ผู้เขียน หัวข้อ: [Question]เรื่องการเติมน้ำมันครับ!!!(ซ้ำหรือเปล่าครับถ้าซ้ำต้องขอโทษด้วยครับ)  (อ่าน 6035 ครั้ง)

ออฟไลน์ Dr.Shank

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 616
ผมเคยสงสัยกว่าถ้าผมเติมน้ำมัน

1.เบนซิล 95(ซึ่งตจว. มักไม่ค่อยมีแล้ว!!)

2.เบนซิล 91

3.แก๊สโซฮอล์ 95

4.แก๊สโซฮออล์ 91

ในจำนวนเงินที่เท่าๆกันเช่น เติม 1000 บาท ซึ่งจำนวนลิตรที่ได้ก็จะแตกต่างกันเพราะเนื่องจากราคาต่อลิตรที่ไม่เท่ากันนั้น

คือผมอยากรู้ว่า อันไหนจะประหยัดที่สุดอะครับ(คำถามอาจดูโง่ไปหน่อยนะครับแต่ผมสงสัยจริงๆ)

ขอบคุณล่วงหน้าครับ :)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 04, 2010, 00:21:14 โดย premed »
..

ออฟไลน์ Dr.Shank

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 616
โทษนะครับเพิ่มอีก2ชนิดคือ

5. E20
6. E85


..

ออฟไลน์ Can

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 144
    • อีเมล์
ก็ต้อง E10 ที่คุ้มค่ามากที่สุด

คิดง่ายๆ สมมุติว่า เอธานอลคือของจอมปลอมที่ไม่ช่วยให้รถวิ่งได้เลย แต่ไม่ทำให้เครื่องพัง น้ำมัน E10 จำนวน 1 ลิตรจะมีน้ำมันอยู่เพียง 0.9 ลิตร ถ้าเราคิดจากราคาน้ำมันเบนซิน 95 เป็นหลัก เวลานี้ราคาลิตรละ 40.45 บาท ดังนั้น น้ำมันจำนวน 0.9 ลิตรจึงควรมีราคา  36.40 บาท แต่ในความเป็นจริง ราคาแก็สโซฮอล์ 95 ในเวลานี้อยู่ที่  32.64 บาทเท่านั้น ก็แสดงว่าผู้ใช้ประหยัดไปเหนาะๆเกือบสี่บาท  แต่ความเป็นจริงเอธานอลก็ช่วยให้รถวิ่งได้จริงๆ โดยเอธานอลจะมีประสิทธิภาพประมาณสองในสามของนำมันเบนซิน ดังนั้นจึงยิ่งประหยัดเงินมากขึ้น

ออฟไลน์ Valkilrey

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 646
    • อีเมล์
ผมลองคำนวณเล่นๆโดยสร้างตารางขึ้นมาดังนี้ แต่อย่าใส่ใจเลยครับ เพี้ยนเยอะอ่ะ

โดยค่า avg. / ลิตร สมมติเล่นๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 20, 2010, 21:35:45 โดย Valkilrey »

ออฟไลน์ VenusF

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 316
เอ้าไหนๆก็ไหนๆแล้วพอดีไปเจอในเวปมารู้ไว้ใช่ว่าไม่เสียหายครับ



น้ำมันแพง ต้องฉลาดเติม (ภาคพิสดาร)

Ø ไม่ทราบว่าเหล่าผู้ชายเช่นคุณควักกระเป๋าจ่ายเงินค่า น้ำมันกันยังไง

Ø แต่ที่ California ผู้ใช้รถก็จ่ายไม่เบา จนมีผู้รู้สอนเคล็ดลับการเติมน้ำมัน

Ø เพื่อช่วยให้ผู้ใช้รถจ่ายเงินอย่างคุ้มค่า

Ø ผู้รู้ซึ่งมีประสบการณ์ในวงการน้ำมันกว่า 31 ปี เล่าว่า

Ø เขาทำงานที่คลังน้ำมันแห่งหนึ่งใน San Jose , CA ซึ่งมีคลังเก็บ

Ø 34 คลัง ขนาดบรรจุรวม 16,800,000 แกลลอน ณ ที่นั่นแต่ละวันจะจ่าย

Ø น้ำมันประมาณ 4 ล้านแกลลอน ตลอด 24 ชม.

