ผู้เขียน หัวข้อ: ใครเคยมีประสบการณ์ ซื้อรถที่ญี่ปุ่น กับ อเมริกาบ้างครับ  (อ่าน 10355 ครั้ง)

ออฟไลน์ NS

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,718
  • การเดินทางครั้งใหม่
  ด้วยความสงกะสัยมานานมากแล้ว บวกกับมีคำถามใหม่แล้วลืมคำถามนี้ทุกทีเลย วันนี้อ่านหัวข้อนึงแล้วแว๊บขึ้นมา รีบพิมพ์ถามดีกว่า ไม่งั้นลืมอีกแน่เลย
  คือว่า เห็นราคารถในนิตยสารต่างประเทศ ทั้งของญี่ปุ่นและที่อเมริกา แล้วมาเปรียบเทียบราคารถบ้านเรา (ในรุ่นที่มีขายบ้านเราบ้าง รุ่นที่ไม่มีขายบ้านเราบ้าง)ทำให้คิดว่า ทำไมรถบ้านเราต้องแพงมากขนาดนั้น ภาษีหนักมากๆ (ถ้าจัด option เต็มแบบตัวนอกต้องนำเข้า) รถญี่ปุ่นรุ่นเล็ก-กลาง ที่อเมริกาขายใกล้เคียงรถยุโรปขนาดกลางเลย
  เลยต้องมานั่งถามว่า ถ้าออกรถสักคัน (ทั้งญี่ปุ่นและอเมริกา) นอกจากราคารถที่แปะไว้แล้ว ต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรอีกบ้าง จนกระทั้งขับกลับบ้านได้  เอาตัวเลขคร่าวๆที่ใกล้เคียงเลขจริงก็ได้ครับ เห็นราคารถที่โน่นทีไร (น่าจะเป็นราคาแค่ตัวรถจริงๆ) อยากเอาเข้ามาใช้จริงๆ
จะเลือกรถหรือเมีย....

...รถสิคร๊าฟ

ออฟไลน์ Ty ESC

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,786
ซื้อที่อเมริกาครับ

ทั้งมือ1มือ2 รถถูก ค่าประกันก็แอบแพงแจ่ก็ไม่ได้แพงกว่าประกันชั้น1เมืองไทย
มันแบ่งเปนหลายประเภทจำได้ว่าสุดท้ายจ่ายค่าประกันไป700เหรียญสำหรับfull cover(ชั้น1) สำหรับรถซีวิค2ประตู

ค่าน้ำมันถูกกว่าเมืองไทย ยิ่งเมืองผมเติมเองไม่มีภาษีอีกชาวบ้านขับเมืองข้างเคียงข้ามมาเติมกันเยอะ

เคยรถชนจ่สยค่าdeduct500ซ่อมกันชน ไฟหน้า บังโคลนล้อแมก ตั้งศูนย์ ทำสีไม่ดีเท่าไหร่แต่เร็วมากหกวันเสรจ

ไม่มีถามอะไรยึกยัก ยื่นเอกสารไป อู่จัดการจบ แต่ถ้าไม่มีประกันผมว่าค่าซ่อมคงแพง

 ค่าภาษีแล้วแต่เมือง ของเมืองผมจำไม่ได้แล้วแต่ไม่แพงมากหรอกครับ อีกอย่างที่แพงคือใบสั่งขับ40ในที่ป้าย35โดนไป700เหรียญ

โดยรวมแล้วใครว่าใช้รถเมืองนอกแพงไม่เสมอไป

แต่ถ้าที่อื่นที่ไม่ใช่อเมริกาก็มีแพงจริงครับ แพงตั้งแต่ค่าจอดเลย จอดกันทีเป็นพันบาทอย่างอังกฤษ ค่ารถไม่แพงประกันแพงน้ำมันแพง

ออสเตรเลียบางเมืองค่าจอดโหดมากๆ

แต่ก็อีกละครับ สมมุติ Porsche ไทย10ล้าน อังกฤษไม่ถึง5ล้าน ส่วนต่างค่าประกันค่าน้ำมันค่าจอดรถก็ไม่ถึงอยู่ดีเพราะเราแพงด้วยภาษีและมารจิ้นคนขายเพราะจำนวนรถในตลาดเราไม่เยอะ

