REVIEW BEST FAMILY TRIP!!: 7 DAYS IN NEW ZEALAND (First time and won't be last!)

[HYDE--]

สวัสดีครับ เพื่อนๆ ทุกคน นี่คือรีวิวครั้งแรกของผมครับ ยังไม่มีโอกาสได้ทำรีวิวรถซักที ขอมารีวิวทริปครอบครัว ที่ผมพึ่งไปช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาแทนละกันครับ
โดยปกติ ครอบครัวผมก็จะหาโอกาสไปเที่ยวต่างประเทศกันทุกปีครับ จริงๆ แล้ว คุณพ่อผมอยากไปเที่ยว New Zealand นานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้ไปซะที
กว่าจะว่างตรงกัน พอว่างตรงกันก็ไปที่อื่นบ้าง จองไม่ทันบ้าง แต่พอมาปี 2014 คุณพ่อยื่นคำขาดว่า ยังไงๆ ปีนี้ ต้องไป New Zealand ให้ได้ ถึงขนาดให้พวกผม
จัดการเรื่องวันหยุดกันตั้งแต่กลางๆ ปี กันเลยทีเดียว

- นั่งเครื่องบินโหดม้ากกกก Bangkok - Singapore - Brisbane - Chrishchurch ที่ต้องบินแบบนี้เพราะ หาไฟลท์บินตรงไม่ได้เลย เต็มแน่นหมด แต่ก็ดีเหมือนกัน จะได้เซฟค่าเครื่อง   บินไป ไฟลท์จาก Bangkok - Singapore จะเป็นละไฟลท์กับ Singapore - Brisbane - Christchurch เลยครับ

- เราเที่ยวโดยการ เช่ารถ Campervan ขนาดสำหรับ 6 คน วิ่งวนรอบเกาะใต้ โดยเริ่มจาก
   Chrishchurch - Hokitika - Fran Joseph / Fox Glacier - Wanaka - Queenstown - Mt.Cook / Aoraki - Lake Tekapo - แล้วกลับมา Christchurch อีกรอบ

- ตอนแรกที่จับพวงมาลัยของ Campervan รู้สึกว่า ขับยากพอสมควรครับ เพราะรถทั้งยาว หนัก และสูง จึงทำให้ต้านลมพอสมควร และเนื่องจากมีส่วนที่เป็นบ้าน จึงต้องขับค่อนข้างระวัง จะมาขับเหวี่ยงๆ ไม่ได้ ความรู้สึกค่อนข้างต่างจาก Hyundai H1 ที่บ้านเยอะพอสมควร แต่พอขับไปสักพัก ก็เริ่มชินครับ

- รถ Campervan จะมีทุกอย่างครบ โซฟาที่สามารถเปลี่ยนเป็นเตียงนอน ตู้เก็บของ ครัว ห้องน้ำ และเป็นแบบ Self-contained คือสามารถเก็บของเสียในตัวได้ และจะต้องไปปล่อยน้ำเสียในบริเวณที่กำหนดเท่านั้น ซึ่งตามเมืองก็จะมี Holiday Park ซึ่งเป็น Camp Site สำหรับรถบ้านโดยเฉพาะ จะมีปลั๊กสำหรับชาร์จไฟฟ้า ก๊อกน้ำ ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนั่งเล่น รวมทั้งจุดปล่อยของเสีย


- ผมไม่ใช่คนถ่ายรูปเก่งครับ แต่ยอมรับว่า วิวมันสวยมากๆ ตัวเมืองไม่ได้มีความเจริญสักเท่าไหร่เลย ถนนเป็น 2 เลนทั้งประเทศ
   แต่ด้วยความสวยงามของธรรมชาติ ที่มีสภาพสมบูรณ์สุดๆ ทำให้ผมนึกถึงสโลแกนที่ว่า "Pure New Zealand" เลยครับ

- รูปอาจจะไม่ค่อยครบทุกรายละเอียดนะครับ บางส่วนมาเติมทีหลังจากกล้องอื่น บางส่วนใช้อธิบายเอานะครับ


Day 1: Arrived at Christchurch

หลังจากการเดินทางที่เหนื่อยล้าและยาวนาน ในที่สุด เราก็มาถึง Christchurch Airport (ไม่ยักมีคำว่า International) เวลาประมาณ เที่ยงคืน ซึ่งจะต้องรอเอารถ Campervan ตอนประมาณ 9 โมงเช้า ก็เลยตกลงหาโรงแรมนอนกันก่อน น้องสาวผมจัดการหาเบอร์โทรโรงแรมใกล้ๆ ที่เป็น Airport Hotel เค้าก็ส่งรถมารับ คืนแรกก็ยังไม่มีอะไรครับ