Ø โดยวันหนึ่งจ่ายน้ำมันดีเซล อีกวันหนึ่งจ่ายน้ำมันเครื่องบินและน้ำมันรถยนต์

Ø เกรดต่างๆ สลับกัน

Ø เขาบอกว่า

Ø จงเติมน้ำมันตอนเช้าขณะที่อุณหภูมิบนพื้นดินยังเย็นอยู่

Ø อย่าลืมว่าปั๊มน้ำมันทุกแห่งมีถังน้ำมันฝั่งอยู่ใต้ดิน เมื่อพื้นดินยิ่งเย็น

Ø น้ำมันยิ่งควบแน่น เมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้น น้ำมันก็จะขยายตัวตาม

Ø ดังนั้น หากเติมน้ำมันช่วงบ่ายหรือเย็น คุณจ่ายค่าน้ำมัน 1 แกลลอน

Ø แต่ได้มาไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย

Ø ธุรกิจค้าน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็นน้ามันเบนซิน ดีเซล น้ำมันสำหรับเครื่องบิน

Ø เอทานอล หรือผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอื่นๆ อุณหภูมิและความถ่วงจำเพาะ

Ø มีบทบาทสำคัญ อุณหภูมิเพิ่มขึ้นเพียง 1 องศา หมายถึงเงินมหาศาลในธุรกิจนี้

Ø แต่ปั๊มน้ำมันไม่มีการชดเชยอุณหภูมิให้ลูกค้า

Ø ขณะเติมน้ำมัน อย่าให้เด็กปั๊มตั้งหัวฉีดอยู่ในตำแหน่งไหลเร็ว

Ø (ในอเมริกาเจ้าของรถต้องลงมือเติมเอง) หากคุณสังเกต จะเห็นว่า

Ø กลไกเหนี่ยวมี 3 ระดับ คือ low, middle, และ high

Ø เมื่อตั้งในระดับไหลช้า จะเกิดไอระเหยของน้ำมันน้อยที่สุด

Ø หากตั้งในระดับไหลเร็ว น้ำมันบางส่วนจะกลายเป็นไอระเหย

Ø และถูกสูบย้อนกลับไปยังถังใต้ดิน นั่นหมายถึงคุณจ่ายเงินมากกว่าที่ควร

Ø เคล็ดลับอีกอย่างคือ ควรเติมน้ำมันเมื่อน้ำมันในรถเหลือครึ่งถัง

Ø (แหล่งข้อมูลบางแห่งแนะนำว่า เติมน้ำมันแค่ครึ่งถังก็พอ

Ø จะได้ลดน้ำหนักบรรทุกและประหยัดน้ำมัน ทั้งนี้และทั้งนั้น

Ø ขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณตัดสินเอาเองก็แล้วกัน?หมาย เหตุผู้แปล)

Ø เหตุผลคือ น้ำมันบรรจุในถังยิ่งมาก เนื้อที่ว่างสำหรับไอระเหยก็ยิ่งน้อย

Ø เพราะน้ำมันระเหยเป็นไอเร็วกว่าที่คุณคาดคิด

Ø ในคลังเก็บน้ำมันจะมีอุปกรณ์ภายในถัง ทำหน้าที่เป็นเพดาน

Ø ลอยขึ้นลงตามระดับน้ำมัน ทำให้ไม่มีช่องว่างระหว่างน้ำมันกับอากาศ

Ø ลดไอระเหยของน้ำมันให้น้อยที่สุด รถขนส่งน้ำมันเมื่อมาบรรทุกน้ำมัน

Ø จึงเติมได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ผิดกับที่ปั๊มน้ำมันซึ่งไม่มีการชดเชยอุณหภูมิ

