CommanderCHENG said :
Nissan X-Trail 2.5V 4WD Sunroof1,551,000
หลังจากที่ลองตัว 2.0V กันไปเมื่อวาน วันนี้เรามาต่อกันกับตัว 2.5V
ผมจะกล่าวสรุปไว้ข้างบนสำหรับท่านที่ต้องการประหยัดเวลาอ่านนะครับ
ระหว่างสองตัวนี้ คุณคิดว่าคันไหนจะเหมาะกับคุณมากกว่า ก็ให้พิจารณาจากสิ่งต่อไปนี้ครับ
1. คุณต้องการถุงลมนิรภัยข้างหรือไม่ ถ้า "ต้องมี" ขอเชิญ 2.5V เลยเพราะมันคือรุ่นเดียว
ที่มีถุงลมนิรภัยด้านข้างครับ ..น่าเสียดายนะ แต่ให้พูดตามตรงมั้ย ลองเปิดโบรชัวร์
ของ CR-V Minorchange กับ CX-5 ดูสิครับ ทุกรุ่นไม่เว้นแม้กระทั่งตัวถูกสุด 2.0 ขับหน้า
ของแต่ละเจ้า "มีถุงลมนิรภัย 6ใบ" ไม่เชื่อไปดูได้เลย
2. คุณต้องการ Panoramic Roof แค่ไหน ..คิดยาวๆนะว่าชอบจริง อย่าชอบเพราะเพื่อนยุ
หรือเอามาเปิดปิดเล่น 2 เดือนจากนั้นก็ไม่ได้ใช้? แต่ถ้าใครได้ใช้และชอบจริงๆ ..ขอเชิญ 2.5 only
3. คุณชอบบุคลิกรถที่พอแตะๆก็ทะยานหรือไม่ คุณขับเกิน 120 บ่อยแค่ไหน
และครั้งสุดท้ายที่คุณกดคันเร่ง 100% มันคือเมื่อไหร่ ถ้าคุณชอบโหดกับรถ ก็ไป 2.5 เลย
แต่ถ้าคุณชอบรถที่เลี้ยงคันเร่งง่ายๆไม่พุ่งเกินไป ไม่ได้เดินทางต่างจังหวัดบ่อยนัก
ไม่มีถนนยาวๆที่ต้องเร่งแซงคับขันบ่อยๆ 2.0 จะโอเคกว่า อย่างที่บอกครับ ผมและจิมมี่คิดเหมือนกัน
อัตราเร่ง 2.0 ไม่ได้แย่เลยถ้ามองจากมุมของคนขับรถทั่วไป ผมว่าถ้าลอยลำแล้วมันก็เร่งได้เร็ว
เหมือนรถเก๋ง 1.6L โดยประมาณครับ ซึ่งรถแบบนี้หลายคนขับไปมารอบประเทศแล้วรับได้ ผมว่าไม่มีปัญหา
เอาล่ะหลังจากดูภาพรวมไปแล้ว ทีนี้ผมจะมาเก็บตกรายละเอียดส่วนอื่นๆ จำง่ายๆนะครับว่าถ้าเข้าภายในรถปั๊บ
สิ่งที่จะต่างจากตัว 2.0V นั้นแทบจะหาไม่เจอครับ นอกจากเจ้าหลังคา Panoramic Sunroof
ซึ่งเป็น Feature ที่เป็นจุดขาย แต่การที่จะเปิดหลังคานี้ได้ก็ต้องเผื่อที่เอาไว้นิดหน่อย
ดูจากภาพเห็นบนหลังคาไหมครับ นั่นล่ะตรงนั้นที่ปูดออกมา มันอาจจะไปเบียดหัวของคนตัวสูงเกิน 180 บ้าง
ตอนเข้าไปนั่ง แต่พอนั่งเสร็จแล้วหัวพิงเข้าที่ มันจะไม่มาโดนหัวหรอกครับ (ผมสูง 183 ซ.ม.)
หลังจากถ่ายภาพหลังคาตะกี้ ภารกิจต่อไปคือปีนเข้าไปนั่งเบาะแถวสาม..