หลักจากที่ทุกคนได้นอนพักกันบ้าง ผม พ่อ แม่ ตื่นไปเอารถ Campervan ตามเวลาที่นัดไว้ ใช้หลักฐานการรับรถคือ ใบขับขี่ ใบขับขี่สากล และ Passport รอบนี้เรามากัน 5 คน แต่มีคนขับ 3 คนคือ ผม พ่อ และ น้องชายผม รถที่ได้เป็น MB Sprinter ปี 2008 ที่ดัดแปลงเป็นรถบ้าน จริงๆ แล้วเราควรจะได้รถปี 14 ด้วยซ้ำหากจองเร็วกว่านี้ เพราะตอนแรกกะว่าจะเช่ารถธรรมดาแล้วพักโรงแรม แต่มาเปลี่ยนใจทีหลัง เลยจองช้าครับ

ออกเดินทางจาก Chrishchurch ตอน 11 โมง ก่อนออกก็แวะทานอาหาร และซื้อของที่ Super Market ในเมืองกันก่อน เพราะในรถสามารถทำอาหารเองได้ แล้วก็ได้เวลาออกเดินทางกันเลยยยย











ชุดแรกยังไม่มีอะไรครับ นี่คือตอนที่กำลังขับรถไปที่เมือง Hokitika ซึ่งเป็นจุดพักแรก อันนี้แค่จอดถ่ายข้างทาง เห็นมันสวยดี เท่านั้นเองครับ

เราแวะที่เมือง Hokitika และเข้าไปสอบถามกิจกรรมต่างๆ ที่ i-Site ซึ่งเป็นจุดบริการนักท่องเที่ยว ที่มีตามเมืองต่างๆ เพื่อดูกิจกรรมต่างๆ และได้ทำการจองและชำระเงินไปบางส่วน เพราะเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ ทำให้มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ที่จองไปก็คือ Bungy Jump ที่ Kawarau Bridge อันโด่งดัง และ Sky Dive ที่ Fox Glacier

จาก Hokitika ก็แค่แวะกินข้าว (จริงๆ ไม่ใช่ข้าวครับ ส่วนใหญ่มีแต่ Burger Sandwich ทั้งนั้น เมืองเล็กๆ นี่ แทบจะไม่มีโอกาสได้แตะอาหาร Asian เลยครับ) และเราตัดสินใจเดินทางต่อไปที่ Fox Glacier กันเลย กว่าจะไปถึง Camp Site ก็เริ่มดึกแล้ว ขับรถกันอย่างเมามันส์

[HYDE--]

จ้ากกกก รูปดันไม่ขึ้นซะงั้น เดี๋ยวมาต่อนะค้าบบบบ

[HYDE--]

Yessss ลงรูปได้แล้ววว เดี๋ยวมาต่อกันเลย จะทยอยลงนะครับ

[HYDE--]

Day 2 - Fran Joseph Glacier

Fran Joseph Glacier และ Fox Glacier จริงๆ แล้ว ทั้งสองคือชื่อของ อุทยานแห่งชาติ ที่มี Glacier หรือ ธารน้ำแข็ง อยู่บนยอดเขา ซึ่งจากที่ไปมาในหลายๆ ประเทศ เค้าจะใช้ชื่อ อุทยานแห่งชาติ มาตั้งเป็นชื่อเมืองไปเลย ต่างจากเมืองไทย ที่ยังคงใช้ชื่ออำเภอเป็นชื่อเดิม ซึ่งถ้าเมืองไทยทำแบบเดียวกันนี้ ก็จะเปลี่ยนชื่อจาก อำเภอปากช่อง เป็น อำเภอเขาใหญ่ เป็นต้น

คืนแรก เราพักกันที่ Top 10 Holiday Park หรือเรียกอีกอย่างว่า Camp Site แห่งหนึ่งในตัวเมืองเล็กๆ ใกล้ๆ Fran Joseph Glacier National Park เราตื่นกันแต่เช้า มาอาบน้ำกัน อากาศค่อนข้างเย็นพอสมควร ประมาณ 15 องศา แต่ก็ไม่ถึงขนาดอาบน้ำไม่ไหว วันนี้มีนัดไป Sky Dive ด้วย ช่วงเช้าเราทานอาหารกันอย่างง่ายๆ แล้วไปที่ Fran Joseph Glacier กันก่อนที่จะไป Sky Dive ที่ Fox Glacier ที่อยู่ใกล้ๆ