Ø > > >ข้อเตือนใจอีกข้อหนึ่ง

Ø ขณะที่คุณขับรถเข้าปั๊ม

Ø ถ้าเห็นรถบรรทุกกำลังถ่ายน้ำมันเข้าสู่ถังเก็บใต้ดิน

Ø จงอย่ารีบร้อนเติมน้ำมันช่วงเวลานั้น เพราะตอน"ลงของ" สิ่งแปลกปลอม

Ø ซึ่งปรกติจะตกตะกอนอยู่ใต้ถัง ถูกปั่นป่วนจนลอยตัว หากคุณเติมน้ำมัน

Ø ช่วงเวลานั้น อาจมีโอกาสดูดเอาสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่รถคุณได้

Ø โปรดแบ่งปันเคล็ดลับเหล่านี้ให้ทั่วถึง............................นะครับ   :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 20, 2010, 21:28:24 โดย VenusF »

ออฟไลน์ exodus

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 301
เยี่ยมจริง ๆ ครับ ปกติ เติมอย่างเดียว ถ้าจะใช้รถ ก็อย่าไปคิดถึงน้ำมัน

ออฟไลน์ Valkilrey

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 646
    • อีเมล์
เป็นบทความที่ดีนะครับ สรุปคือ
1 ควรเติมตอนเช้าเพราะจะได้น้ำมันมากกว่าช่วงเวลาอื่น
2 ควรเติมครึ่งถังพอ เพื่อลดน้ำหนักบรรทุก
3 ควรให้หัวฉีดไหลช้า เพื่อไม่ต้องจ่ายแพงกว่า
4 อย่าเติมขณะเห็นรถบรรทุกน้ำมันอยู่ในปั้มกำลังถ่ายลงถังเก็บ

ผมว่าทำได้ไม่ยากทุกข้อนะ ยกเว้นข้อ 2 โดยเฉพาะในเมืองไทย ที่คงลำบากหน่อยในกรณีวิ่งไกลๆไปต่างจังหวัด เพราะอาจหาปั้มเติมได้ยาก ที่สำคัญ ราคาน้ำมันต่างจังหวัดแพงกว่าในกรุงเทพฯ คำนวณส่วนต่างแล้ว อาจไม่คุ้ม ดังนั้นถ้าวิ่งต่างจังหวัดไกลๆ ควรเติมให้เต็มไว้ก่อนดีกว่า

ออฟไลน์ Disk™

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,153
  • High Society Sallon Gallery
User Review : ฟิล์มเซรามิค SolarFX (รีวิวแรกของผมครับ)
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=53654.0

User Review : Remap ECU Toyota Fortuner ที่ ECU Thailand by RPT
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=71384.0

ออฟไลน์ choord

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 98
    • อีเมล์
เป็นบทความที่ดีนะครับ สรุปคือ
1 ควรเติมตอนเช้าเพราะจะได้น้ำมันมากกว่าช่วงเวลาอื่น
2 ควรเติมครึ่งถังพอ เพื่อลดน้ำหนักบรรทุก
3 ควรให้หัวฉีดไหลช้า เพื่อไม่ต้องจ่ายแพงกว่า
4 อย่าเติมขณะเห็นรถบรรทุกน้ำมันอยู่ในปั้มกำลังถ่ายลงถังเก็บ

ผมว่าทำได้ไม่ยากทุกข้อนะ ยกเว้นข้อ 2 โดยเฉพาะในเมืองไทย ที่คงลำบากหน่อยในกรณีวิ่งไกลๆไปต่างจังหวัด เพราะอาจหาปั้มเติมได้ยาก ที่สำคัญ ราคาน้ำมันต่างจังหวัดแพงกว่าในกรุงเทพฯ คำนวณส่วนต่างแล้ว อาจไม่คุ้ม ดังนั้นถ้าวิ่งต่างจังหวัดไกลๆ ควรเติมให้เต็มไว้ก่อนดีกว่า

