ผู้เขียน หัวข้อ: ราคาน้ำมันแบบนี้ ระหว่าง SKYACTIVE-D 1.5 และ SKYACTIVE-G 1.3 เลือกอะไรกันครับ  (อ่าน 10730 ครั้ง)

ออฟไลน์ Napat14

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 351
จากการคำนวน สมมุติจำนวนกิโลวิ่งได้เท่ากัน

เครื่องดีเซล น้ำมันดีเซล ราคา 26.39 ต่อ 1 ลิตร วิ่งได้ 26.4 Km ต่อลิตร นำมาหารกัน ผลจะได้ รถวิ่งหนึ่งกิโลเมตร จะมีค่าใช้จ่าย 0.999 บาทต่อกิโลเมตร
      น้ำมันดีเซลพรีเมียม ราคา 29.39 ต่อ 1 ลิตร วิ่งได้ 26.4 km ต่อลิตร นำมาหารกัน ผลจะได้ รถวิ่งหนึ่งกิโลเมตร จะมีค่าใช้จ่าย 1.111 บาทต่อกิโลเมตร
เครื่องดีเซล แรงบิดดีกว่า ทนทานกว่า แต่เสีย อะไหล่แพงกว่า ซ่อมเครื่องหัวฉีดปั้มต่างๆราคา สุงกว่า

เครื่องเบนซิน น้ำมันE10 95 ราคา 28.90 ต่อ 1 ลิตร วิ่งได้ 24.6 Km ต่อลิตร นำมาหารกัน ผลจะได้ รถวิ่งหนึ่งกิโลเมตร จะมีค่าใช้จ่าย 1.17 บาทต่อกิโลเมตร
น้ำมันเบนซินพรีเมียม 95     ราคา 35.96 ต่อ 1 ลิตร วิ่งได้ 24.6 km ต่อลิตร นำมาหารกัน ผลจะได้ รถวิ่งหนึ่งกิโลเมตร จะมีค่าใช้จ่าย 1.46 บาทต่อกิโลเมตร

เครื่องเบนซิน ซ่อมง่ายอะไหล่ถูก ทนทานเหมือนกันแต่ทนสุ้ ดีเซลไม่ได้ แรงบิดต้่ำกว่าแต่ก็ไม่ด้อยกว่า ลองพิจารณาดูนะครับ

แต่ผมว่า เครื่องกิโลเมตรต่อลิตร คงไม่ตรงซะที่เดี่ยว นะแต่ตั้งอยู่ ความสมมุติ ขึ่นมาเปรียบเทียบกับหลักฐานที่มี  
Bmw E30 coupe 1989
Volvo 940 estate 1997
Nissan Navara 2007
Toyota CHR 2019
Benz w212 2012
volvo v90 2018

ออฟไลน์ Fong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,018
  • Make a Choice and Don't Look Back
    • อีเมล์
วิ่งน้อย -> เบนซิน
วิ่งเยอะ -> ดีเซล
Isuzu มังกรทอง, Accord G4, Colorado, Hilux Tiger, Lancer MK I, Triton, D-Max Cab4, TiiDA, Mazda2 MK I, Mazda2 MK II, D-Max Space, Fortuner, Sunny B14, Jazz GK, Accord G9, Mazda2 Sky, GLA200, Yaris, Alphard30, Lancer MK II, Lander MK III, Ranger MC, XL7, Forester SK

ออฟไลน์ PREM

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,203
ถ้ารถเล็กๆ ผมชอบเครื่องเบนซินมากกว่า ตอบสนองไวลากรอบจี๊ดจ๊าด น้ำหนักเบาอยู่แล้วแรงบิดที่มีน่าจะพอ ออกตัวไม่อืด
แต่ถ้ารถใหญ่ขับทางไกลดีเซลน่าจะดีกว่า รอบต่ำ แรงบิดเยอะ เร่งแซงสบาย ประหยัดน้ำมันแบบต่างกันชัดๆ