ผมว่ายุคปีสองปีมานี้ราคารถยุโรปถูกลงมาส่วนต่างไม่น่าเกลียดมากแล้วครับ เมื่อกาอนบางช่วงนี่แพงเปนสามเท่า
เดี๋ยวนี้เป็นสองเท่าหรือไม่ถึง ยกเว้นพวกรถสปอร์ต

ออฟไลน์ Insideout

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 566
ผมเคยซื้อรถป้ายแดง จาก dealer ที่อเมริกาครับ
เป็น Honda Accord G7
ใช้อยู่ 5 ปีแล้วก็ขายศูนย์
ขอแชร์ประสบการณ์ในส่วนของผมให้ฟัง

ราคารถที่ตั้งขายโดยศูนย์ จะเรียกว่า MSRP
ย่อมาจาก Manufacturer's Suggested Retail Price
หรือราคาที่ค่ายผู้ผลิตแนะนำให้ขายเท่านี้
dealer แต่ละที่ไม่จำเป็นต้องขายตามนี้ก็ได้
แต่ MSRP เป็นราคากลางที่ลูกค้า search ได้
ลอง google คำว่า Kelley Blue Book หาราคา MSRP รถทุกยี่ห้อในอเมริกาได้หมด
D seg ญึ่ปุ่นจะเป็น made in USA ราคา $25000 - $32000
C seg ยุโรปมักจะ ship จากเยอรมัน ยกตัวอย่าง F30 รุ่นปัจจุบัน
ราคา $ 32000 สำหรับ 320i  $50100 สำหรับ Active Hybrid 3 เป็นต้น
จะเห็นว่าถูกกว่าไทยมากๆ แถมประกอบเยอรมันอีกด้วย

ราคา MSRP นี้ dealer อาจจะขายถูกกว่า หรือ ชายเท่านี้แต่แถมนู่นนี่นั่น
ในแต่ละเมืองก็จะมี authorized dealer ของแต่ละยี่ห้อ
เราเดินเลือกดูได้เลย

ทีนี้พอเรา test drive แล้วชอบ จะเอาแล้ว
ก็มีให้เราเลือก จ่ายสด หรือ finance กับธนาคาร
พอเลือกเสร็จ การจะออกรถได้เราต้องเสียค่าใช้จ่ายต่างๆดังนี้

1. ราคารถ MSRP

2. ค่าออกป้ายทะเบียน หรือ Vehicle Registration Fee ราคาขึ้นกับรัฐ
ไม่ใช่ราคารถ รถกี่บาทราคาก็เท่ากัน
เช่น Indiana กับ Maine ไม่ถึง $100 ถูกมาก
แต่ Minnesota กดไปเกือบ $400
หรือแพงสุดอย่าง Montana หรือ Wyoming $500++
โดยทั่วไปแล้ว dealer เค้าจะออกส่วนนี้ให้เรา และ ดำเนินเรื่องให้ทั้งหมด
เป็นการดึงดูดลูกค้า

3. ภาษีรถยนตร์ หรือ Sales Tax อันนี้หลายคนอยากรู้มาก
ขึ้นกับราคารถแล้วทีนี้ คิดเป็น % ขึ้นกับรัฐเลยครับ
จะเห็นว่าบางคนถึงกับบ่นอุบว่าแพง หากไปซื้อในรัฐที่ Sales Tax โหด
แต่โหดสุดก็ไม่เกิน 15% เช่น Alabama มรึงจะแพงไปไหน
กลางๆเช่น Wisconsin Massachusettes 5 - 6%
บางรัฐ Sales Tax เป็น 0% เลยก็มีเช่น Montana ครับ

4. ค่าเอกสาร หรือ Documentation Fee อยู่ที่ $200 - $300
บางที่ต่อรองกันได้ อย่างของผม ต่อจนเค้าแถมไอ้นี่ให้ไปเลย