ขอบ่นนิดๆได้มะ คุณผู้อ่านที่รักอยากเห็นผมนั่งเบาะแถวสามกันเหลือเกิน ก็จัดให้ พอจัดให้เสร็จ
ถ่ายรูปลง มี comment ประเภทว่าจะเข้าไปนั่งทำไม ปกตินั่งเหรอ? ขออนุญาตไม่สุภาพนิดนะครับ
เผอิญไม่ใช่นางงามจักรวาล "คราวหน้าพวกมึงช่วยไปคุยกันก่อนว่ากูเนี่ย 148 กิโลเนี่ย
จำเป็นต้องไปนั่งเบาะแถวสามให้ดูอีกมั้ยคะฮึ มันปีนเข้าไปนั่งยากกว่าพวก PPV นะเฟ้ย
หลังแทบหัก และนี่ถ้าไม่ใช่กางเกงยีนส์ รับรอง ขาด! ขาดไปแล้วแน่ๆ!"
สรุปคือ ให้มองมันเป็นออพชั่นประเภทมีไว้ดีกว่าไม่มี..เพราะตอนคุณไม่ใช้ มันก็สามารถพับหายต๋อม
ไปกับพื้นได้ครับ และเอาไว้ใช้เวลาจำเป็นจริงๆ นั่งระยะสั้นๆเท่านั้น น้องสิงห์คนอ่านของเราที่ตัวผอมกว่าจิมมี่มาก
เข้าไปลองนั่งดูยังนั่งลำบากเลยครับ คือมันต้องเป็นเด็ก ไม่ก็คนที่ตัวเล็กมากจริงๆครับ
เราเลิกทะเลาะกันเรื่องเบาะแถวสามดีกว่า มีเอาเบาะแถวหน้ากับแถวสอง
คุณดูในภาพเอาแล้วกันว่ามันพอได้มั้ย? ผมสูง 183 หนัก 148 (หนักกว่าตอนเปิดเว็บ 10 kg.
ผมกล้ากินกล้าทำกล้ารับ น้ำหนักเพิ่มก็บอกตรงๆ ไม่เหมือนบางคนเปิดเว็บมาห้าปี
น้ำหนักเคลมเท่าเดิมตลอดว่ะ อุ๊บส์)
ด้วยเกียรติของลูกเสือสามัญ ผมจะขอเรียนให้ทราบว่า
1. ตำแหน่งเบาะหน้าที่เห็น คือตำแหน่งที่นั่งขับแล้วถนัดครับ
ไม่ได้ปรับแบบเผื่อๆให้ใครมานั่งหลัง สังเกตได้ว่าพนักพิงโดนเสา B บังหายหมด
2. จากนั้นผมก็ย้ายตัวเองมานั่งเบาะหลัง พื้นที่ที่เห็น ไม่ถึงกับให้ผมเต้นบัลเลต์ได้
แต่มันขยับขาไปมาได้สบายมากครับ ฐานล้อที่ยาวสุดในคลาสมีผลตรงนี้จริงๆ
ส่วนตัวเบาะ หลังจากขับมาสองคันแล้ว คอนเฟิร์มครับว่าถ้าพูดถึงเรื่องความอู้ฟู่ สบาย
ฟองน้ำหนานุ่มกำลังดี X-Trail ดีที่สุดในบรรดารถระดับเดียวกัน โดยเฉพาะถ้าจำเป็นต้องนั่งหลัง
เดินทางไกลนานๆ ผมยกให้เบาะของ X-Trail ดีที่สุดในคลาส เหมือนกับที่จิมมี่เคยบอกไว้
เห็น Fuel Economy 9.5 ก.ม./ลิตร อย่าเพิ่งกรี๊ดแล้วหันไปจับ PPV วาง 1UZ ติดLPG นะครับ
ผมต้องอธิบายก่อนว่าอัตรานี้คือ รถคันนี้ถูกใช้วิ่งไปและกลับในทริปนี้ ขาไป คนอื่นขับ
เราไปเจอรถบรรทุกน้ำแข็งคว่ำที่วงแหวนก่อนถึงพหลโยธิน รถติดบ้าบอที่สุด แล้วพอออกทางโล่ง
เราก็ซัดกันพอสมควร มันถึงได้เรตนี้ ผมเอามาให้ดูเพื่อพิจารณา แต่ถ้าอยากรู้ว่าของจริงกินแค่ไหน
รอจิมมี่มาทดสอบให้ดูดีกว่าก่อนเอาไปเทียบกับคู่แข่ง
บางท่านมีความเชื่อว่า 2.5 จะประหยัดกว่าถ้าขับออกทางไกล ผมมีความเชื่อว่าถ้าขับไม่โหด
วิ่งไม่เกิน 130 ผมคิดว่า 2.0 ประหยัดกว่า..เดี๋ยวรู้ ..เดี๋ยวรู้
ส่วนเรื่องอัตราเร่งนั้น 2.5 นี่โชคดีที่ผมมีโอกาสได้ขับในเส้นทางที่ถนัดและเป็นพื้นราบให้จับอัตราเร่งได้
แต่ขอบอกไว้ก่อนว่ามันคือผม 148ก.ก.กับพี่ทีมงานนิสสันที่หนักประมาณ 80 โลนะ..
