ผู้เขียน หัวข้อ: ขอความเห็นที่เทคโนโลยีใหม่มาตายในบ้านเรา แต่Optionเสริมที่ดูดีกลับเกิดได้  (อ่าน 9315 ครั้ง)

ออฟไลน์ Fong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,012
  • Make a Choice and Don't Look Back
    • อีเมล์
ยังสงสัยครับว่า
กลุ่มที่ 1 รถที่มีเทคโนโลยีใหม่ที่ล้ำหน้ากลับมาตายในบ้านเรา
กลุ่มที่ 2 รถที่ไม่ได้มีเทคโนโลยีอะไรมากมาย แต่เสริมOption (ที่อาจจะไม่จำเป็น) ที่ดูดีกลับเกิดได้

กลุ่มแรกมักจะแพงเพราะค่า R&D และแพงกว่ากลุ่มที่ 2 แต่กลุ่มที่ 2 ก็ไม่ได้ถูกจนถึงกับคุ้มค่ากับเงินที่จ่าย (แค่ถูกกว่ากลุ่มแรกแค่นั้น)
ทั้งที่ในต่างประเทศเสพเทคโนโลยีใหม่ในรถกลุ่มที่ 1 ซื้อหาใช้งานกันอย่างแพร่หลาย รถได้รับรางวัลการออกแบบ เทคโนโลยี ขายได้เป็นกอบเป็นกำ แต่มาตายในไทยเพราะราคา

ผมเลยคิดเองว่าราคารถตอนซื้อในต่างประเทศไม่ได้แพงมากเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ แต่ที่แพงคือค่าใช้จ่ายในการครอบครองรถมากกว่า เช่นภาษีประจำปี ค่าใช้ถนนทางด่วน ค่าจอดรถ ค่าใบขับขี่ และสารพัดค่าธรรมเนียมที่เจ้าของรถต้องจ่ายให้รัฐ เกิน 5 ปีก็จ่ายเพิ่มขึ้นอีก เพราะไม่อยากให้รถเก่าก่อมลพิษวิ่งอยู่ในประเทศ
ดังนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยาว ครบ 5 ปีก็เปลี่ยนใหม่ ได้รถใหม่ ที่ปล่อย CO2 ต่ำลง เสียภาษีน้อยลง คนจึงเฝ้ารอเสพเทคโนโลยีใหม่ ไม่สนใจศูนย์บริการมากมายนัก เพราะซ่อมไม่เยอะอยู่แล้ว กว่าจะซ่อมเยอะก็ครบ 5 ปี เปลี่ยนใหม่แล้ว

แต่ประเทศเรานี่ตรงข้ามเลย ราคารถแพงเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ มักจะพยายามใช้ยาวหรือมองราคาขายต่อเป็นสำคัญ ค่าใช้จ่ายในการใช้รถแบบด้านบนไม่สูงมาก การซื้อแต่ละครั้งจึงต้องคุ้มค่า และสนใจหน้าตาและ Option ที่มองเห็นด้วยตา มากกว่าเทคโนโลยีที่สัมผัสได้ด้วยใจ

อยากให้ท่านสมาชิกเปิดใจเป็นกลาง และร่วมแสดงความคิดเห็นครับ  ;D ;D ;D
Isuzu มังกรทอง, Accord G4, Colorado, Hilux Tiger, Lancer MK I, Triton, D-Max Cab4, TiiDA, Mazda2 MK I, Mazda2 MK II, D-Max Space, Fortuner, Sunny B14, Jazz GK, Accord G9, Mazda2 Sky, GLA200, Yaris, Alphard30, Lancer MK II, Lander MK III, Ranger MC, XL7, Forester SK

JONNY

  • บุคคลทั่วไป
ยึดติดแบบอนุรักษ์นิยม ไม่กล้ารับสินค้าใหม่ที่ตนไม่คุ้นเคย จะซื้อรถที่ มุ่งแต่จะดูศูนย์บริการอันดับแรกก่อนจะมองดูที่ตัวรถเอง  ชาตินี้ก็ไม่ได้ใช้รถที่เทคโนโลยีที่ทั้งโลกเขาใช้กัน

ลองโตโยต้านำเทคโนโลยีใหม่มาขายสิ

**เทคโนโลยีใหม่กับออฟชั่นใหม่ก็อันเดียวกันหละครับ
ใครทำก่อนใส่มาก่อนก็ได้ชื่อว่าเทคโนโลยีใหม่ ใครใส่มาทีหลังตามหลังเขาก็คือออฟชั่นเสริม**
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 14, 2015, 19:50:31 โดย Mark Wahlberg »

ออฟไลน์ Harem

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,817
ผมมองที่ผลลัพท์ที่ได้ครับ เทคโนโลยีเก่าหรือใหม่ไม่มีนัยยะสำคัญอะไร  ::)

ออฟไลน์ kowit1

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 525
เงินไม่ถึง ครับ ยอมรับ ไม่ต้องการเทคโนโลยีรัยมาก เอาแค่มาตรฐาน เทคโนโลยี คือจุกจิก เจอช่างไม่เปิดคู่มือซ่อม ซวย คู่มือเขาก้เขียนเป็นลำดับขั้นให้ ค่าซ่อมบำรุงเพิ่ม อุบัติเหตุมา แทบไม่มีคนอยากใส่เทคโนโลยีที่เสียไปแล้วคืน ราคามันแพง ไม่ขายทิ้งก็ ดัดแปลงเอาแค่วิ่งได้ ส่วนเทคโนโลยี ตัดทิ้ง ส่วนรูปลักษณ์ภายนอกมันเตะตาเห็นได้ง่ายสุดก็แค่บอดี้

ออฟไลน์ Yeahyeahs

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 856
ผมว่ามันคือสิ่งเดียวกัน ออพชั่นล้ำๆไม่ใช่เทคโนโลยีหรอครับ?
เซนเซอร์เตือนที่กระจกมองข้าง กล้องมองหลัง ระบบควบคุมการขับขี่ต่างๆ แม้แต่แอร์ออโต้หรือไฟเดย์ไทม์รันนิ่งก็เป็นเทคโนโลยี
มันขึ้นอยู่กับว่าบริษัทรถมองว่าเทคโนโลยีด้านไหนเหมาะสมกับตลาดมากกว่าเท่านั้นเอง

บางบริษัทอาจจะเน้นเทคโนโลยีด้านเครื่องยนต์ ด้านการขับขี่ อีกบริษัทก็เน้นด้านนึงเช่นของเล่นต่างๆ แต่การขับขี่ก็อยู่ในระดับมาตรฐาน
สุดท้ายสิ่งที่จะตัดสินว่าใครมองถูกมองผิดก็อยู่ที่ยอดขายของตัวมันเอง

ถ้าอ้างเทคโนโลยีแพง R&D แพงเลยต้องขายแพง แต่ผลลัพธ์ออกมาไม่ได้ดีเด่ไปกว่าเทคโนโลยีเก่าๆชนิดไม่เห็นฝุ่น
หรือต่อให้ดีกว่าแบบเห็นได้ชัด แต่ของเก่าที่มีมันพอดีอยู่แล้ว นั่นคือความผิดพลาดในการดำเนินธุรกิจของคุณครับ ไม่ใช่ไปโทษลูกค้าว่าไม่เข้าใจถึงต้นทุน

