ผู้เขียน หัวข้อ: ขอความเห็นที่เทคโนโลยีใหม่มาตายในบ้านเรา แต่Optionเสริมที่ดูดีกลับเกิดได้  (อ่าน 9312 ครั้ง)

ออฟไลน์ Deu1sch

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 38
ผมว่ามันคือสิ่งเดียวกัน ออพชั่นล้ำๆไม่ใช่เทคโนโลยีหรอครับ?
เซนเซอร์เตือนที่กระจกมองข้าง กล้องมองหลัง ระบบควบคุมการขับขี่ต่างๆ แม้แต่แอร์ออโต้หรือไฟเดย์ไทม์รันนิ่งก็เป็นเทคโนโลยี
มันขึ้นอยู่กับว่าบริษัทรถมองว่าเทคโนโลยีด้านไหนเหมาะสมกับตลาดมากกว่าเท่านั้นเอง

บางบริษัทอาจจะเน้นเทคโนโลยีด้านเครื่องยนต์ ด้านการขับขี่ อีกบริษัทก็เน้นด้านนึงเช่นของเล่นต่างๆ แต่การขับขี่ก็อยู่ในระดับมาตรฐาน
สุดท้ายสิ่งที่จะตัดสินว่าใครมองถูกมองผิดก็อยู่ที่ยอดขายของตัวมันเอง

ถ้าอ้างเทคโนโลยีแพง R&D แพงเลยต้องขายแพง แต่ผลลัพธ์ออกมาไม่ได้ดีเด่ไปกว่าเทคโนโลยีเก่าๆชนิดไม่เห็นฝุ่น
หรือต่อให้ดีกว่าแบบเห็นได้ชัด แต่ของเก่าที่มีมันพอดีอยู่แล้ว นั่นคือความผิดพลาดในการดำเนินธุรกิจของคุณครับ ไม่ใช่ไปโทษลูกค้าว่าไม่เข้าใจถึงต้นทุน

ยกตัวอย่าง มันเหมือนกับคุณซื้อโทรศัพท์เครื่องนึง โทรศัพท์ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าหน้าที่หลักก็คือเอาไว้คุยโทรศัพท์ มีตัวเลือกสองให้เลือกสองแบรนด์

1. พัฒนาเทคโนโลยีความเป็นโทรศัพท์แบบสุดๆ เสียงคุยโคตรชัด ตัดเสียงรบกวนทั้งหมดร้อยเปอร์เซนต์
โหดขนาดที่ว่าเปิดเพลงจากลำโพงราคาล้านนึงจากอีกฝั่ง มาออกที่โทรศัพท์เครื่องนี้ยังได้ยินเสียงเหมือนเดิมเปี๊ยบ
เล่นโซเชี่ยลเล่นเกมอะไรได้ครบ ยกเว้น Line และไม่มีกล้อง แถมเน็ตเร็วสุดแค่ 3G

2. เสียงคุยอยู่ในระดับมือถือทั่วๆไปปกติ คุยรู้เรื่อง มีระบบตัดเสียงรบกวนทั่วๆไปช่วยได้นิดหน่อย
เล่นโซเชี่ยลได้ครบ รองรับ 4G ใช้จ่ายเงินแทนบัตรเซเว่น รถไฟฟ้า ฯลฯ ได้ กล้องคุณภาพมือถือราคาแพงทั่วๆไป

แล้วตอนขายเครื่องแรกแพงกว่าเครื่องที่สอง คุณว่าถ้าแข่งกันใครจะอยู่ใครจะไปล่ะ?

ปล. นอกเรื่องนิดนึง ผมนึกถึง คนใช้ Ford หรือ Chevrolet บางคน ที่ชอบแขวะคนใช้รถเจ้าตลาดว่า ขับขี่ห่วย สู้ไม่ได้
ชอบแขวะว่าจะซื้อรถดูแต่จำนวนศูนย์กับราคาขายต่อ แต่ไม่ดูคุณภาพรถ ซื้อรถมาเพื่อเข้าศูนย์หรอ ซื้อมาเพื่อขายต่อหรอ ฯลฯ
ผมว่าก็แหงสิ ก็เล่นเอางบที่ควรไปพัฒนาศูนย์บริการ พัฒนาบุคคลากร พัฒนาQC ในโรงงาน มาลงกับ R&D ของรถหมด
รถมันก็ต้องออกมาดีกว่าคนอื่นอยู่แล้ว แต่ถ้าเสียทีก็ตัวใครตัวมัน เพราะไม่มีเงินไปลงทุนสิ่งประกอบอื่นๆให้ดีเท่าเขา