อัตราเร่งจะไม่ดีเท่าเวลาจิมมี่ไปทำ เพราะน้ำหนักบรรทุกต่างกันมาก
0-100 ก.ม./ช.ม. = 10.1, 10.46, 10.44 วินาที
80-120 ก.ม./ช.ม. = 7.41, 7.46, 7.37 วินาที
(เร็วกว่าตัว 2.0 ราว 2 วินาที)
ถ้าเป็นจิมมี่ทำเวลาเอง ผมว่า 0-100 ลงไปแตะ 9 และ 80-120 มีสิทธิ์ขึ้นต้นด้วยเลข 6 ครับ
การถ่ายทอดพลังของ 2.5 ลิตรนั้น เหมือนเอาตัว 2.0 ไปกินสเตียรอยด์
คือ 2.0 เนี่ย จะคุมคันเร่งง่ายกว่า สุภาพกว่า ในขณะที่ 2.5 นั้น อารมณ์ประมาณว้ากเกอร์รุ่นพี่
พร้อมมีเรื่องอ่ะครับ เหยียบหน่อยๆรอบไปก่อน ความเร็วตามมาเลย กระปรี้กระเปร่าคนละเรื่อง
ดูสเป็คแล้วไม่น่าเชื่อว่าแรงบิดต่างกันแค่ 30กว่าNm นะ นี่พูดตามตรง Teana 2.0 กับ 2.5 ต่างกันขนาดไหน
ไอ้เจ้านี่ก็ประมาณนั้นเลย มันพอจะเป็นรถสำหรับพ่อบ้านแอบเท้าโหดได้สบายครับ
แต่เทียบกับ CX-5 2.5 แล้วเป็นอย่างไร ผมคิดว่า Mazda ยังทำความเร็วได้สะใจกว่าอยู่ดีครับ
ผมเปล่าพูดเอามันส์นะครับ ลองค้นดูคลิป CX-5 2.5 ย้อนหลังกันได้ จะเห็นว่า Mazda
สร้างอัตราเร่งได้เร็วเท่านี้..แต่ทำโดยที่มีทั้งผม จิมมี่ เต้บดินทร์ และน้องเปาอยู่บนรถทั้ง 4 คน..
เห็นภาพนะครับ และเกจ์ความเร็วของมาสด้าจะเพี้ยนน้อยมาก
ในขณะที่ X-Trail วิ่ง 100 ความเร็วจะได้ประมาณ 93-94 ครับ
เสียงเครื่อง..น่าแปลกดีครับ ตอนเป็น Teana MR20DE เสียงตัว 2.0 จะดังกว่า QR25 2.5
แต่มาคราวนี้ กลายเป็นว่า MR20DD ตัวใหม่ เวลากดจริงๆ ไม่ได้โวยวายมาก แต่กลับเป็น QR25
ที่เสียงเอาเรื่องกว่า คำรามดุกว่า เออ..เอาไงดี โดยเฉพาะตอนขับที่หุบเขาแถบอ.หมูสี ทางขึ้นเนิน เกียร์ต่ำ
คันเร่ง 50% เสียงตัว 2.5 จะดังพอสมควรครับ และมันไม่ใช่เสียงเครื่องที่น่าฟังขนาดนั้นถ้าเทียบกับ Mazda
บางคนอาจจะบอกว่า แหมก็ CVT มันไม่ได้ไล่รอบเหมือนเกียร์ 6 สปีดนี่..หุ..จะบอกว่า CVT ของ X-Trail
เวลากดสุด เกียร์จะมีการไล่รอบเลียนแบบเกียร์ออโต้ครับ
หลังคาของรุ่นขับหน้ากับขับสี่ วิ่งมาไกลๆจะรู้ว่าใครเป็นใคร..ดูแร็คหลังคาก่อนเลย
ภายในของตัว 2.0E ขับหน้า กับ 2.5V ขับสี่ สีภายในจะไม่ได้เป็นไปตามสีตัวรถ
แต่เป็นไปตามรุ่นและเลือกไม่ได้ ขับสองจะได้สีเบจเท่านั้น และขับสี่จะได้สีดำเท่านั้นครับ
CommanderCHENG