ยกตัวอย่าง มันเหมือนกับคุณซื้อโทรศัพท์เครื่องนึง โทรศัพท์ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าหน้าที่หลักก็คือเอาไว้คุยโทรศัพท์ มีตัวเลือกสองให้เลือกสองแบรนด์

1. พัฒนาเทคโนโลยีความเป็นโทรศัพท์แบบสุดๆ เสียงคุยโคตรชัด ตัดเสียงรบกวนทั้งหมดร้อยเปอร์เซนต์
โหดขนาดที่ว่าเปิดเพลงจากลำโพงราคาล้านนึงจากอีกฝั่ง มาออกที่โทรศัพท์เครื่องนี้ยังได้ยินเสียงเหมือนเดิมเปี๊ยบ
เล่นโซเชี่ยลเล่นเกมอะไรได้ครบ ยกเว้น Line และไม่มีกล้อง แถมเน็ตเร็วสุดแค่ 3G

2. เสียงคุยอยู่ในระดับมือถือทั่วๆไปปกติ คุยรู้เรื่อง มีระบบตัดเสียงรบกวนทั่วๆไปช่วยได้นิดหน่อย
เล่นโซเชี่ยลได้ครบ รองรับ 4G ใช้จ่ายเงินแทนบัตรเซเว่น รถไฟฟ้า ฯลฯ ได้ กล้องคุณภาพมือถือราคาแพงทั่วๆไป

แล้วตอนขายเครื่องแรกแพงกว่าเครื่องที่สอง คุณว่าถ้าแข่งกันใครจะอยู่ใครจะไปล่ะ?

ปล. นอกเรื่องนิดนึง ผมนึกถึง คนใช้ Ford หรือ Chevrolet บางคน ที่ชอบแขวะคนใช้รถเจ้าตลาดว่า ขับขี่ห่วย สู้ไม่ได้
ชอบแขวะว่าจะซื้อรถดูแต่จำนวนศูนย์กับราคาขายต่อ แต่ไม่ดูคุณภาพรถ ซื้อรถมาเพื่อเข้าศูนย์หรอ ซื้อมาเพื่อขายต่อหรอ ฯลฯ
ผมว่าก็แหงสิ ก็เล่นเอางบที่ควรไปพัฒนาศูนย์บริการ พัฒนาบุคคลากร พัฒนาQC ในโรงงาน มาลงกับ R&D ของรถหมด
รถมันก็ต้องออกมาดีกว่าคนอื่นอยู่แล้ว แต่ถ้าเสียทีก็ตัวใครตัวมัน เพราะไม่มีเงินไปลงทุนสิ่งประกอบอื่นๆให้ดีเท่าเขา

ออฟไลน์ bubball

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,838
เทคโนโลยีที่ดีต้องมาพร้อมกับความพร้อม
ในไทยเทคโนโลยีไม่ได้มาพร้อมกับความพร้อมในหลายๆด้าน

เทคโนโลยีคือเรื่องที่บางทีก็จับต้องไม่ได้ ฝังอยู่ลึกๆในโครงสร้าง
แต่ออฟชั่นมันจับต้องได้ มีลูกเล่นแพรวพราว เห็นได้ทันทีว่าเงินที่จ่ายไปนะ เพื่ออะไร



ออฟไลน์ Fong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,012
  • Make a Choice and Don't Look Back
    • อีเมล์
ผมเคยคุยกับคนที่จีน ราคารถเขาก็ไม่แพง โดยเฉพาะรถในประเทศครับ แต่......
รัฐเขาเก็บภาษีจากน้ำมันแทน ใครใช้รถมาก ใช้รถกินน้ำมัน ก็จ่ายภาษีที่แฝงในค่าน้ำมันมาก
คนรวยใช้รถหรู ก็โดนภาษีประจำปีแพงไปด้วย

ก็ดู Make Sense นะครับ
Isuzu มังกรทอง, Accord G4, Colorado, Hilux Tiger, Lancer MK I, Triton, D-Max Cab4, TiiDA, Mazda2 MK I, Mazda2 MK II, D-Max Space, Fortuner, Sunny B14, Jazz GK, Accord G9, Mazda2 Sky, GLA200, Yaris, Alphard30, Lancer MK II, Lander MK III, Ranger MC, XL7, Forester SK

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
ผมมองว่ารถยนต์บ้านเราราคาแพงโหดมาก

ขนาด Eco car เล็ก ไม่มีอะไรเลยแบบ Celerio ยังราคาตั้ง 3.59 แสนบาท

ภาษีบ้าบอเยอะมากเกินไป

ดังนั้นการจะซื้อรถ ผมมองว่า รถคันไหน ที่ดูแลง่ายๆ ค่าซ่อมถูก ไม่จุกจิก ก็เป็นรถที่ดี น่าใช้

เพราะตอนจะขายต่อ เอาละแม้ราคามือ 2 มันตก แต่จริงๆ เวลา Trade ออก ถ้ารถคันไหน ปัญหาน้อย
คนซื้อ ก็ย่อมจะสนใจมากกว่ารถแปลกๆ ที่โคตรจุกจิก อะไหล่ต้องสั่งร้านก่อน

เอาจริงๆ นะ ถ้า Toyota นำเครื่อง 3NR-FE No VVT-I แต่มีวาล์วไฮโดรลิค มา

ผมว่ามันก็คงพอขายได้แหละครับ บางคนจะมองว่าดีซะอีก ไม่มี VVT-I ไม่ต้องกลัวเรื่องชุดซีลโอริง VVT-I จะรั่ว ทำให้น่้ำมันเครื่องไหลออกมา
ราคาเครื่องก็คงถูกลงเพราะแชร์กับ Etios ที่อินเดียได้ ;)

ออฟไลน์ Forty-NineRS

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 179
  • Mister.G
เทคโนโลยียานยนต์มุ่งเน้นไปที่การประหยัดน้ำมันและการปล่อยมลพิษที่ลดลง แต่ เมืองไทยมลพิษช่างแม่มมมมสิ EGR แคทไรตัดทิ้งพ่อจะเอาแรงๆๆๆๆๆๆๆๆ แต่ไม่มีที่จะวิ่ง
เอาถูกออฟชั่นล้ำๆเครื่องเก่าช่างมัน สุดท้ายก็บ่นว่าอิจฉาประเทศนูนนี่นั่น เค้าได้ใช่เครื่องใหม่ ทำไมเราไม่ได้ใช้ ดูตอนEcoboostยังไม่มาสิ บ่นจัง พอความล้ำโลกมาถึงไทย นางแพงไม่ซื้อ
ค่ายรถเค้าเลยไม่อยากเอาเทตโนโลยีวิศวกรรมอะไรใหม่ๆล้ำๆมาขายคนไทยไง เอามาก็บ่นว่าแพง เพลียยยยแทน

จริงๆแล้วค่ายรถหักหลังเรา หรือ เราหักหลังค่ายรถ



 

ออฟไลน์ Spec C Wannabe

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 553
ยังสงสัยครับว่า
กลุ่มที่ 1 รถที่มีเทคโนโลยีใหม่ที่ล้ำหน้ากลับมาตายในบ้านเรา
กลุ่มที่ 2 รถที่ไม่ได้มีเทคโนโลยีอะไรมากมาย แต่เสริมOption (ที่อาจจะไม่จำเป็น) ที่ดูดีกลับเกิดได้