ให้ดูบรรยากาศใน Camp Site ซึ่งที่นี่ ถือว่า ค่อนข้างเงียบสงบครับ คนไม่หนาแน่น เหมือนที่อื่นๆ ที่เรากำลังจะไปเจอ






ต่อมา ก็ไปที่ Fran Joseph Glacier National Park กันเลย เดินขึ้นไปดู Glacier กัน ดูเหมือนว่า สมาชิก ยังดูง่วงๆ กันอยู่นิดหน่อยครับ



ทางเดินขึ้น







ถ่ายรูปกันมันส์มาก กว่าจะเดินถึง





สิ่งหนึ่งที่ผมชอบมาก เกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติของที่นี่ ก็คือ เค้าคงความเป็นธรรมชาติไว้ได้ดีมากๆ ครับ ทำให้รู้สึกว่า เรากำลังมาเดินป่าจริงๆ คือแค่ ทำทางเดิน เท่าที่จำเป็นเท่านั้น ต่างจากของบ้านเรา ที่มีการไส่ทางเดิน ทางกัน ป้ายเยอะแยะไปหมด จากมาเดินป่า จะกลายเป็นเหมือนเดินสวนสาธารณะธรรมดาๆ มากกว่า


และนี่ก็คือ โฉมหน้าของ Glacier หรือ ธารน้ำแข็ง ซึ่งเป็นน้ำจากภูเขา แต่ด้วยอุณหภูมิบนยอดเขาที่หนาวเย็น บวกกับชั้นน้ำแข็งที่มีอยู่ก่อน จึงทำให้ น้ำภูเขา กลายสภาพเป็น ธารน้ำแข็ง อย่างที่เห็น ซึ่งน้ำใน Glacier นั้น ถือเป็นน้ำที่บริสุทธิมากๆ ครับ ถ้าเป็นเมื่อก่อน Glacier จะย้อยลงมาถึงตีนเขาเลย แต่ด้วยอุณหภูมิโลกที่ร้อนขึ้นจากภาวะเรือนกระจก จึงทำให้ Glacier ลดลง เหลือแค่บนยอดเขา ซึ่งปริมาณของ Glacier ก็จะเป็นตัวชี้วัด สิ่งแวดล้อมของโลกเราอย่างนึงด้วย อันนี้เท่าที่ทราบนะครับ ถ้าข้อมูลผิดพลาดยังไง ขออภัยด้วย



จริงๆ แล้ว เค้ามีบริการเช่า เฮลิคอปเตอร์ ขึ้นไปพาเดินบนยอด Glacier ด้วยนะครับ แต่ด้วยเวลาจำกัด บวกกับค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง เลยไม่ได้ขึ้นไปครับ

[kikumarru]

ที่บอกใส่ทางเดิน ไว้ในอุทยานอ่ะของไทยมันใส่แล้วไม่สวยงาม ส่วนใหญ่ไม่มีทางเดินไปในจุดที่สวยๆ จะต้องไปลุยกันเองเองมากกว่า ที่มีทางเดินมักจะเป็นอุทยานที่ใหญ่ๆเท่านั้น ส่วนอันเล็กๆนี่แทบจะปีนกันเลยทีเดียว ซึ่งการจะทำให้ที่ท่องเทียวมีคนไปเยอะๆจะต้องทำให้ทุกคนไปได้ ตั้งแต่เด็กยันคนแก่เน้อ ถ้าเคยไปจีนจะเหนว่าทางเดินทำด้วยไม้ทำทางเดินกว้าง และยาวมาก ทางเดินตลอดเส้นทาง ทุกคนสามารถไเที่ยวได้ตั้งแต่เด็นยันคนแก่ แต่การทำของเค้าสวยงาม ดูเข้ากะธรรมชาติ และหลบเลี่ยงจุดถ่ายภาพที่จะถ่ายไม่สวย และทุกคนเดินได้แต่เฉพาะบนทางเดินออดนอกทางเดินไม่ได้ ไม่ไปทำลายธรรมชาติ บางแห่งมีกระเช้าขึ้นเขา แต่กระเช้าจะไปอยู่ด้านตรงข้ามเลยที่เดียวไม่ทำลายทัศนียภาพ

[HYDE--]