ผมโครดเห็นด้วยเลยครับ

ออฟไลน์ Prachsaphol_yjd

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 589
    • อีเมล์
       เทคโนโลยีใหม่  ได้ใช้อะไรใหม่ๆ มันก็ดี....แล้วถ้าเกิดเสีย ถามว่าซ่อมได้ 100% ไหม เอาแค่ 60% ก็พอ กว่าจะลองเปลี่ยนนู่นเปลี่ยนนี่ ช่างประจำศูนย์บริการเองยังตอบไม่ได้เลย  แล้วจะให้ไปพึ่งใครครับขอถาม หรือเราต้องมาหาต้นตอปัญหาเอง หน้าที่ผู้บริโภคหรือ...มันไม่ใช่และ
       ผิดกับเทคโนโลยีไม่ต้องไปใหม่อะไรมาก ใช้งานได้ไม่ค่อยมีปัญหา เวลาเจอปัญหาช่างประจำศูนย์สามารถรู้ปัญหาได้เร็ว แก้ปัญหาได้จบ เข้าศูนย์ไหนก็ได้ ไม่ต้องไปหาข้อมูลว่าศูนย์ไหนเจ๋ง  ต้องขับรถไปซ่อมทีข้ามจังหวัด ข้ามอำเภอแบบนี้คงไม่มีความสุขมั้ง :P
       ส่วนเรื่องจำนวนศูนย์บริการ  มีเยอะมันไม่ดียังไงหว่า พวกที่บอกว่าห่วงแต่เรื่องศูนย์บริการเยอะได้ขับแต่รถฟิลลิ่งห่วยๆ คนที่คิดเรื่องนี้เขาคำนึงถึงเวลาในการเข้าศูนย์  ต้องได้รับความสะดวก รวดเร็ว บริหารเวลาเอาไปทำอย่างอื่นได้อีกเยอะ  ศูนย์ใกล้บ้านขับรถนิดเดียวก็ถึงแล้วเป็นต้น  ส่วนศูนย์น้อยศูนย์ใกล้บ้านห่วย  ก็แห่กันไปศูนย์ที่พวกบอกว่าดี รอกันไปเหอะ นัดกันล่วงหน้ากี่วัน เหอๆ
      คุณภาพตัวรถบอกเทคโนโลยีใหม่ๆ ดีกว่า ฟิลลิ่งดีกว่า เกาะถนนกว่าแต่ต้องจ่ายมากกว่า อันนี้แล้วแต่คนครับ เขาไม่ได้ขับเร็วกันทุกคน  รถคือยานพาหนะพาไปถึงจดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัย  โดยไม่มีปัญหาระหว่างทาง แอร์เย็น มีเพลงฟัง ใช้ความเร็วตามกฎหมายกำหนด...แบบนี้เอาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้มันก็ไม่ต่างกับเทคโนโลยีเก่าหรอกครับ เพราะเราไม่ได้ดึงประสิทธิภาพใหม่ๆ มาใช้เลย คนเลยมองว่ามันไม่คุ้มค่าตัว
    ราคาขายต่อนี่นานาจิตตังครับ ;D
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 15, 2015, 10:07:44 โดย Prachsaphol_yjd »

ออฟไลน์ nuntapon.s

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,910
    • อีเมล์
ขาดเครื่องฉีดตรง เกียร์DSG 7-8 speed ผมอยู่ได้ครับ  แต่ถ้าขาดปุ่มสตาร์ท สมาร์ทเอ็นทรี่นี่ผมจะขาดใจตาย

อันนี้ตัดเรื่องราคาออกไปนะครับ จะขายoptionหรือเน้นเทคดนโลยียังไงคนไทยก็ใช้รถแพงกว่าชาวบ้านอยู่แล้วเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ  แต่เรื่องสำคัญผมว่ามันอยู่ที่ความสวยครับเห็นแล้วต้องถูกชะตา

ออฟไลน์ H.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,896
    • อีเมล์
คนไทยส่วนใหญ่ซื้อรถไม่ได้ซื้อเพื่อตัวเองครับ ซื้อเพื่อคนอื่น ดังนั้นในด้าน Gadget ในสิ่งที่ตาเห็น ไม่ยอมน้อยหน้ากันแน่นอน
สมมติว่า
รถ X เครื่อง คลีนเทคโนโลยีประหยัดน้ำมันกว่านิดหน่อยแต่ได้ปล่อยมลพิษต่ำ มีแอร์แบค 4 จุด แต่วิทยุ 2Din กุญแจไขมือ
รถ Y เครื่อง ธรรมเกียร์ Auto4 ธรรมดาๆ ประหยัดน้ำมันด้อยกว่าตัวบนนิดนึงแอร์แบคไม่มีแต่ให้ Touch Screen 7 นิ้วจอสัมผัสกับแอร์ออโต้ พุชสตาร์ท สมาร์ทเอนทรี

ผมว่าคนไทยเลือกรถ Y
H.