กลุ่มแรกมักจะแพงเพราะค่า R&D และแพงกว่ากลุ่มที่ 2 แต่กลุ่มที่ 2 ก็ไม่ได้ถูกจนถึงกับคุ้มค่ากับเงินที่จ่าย (แค่ถูกกว่ากลุ่มแรกแค่นั้น)
ทั้งที่ในต่างประเทศเสพเทคโนโลยีใหม่ในรถกลุ่มที่ 1 ซื้อหาใช้งานกันอย่างแพร่หลาย รถได้รับรางวัลการออกแบบ เทคโนโลยี ขายได้เป็นกอบเป็นกำ แต่มาตายในไทยเพราะราคา

ผมเลยคิดเองว่าราคารถตอนซื้อในต่างประเทศไม่ได้แพงมากเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ แต่ที่แพงคือค่าใช้จ่ายในการครอบครองรถมากกว่า เช่นภาษีประจำปี ค่าใช้ถนนทางด่วน ค่าจอดรถ ค่าใบขับขี่ และสารพัดค่าธรรมเนียมที่เจ้าของรถต้องจ่ายให้รัฐ เกิน 5 ปีก็จ่ายเพิ่มขึ้นอีก เพราะไม่อยากให้รถเก่าก่อมลพิษวิ่งอยู่ในประเทศ
ดังนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยาว ครบ 5 ปีก็เปลี่ยนใหม่ ได้รถใหม่ ที่ปล่อย CO2 ต่ำลง เสียภาษีน้อยลง คนจึงเฝ้ารอเสพเทคโนโลยีใหม่ ไม่สนใจศูนย์บริการมากมายนัก เพราะซ่อมไม่เยอะอยู่แล้ว กว่าจะซ่อมเยอะก็ครบ 5 ปี เปลี่ยนใหม่แล้ว

แต่ประเทศเรานี่ตรงข้ามเลย ราคารถแพงเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ มักจะพยายามใช้ยาวหรือมองราคาขายต่อเป็นสำคัญ ค่าใช้จ่ายในการใช้รถแบบด้านบนไม่สูงมาก การซื้อแต่ละครั้งจึงต้องคุ้มค่า และสนใจหน้าตาและ Option ที่มองเห็นด้วยตา มากกว่าเทคโนโลยีที่สัมผัสได้ด้วยใจ

อยากให้ท่านสมาชิกเปิดใจเป็นกลาง และร่วมแสดงความคิดเห็นครับ  ;D ;D ;D

ดีใจมากครับที่มีคนสังเกตุ และวิเคราะห์ได้อย่างนี้ :D

ผมไปเที่ยวเยอรมันเมื่อหลายปีก่อน ด้วยความที่รักเรื่องรถ ก็เลยตาสว่าง คนเยอรมันใช้รถเบนซ์ บีเอ็มรุ่นใหม่หมด  รถเก่าๆอายุเกินห้าปีวิ่งบนถนนน้อยมากๆ มีแต่รถใหม่ รุ่นล่าสุดวิ่งบนถนน  ตอนที่ผมไปรถ C-Klass W204 เพิ่งออกตลาดได้สองเดือน ลงเครื่องที่มิวนิค ที่สนามบินรถเบนซ์ที่ให้เช่าทุกคันก็เป็น W204 ไม่ต้องกังวล ได้ขับรุ่นใหม่แน่นอน

ผมสังเกตุก็แปลกใจ ทำไมมีแต่รถใหม่?  แล้วรถร่นเก่าๆไปไหนหมด? เลยลองสอบถามดูก็คือเค้าไม่ใช้รถนาน เค้ารอใช้รุ่นใหม่เพราะรถราคาถูก  แต่ค่าใช้รถแพง ยิ่งใช้ภาษียิ่งแพง พอเก่าเค้าก็เอาไปขายยุโรปที่จนๆหน่อยเช่นพวก ยุโรปตะวันออก เชคโก โปแลนด์ โครเอเชีย

ฉนั้น ทำไมคนบ่นๆกันว่ารถยุโรปสมัยนี้ไม่ทน  ก็เพราะประเทศที่เจริญแล้วเค้าไม่เน้นซ่อม ไม่เน้นเซอร์วิส ขายออกอย่างเดียว ดังนั้นการเลือกใช้วัสดุของรถยุโรปสมัยใหม่จึงเลือกใช้วัสดุที่ไม่ต้องทนทานมาก เช่นวัสดุรีไซเคิล พอห้าหกปีก็ทยอยกรอบ,เลื่อม, ละลาย กว่าจะถึงเวลานั้น ไอก็บ้ายบาย รถเก่าขายไปนานแล้ว อะไหล่ที่แพงๆ ก็เอาไว้ฟันคนประเทศอื่นๆที่ซื้อรถต่อ หรือต้องใช้รถนานๆ

ส่วนเรื่องอ้อปชั่น อันนี้มันเป็นเทรนด์ในบ้านเรา (และประเทศอื่นๆที่รถมีราคาแพงๆ) ที่ยุโรปรถเบนซ์บีเอ็มที่วิ่งๆกันส่วนใหญ่ก็โล้นๆ ล้อเล็กๆ คิ้วโครเมี่ยมอะไรก็ไม่มี เบาะเป็นกำมะหยี่ จอดทิ้งๆขว้างๆริมถนน ไม่มีความหรูหราอะไร เค้าเลือกที่ตัวรถ และการขับขี่ ไม่ได้เลือกที่อ้อปชั่น  ของเราเอาแบบมากไว้ก่อน ใช้หรือไม่อีกเรื่องนึง ผมคิดว่าที่เป็นอย่างงี้เพราะรถบ้านเราแพง การซื้อรถซักคันเป็นแทบจะเปรียบเสมือนการเลือกคู่ชีวิต เป็นเหมือนการลงทุน คนไทยมักคิดว่า "เฮ้ย! ไหนๆก็ไหนๆละ" รถตั้งคันละล้านห้า เพิ่มอีกแค่แสนเดียวได้ ซันรูฟ ได้ไฟหน้าซุปเปอร์ซีนอน ระบบห้ามเปลี่ยนเลน ระบบช่วยเบรค ระบบช่วยขับ ช่วยป้อน ช่วย....ฯลฯ ช่วยได้ทุกอย่าง ที่ไม่ได้ช่วยให้การขับขี่สนุกหรือมีรสชาติขึ้น แต่คุยทับเพื่อนได้ว่า "กูมี"  "ของกูรุ่นท้อป"  "คุ้มหว่ะ"  "ขายต่อได้ราคา" แต่พอของพวกนี้เสียทีนึงก็ต้องถึงกับปาดเหงื่อ เพราะมันเสียง่าย ซ่อมแพง

สรุปก็คือจะเลือกรถที่การขับขี่ หรือเลือกรถที่อ้อปชั่น  อันนี้สภาพเศรษฐกิจ และปัจจัยแวดล้อมต่างๆ หล่อหลอมให้เกิดพฤติกรรมการบริโภคที่ต่างกัน