Day 2 (Continued) - Sky Dive

หนึ่งในกิจกรรมที่ขึ้นชื่อของ New Zealand ก็คือ การไปโดด Sky Dive ครับ แน่นอนว่าเราไม่ได้โดดเอง เราจะต้องเอาตัวไปผูดติดกับ นักโดดร่มมืออาชีพ ดังนั้นก็พอจะเรียกได้ว่า ขอแค่ใจถึง ก็โดดได้ทั้งนั้น ซึ่งแต่ละเมืองก็จะมี Airstrip พร้อมทีมนักโดดร่มให้ ทางบ้านผมก็เลือกที่ Fox Glacier เพราะที่สำนักงานบอกว่า ของเมืองนี้น่าสนใจที่สุด เพราะวิวสวย และไม่มีการจราจรทางอากาศมากนัก (อย่าลืมว่า New Zealand มีสนามบินเล็ก และเครื่องบินเล็ก เยอะกว่าประเทศไทยมากครับ)

โฉมหน้าผู้กล้าครับ โดดกันทั้งบ้านเลย แต่คุณแม่บอก ขอเป็นตากล้องดีกว่า อิอิ ส่วนรูปบนฟ้า เดี๋ยวมาเพิ่มให้ครับ ^^











พวกผมเลือกโดดที่ความสูง 13,000 ฟุต สำหรับคนที่โดดเป็นครั้งแรก และยังไม่ต้องใช้หน้ากากอ็อกซิเจนครับ ที่ความสูงระดับนี้ ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีในการนั่งเครื่องบินเล็กขึ้นไป (ตอนเครื่องขึ้นรู้สึกนานมากครับ 5555) เวลาจะโดด ไม่มีเวลาคิดครับ เพราะเค้าจะดันเราลงมาเลย ถึงตอนนั้น ก็จะ Free Fall ด้วยความเร็ว 190 km/h อยู่ประมาณเกือบๆ 1 นาที ลมตีหน้าแรงมากครับ แล้วพอร่มกาง ก็ลอยอยู่แบบนั้นอีก 5 นาที ระหว่างนี้ก็ชมวิวไปเรื่อยๆ ตอนที่ลอยอยู่มันเงียบมากครับ วิวก็สวย แต่เวียนหัวม้ากกก แถมปวดหูอีก เพราะเราไม่เคยเจอการเปลี่ยนของความดันอากาศที่เร็วแบบนี้ กว่าจะหายปวดหู ก็ใช้เวลาพอสมควร สรุป ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีครับ ลงมาก็แอบเพลียๆ เหมือนกัน

[HYDE--]

Day 2 (Continued) - Lake Matheson หรือที่คนไทยเรียกว่า ทะเลสาปกระจก

ต่อไปก็เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ ก็คือ Lake Matheson ซึ่งอยู่ในบริเวณของ เมือง Fox Glacier เช่นกัน ตอนแรกก็คิดว่าจะอยู่ใกล้ๆ แต่ความจริงต้องเดินเข้าป่าตาม Trail อีกราวๆ 45 นาทีครับ ระหว่างเดินก็ถ่ายวิวไปเรื่อยๆ จนไปถึงตัว Lake มองด้วยตา ก็จะพบว่า มองบางมุมก็จะเห็นเป็นเงาสะท้อนท้องฟ้าและภูเขาอยู่ในน้ำครับ แต่เสียดายที่ผมถ่ายรูปออกมา มันไม่เป็นกระจกอย่างที่เขาถ่ายครับ

บริเวณปากทางเดินครับ อากาศค่อนข้างร้อนและแห้งครับ (คิดดูละกัน ผมไปเที่ยว ภูเก็ต กระบี่ หน้าไม่เคยลอก แต่ไปทริปนี้ จมูกลอกเลยครับ เพราะไม่ค่อยได้ทา Moisturizer เท่าไหร่) ช่วงที่ทางเดินก็จะเป็นป่า และทางแคบๆ ครับ เดินเข้าไปลึกพอสมควร เอาภาพบางส่วนมาให้ดู แม้จะเดินไกล แต่ก็เหมือนเดินดูธรรมชาติไปในตัวครับ










เดินมาถึงแล้วว Lake Matheson แต่ถ่ายออกมา ไม่ค่อยจะสะท้อนเท่าไหร่แฮะ



ระหว่างทางเดินออก ก็เดินดูธรรมชาติไปเรื่อยๆ ครับ

[HYDE--]