5. ค่าประกันรถยนตร์ ไม่แพงเลยครับ
แล้วแต่เราจะเลือก premium หรือ coverage แค่ไหน ผมจ่ายปีละ $400 แค่นั้น
ก็ได้เกือบประกันชั้น 1 แล้ว
เราสามารถเข้าไปซื้อทาง net ได้เลย

6. ค่าต่อทะเบียนปีละ $300 - $500

สรุปก็คือ ต่อให้จ่ายทุกอย่างก็ถูกกว่าบ้านเราแบบ ฟ้ากับเหว ครับ
เว้นแต่ถ้าคุณไปซื้อ super car ในรัฐที่ Sales Tax โหดมากๆ ก็อาจจะหนักหน่อย
แต่รถธรรมดาอย่าง E class F10 A6 Accord Camry ไม่เท่าไหร่ครับ

ยกตัวอย่าง ผมอยากได้ Active Hybrid 3 ที่ Chicago
MSRP = $50,100
Vehicle Registration Fee = dealer ออกให้
Sales Tax = 11% ที่ Ilinois คิดเป็น $5000
Documentation Fee = $200

ทั้งหมด = $55300 เท่านั้นซึ่งราคานี้ซื้อได้แค่ CX-5 หรือ Teana Accord Camry Hybrid เท่านั้นที่บ้านเรา

ออฟไลน์ pony

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 489
ผมเคยซื้อรถป้ายแดง จาก dealer ที่อเมริกาครับ
เป็น Honda Accord G7
ใช้อยู่ 5 ปีแล้วก็ขายศูนย์
ขอแชร์ประสบการณ์ในส่วนของผมให้ฟัง

ราคารถที่ตั้งขายโดยศูนย์ จะเรียกว่า MSRP
ย่อมาจาก Manufacturer's Suggested Retail Price
หรือราคาที่ค่ายผู้ผลิตแนะนำให้ขายเท่านี้
dealer แต่ละที่ไม่จำเป็นต้องขายตามนี้ก็ได้
แต่ MSRP เป็นราคากลางที่ลูกค้า search ได้
ลอง google คำว่า Kelley Blue Book หาราคา MSRP รถทุกยี่ห้อในอเมริกาได้หมด
D seg ญึ่ปุ่นจะเป็น made in USA ราคา $25000 - $32000
C seg ยุโรปมักจะ ship จากเยอรมัน ยกตัวอย่าง F30 รุ่นปัจจุบัน
ราคา $ 32000 สำหรับ 320i  $50100 สำหรับ Active Hybrid 3 เป็นต้น
จะเห็นว่าถูกกว่าไทยมากๆ แถมประกอบเยอรมันอีกด้วย

ราคา MSRP นี้ dealer อาจจะขายถูกกว่า หรือ ชายเท่านี้แต่แถมนู่นนี่นั่น
ในแต่ละเมืองก็จะมี authorized dealer ของแต่ละยี่ห้อ
เราเดินเลือกดูได้เลย

ทีนี้พอเรา test drive แล้วชอบ จะเอาแล้ว
ก็มีให้เราเลือก จ่ายสด หรือ finance กับธนาคาร
พอเลือกเสร็จ การจะออกรถได้เราต้องเสียค่าใช้จ่ายต่างๆดังนี้

1. ราคารถ MSRP

2. ค่าออกป้ายทะเบียน หรือ Vehicle Registration Fee ราคาขึ้นกับรัฐ
ไม่ใช่ราคารถ รถกี่บาทราคาก็เท่ากัน
เช่น Indiana กับ Maine ไม่ถึง $100 ถูกมาก
แต่ Minnesota กดไปเกือบ $400
หรือแพงสุดอย่าง Montana หรือ Wyoming $500++
โดยทั่วไปแล้ว dealer เค้าจะออกส่วนนี้ให้เรา และ ดำเนินเรื่องให้ทั้งหมด
เป็นการดึงดูดลูกค้า

3. ภาษีรถยนตร์ หรือ Sales Tax อันนี้หลายคนอยากรู้มาก
ขึ้นกับราคารถแล้วทีนี้ คิดเป็น % ขึ้นกับรัฐเลยครับ
จะเห็นว่าบางคนถึงกับบ่นอุบว่าแพง หากไปซื้อในรัฐที่ Sales Tax โหด
แต่โหดสุดก็ไม่เกิน 15% เช่น Alabama มรึงจะแพงไปไหน
กลางๆเช่น Wisconsin Massachusettes 5 - 6%
บางรัฐ Sales Tax เป็น 0% เลยก็มีเช่น Montana ครับ