ออฟไลน์ rocky55555

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 630
ปัญหามันอยู่ที่ว่าคนส่วนใหญ่ไม่รู้หรอกครับว่าอะไรคือเครื่องฉีดตรงอะไรคือเครื่องมีโบ อะไรคือคอมมอลเรลgen 1 gen2 gen3 เหล็กกันโคลงใหญ่เล็ก เหล็กstrengthเท่าไหร่ สี2k หรือเปล่า
แต่คนส่วนใหญ่รู้จัก หลังคาแก้ว จอแสดงผล ปุ่มต่างๆบนพวกมาลัย แอร์ออโต้มีจอสวยงาม
คนส่วนมากซื้อรถจากสิ่งที่เห็น 
ขายรถเมืองไทยไม่ต้องให้สิ่งที่ดีที่สุดแต่ให้สิ่งที่คนต้องการสิ่งที่มองเห็น

ดูเจ้าตลาดให้สิ่งที่คนมองเห็นแล้วไปลดในสิ่งที่คนไม่เห็นไม่สนใจ

ออฟไลน์ Fong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,012
  • Make a Choice and Don't Look Back
    • อีเมล์
ยังสงสัยครับว่า
กลุ่มที่ 1 รถที่มีเทคโนโลยีใหม่ที่ล้ำหน้ากลับมาตายในบ้านเรา
กลุ่มที่ 2 รถที่ไม่ได้มีเทคโนโลยีอะไรมากมาย แต่เสริมOption (ที่อาจจะไม่จำเป็น) ที่ดูดีกลับเกิดได้

กลุ่มแรกมักจะแพงเพราะค่า R&D และแพงกว่ากลุ่มที่ 2 แต่กลุ่มที่ 2 ก็ไม่ได้ถูกจนถึงกับคุ้มค่ากับเงินที่จ่าย (แค่ถูกกว่ากลุ่มแรกแค่นั้น)
ทั้งที่ในต่างประเทศเสพเทคโนโลยีใหม่ในรถกลุ่มที่ 1 ซื้อหาใช้งานกันอย่างแพร่หลาย รถได้รับรางวัลการออกแบบ เทคโนโลยี ขายได้เป็นกอบเป็นกำ แต่มาตายในไทยเพราะราคา

ผมเลยคิดเองว่าราคารถตอนซื้อในต่างประเทศไม่ได้แพงมากเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ แต่ที่แพงคือค่าใช้จ่ายในการครอบครองรถมากกว่า เช่นภาษีประจำปี ค่าใช้ถนนทางด่วน ค่าจอดรถ ค่าใบขับขี่ และสารพัดค่าธรรมเนียมที่เจ้าของรถต้องจ่ายให้รัฐ เกิน 5 ปีก็จ่ายเพิ่มขึ้นอีก เพราะไม่อยากให้รถเก่าก่อมลพิษวิ่งอยู่ในประเทศ
ดังนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยาว ครบ 5 ปีก็เปลี่ยนใหม่ ได้รถใหม่ ที่ปล่อย CO2 ต่ำลง เสียภาษีน้อยลง คนจึงเฝ้ารอเสพเทคโนโลยีใหม่ ไม่สนใจศูนย์บริการมากมายนัก เพราะซ่อมไม่เยอะอยู่แล้ว กว่าจะซ่อมเยอะก็ครบ 5 ปี เปลี่ยนใหม่แล้ว

แต่ประเทศเรานี่ตรงข้ามเลย ราคารถแพงเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ มักจะพยายามใช้ยาวหรือมองราคาขายต่อเป็นสำคัญ ค่าใช้จ่ายในการใช้รถแบบด้านบนไม่สูงมาก การซื้อแต่ละครั้งจึงต้องคุ้มค่า และสนใจหน้าตาและ Option ที่มองเห็นด้วยตา มากกว่าเทคโนโลยีที่สัมผัสได้ด้วยใจ

อยากให้ท่านสมาชิกเปิดใจเป็นกลาง และร่วมแสดงความคิดเห็นครับ  ;D ;D ;D

ดีใจมากครับที่มีคนสังเกตุ และวิเคราะห์ได้อย่างนี้ :D

ผมไปเที่ยวเยอรมันเมื่อหลายปีก่อน ด้วยความที่รักเรื่องรถ ก็เลยตาสว่าง คนเยอรมันใช้รถเบนซ์ บีเอ็มรุ่นใหม่หมด  รถเก่าๆอายุเกินห้าปีวิ่งบนถนนน้อยมากๆ มีแต่รถใหม่ รุ่นล่าสุดวิ่งบนถนน  ตอนที่ผมไปรถ C-Klass W204 เพิ่งออกตลาดได้สองเดือน ลงเครื่องที่มิวนิค ที่สนามบินรถเบนซ์ที่ให้เช่าทุกคันก็เป็น W204 ไม่ต้องกังวล ได้ขับรุ่นใหม่แน่นอน

ผมสังเกตุก็แปลกใจ ทำไมมีแต่รถใหม่?  แล้วรถร่นเก่าๆไปไหนหมด? เลยลองสอบถามดูก็คือเค้าไม่ใช้รถนาน เค้ารอใช้รุ่นใหม่เพราะรถราคาถูก  แต่ค่าใช้รถแพง ยิ่งใช้ภาษียิ่งแพง พอเก่าเค้าก็เอาไปขายยุโรปที่จนๆหน่อยเช่นพวก ยุโรปตะวันออก เชคโก โปแลนด์ โครเอเชีย

ฉนั้น ทำไมคนบ่นๆกันว่ารถยุโรปสมัยนี้ไม่ทน  ก็เพราะประเทศที่เจริญแล้วเค้าไม่เน้นซ่อม ไม่เน้นเซอร์วิส ขายออกอย่างเดียว ดังนั้นการเลือกใช้วัสดุของรถยุโรปสมัยใหม่จึงเลือกใช้วัสดุที่ไม่ต้องทนทานมาก เช่นวัสดุรีไซเคิล พอห้าหกปีก็ทยอยกรอบ,เลื่อม, ละลาย กว่าจะถึงเวลานั้น ไอก็บ้ายบาย รถเก่าขายไปนานแล้ว อะไหล่ที่แพงๆ ก็เอาไว้ฟันคนประเทศอื่นๆที่ซื้อรถต่อ หรือต้องใช้รถนานๆ

ส่วนเรื่องอ้อปชั่น อันนี้มันเป็นเทรนด์ในบ้านเรา (และประเทศอื่นๆที่รถมีราคาแพงๆ) ที่ยุโรปรถเบนซ์บีเอ็มที่วิ่งๆกันส่วนใหญ่ก็โล้นๆ ล้อเล็กๆ คิ้วโครเมี่ยมอะไรก็ไม่มี เบาะเป็นกำมะหยี่ จอดทิ้งๆขว้างๆริมถนน ไม่มีความหรูหราอะไร เค้าเลือกที่ตัวรถ และการขับขี่ ไม่ได้เลือกที่อ้อปชั่น  ของเราเอาแบบมากไว้ก่อน ใช้หรือไม่อีกเรื่องนึง ผมคิดว่าที่เป็นอย่างงี้เพราะรถบ้านเราแพง การซื้อรถซักคันเป็นแทบจะเปรียบเสมือนการเลือกคู่ชีวิต เป็นเหมือนการลงทุน คนไทยมักคิดว่า "เฮ้ย! ไหนๆก็ไหนๆละ" รถตั้งคันละล้านห้า เพิ่มอีกแค่แสนเดียวได้ ซันรูฟ ได้ไฟหน้าซุปเปอร์ซีนอน ระบบห้ามเปลี่ยนเลน ระบบช่วยเบรค ระบบช่วยขับ ช่วยป้อน ช่วย....ฯลฯ ช่วยได้ทุกอย่าง ที่ไม่ได้ช่วยให้การขับขี่สนุกหรือมีรสชาติขึ้น แต่คุยทับเพื่อนได้ว่า "กูมี"  "ของกูรุ่นท้อป"  "คุ้มหว่ะ"  "ขายต่อได้ราคา" แต่พอของพวกนี้เสียทีนึงก็ต้องถึงกับปาดเหงื่อ เพราะมันเสียง่าย ซ่อมแพง