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,423
    • อีเมล์

ผมซื้อตาม กำลังทรัพย์ครับผม
เทคโนโลยี มันเป็นแค่ option นึงของรถนะครับ ไม่ใช่ หัวใจ และ ทั้งหมด

ออฟไลน์ Ex_machina

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 721
เทคโนโลยีที่สูง ค่าซ่อมยิ่งสูงตาม
คนส่วนมากของประเทศไทยเขาเบี้ยน้อยหอยน้อย ย่อมต้องการรถที่ไม่จุกจิก มีอะไหล่รองรับ ซ่อมไม่แพง
ถ้าเงินหนาก็ไม่ว่ากันครับ

ผมก็คนนึงที่ต้องการรถไม่ทน ถึก เทคโนโลยีลูกเล่นอะไรไม่ค่อยสนครับ เพราะมันไม่ใช่หัวใจสำคัญของรถยนต์

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,632
ยังสงสัยครับว่า
กลุ่มที่ 1 รถที่มีเทคโนโลยีใหม่ที่ล้ำหน้ากลับมาตายในบ้านเรา
กลุ่มที่ 2 รถที่ไม่ได้มีเทคโนโลยีอะไรมากมาย แต่เสริมOption (ที่อาจจะไม่จำเป็น) ที่ดูดีกลับเกิดได้

กลุ่มแรกมักจะแพงเพราะค่า R&D และแพงกว่ากลุ่มที่ 2 แต่กลุ่มที่ 2 ก็ไม่ได้ถูกจนถึงกับคุ้มค่ากับเงินที่จ่าย (แค่ถูกกว่ากลุ่มแรกแค่นั้น)
ทั้งที่ในต่างประเทศเสพเทคโนโลยีใหม่ในรถกลุ่มที่ 1 ซื้อหาใช้งานกันอย่างแพร่หลาย รถได้รับรางวัลการออกแบบ เทคโนโลยี ขายได้เป็นกอบเป็นกำ แต่มาตายในไทยเพราะราคา

ผมเลยคิดเองว่าราคารถตอนซื้อในต่างประเทศไม่ได้แพงมากเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ แต่ที่แพงคือค่าใช้จ่ายในการครอบครองรถมากกว่า เช่นภาษีประจำปี ค่าใช้ถนนทางด่วน ค่าจอดรถ ค่าใบขับขี่ และสารพัดค่าธรรมเนียมที่เจ้าของรถต้องจ่ายให้รัฐ เกิน 5 ปีก็จ่ายเพิ่มขึ้นอีก เพราะไม่อยากให้รถเก่าก่อมลพิษวิ่งอยู่ในประเทศ
ดังนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยาว ครบ 5 ปีก็เปลี่ยนใหม่ ได้รถใหม่ ที่ปล่อย CO2 ต่ำลง เสียภาษีน้อยลง คนจึงเฝ้ารอเสพเทคโนโลยีใหม่ ไม่สนใจศูนย์บริการมากมายนัก เพราะซ่อมไม่เยอะอยู่แล้ว กว่าจะซ่อมเยอะก็ครบ 5 ปี เปลี่ยนใหม่แล้ว

แต่ประเทศเรานี่ตรงข้ามเลย ราคารถแพงเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ มักจะพยายามใช้ยาวหรือมองราคาขายต่อเป็นสำคัญ ค่าใช้จ่ายในการใช้รถแบบด้านบนไม่สูงมาก การซื้อแต่ละครั้งจึงต้องคุ้มค่า และสนใจหน้าตาและ Option ที่มองเห็นด้วยตา มากกว่าเทคโนโลยีที่สัมผัสได้ด้วยใจ

อยากให้ท่านสมาชิกเปิดใจเป็นกลาง และร่วมแสดงความคิดเห็นครับ  ;D ;D ;D

ดีใจมากครับที่มีคนสังเกตุ และวิเคราะห์ได้อย่างนี้ :D

ผมไปเที่ยวเยอรมันเมื่อหลายปีก่อน ด้วยความที่รักเรื่องรถ ก็เลยตาสว่าง คนเยอรมันใช้รถเบนซ์ บีเอ็มรุ่นใหม่หมด  รถเก่าๆอายุเกินห้าปีวิ่งบนถนนน้อยมากๆ มีแต่รถใหม่ รุ่นล่าสุดวิ่งบนถนน  ตอนที่ผมไปรถ C-Klass W204 เพิ่งออกตลาดได้สองเดือน ลงเครื่องที่มิวนิค ที่สนามบินรถเบนซ์ที่ให้เช่าทุกคันก็เป็น W204 ไม่ต้องกังวล ได้ขับรุ่นใหม่แน่นอน