4. ค่าเอกสาร หรือ Documentation Fee อยู่ที่ $200 - $300
บางที่ต่อรองกันได้ อย่างของผม ต่อจนเค้าแถมไอ้นี่ให้ไปเลย

5. ค่าประกันรถยนตร์ ไม่แพงเลยครับ
แล้วแต่เราจะเลือก premium หรือ coverage แค่ไหน ผมจ่ายปีละ $400 แค่นั้น
ก็ได้เกือบประกันชั้น 1 แล้ว
เราสามารถเข้าไปซื้อทาง net ได้เลย

6. ค่าต่อทะเบียนปีละ $300 - $500

สรุปก็คือ ต่อให้จ่ายทุกอย่างก็ถูกกว่าบ้านเราแบบ ฟ้ากับเหว ครับ
เว้นแต่ถ้าคุณไปซื้อ super car ในรัฐที่ Sales Tax โหดมากๆ ก็อาจจะหนักหน่อย
แต่รถธรรมดาอย่าง E class F10 A6 Accord Camry ไม่เท่าไหร่ครับ

ยกตัวอย่าง ผมอยากได้ Active Hybrid 3 ที่ Chicago
MSRP = $50,100
Vehicle Registration Fee = dealer ออกให้
Sales Tax = 11% ที่ Ilinois คิดเป็น $5000
Documentation Fee = $200

ทั้งหมด = $55300 เท่านั้นซึ่งราคานี้ซื้อได้แค่ CX-5 หรือ Teana Accord Camry Hybrid เท่านั้นที่บ้านเรา


ขอบคุณสำหรับรายละเอียดครับ กระจ่างเลยทีเดียว ผมเองก็อยากรู้มานานแล้วว่าในอเมริกาเนี่ยจะออกรถสักคันมันต้องมีขั้นตอนและค่าใช้จ่ายอย่างไร เห็นแล้วไม่แปลกใจที่ใช้รถกันเยอะ ค่าใช้จ่ายถูกกว่าบ้านเราชัดมากจริงๆ ^^

ออฟไลน์ belkw202

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 420
อยู่แคนาดาครับ
แฟนซื้อ e coupe 350 4 matic มือ 2 วิ่ง 8000 โล รถ ปลายปี 13
ราคาตั้ง 66000 แต่จบประมาณ 80000 เพราะมี tax 12% กับค่ารับประกันอะไรของศูนย์อีกพอสมควร ( dealer benz โดยตรง )
ทะเบียนปีละ 300 กว่าๆ ค่าประกันปีนี้โดนไป 4600 เพราะเป็นใบขับขี่อินเตอร์ด้วย
รวมแล้วจบเกือบ 85000 ครับ
ค่าน้ำมันพอๆกับเมืองไทย ไปไหนเสียค่าจอดเกือบหมดแม้กระทั่งคอนโดที่เช่าอยู่
พวกของเหลวต่างๆจะถูกกว่านิดนึง แต่ค่าแรงก็เอาเรื่องเลยครับ
รวมๆแล้วผมว่าไม่ได้ถูกกว่าไทยเยอะขนาดนั้นนะ
Tesla Model 3 Highland LR
G08 iX3 M Sport
Cx5 2.5s
Mazda 2 1.3 S
w202 c36 AMG
w212 e63 AMG
w204 c250 AMG Sport Plus
w207 e350 4matic
e90 325i

ออฟไลน์ Mr.K

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 109
รถมือสองในอเมริกา เวลาซื้อ รัฐที่ผมอยู่เสีย Sales Tax ของรถ 6.5% ครับ ค่า register ประมาณ $65 ต่อปี ค่า Inspect ประมาณ $40 ต่อปี ส่วนค่าประกันจะขึ้นอยู่กับอายุของผู้ทำประกัน ประเภทประกัน และ ประเภท+สีรถ ครับ รถซิ่งๆ แบบพวก Mustang หรือ รถcoupe ค่าประกันจะแพงมาก ยิ่งถ้าเป็นอายุต่ำกว่า 25 ค่าประกันยิ่งแพงขึ้นไปอีกครับอาจจะเกิน $100 ต่อเดือน ครับ (ส่วนตัวผมซื้อแค่ประกันชั้นสามพอละ $35 ต่อเดือน--อายุเกิน 25)

