ยังสงสัยครับว่า
กลุ่มที่ 1 รถที่มีเทคโนโลยีใหม่ที่ล้ำหน้ากลับมาตายในบ้านเรา
กลุ่มที่ 2 รถที่ไม่ได้มีเทคโนโลยีอะไรมากมาย แต่เสริมOption (ที่อาจจะไม่จำเป็น) ที่ดูดีกลับเกิดได้
กลุ่มแรกมักจะแพงเพราะค่า R&D และแพงกว่ากลุ่มที่ 2 แต่กลุ่มที่ 2 ก็ไม่ได้ถูกจนถึงกับคุ้มค่ากับเงินที่จ่าย (แค่ถูกกว่ากลุ่มแรกแค่นั้น)
ทั้งที่ในต่างประเทศเสพเทคโนโลยีใหม่ในรถกลุ่มที่ 1 ซื้อหาใช้งานกันอย่างแพร่หลาย รถได้รับรางวัลการออกแบบ เทคโนโลยี ขายได้เป็นกอบเป็นกำ แต่มาตายในไทยเพราะราคา
ผมเลยคิดเองว่าราคารถตอนซื้อในต่างประเทศไม่ได้แพงมากเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ แต่ที่แพงคือค่าใช้จ่ายในการครอบครองรถมากกว่า เช่นภาษีประจำปี ค่าใช้ถนนทางด่วน ค่าจอดรถ ค่าใบขับขี่ และสารพัดค่าธรรมเนียมที่เจ้าของรถต้องจ่ายให้รัฐ เกิน 5 ปีก็จ่ายเพิ่มขึ้นอีก เพราะไม่อยากให้รถเก่าก่อมลพิษวิ่งอยู่ในประเทศ
ดังนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยาว ครบ 5 ปีก็เปลี่ยนใหม่ ได้รถใหม่ ที่ปล่อย CO2 ต่ำลง เสียภาษีน้อยลง คนจึงเฝ้ารอเสพเทคโนโลยีใหม่ ไม่สนใจศูนย์บริการมากมายนัก เพราะซ่อมไม่เยอะอยู่แล้ว กว่าจะซ่อมเยอะก็ครบ 5 ปี เปลี่ยนใหม่แล้ว
แต่ประเทศเรานี่ตรงข้ามเลย ราคารถแพงเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ มักจะพยายามใช้ยาวหรือมองราคาขายต่อเป็นสำคัญ ค่าใช้จ่ายในการใช้รถแบบด้านบนไม่สูงมาก การซื้อแต่ละครั้งจึงต้องคุ้มค่า และสนใจหน้าตาและ Option ที่มองเห็นด้วยตา มากกว่าเทคโนโลยีที่สัมผัสได้ด้วยใจ
อยากให้ท่านสมาชิกเปิดใจเป็นกลาง และร่วมแสดงความคิดเห็นครับ