ผมสังเกตุก็แปลกใจ ทำไมมีแต่รถใหม่?  แล้วรถร่นเก่าๆไปไหนหมด? เลยลองสอบถามดูก็คือเค้าไม่ใช้รถนาน เค้ารอใช้รุ่นใหม่เพราะรถราคาถูก  แต่ค่าใช้รถแพง ยิ่งใช้ภาษียิ่งแพง พอเก่าเค้าก็เอาไปขายยุโรปที่จนๆหน่อยเช่นพวก ยุโรปตะวันออก เชคโก โปแลนด์ โครเอเชีย

ฉนั้น ทำไมคนบ่นๆกันว่ารถยุโรปสมัยนี้ไม่ทน  ก็เพราะประเทศที่เจริญแล้วเค้าไม่เน้นซ่อม ไม่เน้นเซอร์วิส ขายออกอย่างเดียว ดังนั้นการเลือกใช้วัสดุของรถยุโรปสมัยใหม่จึงเลือกใช้วัสดุที่ไม่ต้องทนทานมาก เช่นวัสดุรีไซเคิล พอห้าหกปีก็ทยอยกรอบ,เลื่อม, ละลาย กว่าจะถึงเวลานั้น ไอก็บ้ายบาย รถเก่าขายไปนานแล้ว อะไหล่ที่แพงๆ ก็เอาไว้ฟันคนประเทศอื่นๆที่ซื้อรถต่อ หรือต้องใช้รถนานๆ

ส่วนเรื่องอ้อปชั่น อันนี้มันเป็นเทรนด์ในบ้านเรา (และประเทศอื่นๆที่รถมีราคาแพงๆ) ที่ยุโรปรถเบนซ์บีเอ็มที่วิ่งๆกันส่วนใหญ่ก็โล้นๆ ล้อเล็กๆ คิ้วโครเมี่ยมอะไรก็ไม่มี เบาะเป็นกำมะหยี่ จอดทิ้งๆขว้างๆริมถนน ไม่มีความหรูหราอะไร เค้าเลือกที่ตัวรถ และการขับขี่ ไม่ได้เลือกที่อ้อปชั่น  ของเราเอาแบบมากไว้ก่อน ใช้หรือไม่อีกเรื่องนึง ผมคิดว่าที่เป็นอย่างงี้เพราะรถบ้านเราแพง การซื้อรถซักคันเป็นแทบจะเปรียบเสมือนการเลือกคู่ชีวิต เป็นเหมือนการลงทุน คนไทยมักคิดว่า "เฮ้ย! ไหนๆก็ไหนๆละ" รถตั้งคันละล้านห้า เพิ่มอีกแค่แสนเดียวได้ ซันรูฟ ได้ไฟหน้าซุปเปอร์ซีนอน ระบบห้ามเปลี่ยนเลน ระบบช่วยเบรค ระบบช่วยขับ ช่วยป้อน ช่วย....ฯลฯ ช่วยได้ทุกอย่าง ที่ไม่ได้ช่วยให้การขับขี่สนุกหรือมีรสชาติขึ้น แต่คุยทับเพื่อนได้ว่า "กูมี"  "ของกูรุ่นท้อป"  "คุ้มหว่ะ"  "ขายต่อได้ราคา" แต่พอของพวกนี้เสียทีนึงก็ต้องถึงกับปาดเหงื่อ เพราะมันเสียง่าย ซ่อมแพง

สรุปก็คือจะเลือกรถที่การขับขี่ หรือเลือกรถที่อ้อปชั่น  อันนี้สภาพเศรษฐกิจ และปัจจัยแวดล้อมต่างๆ หล่อหลอมให้เกิดพฤติกรรมการบริโภคที่ต่างกัน
  ผมเห็นด้วยกับท่านเลย    เพราะความจริงรถยุโรปเดี๋ยวนี้มันเป็นอย่างนั้นจริง  ซ่อมแพงมากและไม่ทนทาน  คือรถเขาทำไว้ทิ้งมากกว่าจะเอาไว้ซ่อม          บ้านเรารถพวกนี้เบนซ์ บีเอ็มมือ 2 มันไม่สมราคา เนื่องจากแพงเกินไปรถเก่าก็แพง      คือราคามันควรถูกมากกว่านี้เพราะรถพอปลดระวางพวกนี้ซ่อมแพงมาก อายุชิ้นส่วนหักแตกเสียหาย    มือ 2 ราคาต้องหายไปมากกว่านี้อีก      ผมแทบไม่เคยแนะนำใครซื้อมือ 2 รถยุโรปเลยถ้ามีเงินจริงควรซื้อใหม่แต่ถ้างบจำกัดอย่าไปซื้อรถยุโรปมือ 2 มาซ่อม            ถ้าเล่นมือ 2 ไปหารถญี่ปุ่นพื้นฐานง่าย ๆ มาใช้