อย่างที่หลายๆ ท่านข้างบนบอกนั่นแหละครับ ผมว่ารถในอเมริกา+อะไหล่ ไม่แพง แต่ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ตามมากับรถ แพงชิ...หายเลย ค่าประกัน+ค่าที่จอด+ค่าแรงซ่อม+ค่าปรับจากการทำผิดกฎจราจร--การจอดรถที่นี่ ถ้าคุณไปจอดมั่วซั่ว แล้วโดนลากไป คุณจะต้องจ่ายค่าปรับประมาณ $300 ครับ (ในเมืองที่ผมอยู่) และค่าปรับอื่นๆ ที่นี่แพงมากๆๆๆๆ ขอบอก


ออฟไลน์ View

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,890
  • -SIXFLOOR-
    • อีเมล์
มาเห็บข้อมูลครับผม
2013 Honda City 1.5V
2013 Chevrolet Trailblazer 2.8 LTZ 4WD

ออฟไลน์ AkE

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,405
ชอบข้อมูลกระทู้นี้คับ ขอบคุณนะคับ

ออฟไลน์ Nyquist

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,031
ได้ความรู้เยอะเลย ชอบกระทู้แนวนี้มากครับ

ทำให้ผมยิ่งสงสัยรถในไทย

ทำไม d-seg กับ c-seg ยุโรปราคามันต่างกันยิ่งนัก

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
ผมสงสัยครับ

ตกลงค่าประกันรถใน ต่างประเทศ เขาคิดเป็นรายเดือนหรือรายปีครับ

ถ้า 300-500 เหรียญจริงๆ รายปี ถูกกว่าบ้านเรามากเลยครับ

ออฟไลน์ Arado_kung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,070
    • อีเมล์
ผมสงสัยครับ

ตกลงค่าประกันรถใน ต่างประเทศ เขาคิดเป็นรายเดือนหรือรายปีครับ

ถ้า 300-500 เหรียญจริงๆ รายปี ถูกกว่าบ้านเรามากเลยครับ

ประกันที่นั่นเค้าคำนวณตามประเภทรถ,อายุคนขับ,ประวัติการทำผิดกฎจราจรครับ แต่ถูกสุดก็อยู่ราวๆนี้แหละ เพียงแต่ราคานี้มันไม่ได้ทุกคนนะเออ

ออฟไลน์ champyadme

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 214
ญี่ปุ่น มือสองนะครับ (หน่วยเงิน เยน)
ตอนซื้อราคารถสองล้าน จ่ายเบ็ดเสร็จสองล้านสี่ (ซื้อผ่านเต็นท์ มีค่าดำเนินการโอนทะเบียน etc.)
ตอบ จขกท นะครับ ถ้าญี่ปุ่นให้ +ราคาตัวรถไปอีกประมาณ 4 แสน เพื่อจะเอารถออกมาขับครับ

ประกันปีละ 330000 (ชั้น1แบบมีคู่กรณีเป็นรถ) หรือ 100000 (ชั้น3) เลือกจ่ายทั้งปีครั้งเดียว หรือจ่ายรายเดือนก็ได้ แต่จะแพงกว่าเหมาจ่ายรายปีนิดหน่อย
ประกันจะถูกลงเรื่อยๆทุกปี สูงสุดถึง 30%
ภาษีปีละ 45000 ทะเบียน สองปีครั้ง 80000

ทะเบียน ภาษี ขึ้นอยู่ความกว้างครับ กว้างไม่เกิน 1700 มิลลิเมตร จะอยู่ไซส์กลาง ทะเบียนจะถูกกว่า