Day 2 (Continued) - Fox Glacier

คราวนี้มาดู Glacier อีกจุดนึงครับ ซึ่งของที่นี่ แม้จะไม่ได้ขึ้นไปบนยอด แต่ก็ได้ดูในระยะที่ค่อนข้างใกล้พอใช้ได้ครับ กว่าจะเดินขึ้นไปถึงก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน ใช้เวลาเดินราวๆ เกือบ 1 ชั่วโมง ทางเดินเป็นทางลาดช่วงแรก และขึ้นเขาในช่วงท้ายๆ ครับ ระหว่างเดินก็ชมธรรมชาติสวยๆ ไปเรื่อยๆ แม้จะมีการเกลี่ยทางเดินไว้ให้ แต่ในบางจุดก็ยังมีการปักป้าย ระวังหินถล่ม อยู่เหมือนกัน

มุมจากตีนเขา




ระหว่างที่เดินขึ้น














มาถึงยอดแล้ว ไม่สิ เรียกว่าจุดชมวิวดีกว่า จากตรงนี้ ก็จะเห็น Fox Glacier ในมุมที่สวยกำลังดีครับ





เดินกันเหนื่อยทีเดียวครับ กว่าจะถึง โอ้โห รู้สึกว่าวันนี้จะไปหลายที่มากเลยนะเนี่ย ก็แหงล่ะ กว่าพระอาทิตย์จะตกดิน ก็ปาเข้าไป 3 ทุ่ม เลยเที่ยวลืมเวลา เลยต้องเปลี่ยนแผนเล็กน้อย จากที่ตอนแรก จะไปเมืองที่ชื่อว่า Queenstown ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อีกเมือง ที่รวมกิจกรรมหลายๆ อย่างไว้ (รวมทั้ง Count Down ปีใหม่) ในวันนี้ เลยต้องพักในตัวเมืองของ Fox Glacier อีกวันนึง กว่าจะถึงที่พักก็ค่ำพอสมควรครับ

ก่อนนอน Staff ที่พัก แนะนำให้ไปเดินดู Glow Worm หรือ หนอนเรืองแสง ที่อยู่ในทางเดินป่าใกล้ๆ ซึ่งมืดม้ากกกกก แต่ก็ได้ภาพประมาณนี้มา



ตัวมันน่าจะมีสารคล้ายๆ กับ หิ่งห้อย บ้านเราครับ ถ้าอยู่ในที่มืด จะเห็นเป็นเม็ดแสงเล็กๆ ตามโขดหิน ต้นไม้ พอเอาไฟส่องใกล้ๆ ก็หน้าตาเป็นเส้นเล็กๆ แบบนี้

[HYDE--]

Day 3 - Drive to Queenstown

วันนี้ไม่ได้มีกิจกรรมอะไรที่จองไว้ล่วงหน้า ก็เลยขอชิลๆ นิ้สสสสนึง ตื่นเช้ามา ทานอาหารง่ายๆ แล้วต้องขับรถอีกราวๆ 4 ชั่วโมง จำไม่ได้ว่าไกลแค่ไหน แต่ก็ไกลพอสมควร เอ๊ะยังไง?!?! ไปที่ Queenstown ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อีกหนึ่งเมืองของ South Island นอกเหนือจาก Christchurch เป็นเมืองที่รวมร้านอาหาร แหล่งช๊อปปิ้ง กิจกรรมต่างๆ อันโด่งดัง เช่น Bungy Jump, Jetboat, Skydive, Luge, และอื่นๆ ซึ่งแน่นอนว่า "เมืองใหญ่" ของบ้านเค้า ก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมายหรอก ช่วงปีใหม่ เมืองก็จะแน่นเอี๊ยดไปหมด ชาวเมืองคงช็อคเหมือกัน ปกติอยู่กับแบบสงบๆ พวกเราเลยเลือกพักที่ Arrow Town ซึ่งอยู่ห่างจาก Queenstown ประมาณ 20 กิโลเมตรแทน

อ้อ ลืมบอกไป วันนี้แวะ Salmon Farm ระหว่างทางด้วย ทานเป็น Brunch แล้วก็ซื้อ Salmon มาทำ Sashimi ด้วยครับ รูปอยู่อีกกล้อง เดี๋ยวค่อยเอามาลงแล้วกัน ค่อนข้างประทับใจกับเนื้อปลาที่นี่ เพราะนุ่ม อร่อย และสดมากๆ ครับ




เราแวะพักกันที่ Lake Wanaka กะว่าจะนั่งกินข้าวกันแบบชิลๆ เพราะในรีวิวที่อื่น ก็บอกว่าสวย ซึ่งมันก็สวยจริงๆ ครับ แต่...ลมแรงม้าาาากกก เลยได้แค่ ถ่ายรูปแล้วไป














