สวัสดีครับ สมาชิก HLM ทุกท่านวันนี้ผมจะมาลองรีวิวรถที่บ้านนะครับ เป็นรีวิวแรกเลยครับ
ถ้าผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะครับ ผมจะลงเรื่อยๆ วันละนิด วันละหน่อยนะครับ
รูปอาจสวยบ้างไม่สวยบ้าง
วันนี้ผมจะมารีวิว FORD ESCAPE 2.3 4x4 XLT+ หรือฟอร์ด หลีกหนีที่พี่เมธีเรียกนะครับ 555
ได้ข่าวว่าพึ่งหมดสต็อคซะไปด้วย
มาดูด้านหน้ากันก่อนนะครับ เรื่องดีไซน์ผมว่าค่อนข้างโอเคเลยครับ
-ไฟหน้าจะเป็นแบบ Multi-Reflector ฮาโลเจนพร้อมไฟตัดหมอกหน้า
-กระจังหน้าแบบรังผึ้งพร้อมโลโก้วงลีสีน้ำเงินอันโต
สีกันชนหน้าเนี่ยเป็นแบบมัน ไม่ใช่แบบผิวเปลือกส้มเหมือนรีโว้ที่คุยๆ กันอยู่ แต่ไม่เข้าใจ
ทำไมรถแค่ 3 ปีกันชนสีมันแต่ลายงาแล้ว!!!!!
มาชมด้านข้างกันต่อครับ ซุ้มล้อนั้นยังเป็นแบบแยกชิ้นอยู่ ส่วนล้อแม็กนั้นได้มาเป็นขอบ 16 นิ้ว
ยางสเปคโรงงานคือ 215/70 R16 และก็สำหรับรุ่น XLT+ ยังมีสเกริตข้างมาให้ด้วย
หากต้องการใส่บันไดข้างต้องถอดออก
มือเปิดประตูเป็นสีเดียวกับตัวรถนะครับ แต่มีคาดโครมเมี่ยมเพิ่มความหรูหรามาให้ด้วย
มาต่อกันที่ด้านท้ายครับ รุ่นนี้เป็น XLT+ จะมีสปอยเลอร์มาให้จากโรงงาน ไฟท้ายนั้น
ให้เป็นแบบ LED ซึ่งผมว่าไฟท้ายแนวตั้งดูบึกบึนกว่า กระจกหลังสามรถเปิดได้ด้วย
กันชนท้ายด้านล่างจะดีไซน์ให้เหมือนเป็นกันกระแทก มี Park Sensor มาให้ 2 จุดด้วยกัน
มาชมด้านในกันบ้างครับ เบาะนั้นเป็นสีเบจแต่ถ้าใครสังเกตุดีๆ จะเห็นว่าเบาะนั้นเป็นสีทูโทน
ความสบายพอใช้ได้ แต่ไม่รู้สึกสบายมากนัก อาจเป็นเพราะเบาะนั้นแข็งมาก
มาดูด้านหลังกันบ้างครับ เบาะนั้นแข็งกว่าด้านหน้าอีก นั่งไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ แอร์ก็มาค่อยถึง
แต่พื้นที่นั้นถือว่ากว้าขวางใช้ได้ แล้วก็มีพนักวางแขนตรงกลางอันรีบๆ แข็งๆ มาให้ด้วย
พวงมาลัยเป็นแบบ 4 ก้านหุ้มหนังมีรูระบายอากาศตรงกลางนั้นฝัง AIRBAG มาให้ ทางด้านขวา
จะมีก้าน CRUISE CONTROL มาให้คล้ายๆ กับของโตโยต้า ส่วนด้านซ้ายจะเป็นสวิตช์ควบคุม
เครื่องเสียงไม่สามรถเปิด - ปิดวิทยุได้ สามรถปรับได้แค่เพิ่ม - ลดเสียง ปิดเสียงและเรียก MODE
มาต่อกันครับ เรือนไมล์เป็นแบบเรืองแสง ตอนกลางคินจะมีแสงสีฟ้าสามารถปรับความสว่างได้
มาตรวัดรอยสูงสุดอยู่ที่ 8,000 รอบโดยไม่มี Red Line ใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนมาตรวัดความเร็วสูงสุด
อยู่ที่ 200 กม./ชม. แต่เอาเข้าจริงถึง 160 ก็เหนื่อยแล้วครับ 555 แต่มันก็ยังไหลของมันต่อ
เคยลากได้มากสุด 167 แล้วก็ต้องฉลอเพราะมีรถด้านหน้า ส่วนหน้าจอแสดงผลดิจิตอล
แสดงได้แค่ ODO และ TRIP A เท่านั้น !!! ไม่มี TRIP B และอื่นๆ ใดๆ
มีวัดอุณหภูมิหม้อน้ำมาให้ด้วย
เอามาให้ชมครับ เป็นที่ฝั่ง AIRBAG ฝั่งผู้โดยสาร ตอนเจ้า Almera เปิดตัว
งงกันเลยทีเดียวว่าจะเลียนแบบทำไม 55555
มาดูกันกับคอลโซลกลางนะครับ มีกรอบสีเงินกลมๆ ล้อมรอบ แล้วก็จะเป็นกรอบออกสีทองๆ