ราคารถบ้านเรา อาจจะแพงครับ แต่ค่าใช้จ่ายอื่นๆเราถูกมาก เช่นค่าทางด่วน ถ้าขับรถจาก กทม-ชม 700 กิโล ระยะทางเท่ากัน ท ี่ญี่ปุ่นจ่ายร่วม 14000 ครับ
หรือค่าที่จอด กรณีไม่มีที่จอดรถส่วนตัว ต้องไปเช่าลานจอด โตเกียว ราวๆ 10000-20000 แล้วแต่เขต ตจว บางที่เหลือ 3000

ไม่เกี่ยวกับหัวข้อครับ แต่ผมแถมให้อีกนิด
 ผู้ให้เช่าที่จอดรถบางเจ้า จะให้เรทพิเศษกับรถไฮบริด ผมเคยไปเจอที่ย่านอากิฮาบาระ โตเกียว รถทั่วไปเดือนละ20000 รถไฮบริดเดือนละ10000
นี่อาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุว่าทำไมไฮบริดขายดีในญี่ปุ่น แต่บ้านเราไม่นิยม (มั้งครับ)

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,629
  ที่ญี่ปุ่น  บอกมานี่หน่วยเป็นเงินบาทหรือเยนครับ   

  ที่อเมริกา ราคารถถูก น้ำมันก็ถูกกว่าบ้านเราจริง  ๆ  และเขามีค่าครองชีพสูงกว่าเราอีกด้วย     

ออฟไลน์ Spec C Wannabe

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 553
ที่เมกาซื้อรถง่ายมาก 

ราคา MSRP หรือ Sticker Price (แผ่นกระดาษขาวๆบอกราคา เค้าจะแปะไว้ข้างกระจก) - ส่วนลด(ส่วนมากก็ 5-15% ของ Sticker Price + State Sale Tax (ขึ้นกับแต่ละรัฐ พอดีรัฐที่เคยอยู่ไม่มี Sale Tax โชคดีมาก) + Registration Fee (จำไม่ได้แน่นอน แต่น่าจะประมาณ 150 USD) + ประกัน (ขึ้นกับอายุ เพศของเจ้าของรถ ประเภทรถ แรงม้า สีรถ --ตอนนั้นผมจ่ายประมาณ 600 USD/6เดือน)

สรุป ราคาที่คุณเห็น MSRP หรือ Sticker Price นั่นแหละ ประมาณนั้นที่คุณต้องจ่าย เพราะส่วนลดที่ได้จาก Dealer จะหักกับภาษีซึ่งก็เกือบๆจะพอๆกัน ทั้งนี้ขึ้นกับโปรโมชั่น หรือช่วงเวลาเช่น หน้าหนาวรถสปอร์ตก็จะถูกหน่อย หรือถ้ารถจะตกรุ่น หรือตกปี (Model Year) ส่วนลดก็จะเยอะ

ซื้อรถที่เมกาง่าย ง่ายขนาดเพื่อนผม ลงจากเครื่องบินวันแรก (ที่ LA) ญาติก็พาไปซื้อรถก่อนเลย เพราะที่นั่นมีเซลล์คนไทยหรือคนลาวที่พูดไทยได้รอต้อนรับอยู่เลย   Driver License ก็ใช้ International License ไปก่อนได้สามถึงห้าเดือน สมัยผมนะ สมัยนี้ไม่รู้ว่าเค้าเปลี่ยนกฏหรือเปล่า...

ออฟไลน์ JIRATH

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,782
    • อีเมล์
อยู่แคนาดาครับ
แฟนซื้อ e coupe 350 4 matic มือ 2 วิ่ง 8000 โล รถ ปลายปี 13
ราคาตั้ง 66000 แต่จบประมาณ 80000 เพราะมี tax 12% กับค่ารับประกันอะไรของศูนย์อีกพอสมควร ( dealer benz โดยตรง )
ทะเบียนปีละ 300 กว่าๆ ค่าประกันปีนี้โดนไป 4600 เพราะเป็นใบขับขี่อินเตอร์ด้วย
รวมแล้วจบเกือบ 85000 ครับ
ค่าน้ำมันพอๆกับเมืองไทย ไปไหนเสียค่าจอดเกือบหมดแม้กระทั่งคอนโดที่เช่าอยู่
พวกของเหลวต่างๆจะถูกกว่านิดนึง แต่ค่าแรงก็เอาเรื่องเลยครับ
รวมๆแล้วผมว่าไม่ได้ถูกกว่าไทยเยอะขนาดนั้นนะ