สรุปก็คือจะเลือกรถที่การขับขี่ หรือเลือกรถที่อ้อปชั่น  อันนี้สภาพเศรษฐกิจ และปัจจัยแวดล้อมต่างๆ หล่อหลอมให้เกิดพฤติกรรมการบริโภคที่ต่างกัน
ขอบคุณครับ ผมคนนึงครับที่ชอบเปลี่ยนรถบ่อย ชอบขับรถ และบ้ารถ  ;D ;D ;D
Isuzu มังกรทอง, Accord G4, Colorado, Hilux Tiger, Lancer MK I, Triton, D-Max Cab4, TiiDA, Mazda2 MK I, Mazda2 MK II, D-Max Space, Fortuner, Sunny B14, Jazz GK, Accord G9, Mazda2 Sky, GLA200, Yaris, Alphard30, Lancer MK II, Lander MK III, Ranger MC, XL7, Forester SK

ออฟไลน์ seamonkey

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 521
เทคโนโลยีใหม่แต่
km/l เท่าเดิม (บางทียังแพ้เทคโนโลยีเก่าอีก)
Power, Torque พอกับเทคโนโลยีเก่า
fuel efficient เท่าเดิม
loss ในระบบส่งกำลัง แพ้เทคโนโลยีเก่า
็handling พอกับของเดิม

แล้วผมควรซื้อเทคโนโลยีใหม่ทำไมละครับ ในเมื่อเทคโนโลยีเก่าให้ผลเหมือนกัน เผลอๆราคาตํ่ากว่า ซ่อมบำรุงง่ายกว่าอีก
แต่ถ้าเทคโนโลยีใหม่สามารถทำได้ดีกว่าเทคโนโลยีเก่า อันนี้ก็เริ่มน่าสนใจหน่อยครับ

ออฟไลน์ ferero000

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 202
ผมว่ามันคือสิ่งเดียวกัน ออพชั่นล้ำๆไม่ใช่เทคโนโลยีหรอครับ?
เซนเซอร์เตือนที่กระจกมองข้าง กล้องมองหลัง ระบบควบคุมการขับขี่ต่างๆ แม้แต่แอร์ออโต้หรือไฟเดย์ไทม์รันนิ่งก็เป็นเทคโนโลยี
มันขึ้นอยู่กับว่าบริษัทรถมองว่าเทคโนโลยีด้านไหนเหมาะสมกับตลาดมากกว่าเท่านั้นเอง

บางบริษัทอาจจะเน้นเทคโนโลยีด้านเครื่องยนต์ ด้านการขับขี่ อีกบริษัทก็เน้นด้านนึงเช่นของเล่นต่างๆ แต่การขับขี่ก็อยู่ในระดับมาตรฐาน
สุดท้ายสิ่งที่จะตัดสินว่าใครมองถูกมองผิดก็อยู่ที่ยอดขายของตัวมันเอง

ถ้าอ้างเทคโนโลยีแพง R&D แพงเลยต้องขายแพง แต่ผลลัพธ์ออกมาไม่ได้ดีเด่ไปกว่าเทคโนโลยีเก่าๆชนิดไม่เห็นฝุ่น
หรือต่อให้ดีกว่าแบบเห็นได้ชัด แต่ของเก่าที่มีมันพอดีอยู่แล้ว นั่นคือความผิดพลาดในการดำเนินธุรกิจของคุณครับ ไม่ใช่ไปโทษลูกค้าว่าไม่เข้าใจถึงต้นทุน

ยกตัวอย่าง มันเหมือนกับคุณซื้อโทรศัพท์เครื่องนึง โทรศัพท์ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าหน้าที่หลักก็คือเอาไว้คุยโทรศัพท์ มีตัวเลือกสองให้เลือกสองแบรนด์




1. พัฒนาเทคโนโลยีความเป็นโทรศัพท์แบบสุดๆ เสียงคุยโคตรชัด ตัดเสียงรบกวนทั้งหมดร้อยเปอร์เซนต์
โหดขนาดที่ว่าเปิดเพลงจากลำโพงราคาล้านนึงจากอีกฝั่ง มาออกที่โทรศัพท์เครื่องนี้ยังได้ยินเสียงเหมือนเดิมเปี๊ยบ
เล่นโซเชี่ยลเล่นเกมอะไรได้ครบ ยกเว้น Line และไม่มีกล้อง แถมเน็ตเร็วสุดแค่ 3G

2. เสียงคุยอยู่ในระดับมือถือทั่วๆไปปกติ คุยรู้เรื่อง มีระบบตัดเสียงรบกวนทั่วๆไปช่วยได้นิดหน่อย
เล่นโซเชี่ยลได้ครบ รองรับ 4G ใช้จ่ายเงินแทนบัตรเซเว่น รถไฟฟ้า ฯลฯ ได้ กล้องคุณภาพมือถือราคาแพงทั่วๆไป

แล้วตอนขายเครื่องแรกแพงกว่าเครื่องที่สอง คุณว่าถ้าแข่งกันใครจะอยู่ใครจะไปล่ะ?

ปล. นอกเรื่องนิดนึง ผมนึกถึง คนใช้ Ford หรือ Chevrolet บางคน ที่ชอบแขวะคนใช้รถเจ้าตลาดว่า ขับขี่ห่วย สู้ไม่ได้
ชอบแขวะว่าจะซื้อรถดูแต่จำนวนศูนย์กับราคาขายต่อ แต่ไม่ดูคุณภาพรถ ซื้อรถมาเพื่อเข้าศูนย์หรอ ซื้อมาเพื่อขายต่อหรอ ฯลฯ
ผมว่าก็แหงสิ ก็เล่นเอางบที่ควรไปพัฒนาศูนย์บริการ พัฒนาบุคคลากร พัฒนาQC ในโรงงาน มาลงกับ R&D ของรถหมด
รถมันก็ต้องออกมาดีกว่าคนอื่นอยู่แล้ว แต่ถ้าเสียทีก็ตัวใครตัวมัน เพราะไม่มีเงินไปลงทุนสิ่งประกอบอื่นๆให้ดีเท่าเขา




เห็นด้วยทุกประโยคเลยครับ ออปชั่นไม่ใช่เทคโนโลยีหรอ มันก็ไม่ใช่ของเด็กเล่นอะไรน่ะผมว่า เรื่องศูนย์บริการก็แหงสิ ผมซื้อรถมา ผมก็ไม่อยากเอาเข้าศูนย์บ่อยๆ เจอยกรถบ่อยๆ แถมเข้าไปเจอบริการแย่ๆ ช่างซ่อมไม่จบ