น้ำตาลๆ ด้านในนะครับ
-เครื่องเสียงนั้นสามรถเล่น CD ได้ถึง 6 แผ่นนอกนั้นก็แค่ฟังวิทยุ MP3 AUX แต่ผมงงกับ AUX
มากว่าทำยังไงในเมื่อไม่มีรูเสียบ ที่ไหนได้ไปเปิดดูในคลับต้องลื้อชุดวิทยุออกมา DIY ต่อสายเพิ่มรูเอง
งงเลยครับท่านพี่ ทำไมไม่ทำให้ตั้งแต่โรงงาน ในเมื่อวิทยุก็รองรับ เพื่อ?ฮืมฮืมฮืม
หน้าตาของวิทยุนั้นปุ่มปรับ Volume เป็นวงกลมและมีปุ่มเมนูยาวออกไปทางซ้ายและขวา
แอบเหมือน MAZDA 2 โฉมที่แล้วนะเนี่ย 555
ถัดลงมาก็จะเป็นปุ่มไฟฉุกเฉินและสวิตช์ขับเคลื่อน 4 ล้อ
-มาต่อครับกับชุดเครื่องปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ความเย็นสำหรับผม ผมว่ามันค่อยเย็นเท่าไหร่
ถึงจะปรับประมาณ 20-21 องศาสำหรับผม 18 โลด 5555+ มีไรฟ่าหน้าหลังให้ด้วย
ความแรงพัดลมมี 4 ระดับด้วยกัน
เมื่อเปิดไฟหน้าแล้วสวิตช์ขับเคลื่อนสี่ล้อจะแสงสีเขียวแบบนี้
แถมไฟส่องสว่างรูกุญแจให้ด้วยครับ
มาดูด้านบนต่อครับมีไฟส่องสว่างและช่องใส่แว่นกันแดดมาให้
ส่วนปุ่มดำนั้นคือสวิตช์เปิด-ปิด SUNROOF
SUNROOF เปิด - ปิดด้วยไฟฟ้าแต่ไม่ใช่ ONE TOUCH นะครับ
เข็มขัดนิรภัยปรับสูง-ต่ำได้ครับ ถ้ารถราคาขนาดนี้ไม่ให้นี่มีเคืองนะครับ อิอิ
ลำโพงและทวีตเตอร์ครับ เสียงฟังแล้วก็พอทนได้ แต่ก็ไม่ได้ดีเลย
ที่บังแดดมีกระจกมาให้ทั้ง 2 ฝั่งแต่ไม่มีไฟมาให้นะครับ เอาเป็นว่าดีกว่า TRITON ละกัน 5555
ตรงนี้ถ้าเปิดขึ้นมาก็จะมีที่ใส่เหรียญและที่จุดบุหรี่ แต่อย่าให้ผมเปิดเลยครับ มันสกปรกมาก 5555+
วันนี้ขอมาขัดจังหวะว่าถึงจะเป็นรถบ้านๆ แต่ก็เคยวิ่งในสนามพพีระนะคร้าบบบ
รูปเก่าเมื่อ 2 ปีที่แล้วในงาน FORD GRANGD MEETING ขอบคุณช่างภาพด้วยนะครับ
ต่อมาเป็นกุญแจรีโมทนิรภัย Immobilizer ซึ่งเป็นแค่กุญแจธรรมดาพ่วงกับรีโมทเท่านั้น!
คุณดูรูปร่างหน้าตาของมันสิ มันไม่ค่อยเหมาะกับรถราคา 1 ล้าน+ เอาซะเลย
มาต่อเรื่องารขับขี่นะครับ
เครื่องยนต์ขนาด 2.3 ลิตร 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVT
ผ่านมาตรฐาน EURO 3
-กำลังสูงสุด 146 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที
-แรงบิดสูงสุด 196 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที
-Top Speed โรงงานเครมไว้ที่ 165 กิโลเมตร/ชม.
เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด
ก็ดูจากเสปดแล้วไม่ต้องคิดอะไรมากครับ มันอืด
ดูจากที่พี่จิมมี่เทสได้ในตารางด้านล่างเลยครับ ยังดีแค่เกือบลั้งท้าย
แต่ที่ชอบคือช่วงล่างและพวงมาลัย ซึ่งพวงมาลัยเซ็ตมาค่อนข้างดีชอบส่วนตัว ไม่หนักไปในความเร็วต่ำ
ในความเร็วสูงมั่นใจ ส่วนช่างล่างนั้นและมาได้อย่างนุ่มนวลแต่มันใจมากค่อนข้างหนักแน่น 2 อย่างนี้ถือว่าดีเลยทีเดียว
อัตราการสิ้นเปลืองอ้างจากพี่จิมมี่ 11.35 KM./L. ปัจจุบันดมแก็สแล้วครับ 555
สุดท้ายนี่ก็ขอบคุณทุกท่านมากครับที่สละเวลาเข้ามาชมรีวิวของผม ขอบคุณมากครับ