ค่าประกันโคตรโหดเลยครับ ผมว่าภาษีที่ California 8% แพงแล้วนะ เจอนี่แล้วผมคงทำใจไม่ได้

ผมซื้อรถราคา Below Invoice Price ที่ 25600 เสร็จสรรพรวมทุกอย่าง ออกมาเป็น 32000 ยังจุกเลยครับ
2008 Mazda CX-9 (SOLD)
2008 BMW X5 3.0si E70 (SOLD)
2010 Volkswagen CC R-Line (SOLD)
2014 Subaru BRZ Limited (SOLD)
2016 Subaru STi (SOLD)
2016 Honda Accord Sport
2016 BMW 328d F31 Xdrive
2015 Lexus CT200h F-Sport
2006 BMW 330i E90 6M/T

ออฟไลน์ john

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 718
ผมสงสัยครับ

ตกลงค่าประกันรถใน ต่างประเทศ เขาคิดเป็นรายเดือนหรือรายปีครับ

ถ้า 300-500 เหรียญจริงๆ รายปี ถูกกว่าบ้านเรามากเลยครับ

ถ้าพวกขับเถื่อนแบบบ่้านเรา(บางคน)ไปขับที่อเมริกา สงสัยได้ traffic ticket เพียบแน่ครับ ค่าประกันพุ่งกระฉูด  (แต่สงสัยโดนตัดแต้มกระจายก่อนแหง)

ออฟไลน์ NS

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,718
  • การเดินทางครั้งใหม่
เป็นความคิดที่ดีนะครับ คิดค่าประกันตามเพศและอายุ พ่วงด้วยประวัติการขับขี่ด้วย หวังว่าบ้านเราจะมีแบบนี้บ้าง ส่วน traffic ticket บ้านเราคงเหมือนกับใบสั่ง ก็คงไม่มีความหมายมากนัก เพราะบางครั้งและหลาายครั้งมันก็เป็นแค่กระดาษใบนึงสำหรับคนบางคนและหลายๆคน สุดท้ายก็เป็นแบบนี้ตลอดไป  :-\
จะเลือกรถหรือเมีย....

...รถสิคร๊าฟ

ออฟไลน์ Ty ESC

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,786
ค่าประกันรถที่อเมริกานี่สนุกมาก

อายุเพศ การศึกษา ประวัติอาญากรรม ผลการเรียน
ประเภทของรถ ย่านที่อยู่อาศัย สถานที่จอดรถ จำนวนรถที่มี
ยี่ห้อรถ ระบบความปลอดภัยในรถ abs airbagกี่ลูก ผลการทดสอบการชน
ระยะทางที่ใช้ต่อวันต่อปี จำนวนคนขับ. มีลูกเห็บตกมั้ย หิมะตก น้ำท่วม


เป็นตัวแปรให้ราคาไม่เท่ากัน ผมชอบนะมันเมคเซนดี
จ่ายค่าออปชั่นความปลอดภัยรถไปได้ลดค่าประกันสมเหตสมผลดี

ที่จอดรถดีอยู่ย่านปลอดภัยมีโรงรถก็โอกาสหายน้อยลง ใช้ไมล์น้อยก็เสี่ยงน้อย
รถสปอตก็เสี่ยงแพงมาก ผู้ชายขับก็แพงกว่าผู้หญิง แต่ถ้าผลการเรียนดีเกรดดีแปลว่สเป็นไอ้ติ๋มขับรถช้ามีส่วนลด

เลือกทำประกันได้ตั้งแต่รายวัน รายเดือน รายปี
เกิดไม่ใช้รถยาวๆก็ขอคืนเงินก่อนได้
ตอนแรกผมใช้ใบขับขี่สากลขับค่าประกันแพงพอสอบใบขับขี่ผ่าน
ลดมาครึ่งนึงเลย ย้ายเมืองย้ายบ้านปัจจัยเปลี่ยนก็เปลี่ยนราคา