สำหรับ ข้อ 1 เคยอ่านเจอว่า ปัจจุบันทางบริษัทน้ำมัน ได้แก้ปัญหานี้แล้ว
และอุณหภูมิในถังใต้ดิน มันเปลี่ยนแปลงไม่ได้เยอะอย่างที่คิด
เวลาดูดมาที่หัวจ่าย อุณหภูมิก็จะถูกปรับให้ถูกต้องประมาณนึงแล้วครับ
สำหรับเคล็ดลับข้อนี้ คงต้องใช้กับปั๊มที่มีหัวจ่ายเก่าๆครับ
(แต่ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงกับสิ่งที่จะเจือปนมาในน้ำมัน
เนื่องจากถังเก็บน้ำมันใต้ดินอาจจะมีรอยรั่วซึมได้)

ข้อ 2 จะว่าเห็นด้วยก็ได้นะครับ แต่ถ้าจะคิดให้มาก ระวังอย่าเอารถไปตากแดด
เพราะน้ำมันจะระเหยได้เร็วยิ่งขึ้นด้วยสิครับ (อันนี้เป็นไปได้นะ)

ข้อ 3 เออ...ถ้าอย่างนั้นคงต้องใช้ปั้มเติมเองซะแล้วมั้ง
แต่ส่วนตัวผม ผมว่ามันไม่ได้แตกต่างอะไรมากมาย กับการเติมน้ำมันแค่ 40 ลิตร สำหรับรถทั่วไปนะ

ข้อ 4 เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ

ออฟไลน์ MyName

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 8,141
  • I'm............................
E10 สำหรับผมว่าคุ้มที่สุดแล้วคับ
Cars
2022 - Nissan Almera 1.0 Turbo VL
2016 - Mazda 2 1.5XD High Plus L
2008 - Mitsubishi Space Wagon 2.4 GLS Ltd. !User'Review Click here!
1997 - Daihatsu Mira

Motorcycles
2023 - Vespa Sprint S 150 i
2012 - Yamaha Mio 125 GTX

ออฟไลน์ Dr.Shank

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 616
ผมลองคำนวณเล่นๆโดยสร้างตารางขึ้นมาดังนี้ แต่อย่าใส่ใจเลยครับ เพี้ยนเยอะอ่ะ

โดยค่า avg. / ลิตร สมมติเล่นๆ

โห  !!!


ขอบคุณครับ
..

ออฟไลน์ Dr.Shank

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 616
ขอบคุณมากครับ ทุกคน..


เดี๋ยวผมว่าจะลองดูกับรถตัวเองนี่แหละครับแล้วจะเอามาลงให้ทุกๆท่านดู


แต่ผมถามไรหน่อยนะครับ มีวิธีทดสอบรถตัวเองยังไงถึงจะเที่ยงตรงสุดครับ

ปล.รถคันที่จะลองทดสอบ เทียน่าโฉม ปัจจุบัน 2500 cc(มันเติมe  85 กับ 20 ไม่ได้อะมั้งครับงั้นคงลองแค่4ข้อแรกก่อน)

***ผมอยากรู้แบบบ้าเข้าขั้น!!!


ฮ่าๆๆ  :o
..