ที่มาสด้าเค้าเคลมว่าเป็นสกายแอดทีฟทั้งระบบ ออกแบบใหม่หมดยันน็อตล้อเนี้ย ผมก็สงสัยอีกละว่า ค่ายอื่นก็ออกแบบใหม่เหมือนรึเปล่า อาจจะเครื่องเดิม เกียร์เดิม ในบางรุ่นแต่ดูเถอะครับ อัตราเร่งมาสด้า3 ที่ว่าเทคโนโยใหม่ทั้งคัน ยังสู้เจ้าตลาดไม่ได้เลย


ปล. ผมไม่ได้อคติกับมาสด้าน่ะ ผมชอบซะด้วยซ้ำ แต่ผมว่าเคสมาสด้า2 ราคาแรงไปจริงๆ สำหรับผมขับดีเซลมาหลายคัน ถ้าให้ซื้อมาสด้า2 ผมคงเลือกเบนซิลมากกว่า

ออฟไลน์ Fong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,012
  • Make a Choice and Don't Look Back
    • อีเมล์
ใช่ครับ เพราะที่ว่าสิ่งประเทศพัฒนาแล้วกังวล ไม่ใช่เรื่องการประหยัดเพียงอย่างเดียวครับ

แต่หมายถึงการปล่อยมลพิษที่ต่ำลง โดยใช้มาตรการทางภาษีเข้ามาล่อครับ เขาเลยพยายามลดขนาดเครื่องยนต์ลง แต่ยังได้กำลังเท่าเดิม ผลคือปล่อยมลพิษลดลง

วัสดุที่ใช้ก็เบาลงและแข็งแรงพอที่จะใช้งานได้เกิน 5 ปี (หลังจากนั้นไม่รู้)

อย่าง Mazda2 เก่าที่ผมใช้ ก็บอกว่าน้ำมันเกียร์ใช้ได้ตลอดอายุการใช้งาน (แต่ไม่ได้บอกว่า 5 ปี) อาจจะหมายถึงผู้ผลิตเลือกน้ำมันที่สามารถใช้งานได้ตามอายุการใช้งานจนทิ้งได้ใน 5 ปี โดยที่เกียร์ไม่พังก่อน และที่ผมได้ข่าวมา Mazda2 (รุ่นก่อน) ก็ขายดีมากที่ยุโรปและญี่ปุ่น (แต่ดูโล้นๆ ไม่ดูเฉี่ยวแบบบ้านเราเลย)

แต่บ้านเราพึ่งกำลังจะเริ่มดูแลการปล่อย CO2  รถควันดำ ควันขาว วิ่งกันเต็มถนน ท่านอยากจะให้ลูกๆของท่านเดินไปบนถนนเหล่านั้นไหมครับ

ผิดกับที่ญี่ปุ่นครับ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณไหนๆ ในเมืองผมไม่รู้สึกเหม็นควันรถเลย รถบรรทุกเก่าๆ ก็ไม่มีควัน ขาว หรือดำ ให้เห็นเลย

ลองคิดดูนะครับ  :D :D
Isuzu มังกรทอง, Accord G4, Colorado, Hilux Tiger, Lancer MK I, Triton, D-Max Cab4, TiiDA, Mazda2 MK I, Mazda2 MK II, D-Max Space, Fortuner, Sunny B14, Jazz GK, Accord G9, Mazda2 Sky, GLA200, Yaris, Alphard30, Lancer MK II, Lander MK III, Ranger MC, XL7, Forester SK

ออฟไลน์ TG333

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 311
    • อีเมล์
Re: ขอความเห็นที่เทคโนโลยีใหม่มาตายในบ้า
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: มกราคม 14, 2015, 21:43:56 »
ผมว่าเรายังมองกันแค่ อัตราเร่ง ออฟชั่นที่จับต้องได้เยอะๆ ไม่สนใจว่าเค้าจะลดต้นทุนส่วนอื่นๆ ยังไง ขอแค่ออฟชั่นมาเต็มก็พอ

สิ่งนึงที่ผมว่าคนไทยยังไม่สนใจคือ รถที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งนี่แหละ ที่โครงการ อิโคร์คาร์เฟส 2 พยายามผลักดัน เอาง่าย ค่า CO2 ที่บ้านเรายังไม่ค่อยสนใจกัน ผมว่ารถบางคันแรงก็จริง แต่ก็ไม่ค่อยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเท่าไหร่ ในขณะที่อีกคันนึง ช้ากว่าแค่เสี้ยววินาที แต่ในด้านสิ่งแวดล้อมได้คะแนนเต็ม ไอรถคันหลังนี่แหละครับ ที่โดนดูถูกว่า เทคโนโลยีใหม่เสียเปล่า แต่ไม่ได้เร็วกว่าของเก่าเลย ทั้งที่น่ายกย่องด้วยซ้ำที่ทำรถให้แรงเท่ากัน แต่ปล่อยมลพิษต่ำกว่ามากๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 14, 2015, 21:45:48 โดย TG333 »
All New Mazda 3 Skyactiv 2.0S Sedan

ออฟไลน์ SETTHASART

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,306
  • รักชาติ ไม่คลั่งชาติ
อาจไม่เชิงครับ เช่นคอมมอนเรลของโตโยต้า ที่ช่วงนั้นถือว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ของตลาดกระบะเมืองไทยยังขายได้ และดังด้วย

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
เรื่อง Co2 ผมค่อนข้างเห็นด้วยนะครับ

แต่อย่างไรก็ตาม ผมว่า ถ้าเทคโนโลยี่ใหม่มา แต่จุกจิก ก็ไม่ดีเท่าไหร่ครับ เพราะรถบ้านเราใช้กันเกิน 10 ปีครับ

ผมอยากให้ดูเครื่อง K10B ใน Celerio เจ้านี่ทำ Co2 ได้ต่ำโดยไม่ต้องมี VVT ไม่มีฉีดตรง

ซึ่งแจ๋วมากครับ


ออฟไลน์ vasin

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 113
สำหรับผมนะ

- เรื่องเทคโนโลยีใหม่ ก็ต้องคิดว่ามันจำเป็นสำหรับชีวิตประจำวันขนาดไหน? คุ้มหรอเปล่าที่ต้องจ่ายแพงไปขนาดนั้น?