ระบบประกันที่อเมริกาทั้งประกันรถประกันสุขภาพนี่โคตรคุ้ม
เทียบกัยค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายเองนี่คุ้มมากๆ

รถชนกันเกิดเราผิดคู่กรณีแค่คอเคล็ดนี่ถ้าเราต้องจ่ายค่ารักษาจ่ายให้นี่เละ
ถ้าเค้ามีประกันคุ้มครองเค้าเองก็ยังดี

ออฟไลน์ nekki

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 84
เคยซื้อสามคันตอนทำงานอยู่ที่ญี่ปุ่นครับ (อยู่ราวๆ 8 ปี)
Skyline V35, Teana, March K12 (ของแฟน)
ข้อมูลผมอาจจะเก่าแล้วนะครับ ฟังพอเป็น Reference ละกัน (หน่วยเป็นเยนทั้งหมด)

สรุปเอาง่ายๆคือราคารถ + ประมาณ 2-4แสนเยนได้ครับ
มือหนึ่งจะถูกว่าเพราะไม่มีค่า Shaken (ค่าตรวจและบำรุงรักษาให้ผ่านมาตรฐาน)
โดยเฉพาะถ้าซื้อ K-car จะถูกมากเพราะรัฐช่วยหลายอย่าง

ภาษีนี่จะยิบย่อยมากครับ เอาเท่าที่ผมจำได้นะครับ คร่าวๆตามนี้

1.ภาษี
1-1. VAT
1-1. ภาษีครอบครอง
2-1. ภาษีน้ำหนักรถ (คิดตามน้ำหนัก)
3-1. ภาษีรถยนต์ (คิดตาม CC)

2. ค่าดำเนินการต่างๆ
2-1. ค่าจดทะเบียน
2-2. ค่าออกที่รับรองที่จอดรถ (ไม่มีที่จอดรถที่ถูกต้อง ซื้อรถไม่ได้ครับ)
2-3. ค่ารีไซเคิล (เค้าบังคับให้เราจ่ายก่อนเลย)

3. ประกัน
3-1. ประกันภาคบังคับ ปีละ2หมื่นมั้งครับ จำไม่ได้
3-2. ประกันภาคสมัครใจ ชั้น1ก็ราวๆ 2-3แสนเยนต่อปี ปกติผมทำ online กับโซนี่
---> ไม่เครมลดเรื่อยๆ ยิ่งอายุมากก็ลดเรื่อยๆ และที่ญี่ปุ่นมีฐานข้อมูลกลาง
ไอ้เรื่องเครมรอบคัน ขูบรอบคันเพื่อไปเครมก่อนเปลี่ยนประกันไม่มีครับ

4. Shaken (สำหรับรถมือสอง)
4-1. ราวๆ แสนถึงสามแสนแล้วแต่สภาพรพครับ ถ้าสภาพดีไม่ต้องทำอะไรมากก็ราวๆ7หมื่นเยนก็พอ
อันนี้ต้องตรวจทุกสองปีสำหรับรถมือสองที่อายุเกินสามปี (ถ้าผมจำไม่ผิด)

ถามว่าแพงไหม ก็แพง แต่เทียบเรทเงินเดือนและคุณภาพชีวิตที่นั่นแล้วผมว่าไม่ได้แพงนะ
เทียบกับว่าอยู่ที่นั่นเงินเดือนมากกว่าที่ไทย ราวๆ 4 เท่า (เทียบเฉลี่ยๆกับเพื่อนๆรุ่นเดียวกัน สายวิศวะ)
ประมาณว่าโบนัสออกปีนึงก็ซื้อรถเงินสดได้คันนึงแล้ว เลยไม่รู้สึกว่าแพงอะไรเท่าไร
แถมราคาตั้งต้นของรถดีๆ ก็ถูกกว่าไทยมากกกกกกก
ถ้าเป็นคนชอบรถ ถ้ามีโอกาสไปทำงานที่ญี่ปุ่นนี่สวรรค์ดีๆนี่เองครับ  ;D
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 01, 2014, 10:29:38 โดย nekki »
2021 BMW X3 20d M Sport