สรุปถ้าเป็นกรณีนี้เลือก Skyactiv G
2014 Mazda CX-5 2.5 S
2016 Volvo XC60 D4 
2019 Honda Jazz RS+
2020 Volvo V60 T8 Inscription
2022 Mazda CX-30 SP

ออฟไลน์ rtong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,183
    • อีเมล์
เกรงว่าราคาจะต่างกันหลักแสน 
เพราะ เบนซิลต้องทำราคามาพอๆกับคู่แข่ง  ไม่งั้นจะขายยาก
ส่วนดีเซล  เน้นความต่างเหมือน ecoboot


รอราคาอย่างเป็นทางการดีกว่าครับ  อีก 5 วัน

ออฟไลน์ beerrl

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,671
    • อีเมล์
ยังไงก็ดีเซลครับ เบนซินรถsize นี้ ยี้ห้ออื่นๆก็มีเยอะมาก สวยกว่า 2ใหม่ด้วย
Volvo 850GLT
Honda odyssey
Toyota Camry hybrid
Suzuki swift eco
Hyundai tucson crdi
Nissan Xtrail 2.0V 4wd
Honda Civic FC 1.8EL

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,177
ก็แหม

ดีเซลมีเทอร์โบพ่วงมาด้วย เบนซินมันเครื่องแตนๆ เอามาวัดแบบนี้ดีเซลก็ชนะสิครับ
ถ้าเบนซินมีเทอร์โบกับเค้าบ้าง ดีเซลก็หงอครับ

แต่ในเคสนี้ ไม่รู้เบนซินจะเอาอะไรไปชนะดีเซล นอกจากราคาค่าตัวที่ไม่รู้จะถูกกว่าขนาดไหน
ถ้าราคาไม่โดดไปมาก ดีเซลน่าสนใจกว่าแน่ๆ

ออฟไลน์ balliblue

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,384
ผมไม่ชอบเสียงดังๆของ diesel มันดูไม่พรีเมี่ยม ผมเลือกเบนซิน ครับ

ออฟไลน์ Poj

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 349
จากการคาดการณ์

ดีเซล 1.5 at
ล่าง  650000
กลาง 720000
บน    780000

เบนซิน 1.3 at (ชนกับ yaris ecocar ไม่งั้นขายไม่ออก)
ล่าง     520000
กลาง   570000
บน      620000

สรุป ราคาระหว่าง ดีเซล กับ เบนซิน อาจต่างกัน 130000-160000  บาท
เป็นคุณ จะเลือกอะไร ก็ขึ้นอยู่กับความพอใจ
เงินแสนกว่า เติมน้ำมันได้ หลายปีนะครับ คำนวณเอา
แต่ถ้าเงินเหลือ ดีเซลโลดครับ  ;D

ปล.ทำไมราคาเบนซินเป็นแบบนี้ อย่าลืมว่า ในตลาดโลก มันก็เทียบได้กับ สวิฟ ยาริส ตีตั๋วเด็กนะครับ
ถึงเทคโนโลยีจะสูง แต่คุณก็ต้องแข่งขันกับเจ้าตลาด จริงไหม

 ตอนนี้ เทรนราคารถสมัยใหม่ จะลดขนาดเครื่องและใช้ภาษีช่วยลดราคา  เพราะในอดีต รถเล็กถูกปั่นราคา
แพงมากครับ ถ้าเทียบกับต่างประเทศ ถึงจะอ้างภาษีแพงก็เถอะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 11, 2015, 06:26:57 โดย Poj »

ออฟไลน์ carenaruk

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 821
ระยะยาว ผมเลือก ดีเซลครับ

ออฟไลน์ kimjung

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 609
ดีเซลครับ ตอนไปน้ำมันเบนซินขึ้นแน่ๆ ดีเซลถึงจะไม่ตรึ่งราคาที่ 30 กองทุนก็จะดูเงินน้อยกว่าอยู่ดี