ในขณะที่รถอีกคัน ให้อุปกรณ์จัดเต็มมาแบบครบ ระบบความปลอดภัยมาพร้อม แต่ใช้เครื่องบล๊อคเดิมๆ ลากมาเป็นสิบปี แต่ก็ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าไม่งอแงง่าย ช่างที่ไหนก็คุ้นเคย อัตราเร่งก็ไม่ได้ขี้เหร่ อัตราสิ้นเปลืองก็เกาะกลุ่มชาวบ้าน แถมอะไหล่ยังถูก เบิกง่าย จะขายต่อก็คล่อง

ถ้าเป็นแบบนี้ ก็ไม่มีเหตุผลอะไร ที่ผมจะต้องไปซื้อรถที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ แต่ราคาแพงกว่าชาวบ้าน แถมของก็ไม่ได้เยอะกว่าด้วย


ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,423
    • อีเมล์

รถบ้านเราเทียบกับค่าครองชีพและรายได้ มันแพงครับ


รถ ที่ประเทศไทยเป็นมากกว่ารถครับ
อย่าเอาไปเทียบกับต่างประเทศเลย

ด้วยราคารถมาแบบ นี้ ค่านิยม และวัฒนธรรมจึงต่างกันครับ



ออฟไลน์ Deaw

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,073
    • อีเมล์
ต้นทุนสูง ราคาแพง เลยไม่เกิดครับ เชื่อว่าคนทั่วไปหลายคนก็สนใจเรื่องเทคโนโลยีครับ

ออฟไลน์ Kawaei

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 100
ปัจจัยซื้อรถของคนไทย

1 ราคา เมื่อเทียบกับความคุ้มค่าที่จะได้รับ
2 service maintenance defect  

พวกเทคโนโลยีดี ๆ อย่าง direct injection ที่เก่าของเมืองนอกแต่ใหม่ของเรา คนไทยพร้อมยอมรับ แต่คุณต้องคุม 2 ปัจจัยข้างต้นให้ได้ แค่นั้น คนไทยพร้อมจะเปิดใจรับอยู่แล้ว อาจจะมีกล้า ๆ กลัว ๆ ในตอนเปิดตัว แต่พอขายไปซักปีถ้าปัญหามันไม่มี ผมว่าคนจะวางใจและให้ความเชื่อมั่นไปเอง ถ้าทำไม่ได้ก็รอลูกค้าอินดี้ต่อไปนั่นแหละ

ออฟไลน์ tozmania

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 223
เทคโนโลยี ดูที่ จขกท. จะสื่อ คงหมายถึงส่วนที่เกี่ยวข้องกับเครื่องยนต์กลไลต่างๆ
(ผมจะไม่วิเคราะห์แล้วว่า อะไรเป็นหรือไม่เป็นเทคโนโลยี เห็นด้วยตามความเห็นบนๆ ว่า
มันไม่ใช่แค่เครื่องหรือเกียร์ ส่วนอื่นก็เทคโนโลยีหมดน่ะแหล่ะ)

มีคำกล่าวที่ว่า "จะแมวดำหรือแมวขาว ขอให้มันจับหนูได้ก็พอ"
ทีนี้รถยนต์เนี่ย หน้าที่หลักของมันคือ ขนส่งคนหรือของจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง
กลุ่มแรกที่แพงกว่าเนี่ย ต้องดูด้วยว่า แพงกว่าแล้วได้อะไร
โอเค ว่าแรงกว่า ประหยัดน้ำมันกว่า ขับขี่ได้มั่นใจสนุกสนานกว่า
แล้วอย่างอื่นล่ะ คุณได้อะไรบ้างแบบที่มันจับต้องได้ ไม่ใช่แค่ความรู้สึกยามขับขี่
ตรงนี้แหละจะเป็นส่วนหนึ่งที่คนซื้อรถจะตัดสิน
เรื่องคุ้มค่าหรือไม่ มันเป็นเรื่องส่วนบุคคล คุณอาจจะมองว่ารถคันนี้สมรรถนะดีคุ้มค่ามาก
แต่คนอื่นอาจคิดว่าการได้อุปกรณ์ติดรถมาครบ มีมูนรูฟ ถุงลม กล้องรอบคัน ฯลฯ
มันคุ้มค่ากว่า

รถมีรางวัลการันตี ไม่ได้หมายความว่ามันจะต้องขายดี
เหมือนหนังที่ได้รางวัล บางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องเป็นหนังที่มีรายได้ทะลุร้อยล้าน
และมันอาจจะไม่ได้ตายแค่เรื่องราคา ตรงนี้อาจมีเหตุผลอื่นๆประกอบ เช่น ศูนย์บริการ

บ้านเราระบบขนส่งมวลชน มันย่ำแย่ คนเราก็ดิ้นรนหารถส่วนตัวมาใช้
ซื้อมาแล้วก็ต้องใช้ให้นาน เพราะหลายครอบครัวกว่าจะซื้อได้มันไม่ง่าย
บางคนเค้าไม่รู้เรื่องรถมากนักหรอกครับ อย่ามองว่าอนุรักษ์นิยมเลย
ซื้อมาก็ใช้งาน เน้นทนทาน ซ่อมง่ายๆ ทีนี้อะไรมาใหม่จัด ช่างบ้านเราเป็นยังไงล่ะครับ
มีปัญหาเข้าศูนย์ฯที ถ้าพอรู้เรื่องหน่อยบางทียังต้องไปนั่งจี้เอง ว่าให้ทำตรงนู้นตรงนี้
แล้วถ้าเป็นคนที่ไม่ได้รู้ตรงนี้ ทำไงล่ะครับ ใช้ไปซ่อมไป แก้ยังไงก็ไม่จบ
รถที่ซื้อมาใช้งานอย่างเดียว ไม่ต้องบำรุงรักษาแค่เติมน้ำมันให้วิ่งได้เนี่ย ไม่มีหรอกครับ
อย่าคิดนะครับว่า ไอพวกเครื่องยนต์ล้ำๆเนี่ย พอมันเสียแล้วจะไม่ปาดเหงื่อ
เสียมาทีก็เหงื่อตกพอกับของเล่นไฮเทคในรถแหละครับ รถวิ่งไม่ได้ไปนอนอู่ลูกเดียว
แถมบางทีชิงเสียก่อนเปลี่ยนยางล้อรถชุดแรกจากโรงงานอีก

เรื่องมลพิษ คุณต้องให้ภาครัฐพัฒนาระบบขนส่งฯ ก่อนครับ
ญี่ปุ่นนี่ รถไฟวิ่งกันเยอะกว่า ขสมก.บ้านเราอีก เครือข่ายเค้าดีมาก
ถ้าเอารถมลพิษต่ำไปจอดติดไฟแดงกลางชินจูกุเยอะๆ แบบแถวสุขุมวิทบ้านเรา
ผมว่าผลลัพธ์ก็ไม่ได้ต่างกันหรอกครับ

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,431
ผมว่ามันคือเทคโนโลยีที่ช่วยเรานะครับ เพียงแต่จะช่วยด้านไหนมากกว่า ซึ่งแต่ละอย่าง ก็มีประโยชน์ของมัน มากบ้าง น้อยบ้าง และก็ขึ้นอยู่กับคนใช้ด้วย ถ้าเป็น Tech ที่เราชั้นว่ามันเป็น Option เสริม

ส่วนเรื่องการโปรโมทต่างๆ ในเทคโนโลยีไหน แต่ละตัว ก็เป็นเรื่องของการตลาดไป

ส่วนการเลือกซื้อรถของแต่ละคน ก็มองต่างกัน ให้ความสำคัญในแต่ละเรื่องที่ต่างกันไป

ออฟไลน์ Fong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,012
  • Make a Choice and Don't Look Back
    • อีเมล์
ขอขอบคุณทุกความเห็นครับ เป็นหลากหลายความเห็นที่ดีมากๆเลยครับ :D :D

คิดไม่ผิดที่เข้ามาอยู่ใน Club แห่งนี้ครับ  ;D ;D
Isuzu มังกรทอง, Accord G4, Colorado, Hilux Tiger, Lancer MK I, Triton, D-Max Cab4, TiiDA, Mazda2 MK I, Mazda2 MK II, D-Max Space, Fortuner, Sunny B14, Jazz GK, Accord G9, Mazda2 Sky, GLA200, Yaris, Alphard30, Lancer MK II, Lander MK III, Ranger MC, XL7, Forester SK