ช่วงทางใกล้ๆ ถึง Queenstown จะเป็นทางลงเขาที่คดเคี้ยวและลาดชันมากๆ ก็เลยได้ภาพวิวจากมุมสูงมานิดหน่อย





อย่างที่บอก จุดหมายของเราจริงๆ คือ Queenstown แต่เรามาพักที่เมืองใกล้ๆ ที่เล็กกว่า ชื่อว่า Arrowtown ซึ่งแม้จะเป็นเมืองข้างๆ คล้ายๆ กรุงเทพ กับ นนทบุรี ประมาณนั้น แต่คนก็ยังแน่นมากๆ ครับ ตอนแรกกะว่า จะหานอนตามริม Lake แต่หาที่บรรยากาศดีๆ ปลอดภัยๆ ไม่ได้ ก็เลยต้องมาเข้า Camp Site อีกตามเคย แต่ก็ได้ความสะดวกดีครับ








เริ่มเย็นแล้ว ชมเมืองเสร็จ ก็กลับมาที่ Camp Site ซึ่งแน่นม้ากกกกก คือแบบ ทั้งเต้นท์ ทั้งรถบ้าน เพียบครับ อย่างที่รู้ๆ กันว่า คนที่นี่ มีรถบ้าน กับ เรือ เป็นเรื่องปกติ วันหยุดทีก็ลากไปนู่นไปนี่ ส่วนใหญ่ก็ใช้รถเครื่อง 4-6 สูบธรรมดาๆ นี่แหละ ไม่ได้ใช้ V8 Hemi บ้าพลังเหมือนคนอเมริกัน




มื้อนี้ก็ทำอาหารง่ายๆ ครับ เละๆ หน่อย แต่อร่อยฝุดๆ อย่าบอกใครเชียว ลืมถ่ายรูป น้ำพริกตาแดงมาด้วย จิ้มกับเนื้อแกะ โอ้ย ฟินๆๆๆ











คืนนี้ก็ต้องรีบอาบน้ำนอน เพราะโปรแกรมตอนเช้า มีโดด Bungy Jump ต่อด้วยขึ้นไปเล่น Luge บนเขา ตอนกลางคืนกะว่าจะหาร้านอาหารไทยทานในเมือง ต่อด้วย Countdown ปีใหม่

[HYDE--]

Day 4: Bungy Jump



เป็นครั้งแรกที่จะมาโดดบันจี้ครับ ซึ่งก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่โด่งดังที่สุดของเมืองเลยทีเดียว ไม่สิ ของประเทศ New Zealand ต่างหาก ซึ่งที่ๆ พวกผมเลือก ก็คือ Kawarau Bridge ซึ่งเป็น Commercial Bungyjump ครบวงจร ที่แรกของโลก ของ AJ Hackette โดดที่นี่ วิวสวย ด้านล่างเป็นน้ำ ความสูง 43 เมตร ดูตัวเลขเหมือนไม่สูงใช่ไหมละครับ แต่ตอนไปยืนตรงนั้น แมร่ง โคตร น่ากลัว เลยครับ น่ากลัวกว่า Sky Dive ซะอีก













ตอนแรกก็กะว่า จะให้ลงน้ำนะ แต่ฝนตก แถมอากาศค่อนข้างเย็น (สำหรับคนไทยอะนะ) ก็เลย เอาแค่นี้พอครับ แค่นี้ก็ร้องซะจน คนดูขำกลิ้งแล้วครับ เท่าที่ดู คนอื่นที่โดด ไม่มีใครร้องดังแบบผมหร๊อกกก

[HYDE--]

Day 4 (Continued) - Queens Town Skyline

มาต่อกันที่นี่ครับ ซึ่งเป็นยอดเขาใจกลางเมือง Queenstown จากตรงนี้จะเห็นทั่วเมือง จนออกไปที่ Lake กลางเมือง และมี Luge อยุ่ด้านบนด้วยครับ













เสร็จจากที่นี่ ก็กลับที่พัก แล้วออกมา Count Down อีกรอบ วันต่อมาจะไป Walter Peak Farm ที่เป็นฟาร์มแกะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชม

[HYDE--]

Day 5: Walter Peak Farm, Then go Aoraki (Mount Cook)

