรมศาสตร์รังสิต - พระราม 2 วันละ 150 โลเยอะแยะไป
ในทางกลับกัน ผมกลับมองว่า คนที่ใช้รถน้อยๆ ไม่ค่อยได้ไปไหน คลานอยู่แต่ในเมือง ไม่เหมาะที่จะซื้อรถดีๆเท่าไหร่ครับ

สรุป ถ้าเบิกค่าซ่อมได้ จัด E60 ไปครับ เพราะผมมองว่า ถ้าเอา W211 หน้าตาเดิมๆ มาขับมุดๆ มันจะดูไม่งามครับ

แต่ถ้าเบิกไม่ได้ ก็เอา ป้ายแดง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 22, 2014, 13:32:56 โดย HYDE-- »

ออฟไลน์ jojow

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 938
Re: งบ1.5ล้าน ระหว่างD segmentมือ1กับPremium carมือ2
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2014, 13:03:08 »
ตอบในฐานะคนใช้ E60 525ise M54 นะคับ

ใช้มา 10 ปีแล้ว กับอีก 6 เดือน

ที่เพื่อนสมาชิกมาบอกว่า น่าเป็นห่วง ในทางกลับกัน
ผมกับมองว่า ถ้ารู้จักมันสักหน่อย ซ่อมได้ทั้งคันแล้วนะคับ ยกเว้นพวกสมอง

อย่างแอร์ เปลี่ยนทั้งระบบ ไม่หนักนะคับ ผมเปลี่ยนมาแล้วเพราะตอนออกศูนย์เย็นช้า
ใช้ไปสักพัก อยากให้เย็นเร็วแบบรถญี่ปุ่น ผมก็ไปเปลี่ยนมาแล้วทั้งระบบ ที่แถวถนนเพชรเกษม ตั้งแต่ปี 2008 จนปัจจุบัน ยังไม่ได้ซ่อมอะไรอีก
(ที่เปลี่ยนเอง เพราะรถผมไม่มี BSI นะคับ ซื้อล็อตแรก เค้าไม่แถม - -" )

อย่างแร็คพวงมาลัย ที่เสีย เปลี่ยนกับศูนย์ ราคาจำเป๊ะๆไม่ได้ จำได้ประมาณ 13x,xxx บาท ยังไม่รวมค่าแรงใส่
ข้างนอกก็มีอะไหล่ครบทุกตัวเหมือนกันแล้ว ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งระบบด้วยซ้ำ (ราคาห่างกันประมาณครึ่งนึง)

ส่วนเกียร์ของผมยังดีอยู่ เพราะเปลี่ยนน้ำมันและแคล้งค์เกียร์ทุก4หมื่นโล ปัจจุบัน ยังไม่มีปัญหา ตอนนี้วิ่ง 15x,xxx กม.แล้ว

พวกอะไหล่ บู๊ท ปีกนก ช่วงล่าง ผ้าเบรค จานเบรค สายไฟเตือน ปะเก็น อะไหล่ต่างๆ อะไหล่มีทุกตัวคับ ไม่ต้องเป็นห่วง

เพียงแค่ทั้งหมดต้องเข้าใจและรู้จักอู่ที่ไว้ใจได้ หรือถ้าไม่แคร์หรือไม่รูจักอู่ ก็ศูนย์คับ แต่ราคาจะแพงหน่อย

ตอบมาตั้งเยอะ ไม่ทราบว่าประโยชน์กับเจ้าของกระทู้บางหรือเปล่า^^
2002 BENZ W220 S280 ,2002 PEUGEOT 406 D9
2004 BMW E60 525ISE ,2011 NISSAN 370Z
2011 BMW F10 525d ,2012 BMW F10 520i
2012 MAZDA BT-50PRO DBL 2.2 ,2015 TOYOTA ALPHARD SC PACKAGE
2015 PORSCHE CAYENNE S E-HYBRID ,2017 PORSCHE 718 CAYMAN S
2017 VOLVO S90D4 POLESTAR
2020 TOYOTA CROSS
2021 TESLA MODEL3

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,846
  • *** HLM.COM ***
Re: งบ1.5ล้าน ระหว่างD segmentมือ1กับPremium carมือ2
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2014, 14:50:25 »
ถ้ามีอู่ซ่อม งบซ่อมเหลือๆ ไป E60 ครับ

ถ้าเอาสบายๆใจ D segment

ออฟไลน์ Life is a Highway

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,334
  • My Way or The Highway
Re: งบ1.5ล้าน ระหว่างD segmentมือ1กับPremium carมือ2
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2014, 15:22:38 »
รถมือ2สภาพเยี้ยม มันคุ้มกว่ามากๆ แน่นอนแนะนำW211 facelift 

ออฟไลน์ Rock795

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 172
Re: งบ1.5ล้าน ระหว่างD segmentมือ1กับPremium carมือ2
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2014, 16:02:23 »
ขอบคุณมากครับสำหรับทุกๆความคิดเห็น :D
ตอบนี้ผมเอียงๆไปทางe60แล้วครับเพราะว่าแถวบ้านผมมีอยู่รถยุโรปอยู่อู่หนึ่งและผมก็รู้จักกับเขา
ส่วนรถสำรองตอนนี้ผมมีswifกับjazz geเป็นสำรองอยู่ครับ
ว่าแต่ถ้าเล่นe60เล่นรุ่นไหนดีครับระหว่าง520i 520d 523i 525i 525iSE
02' 528 iA E39
10' 525ise E60
13' Swift  GLX
16' Fortuner 2.8V 4WD

ออฟไลน์ Monn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,805
Re: งบ1.5ล้าน ระหว่างD segmentมือ1กับPremium carมือ2
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2014, 17:22:05 »
ขอบคุณมากครับสำหรับทุกๆความคิดเห็น :D
ตอบนี้ผมเอียงๆไปทางe60แล้วครับเพราะว่าแถวบ้านผมมีอยู่รถยุโรปอยู่อู่หนึ่งและผมก็รู้จักกับเขา
ส่วนรถสำรองตอนนี้ผมมีswifกับjazz geเป็นสำรองอยู่ครับ
ว่าแต่ถ้าเล่นe60เล่นรุ่นไหนดีครับระหว่าง520i 520d 523i 525i 525iSE

มือสองแล้ว เป็นผม เอารุ่นท๊อปครับ ราคาห่างกันไม่มาก อุปกรณ์ครบกว่า อาจจะจุกจิกมากขึ้นจากอุปกรณ์ แต่บางที สำหรับผมนะ มีมันดีกว่าขาดหนะครับ  525iSE ครับ  ส่วนตัวผมไม่ชอบดีเซล ถึงจะประหยัดน้ำมันกว่า แต่เบนซิน BM เวลาขับมันสนุกกว่าอย่างชัดเจนครับ 

ปล. ที่บ้านมีทั้งเบนซินและดีเซลรุ่นใหม่ของ BM ให้เทียบ เลยกล้าบอก ชอบเบนซินมากกว่าครับ
S3 - F30
X1 - E84

ออฟไลน์ HYDE--

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,643
    • อีเมล์
Re: งบ1.5ล้าน ระหว่างD segmentมือ1กับPremium carมือ2
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2014, 17:37:21 »
520d
520d M-sport
525i SE
530i SE

ออฟไลน์ BrownCony

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 682
Re: งบ1.5ล้าน ระหว่างD segmentมือ1กับPremium carมือ2
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2014, 18:02:40 »
ตัวอย่างค่าซ่อมบำรุงบางส่วน
ถ้ารับไหวก็ E60 ครับ