ออฟไลน์ Ohyoyo

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 43
จากประสบการณ์ที่เป็นคนเติมน้ำมันมาก่อน (แต่เป็นน้ำมันเครื่องบิน)
ผมยืนยันเลยครับว่าเติมตอนเช้ามืดกำไรสูงสุด
เนื่องจากความถ่วงจำเพาะจะอยู่ประมาณ 0.80
ถ้าตอนกลางวันจะอยู่แถวๆ 0.78-0.77
แต่ถังน้ำมันรถยนต์มันไม่ได้ใหญ่มากมาย แต่เครื่องบินมันถังใหญ่ (มากๆๆๆๆ)
จนมีส่วนต่างกันเป็นร้อยๆลิตรเลย

แต่ถ้าเติมหลายๆวัน หลายๆครั้ง ก็น่าจะช่วยได้บ้าง

ปล. วัด ถพ. จากหัวจ่ายเลย ไม่ได้จุ่มลงในถังใต้ดิน

ออฟไลน์ tvm

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,479
นอกจากนั้นระวังเรื่องการขับขี่ ไม่กระชาก มากๆ รักษาความเร็วพอเหมาะ ก็ยิ่งประหยัดไปอีกนะครับ ปลอดภัยและไม่รบกวนชาวบ้านด้วยครับ

ออฟไลน์ Valkilrey

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 646
    • อีเมล์
"แต่ผมถามไรหน่อยนะครับ มีวิธีทดสอบรถตัวเองยังไงถึงจะเที่ยงตรงสุดครับ"<-- หนึ่งในวิธีที่ดี คือเลียนแบบคุณ J!MMY ครับ เติมน้ำมันเต็ม ขับขึ้นทางด่วน รักษาความเร็ว 110 ลงทางด่วนกลับมาเติมปั้มเดิมเต็มถัง คำนวณตัวเลข

หรือจะลองวิธีอื่นก็ได้นะครับ หาเส้นทางที่วิ่งด้วยความเร็วนิ่งๆได้ระยะทางสัก 80-100 กม. ก็น่าจะได้ผลใกล้เคียงกัน

ออฟไลน์ Dr.Shank

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 616
"แต่ผมถามไรหน่อยนะครับ มีวิธีทดสอบรถตัวเองยังไงถึงจะเที่ยงตรงสุดครับ"<-- หนึ่งในวิธีที่ดี คือเลียนแบบคุณ J!MMY ครับ เติมน้ำมันเต็ม ขับขึ้นทางด่วน รักษาความเร็ว 110 ลงทางด่วนกลับมาเติมปั้มเดิมเต็มถัง คำนวณตัวเลข

หรือจะลองวิธีอื่นก็ได้นะครับ หาเส้นทางที่วิ่งด้วยความเร็วนิ่งๆได้ระยะทางสัก 80-100 กม. ก็น่าจะได้ผลใกล้เคียงกัน


ครับขอบคุณครับ!!
..

ออฟไลน์ tokyo

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 632
"แต่ผมถามไรหน่อยนะครับ มีวิธีทดสอบรถตัวเองยังไงถึงจะเที่ยงตรงสุดครับ"<-- หนึ่งในวิธีที่ดี คือเลียนแบบคุณ J!MMY ครับ เติมน้ำมันเต็ม ขับขึ้นทางด่วน รักษาความเร็ว 110 ลงทางด่วนกลับมาเติมปั้มเดิมเต็มถัง คำนวณตัวเลข

หรือจะลองวิธีอื่นก็ได้นะครับ หาเส้นทางที่วิ่งด้วยความเร็วนิ่งๆได้ระยะทางสัก 80-100 กม. ก็น่าจะได้ผลใกล้เคียงกัน

ขอเสริมหน่อยครับ
ผมว่าน่าจะลองวิ่งไกล น่าจะยิ่ง ดียิ่ง ขึ้นนะ
เหมือนกับประมานว่า ถ้าลองสั้ยซํก 4-500เมตร แต่มันยังต้องมีระยะทางจากหัวจ่ายไปถึงทางด่วนอีก กว่าจะลอยลำได้ มันน่าจะไกลอยู่ ผมเลยคิดว่า น่าจะลองไกลๆ

ปล.ความคิดเห็นส่วนตัว
ปล2. เข้าใจความหมายของผมมั้ยครับ ;D
07 mazda 3