วันนี้ไปฟาร์มแกะกันครับ ซึ่งจะต้องนั่งเรือ Ferry ไป แม้จะไม่ได้เป็นเกาะก็จริง แต่ถ้านั่งเรือไป จะสะดวกกว่า เห็นเค้าว่างั้น ช่วงเช้า ก็มาขึ้นเรือกันที่ท่าเรือในเมือง Queenstown แล้วนั่งเรือกลไฟที่ชื่อว่า TSS Earnslaw ซึ่งเป็นเรือที่ใช้ในการขนส่งสินค้าของฟาร์มแกะตั้งแต่แรก ตอนนี้พอมีถนนแล้ว เค้าก็ยังอนุรักษ์ไว้ และมาใช้เป็นเรือขนส่งผู้โดยสารแทน













ใช้เวลานั่งเรือ ราวๆ 45 นาทีครับ อากาศดีมาก ไม่ร้อนเลย วิวก็สวย แต่แดดแรงมาก รังสี UV ของที่นี่ สร้างความเสียหายให้ผิวหนังได้เยอะกว่าแดดเมืองไทยครับ

[HYDE--]

นั่งเรือมาถึง Walter Peak Farm แล้วครับ บรรยากาศใช้ได้เลย ด้านหน้า อย่างที่บอก แดดแรงม้ากก บางภาพก็แสง Over ไปหน่อยครับ










หลังจากนั้นก็พาไปดูฟาร์มแกะด้านหน้า มี Staff แก่ๆ มาโชว์วิธีการตัดขนแกะให้ดู แล้วก็เดินดูรอบนอก ก่อนที่จะไป ดื่มน้ำชา กันที่ริมหาดครับ
เชื่อผมเหอะ ว่า แกะ มันน่ารักมากๆ เลยครับ












ต่อมาก็มาที่ ร้านน้ำชาริมหาด ครับ จริงๆ แล้วมันก็รวมอยู่ในค่าตั๋วแล้ว เลยไม่ต้องจ่ายเงินครับ














แล้วก็ไปดูส่วนอื่นๆ ด้านใน ไม่ใช่มีแค่แกะครับ แต่ยังมี Alpaca กวาง วัวแดง รวมทั้ง สุนัขเลี้ยงแกะที่เพาะพันธ์ขายครับ ซึ่งตัว Alpaca จะคล้ายๆ แกะ แต่จะมีคอยาว และขนของมันก็จะนุ่ม และมีราคาแพงกว่าขนแกะครับ









นอกนั้นก็ กลับไปที่ Queenstown อีกครั้ง ทานอาหาร เดินเล่นในเมืองนิดหน่อย แล้วก็ไปเมืองชื่อว่า Aoraki ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใกล้กับ Mount Cook National Park ครับ

[HYDE--]

Day 5 (Continued): The Amazing Dinner At Mt.Cook

จุดนี้ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของทริปนี้ครับ คือได้นั่งทานอาหาร ที่ทำกินกันเอง ซื้อของจาก Supermarket มานั่งตั้งโต๊ะกินกันข้างๆ Campervan แต่คราวนี้ เราได้เห็นวิวยอด Mt.Cook และ เทือกเขา New Zealand Alps ซึ่งจุดนี้ คุณพ่อผมชอบมาก ถึงขนาดบอกว่า "ครั้งหน้ามา ไม่ต้องไปไหนเลย มาอยู่ที่นี่สัก 4-5 วันก็ได้"

ขับรถจาก Queenstown ประมาณ 4 ชั่วโมง ก็มาถึง GlenTaner Holiday Park ซึ่งเป็น Camp Site ที่อยู่ใกล้ๆ Lake และเห็นวิว Mount Cook ค่อนข้างชัดเจน จุดที่รถจอด เพื่อเสียบชาร์จไฟฟ้า วิวไม่ค่อยเห็นอะไร ก็เลยขับมาตั้งโต๊ะกันกลางป่า ทั้งยุง ทั้งแมลง เยอะมาก แต่ก็นั่งได้ครับ เพราะวิวสวย+อากาศดีมาก ประมาณ 12-15 องศา ได้มั้ง

[HYDE--]

Day 6: Glacier Explorer at Mount Cook National Park

ตื่นแต่เช้า เพื่อไปรวมตัวที่ โรงแรมแห่งหนึ่ง ที่อยู่ใกล้ Mt.Cook National Park เพื่อเข้าโปรแกรม Glacier Explorer ซึ่งต้องนั่งรถบัส ไปประมาณ 10 นาที เดินไปที่ท่าน้ำอีก 20 นาที แล้วจึงนั่งเรือเล็ก เพื่อดู Lake ที่มีวิวเขา และน้ำแข็งที่มาจากยอดเขา

