ตอนจับเวลาทำอัตราเร่งสูงสุด ต้องสนที่แรงม้าเป็นหลักครับ
เพราะยังไงก็ต้องไปผ่านอัตราทดเกียร์ เฟืองท้าย และล้อ
รถที่มีแรงม้าสูงกว่า มีแนวโน้มว่า
ได้แรงบิดมาใช้ที่ล้อ @ ความเร็วเดียวกันสูงกว่า
โดยเฉพาะรถที่เป็น CVT สามารถวิ่งคาที่รอบ แรงม้าสูงสุด
โดยค่อยๆลดอัตราทดเกียร์ลง
แรงม้า = ค่าคงที่xแรงบิดxรอบเครื่อง
เมื่อวิ่งที่รอบแรงม้าสูงสุดตลอด โดยค่อยๆลดอัตราทด
หมายความว่า @ ความเร็วค่าใดๆ
จะสามารถทำแรงบิดได้มากสุด เท่าที่เครื่องนั้นมีโอกาสทำได้แล้ว
แต่รถที่ล็อคอัตราทดเกียร์เป็นจังหวะ
รอบเครื่องจะกวาดขึ้นลง ไม่ได้ใช้จุดที่มีแรงมาสูงสุดตลอด
---------------------------
แรงบิดสูงๆ ที่มีอยู่ในรถดีเซลอยู่ในรอบต่ำครับ
เวลากดทำอัตราเร่งเราใช้แต่รอบปลาย
แรงบิดสูงๆตรงนี้เลยไม่ค่อยมีผล เพราะแรงบิดสูงๆที่ว่านี้
อยู่ตำกว่ารอบเครื่องที่ใช้ในการทำอัตราเร่งเวลากดมิด
แต่แรงบิดตรงนี้มีผลต่อความยืดหยุ่นในการขับขี่
ในชีวิตประจำวัน ที่เราใช้งานในรอบต่ำๆ
จะเห็นได้ชัดตอนขับขึ้นเนินชัน หรือตอนที่นั่งกันหลายๆคน
คันที่มีแรงบิดสูงๆ ตรงรอบต่ำที่เราใช้งานนั้น
มีโอกาสที่จะรู้สึกคล่องตัวกว่า
>> รถบางคันกดเต็มลากรอบกันสุดๆแล้วตัวเลขดีกว่า
แต่บางคันตัวเลขเวลาลากกันสุดๆออกมาไม่หรูเท่าไหร่
แต่ขับทั่วไปในชีวิตประจำวันคล่องตัวกว่ามากก็เป็นได้ครับ
-----------------------------------
ลองเอากราฟ แรงบิด และอัตราทดเกียร์ของ mazda 2
มาวาดดูแรงบิดที่ล้อ กับ ความเร็วเวลากดเต็ม แบบคร่าวๆนะครับ
และวาดแค่ 5 เกียร์แรก
จะเห็นได้ชัดเลยครับว่าพอพ้นเกียร์ 1 ไปแล้ว
รอบไม่ได้กวาดผ่านรอบเครื่องตรงที่แรงบิดสูงสุดอีกเลย
และในเกีียร์เดียวกัน ไม่ใช่จะยิ่งลากยิ่งดึงแบบรถเบนซินที่มีแรงบิดสูงสุดอยู่ในรอบสูง
รถดีเซลที่มีกราฟแรงบิดแบบในรูป พอเลยรอบแรงบิดสูงสุดไปแล้ว
ความเร็วกวาดเพิ่มขึ้น ด้วยอัตราเร่งที่ลดลงนะครับ
คือลากแล้วไม่ได้รู้สึกดึงขึ้นเรื่อยๆแบบเบนซิน