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
ผมว่า L15 ของ Honda นี่ไม่แย่นะครับ

มีพัฒนาการมาตลอดตั้งแต่ Jazz GD และ City แมลงสาป ที่เป็น VTEC และ I-DSI
Jazz GE และ City รุ่น 3 ที่เป็น I-VTEC

จนถึงตัวปัจจุบัน ที่เป็น Earth Dream และ CVT อีกครั้ง

ถ้ามันจะทำให้รถถูกลงหรืออัด option มากขึ้น ผมก็ว่าคุ้มค่านะครับ

ออฟไลน์ balliblue

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,385
อย่างแรก ผมเริ่มจะงงกับตรรกกะคนไทยด้วยกันมากๆในทุกๆบอร์ดเลยครับ ทำไมถึงคิดว่า เราด้อย เราคิดผิด คิดว่าคนในประเทศอื่นๆที่ว่าๆกันมันมีรสนิยมดีกว่าบ้านเรา ซื้อรถแบบมีสมองกว่าคนไทย ผมเห็นมันก็ซื้อบ้านๆเหมือนเรานี่แหละ ไม่เห็นว่าจะสนใจอะไรมากมาย ที่ต่างมีแค่ 2 เรื่องคือ ขายต่อกับศูนย์บริการอันนี้ผมว่าเมืองนอกมันน่าจะมีมาตรฐานในแต่ละยี่ห้อที่ใกล้เคัยงกันมากกว่าหรือเปล่า  ซึ่งต่างจากในเมืองไทยที่โดดเด่นเฉพาะเจ้าตลาด ซึ่งตรงนี้ผมว่านะ มันโทษคนไทยบ้านเราไม่ได้เลย เพราะความสามารถในการบริหารคุณภาพศูนย์บริการของยี่ห้อนั้นๆและคุณภาพตัวรถต่างหาก เรื่องขายต่อ ผมว่ามันก็เป็นเพราะกลไกตลาดเมื่อก่อน รถมือ 2 ขายได้ราคามากจนเกินไป ทำให้คนคิดว่ามันคุ้มอ่า ซื้อมาใช้ 4-5 ปีราคาตกไปแค่ 3 แสน ไรประมาณนี้ จริงผมว่าคนไทยฉลาดในการใช้เงินด้วยซ้ำ  55 ดังนั้นผมว่าคนที่ไหนในโลกใบนี้คิดเหมือนกันคือ ความคุ้มค่า และความมั่นใจในมาตรฐานครับ

อย่างที่ 2 ตอบกระทู้ผมว่า เทคโนโลยีที่ดีต้องมาพร้อมกับคุณภาพและราคาที่สมเหตุสมผล ที่สำคัญต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น iphone อยู่ๆก็มาทั้งที่ apple ไม่เคยทำมาก่อน ออกมาเทคโนโลยีล้ำมากแต่ราคาแพง over มากสุดท้ายพอผ่านกาลเวลาคนมั่นใจในคุณภาพ แม้ตอนนี้รรคามันจะแพงมากระดับ 3 หมื่นในตอนนี้คนก็ยังซื้อเพราะมั่นใจในคุณภาพ  ผมว่า skyactiv ของ mazda มาตอนนี้ก็เหมือนกัน ต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ว่าดีจริงหรือเปล่า อย่างตอนนี้อออกมา mazda 3 มีแต่ปัญหาเกิดขึ้น ความไม่พร้อมของศูนย์ในการแก้ไข ส่วนมากคงไม่มีใครกล้ากำเงินไปซื้ออย่างสบายใจหรอก ต่อให้ตั้งราคามาถูกกว่านี้คนก็ลังเลอยู่ดี เพราะว่า " ยังไม่ไม่ใครรู้ว่าเจ๋งจริงมีคุณภาพจริง คุ้มค่ากับเงินที่จ่าย"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 14, 2015, 22:57:30 โดย balliblue »

ออฟไลน์ Fong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,012
  • Make a Choice and Don't Look Back
    • อีเมล์
ผมว่าเราไม่ได้คิดผิดครับ เราไม่ได้รสนิยมต่ำครับ นโยบายของประเทศเราทำให้เราคิดอย่างนั้น

ถ้ารถบ้านเราถูก แต่ค่าน้ำมันแพง (ซึ่งแพงอยู่แล้ว)
ค่าภาษีต่อทะเบียนประจำปีแพง (และแพงขึ้นทุกปี โดยเฉพาะรถที่ปล่อยมลพิษสูงและเปลืองน้ำมัน)
ค่าอะไหล่แพง (ก็เริ่มแพงเหมือนกัน โดยเฉพาะ Part สำคัญ - ซึ่งผู้ผลิตก็ไม่ได้ออกแบบมาให้ซ่อมอยู่แล้วครับ)
ค่าประกันภัยแพง ค่าต่อใบขับขี่แพง ค่าแรงซ่อมรถแพง

ทุกอย่างจะกลับตาลปัดหมดเลยครับ
Isuzu มังกรทอง, Accord G4, Colorado, Hilux Tiger, Lancer MK I, Triton, D-Max Cab4, TiiDA, Mazda2 MK I, Mazda2 MK II, D-Max Space, Fortuner, Sunny B14, Jazz GK, Accord G9, Mazda2 Sky, GLA200, Yaris, Alphard30, Lancer MK II, Lander MK III, Ranger MC, XL7, Forester SK

ออฟไลน์ Chris Evn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,155
เทคโนโลยีใหม่แต่
km/l เท่าเดิม (บางทียังแพ้เทคโนโลยีเก่าอีก)
Power, Torque พอกับเทคโนโลยีเก่า
fuel efficient เท่าเดิม
loss ในระบบส่งกำลัง แพ้เทคโนโลยีเก่า
็handling พอกับของเดิม

แล้วผมควรซื้อเทคโนโลยีใหม่ทำไมละครับ ในเมื่อเทคโนโลยีเก่าให้ผลเหมือนกัน เผลอๆราคาตํ่ากว่า ซ่อมบำรุงง่ายกว่าอีก
แต่ถ้าเทคโนโลยีใหม่สามารถทำได้ดีกว่าเทคโนโลยีเก่า อันนี้ก็เริ่มน่าสนใจหน่อยครับ

+1 คิดเหมือนกันเลยครับ

เทคโนโลยีใหม่ต้องดีกว่าของเดิม
อย่าง 6AT Dual clutch ของ Ford Fiesta ยังสมูทสู้ 4AT 12ปี ของ TOYOTA ไม่ได้เลย
เป็นผมก็ไม่เอาของใหม่

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,866
  • *** HLM.COM ***
คนไทยส่วนใหญ่ชอบอะไรที่ว้าวไว้ก่อนครับ และคนไทยหลายๆคนซื้อรถโดยยึดถึงคนอื่นเป็นหลัก

ซื้อ Altis กลัวเหมือน Taxi
ซื้อ Toyota กลัวหาว่าโบราณ ล้าสมัย ไม่เปิดรับสิ่งใหม่
ซื้อ Benz เพราะดูรวย

บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