เริ่มจากตอนเดินไปที่ท่าเรือ ใช้เวลาประมาณนึง แต่ระหว่างเดินก็มีวิวสวยๆ ให้ดู


















หลังจากนั้น เราก็จะนั่งเรือเล็กไปดูพวก Ice Berg และ Glacier กันแบบใกล้ๆ ครับ ซึ่งทั้งหมดนี้ คือภูเขาน้ำแข็ง ที่โผล่ขึ้นมาจากใต้น้ำบ้าง หรือ หลุดมาจาก Glacier บ้าง เห็นโผล่ขึ้นมาแค่นี้ แต่อย่างที่เรารู้กันว่า ภูเขาน้ำแข็ง จะมีส่วนที่โผล่จากน้ำเพียง 5-10% เท่านั้น บางอันลึกเป็นร้อยๆ เมตรก็มีครับ

อยู่มาหลายวัน เริ่มเลี่ยนกับ ผู้หญิงฝรั่ง มารอบนี้ เลยได้นั่งใกล้สาวญี่ปุ่น 3 คน เค้ามาเที่ยวเหมือนกัน คนญี่ปุ่นคงไม่รู้หรอก ว่า ผู้ชายไหนน่ะ มองสาวญี่ปุ่น น่ารักขนาดไหน ^^ เห็นคุยภาษาญี่ปุ่นกัน ก็ดูน่ารักมากๆ แล้ว

[HYDE--]

Day 6 (Continued): Walking track along Mt.Cook, take some pictures, then leave for Lake Tekapo





หลังจากที่นั่งเรือ Glacier Explorer เสร็จ ก็รู้สึกว่า ยังไม่หนำใจกับ Mt.Cook เลยจะขอเดินต่ออีกสักหน่อย ใช้เวลาเดินราวๆ 20-30 นาที



คุณพ่อคุณแม่ยังเดินไหวครับ ไม่มีปัญหา

[HYDE--]

ตอนจะขับออกจาก Mt.Cook ไป Lake Tekapo ก็ยังไม่ยอมไปกันหรอกครับ ต้องจอดถ่ายรูปข้างทางอีกสักชุด มุมนี้ใช้ได้เลย พอเราจอดคันนึง ปรากฎว่า ฝรั่งดันจอดตามหลายคันเลยครับ

[HYDE--]

ใกล้จบละครับ ที่เหลือคือตอนกลับเข้ามา Christchurch แล้ว เดี๋ยวรอรูปหน่อย

[No Trespassing]

ขอปาดนิดนึงส์นะครับ

เครื่องที่บินไป CHC ก็มี EK418 เส้นทาง DXB-BKK-SYD-CHC ที่ผมทำอยู่ เครื่องออก 1930

ขากลับจะเป็น EK419 เส้นทาง CHC-SYD-BKK-DXB ถึงเมืองไทยประมาณ 0055 - 0100

---------------------------------------------------

ส่วนเรื่องตั๋วไม่ทราบราคานะครับ เพราะไม่ได้อยู่แผนกนี้ 

[Poj]

สวยงามมาก ขอบคุณครับ

[SM.]

ค่าเช่ารถประเภทนี้ ตกวันละเท่าไหร่ครับ

[Life is a Highway]

ขอบคุณครับ ชอบรีวิวแบบนี้มาก

[J!MMY]

อ่านกระทู้นี้ แล้ว สัมผัสได้ถึงความสุขของครอบครัวเลยจริงๆ

มาทำต่อนะครับ นั่งอ่านอยู่ครับผม

เห็นแล้ว อยากกลับไป New Zealand อีกรอบจังเลย  คราวที่แล้ว ที่ไปขับ CX-5
นั่นไปแต่เกาะเหนือ แต่ทริปนี้ เห็นได้ชัดเลยว่า เกาะใต้ ก็สวยงามมากๆ น่าไปมากๆ

[JIRATH]

โอย เสียวดีแท้ครับ ตั้งแต่โดดลงมาจากเครื่องบิน ถึง บันจี้จั้มพ์

รีวิวเยี่ยมครับ 

[GreenG]

ขอบคุณครับ

เป็นประเทศที่ผมอยากย้ายไปอยู่มากที่สุดจริงๆ

[TheZero]

น่าไปมากครับ  NEW ZEALAND  แต่เห็นนั่งเครื่อง 3 ต่อ แล้ว เหนี่อยเลย!

[Slipknot`]

ขอบคุณครับ สวยมากๆ

อยากไปจัง

[TRcdi]

วิวสวยมากๆๆๆ 
ครอบครัวดูน่ารักมากครับ